xs
xsm
sm
md
lg

หนังสือฝรั่งสรรเสริญพระนารายณ์เป็นกษัตริยผู้สุดประเสริฐ!รักสงบให้ร่มเย็นเป็นสุข แต่รบสุดอาฆาตยิ่งกว่าใคร!!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค

พระบรมรูปสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ พระนคร
ในหนังสือชื่อ“A European Version of the revolution in Siam at the end of the reign of King Phra Narayana, 1688 A.D.”จัดพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษเป็นครั้งแรกที่กรุงลอนดอน ในปี ค.ศ. ๑๖๘๙ (พ.ศ. ๒๒๓๓ ) โดยรวบรวมจากจดหมายเหตุต่างๆที่เขียนขึ้นในระหว่างเดือนตุลาคม ค.ศ. ๑๖๘๘ ( พ.ศ. ๒๒๓๑ ) ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๖๘๙ ( พ.ศ. ๒๒๓๒ ) ที่ส่งไปจากประเทศสยาม ซึ่ง หลวงจินดาสหกิจ (ละม้าย ธนะศิริ ) แปลเป็นภาษาไทยในชื่อ “เรื่องการจลาจลเมื่อปลายแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช” และจัดพิมพ์ไว้ในพงศาวดารภาคที่ ๘๑ นอกจากจะมีเรื่องราวน่ารู้ซึ่งบันทึกไว้โดยบุคคลร่วมเหตุการณ์แล้ว ยังกล่าวกล่าวถึงสมเด็จพระนารายณ์ไว้โดยเฉพาะอีกว่า

“..มีจดหมายเหตุหลายฉับที่ได้ตีพิมพ์ไว้เป็นภาษาฝรั่งเศส กล่าวยกย่องสรรเสริญพระราชอัธยาศัยของพระองค์อย่างมากมาย ที่ได้ทรงเป็นพระมหากษัตราธิราชอันสุดประเสริฐ ปกครองราชอาณาจักรสยามด้วยความเที่ยงธรรม พระองค์มีพระวรกายค่อนจ้างเล็กกะทัดรัดสมพระองค์ พระราชอัธยาศัยก็ละมุนละม่อมเป็นที่ติดต้องใจแก่บรรดาชาวต่างประเทศ พระกำลังวังชาแข็งแรงว่องไว จนความเกียจคร้านซึ่งมักจะเป็นอุปนิสัยของกษัตริย์และเจ้านายฝ่ายบูรพทิศ มิอาจมาครอบงำพระองค์ได้ ดังนี้จึงนับว่าพระองค์มีพระอุปนิสัยตรงกันข้ามกับเจ้านายองค์อื่นๆ คือโปรดเสด็จประพาสป่าเพื่อทรงกีฬาคล้องช้าง ระหว่างที่ประทับในพระราชวัง ก็ใฝ่พระทัยบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเกี่ยวแก่การทะนุบำรุงบ้านเมืองและประชาชนพลเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุข มิได้ทรงกระหายที่จะก่อการศึกสงครามรุกรานผู้ใด เพราะทรงเห็นว่าจะเป็นการทำลายล้างประชาชนพลเมืองของพระองค์ที่ทรงรักอย่างยวดยิ่ง ให้พินาศทรุดโทรมลงไป แต่ถ้าแม้ประชาชนพลเมืองข้าขอบขัณฑสีมาของพระองค์คิดการกบฏกระด้างกระเดื่อง หรือราชอาณาจักรใกล้เคียงแสดงอาการหมิ่นพระเดชานุภาพแม้สักเล็กน้อย ก็ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดเลยที่จะมีพระทัยอาฆาตมุ่งมาดปราบปรามเสียจนราบคาบเพื่อไว้พระนามได้ยิ่งไปกว่าพระองค์

