xs
xsm
sm
md
lg

แม่โพสต์เป็นอุทาหรณ์ “ลูกน้อย” ผงกหัวบ่อย ที่แท้เป็นลมชักแบบไร้อาการ หากปล่อยนานทำลายสมอง-ถึงตายได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แม่โพสต์แชร์ประสบการณ์ “ลูกน้อย” ผงกหัวบ่อย ทีแรกคิดว่าแค่สัปหงกเพราะง่วง โชคดีพบหมอเร็วถึงได้ทราบว่าเป็นลมชักแบบไร้อาการ หากปล่อยไว้นานทำลายสมองจนพัฒนาการช้า ขั้นหนักอาจเสียชีวิตได้

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “MayLee Ch” ได้โพสต์คลิป ภาพ และข้อความเล่าถึงอาการป่วยของลูกชายตัวน้อยวัยราว 2 ขวบ ที่มีอาการชอบผงกหัว ซึ่งดูผิวเผินคิดว่าแค่ง่วงนอนและสัปหงก แต่โชคดีพบหมอก่อนสายเกินแก้ จึงทราบว่าเป็นลมชักแบบไม่มีอาการ ซึ่งหากปล่อยไว้นานจะทำลายสมอง ส่งผลให้พัฒนาการช้า และหนักอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

มีรายละเอียดว่า “แชร์ประสบการณ์ เมื่อลูกเป็นลมชักโดยที่ไม่เคยชักเลย!!!

-จุดสังเกต-

ลูกเราเป็นเด็กคลอดตามกำหนด นอกจากที่แพ้อาหารก็ไม่ได้มีอาการผิดปกติใดๆ พัฒนาการค่อนข้างดีมาตลอด เดินไว กินข้าวเอง เริ่มพูดได้สี่ห้าคำ
จนปัจจุบัน 1.9 ปี เราเริ่มรู้สึกว่าลูกเราพูดช้า เด็กวัยเดียวกันเริ่มพูดได้สองคำติด ได้เป็นประโยคมั่ง แต่ลูกเรายังพูดได้ไม่กี่คำเหมือนเดิม แต่เราก็ยังไม่ได้เครียดเท่าไหร่ เพราะคิดว่าเด็กคงช้าเร็วต่างกัน

ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เราเริ่มสังเกตว่าลูกเราชอบผงกหัว ลักษณะเหมือนคนง่วงนอนและสัปหงก คือหัวตกวูบลงมาแล้วก็เด้งขึ้นเหมือนเดิม แรกๆคิดว่าง่วง เพราะบางครั้งก็พาไปนอนหลับก็ยอมนอน แต่หลังๆเริ่มไม่ใช่ คือเดิน วิ่งเล่นฮีก็ผงกหัววูบ บางครั้งเสียการทรงตัวล้มก้นจ้ำเบ้าไปเลย ยิ่งเฉพาะบนโต๊ะอาหารหลายครั้งที่ผงกหัววูบไปกระแทกโต๊ะมั่ง แก้วมั่ง หน้าผากเขียวไปหมด ลูกเป็นทุกวัน อย่างน้อยๆ ก็ครั้งสองครั้ง ครั้งสุดท้ายที่คิดว่าไม่ไหวแล้วคือพาไปกินนอกบ้าน ฮีกินไปหัวผงกไปเรื่อยๆ คือมันเยอะมาก แล้วชัดเจนว่าไม่ได้ง่วงเพราะนอนมาแล้ว ลูกกินแบบปกติเหมือนไม่รู้ตัว เรารีบถ่ายคลิปไว้ เริ่มคิดจะพาไปหาหมอพัฒนาการ เราคิดว่าลูกอาจจะแกล้งทำเหมือนที่เด็กหลายคนชอบส่ายหัว หรือเอาหัวโขกพื้น แถมก่อนหน้านี้ลูกสับสนการพยักหน้ากับส่ายหัว เราก็สอนเค้าบนโต๊ะอาหารแบบกึ่งๆ บังคับ เลยยิ่งคิดว่าลูกแกล้งทำรึเปล่า เลยรีบนัดหมอพัฒนาการ