นอกจากนี้พระองค์ยังเป็นเจ้านายที่ใฝ่พระทัยศึกษากิจการต่างๆอยู่เสมอ และด้วยพระปรีชาญาณอันเฉียบแหลมลึกซึ้งนี้ ถ้าได้ทรงตั้งพระทัยจะศึกษาเล่าเรียนสิ่งไร ก็ย่อมจักทรงศึกษาเล่าเรียนได้จนสำเร็จเป็นอย่างดีโดยง่ายดาย และมีพระทัยโอบอ้อมอารีสมฐานะแห่งกัลยาณมิตรโดยพร้อมมูล พระจริยาวัตรเหล่านี้แหละ เป็นเครื่องเชิดชูพระเกียรติคุณของพระองค์ กระทำให้พระองค์เป็นที่เคารพนับถือแก่เหล่าประเทศใกล้เคียง เป็นที่ยำเกรงแก่เหล่าปัจจามิตร และเป็นที่นิยมรักใคร่ของประชาชนทั่วทุกตัวคน พระองค์มิได้หมกมุ่นในบาปจริตชนิดที่ดองกมลสันดานของเจ้านายฝ่ายบูรพทิศอยู่ไม่เว้นพระองค์ ส่วนบรรดาเสนาอำมาตย์ราชมนตรีของพระองค์เล่า ถ้าทรงเห็นว่าผู้ใดหลงละเลิงอยู่แต่ในความรื่นรมย์จนเกินควร พระองค์เป็นต้องลงราชทัณฑ์อย่างหนัก ฉะนั้นความลุ่มหลงมัวเมาในสตรีเพศอันเป็นนิสัยซึ่งเจ้านายฝ่ายบูรพทิศไม่สามารถจะเอาชำนะและถอนตัวได้ จึงมิได้มีประจำอยู่ในพระกมลสันดานแม้แต่น้อยเลย

อนึ่ง ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ ๆได้ทรงศึกษาและประสบความเชื่อที่ผิดพลาดบางประการในพระศาสนาแห่งบรรพบุรุษของพระองค์ พระองค์ไม่ทรงเชื่อตามที่มีผู้เชื่อกันโดยมากกว่า พระพุทธเจ้าเสด็จสู่พระปรินิพพาน หรือตามบรรดาเกจิอาจารย์กล่าวกันว่า พระพุทธเจ้าทรงเบื่อหน่ายต่อการเสวยศวรรยาธิปัตย์ มีพระพุทธประสงค์จะทรงหลีกพ้นเพื่อลืมความเป็นไปในโลกียวิสัยเสียให้หมดสิ้น ที่สุดจนเรื่องราวซึ่งปราศจากเหตุผลตั้งร้อยพันประการตามพระธรรมเทศนาที่พระสงฆ์แสดง พระองค์ก็มิได้ทรงเชื่อถือ นอกจากอย่างเดียวว่าพระพุทธเจ้านั้นมีจริง และด้วยพระปัญญาบารมีของพระพุทธองค์ยังทรงปกปักรักษาโลกนี้อยู่ ตลอดจนกิจการทุกสิ่งทุกอย่างก็ย่อมจักดำเนินผันแปรไปตามพุทธประสงค์ พระองค์ทรงเจริญพุทธมนต์เพื่อสรรเสริญคุณพระพุทธองค์ด้วยเบญจางคประดิษฐ์วันละสองเวลา ๆ ละสองชั่วโมงเป็นอย่างน้อย คือในตอนเช้าเมื่อตื่นบรรทมครั้งหนึ่ง กับในตอนค่ำก่อนเข้าที่พระบรรทมอีกครั้งหนึ่ง ความเลื่อมใสศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนาของพระองค์ดังกล่าวนี้ มีองค์พยานให้เห็นความจริงได้ดังปรากฏในพระราชดำรัสซึ่งพระองค์ทรงรับสั่งแก่มองซิเออร์คอนสตันซ์อย่างจับใจ เพื่อให้นำความไปแจ้งแก่ทูตฝรั่งเศส เมื่อคราวที่พระองค์ทรงถูกทูตรบเร้าให้นับถือศาสนาคริสตัง มีเนื้อความตามบันทึกของบาทหลวงตาชาด์ ในจดหมายเหตุระยะทางไปเจริญทางพระราชไมตรี ณ กรุงศรีอยุธยา พิมพ์ที่กรุงปารีส เล่ม ๕ หน้า ๓๐๙ และเนื่องด้วยพระราชดำรัสของพระองค์ประกอบด้วยเหตุผลที่มีน้ำหนักแนบเนียนดีเลิศ ข้าพเจ้าจึงเห็นไม่เป็นการเกินสมควรที่จะนำมาลงไว้ในที่นี้ด้วย ดังข้อความต่อไปนี้