-ความโชคดีในความโชคร้าย-

ก่อนที่จะถึงวันนัดหมอพัฒนาการ ลูกเราดันป่วยซะก่อน เป็นหลอดลมอักเสบ ก็ได้พาไปหาหมอที่ศิริราชปิยฯ ลูกต้องโดนพ่นยา ดูดน้ำมูกและเสมหะ ต้องไปหาหมอวันเว้นวัน ก็เลยลองเอาคลิปให้คุณหมอดู หมอทักขึ้นมาว่าควรลองไปปรึกษาหมอระบบประสาท เพราะอาการคล้ายชัก เราก็งงเพราะลูกเราแค่ผงกหัวเองนะ หมอก็ได้นัดหมอระบบประสาทให้เราไว้ จนครั้งที่สามอาการหลอดลมอักเสบไม่ดีขึ้น เริ่มลงขั้วปอดแล้ว จำเป็นต้องแอดมิทแต่ที่นี่เตียงเต็ม เราเลยย้ายไปแอดมิทที่พญาไท 3 ก่อนแอดมิทก็พบคุณหมอก่อน ก็ได้ลองเอาคลิปให้คุณหมอดู คุณหมอก็ทักแบบเดียวกันเลย หลังลูกแอดมิทแล้วคุณหมอระบบประสาทเลยแวะขึ้นมาดู พอเห็นคลิปปุ๊ปหมอฟันธงว่าแบบนี้น่าจะชักแน่ เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการชัก ได้คุยรายละเอียดกะคุณหมอว่าถ้าให้ชัวร์เราต้องให้ลูกทำ EEG 24 ชม. เพื่อวัดคลื่นสมอง คือคนที่เป็นโรคลมชักมันเกิดจากคลื่นไฟฟ้าในสมองมันผิดปกติ มันมีการช็อตเหมือนไฟฟ้ามันลัดวงจร เลยทำให้เกิดการชักขึ้นมา ถ้าปล่อยไว้สมองก็เสียหาย จะกลายเป็นเด็กพัฒนาการช้าไปเลย เราเลยตัดสินใจไปเทสเลย เพราะไหนๆ ก็ต้องแอดมิทอยู่แล้ว จะได้เบิกประกันได้พร้อมกันไปเลย (เราทำประกันแบบไม่มี opd ถ้าใครจะทำประกันให้ลูกแนะนำว่าทำแบบมีเถอะ ไม่ต้องมาคอยลุ้นแบบเรา)

-ทำเทส EEG 24ชม.-

เราต้องลงไปทำที่ห้อง picu กะลูก เพราะจะมีพยาบาลคอยดูแลตลอด จะดีกว่าอยู่บนหวอด วิธีก็จะเอาตัวแปะๆมีสายไฟระโยงระยางแปะไว้ทั่วหัว และพันผ้ารอบหัวไว้ สายไฟจะเชื่อมกับหน้าจอคอมแสดงคลื่นในสมอง มีกล้องไว้จับภาพลูกไว้ประกอบกันด้วย ต้องแปะแบบนี้ 24 ชม. ลุ้นให้ระหว่างนี้ลูกเรามีอาการผงกหัว เพราะจะได้จับคลื่นได้ บางคนอาการมาไม่บ่อยอาทิตย์นึงถึงจะเป็น แบบนี้วันที่วัดอาจจะไม่เจอทั้งๆที่เป็นก็ได้ แต่ลูกเราเป็นทุกวันโอกาสเจอก็เยอะหน่อย เราเริ่มติดเครื่องตอน สี่โมงเย็นจนถึงสี่โมงของอีกวัน ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็นอนวัดเฉยๆไป แต่ลูกเราเล็ก ก็ต้องให้ยานอนหลับตอนติดเครื่องบนหัว ตอนติดก็ลุ้นกลัวลูกดึงออกมาก เพราะลูกเราขี้รำคาญสุดๆ ชื่อคนป่วยตรงข้อมือก็ติดปุ๊ปดึงหลุดปั๊บกันเลย 555