“ความที่จะตอบทูตฝรั่งเศสนั้น ท่านจงรับคำของเราไปบอกเขาเถิดว่า เราขอบพระทัยพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสเจ้านายของเขายิ่งนัก ที่ได้ทรงแสดงพระราชอัธยาศัยไมตรีมายังเราในพระราชสาส์น และเมื่อข่าวที่พระองค์ท่านโปรดประทานพระเกียรติอันยิ่งใหญ่นี้แก่เรา ได้กระจายไปในนานาประเทศทั่วเบื้องบุรพทิศ จนเราไม่สามารถจะหาคำใดมาขอบพระทัยให้เพียงพอแก่ความรู้สึกได้ แต่กระนั้นเรื่องนี้เองกลับทำให้เรากระวนกระวายใจเป็นล้นพ้น ที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสพระสหายของเราได้ทรงเสนอสิ่งที่ยากยิ่งแก่เรา โดยเรามิได้เคยเกี่ยวข้องรู้เห็นในสิ่งนั้นมาแม้แต่เล็กน้อย เราจึงขอยกให้อยู่ในพระปัญญาบารมีของพระองค์ผู้เป็นพระคริสตมหาราชโดยเฉพาะ ได้ทรงพิจารณาด้วยพระปรีชาญาณอันสุขุมคัมภีรภาพของพระองค์เองเถิดว่า การที่เราจะเปลี่ยนลัทธิศาสนาอันบุคคลทั่วทั้งประเทศของเราต่างนิยมนับถือและปฏิบัติกันมาเป็นเวลา ๒๒๒๙ ปีโดยมิได้ว่างเว้นนั้น จะเป็นการยากเย็นและเป็นเหตุสำคัญอันยิ่งยวดสักเพียงไหน

อนึ่ง เรารู้สึกพิศวงงงงวยอยู่ว่า ไฉนพระเจ้ากรุงฝรั่งเศสพระสหายของเรา จึงมาใฝ่พระทัยนักหนาในเรื่องที่เกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งแม้แต่ตัวพระผู้เป็นเจ้าเองก็ดูเหมือนไม่ใคร่สนพระทัยในเรื่องนี้นัก ใครจะนิยมนับถือลัทธิศาสนาของพระองค์หรือไม่ ก็สุดแต่ความเห็นดีเห็นชอบตามความรู้สึกนึกคิดที่เกิดแก่จิตใจของเขา ไม่ใช่พระผู้เป็นเจ้าดอกหรือที่ทรงสร้างสวรรค์พิภพ พร้อมทั้งสรรพสิ่งสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ กับให้คนมีกาย มีใจ แต่ต่างกันในทางความคิดและนิสัยสันดาน ใครจะนับถือศาสนาอะไรหรือกราบไหว้บูชาสิ่งใดย่อมแล้วแต่ใจสมัคร สรุปแล้วผลที่สุดคนทุกชาติทุกภาษาต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ตามกฎแห่งธรรมชาติอันเดียวกันสิ้นทั้งมวล

ความเป็นอยู่ของมนุษย์ปุถุชนในการถือศาสนา เป็นหมู่เป็นคณะรวมเป็นอย่างเดียวกันก็ดี หรือแตกต่างกันก็ดี เป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าอาจดลบันดาลให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์เองทั้งสิ้น ดังนี้เราจะไม่ควรเชื่อละหรือว่า พระผู้เป็นเจ้าอันแท้จริงทรงมีพระประสงค์ให้เรายอพระเกียรติพระองค์ท่านด้วยพิธีและการเคารพบูชาต่างๆกัน และกระทำโดยนานาชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะพึงมี ด้วยลัทธิและการสรรเสริญเยินยอของแต่ละชาติที่ไม่เหมือนกัน ความสวยสดงดงามและความหลายหลากที่เราพึงชมอย่างดูดดื่มอยู่ในธรรมชาติ จะเลวไปกว่าของทิพย์และไม่เป็นที่สบพระทัยแก่พระผู้เป็นเจ้ากระนั้นหรือ”

พระองค์รับสั่งต่อไปว่า

“เรารู้เป็นแน่แท้ว่า พระผู้เป็นเจ้าเป็นเจ้าโลกแต่พระองค์เดียว ไม่มีผู้ใดจะมายิ่งใหญ่กว่าได้อีก และเรามีเหตุผลให้เชื่อว่า สิ่งทั้งหลายจักเกิดขึ้นนอกจากพระบัญชาของพระองค์นั้นมิได้ เราจึงขอมอบกายถวายชีวิตพร้อมทั้งราชอาณาจักรของเรา ให้อยู่ในอ้อมพระพาหุและพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดดลบันดาลให้ข้าพระองค์ตลอดทั้งราชอาณาจักรของข้าพระองค์ จงเป็นไปตามพระราชหฤทัยของพระผู้เป็นเจ้าพระองค์นั้นด้วยเถิด”
นี่ก็เป็นพระอัจฉริยภาพของกษัตริย์ไทยพระองค์หนึ่ง แม้ยามนั้นวิทยาการต่างๆของเรายังไม่ก้าวหน้าเช่นตะวันตก แต่สติปัญญาก็ไม้ด้อยกว่ากษัตริยฺผู้ยิ่งใหญ่ของชาติตะวันตกเลย โดยเฉพาะคำตอบที่คิดจะต้อนกันง่ายๆ กลับทำให้คนที่คิดตื้นๆอึ้งไป


กำลังโหลดความคิดเห็น