-เมื่อผลตรวจ EEG ออก-

เช้าอีกวันยังไม่ทันครบ 24ชม. ช่วงกินข้าวเช้าลูกเราก็ผงกหัววูบแล้ว ช่วงสายคุณหมอมาพอดีเลยดูผล หมอเปิดคลื่นและอธิบายให้ฟัง ลูกเราขนาดตอนไม่ผงกหัว ก็เจอคลื่นผิดปกติแล้วด้วยซ้ำ นั่นคือเวลาปกติก็ชักแบบไม่แสดงอาการอะไรเลย ยิ่งโดยเฉพาะตอนนอน ก็ยังเป็นอีกด้วย ทำให้เหมือนตอนกลางวันเราสอนอะไรลูกไป มันจะไม่ค่อยบันทึกลงหัวในช่วงนอนหลับเท่าไหร่ ตอนนี้ทั้งเราและพ่อน้องก็เริ่มใจไม่ดีแล้ว ผลที่ออกคือลูกเราเป็นลมชักแน่นอน แต่ที่น่ากลัวกว่านี้คือบางคนที่เป็นลมชักมันเกิดจากมีอะไรในสมองน่ะสิ ดังนั้นว่าผลออกมาว่าเป็นลมชัก ขั้นต่อไปคือต้องส่งลูกไปสแกนสมองทำ MRI เพื่อหาว่ามีอะไรผิดปกติในสมองรึเปล่า

-ส่งลูกไปทำMRI-

ในเด็กเล็กไม่สามารถนอนนิ่งๆได้อยู่แล้ว จำเป็นต้องใช้วิสัญญีแพทย์เพื่อ​ให้ยาสลบ หลังจากทำเสร็จหมอจะมาบอกผลอีกวัน คืนนั้นเราไม่สามารถนอนหลับได้เลย กลัวมาก ถ้าลูกเป็นเนื้องอกก็ต้องผ่า ถ้าแย่กว่านั้นเป็นมะเร็งล่ะ ลูกจะอดทนไหวไม๊ จะต้องเสียลูกไปรึเปล่า แต่ก็คิดว่าเราต้องเข้มแข็ง เพราะเราเป็นคนดูแลลูก24 ชม. มาโดยตลอด ถ้าเราอ่อนแอใครจะดูแลลูกได้ พ่อของลูกนี่น้ำตาไหลตั้งแต่รอบฟังผล EEG แล้ว ใจบางเหลือเกินพ่อคุณ เราคิดว่าเออไว้ผลออกว่าเป็นค่อยร้องไห้ยังไม่สาย

-ฟังผล MRI-

ตอนเช้าคุณหมอมาแจ้งผล สามีมาไม่ทันเราต้องทำใจกล้าฟังคนเดียว หมอบอกว่าพบความผิดปกติในสมองสามจุด ตอนนั้นเราเริ่่มรู้สึกช็อคแล้ว ดีที่หมอรีบพูดต่อว่า สามจุดนั้นเป็นแผลที่ไฟช็อตที่เกิดจากการชัก มันช็อตที่เดิมๆจนเป็นแผล แต่ตรงนี้ไม่น่าห่วง เพราะเด็กเค้าจะมีพลังในการรักษาตัวเองสูงมาก ดังนั้นต่อไปแผลนี้อาจจะหายได้เอง แผลจุดนึงมันอยู่ใกล้ส่วนของสมองที่เกี่ยวกะการพูดซะด้วย ถ้าลูกเราพูดช้าเพราะเกิดจากการชัก ถ้าหายอาจจะสามารถพูดได้เลยก็เป็นได้ นอกจากนี้ ลูกเรายังมีความผิดปกติของสมองแต่กำเนิดด้วย คือตรงสมองส่วนของความจำ ถ้าคนปกติชั้นสมองจะเรียง 1 2 3... จนถึง 10 ถ้าคนผิดปกติอาจเรียง 1 2 3 5 6...10 แต่ลูกเราเหมือนสมองมันม้วนกลับเป็น 10 9 8 7... 1 ซึ่งมันจะมีปัญหาตรงที่ เหมือนทางมันต่อกันมา 1-10 1-10 มาเรื่อยๆ มีเจอ10-1 ตรงนี้มันมีรอยต่อที่ทำให้สะดุดนิดนึง เหมือนมันไม่ลื่นไหล อาจจะเกิดไฟช็อตได้ เราถามหมอว่าจะส่งผลต่อพัฒนาการไม๊ หมอบอกว่านิดหน่อยเปรียบเหมือนเราคิดอะไรแล้วมันสะดุดไม่ลื่น แต่การสอน การเรียนรู้อะไรซ้ำๆจะทำให้สมองมันสร้างทางเดินตรงอื่นแทน ต่อไปตรงที่ผิดปกตินี้อาจไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ ดังนั้นก็ไม่ได้น่ากังวลมากนัก เราก็โล่งใจแล้วคืออย่างน้อยลูกเราไม่ได้มีสิ่งแปลกปลอมในสมอง เป็นเเค่ลมชัก จริงๆไม่ใช่แค่หรอก ก็เป็นโรคที่อันตรายเหมือนกัน แต่ถ้าเทียบกับทางร้ายที่สุดที่เราคิดนี่มันจิ๊บๆไปเลย สู้เว้ย

-แนวทางรักษา-

การรักษาโรคลมชักคือการกินยา ซึ่งยาจะมีหลายตัว 1 2 3 ไปเรื่อยๆ อาการของแต่ละคนถูกกะยากันคนละตัว ไม่สามารถบอกได้ ต้องทดลองเท่านั้น หมอก็อธิบายข้อดีข้อเสียของแต่ละตัวให้ เราเริ่มยาตัวที่1 ก่อน เพราะผลข้างเคียงน้อยที่สุด ข้อดีคือเป็นยาน้ำ รสโอเค ไม่มีผลต่อตับไต กินเกินโดสก็ไม่อันตราย ข้อเสียแพงมาก ขวดละ4000!! และจะส่งผลกะอารมณ์เด็กในช่วงเดือนแรกๆ เช่นอาจจะก้าวร้าวขึ้น ใครที่ซนก็จะคูณสามเป็นต้น ถ้าตัวนี้ไม่ได้ผลต้องลอง ตัวสองซึ่งถูก แต่มีผลข้างเคียงกะตับไต ไม่ได้ผลอีกต้องลองตัวที่สาม แพง ไม่มีผลกะตับไต แต่เป็นยาเม็ดและกินแล้วจะไม่อยากอาหาร ถ้าสุดๆแล้วจะให้กินตัวสองควบตัวสามถ้ายังไม่ได้ผลแสดงว่ายาช่วยไม่ได้ละ ต้องไปแนวอื่นอีก เช่นเปลี่ยนการกินเป็นแบบคีโต หรือติดเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าซึ่งราคาเป็นล้านทำได้ไม่กี่ รพ. และลดชักแค่50%เอง เราก็ภาวนาละกันให้หายได้ด้วยยาตัวแรกพอ

อีกสองเดือนหมอนัดอีกทีถ้าชักลดน้อยลง เทสEEG แล้วผลดีขึ้นก็จะสบายใจได้ ก็กินยาไปถ้าหยุดชักได้อย่างน้อยสองปีแสดงว่าหายขาดแล้ว ลูกต้องกินยาทุก 8 ชม.ทุกวัน ซึ่งยากสำหรับลูกเราขนาดพยาบาลยังการันตีว่าเป็นเด็กที่กินยายากที่สุด ไม่ว่ามามุกไหนฮีจับได้หมด555 มีอีแม่คนเดียวรับมือไหว บีบปากบังคับซะเลย แต่มีอีกเรื่องที่น่ากังวลคือถ้ากินยาแล้วอาการสัปหงกหัวหายไป อาจมีอาการใหม่แบบชักเกร็งทั้งตัวไปเลย เพราะตอนนี้ไม่ได้หมายความว่าลูกไม่ได้ชักแบบนี้ แต่ด้วยอาการสัปหงกมันเด่นกว่ามันเลยกลบหมด ถ้ากินยาแล้วอาการนี้หายอาการใหม่ที่ซ่อนอาจออกมา ดังนั้นเรื่องเข้า รร.ปีหน้าเลิกคิด ได้เลี้ยงเเนวคุณหมอประเสริฐโดยยายไม่กล้าค้านอีกเลย555 ถือเป็นเรื่องดีๆ ใช่ไม๊เนี่ย

**มาถึงตรงนี้ยาวมาก เราเขียนจากความจำที่ได้ฟังจากคุณหมอ อาจมีผิดพลาดบ้าง ใช้คำอธิบายจากคุณหมอ ซึ่งคุณหมอเก่งมาก พูดแล้วเข้าใจง่ายเห็นภาพไม่มีศัพท์แพทย์อะไรยากๆให้งง ใครที่อ่านด้านบนไม่ไหวยาวไปก็อ่านสรุปได้เลย

***สรุป***

1.การที่ลูกเราไม่ได้มีอาการชักแหง่กๆไม่ได้หมายความว่าไม่เป็นโรคลมชัก เพราะอาการชักไม่ได้​มีแบบเดียว บางครั้งแทบเป็นปกติเลยถ้าไม่สังเกตก็ไม่รู้

*อาการของลูกเรา

- สัปหงกวูบเหมือนคนง่วง วิธีแยกคือ คนที่ชักลูกตาจะเหลือกขึ้นบน คนง่วงตาจะเหมือนค่อยๆปิด
- เดินอยู่หรือกินหรือทำกิจกรรมอื่นๆก็สับหงกได้ และลูกเหมือนไม่รู้ตัวเลย ทำกิจกรรมนั้นต่อไปได้ ลองดูคลิปที่เราอัดไว้อันนี้ชัดมาก
- อาการเหม่อนั้นคืออาการชักแบบนึง ลูกเราเหม่อบ่อยมาก ถ้าหมอไม่บอกคือไม่รู้จริงๆ วิธีแยกระหว่างเหม่อกะชัก ถ้าเหม่อจะมองไปจุดๆนึงตาไม่กระพริบ ถ้าเราดีดนิ้วหรือเรียกเสียงดัง จะตกใจหันมาทันที แต่ถ้าชักตาจะยังกระพริบแต่เหมือนมองไปจุดๆนึง เราดีดนิ้วหรือเอามือผ่านหน้าก็จะยังไม่รู้ตัวไประยะนึง
-ตอนตื่นนอน เด็กทั่วไปตื่นปุ๊บจะมองซ้ายขวาร้องหาพ่อแม่ทันที แต่ลูกเราตื่นแล้วนิ่งลูกตาค่อยๆขยับ ซักแปปถึงได้สติหันมองหาแม่

อาการทั้งหมดคือถ้าไม่สังเกตก็แทบไม่รู้เลยว่าผิดปกติ เพราะชักที่คนทั่วไปเข้าใจมันมีแค่ชักแหง่กๆตัวเกร็งตาเหลือกเท่านั้น

2.ขอให้แม่ๆทุกคนเชื่อเซนส์ของเรา ถ้าคิดว่ามีอะไรผิดปกติกะลูก แม้นิดเดียวจงรีบไปหาหมอเถอะ ไปให้เสียเงินเล่นๆแล้วไม่เป็นอะไร (เราเป็นบ่อย555)​ ดีกว่าเป็นเยอะแล้ว รักษาไม่ทันแล้ว หมอเล่าว่าบางคนเข้า รร.แล้วถึงรู้เพราะพัฒนาการช้าเรียนไม่ได้เลย เดินแล้วล้มบ่อยๆ ไปหาหมอกระดูกนู่นนี่กว่าจะมารู้ว่าชัก การชักคือสมองถูกไฟช็อต ถ้านานๆไปสมองเสียหายแน่นอน แล้วถ้าชักนานเกินครึ่งชม.โอกาสตายสูงมาก

3.ประกันจงซื้อให้ลูกเถิด อย่างกเลย เด็กถ้าป่วยราคาจะแพงมากกว่าผู้ใหญ่ เรางกทำครึ่งนึงคือไม่รวม opd ทำปีที่สองไม่เคยได้เบิกเลย พอแอดมิทแค่ครั้งเดียวคุ้มที่จ่ายไปสองปีละ นี่เสียดายมากต่อไปถ้าเราไป opd ต้องจ่ายเองหมด แค่ยาก็ขวดละสี่พันแล้ว ถึงตอนนี้จะมาซื้อเพิ่มก็ไม่ได้แล้ว เพราะถือว่าเป็นโรคไปแล้ว ประกันก็ไม่รองรับโรคนี้อีกแล้ว

ท้ายนี้ขอผลบุญที่เราได้แชร์เรื่องราว เพื่อให้พ่อแม่ได้ไปสังเกตลูกตัวเองนี้ ขอให้ลูกเรา น้องเลโอ หายขาด ขอให้เพื่อนๆเเชร์ต่อๆไป เผื่อจะช่วยให้พ่อแม่คนอื่นๆรู้ว่าลูกตัวเองป่วยได้เร็วขึ้นจะได้รักษากันได้ไวไวนะคะ"



กำลังโหลดความคิดเห็น