“สามีเก่า” โพสต์แฉเมียหนีไปแต่งงานกับชู้ใบหน้าพิการ โอดคิดถึงลูกเหลือเกินอยากได้ลูกคืน ด้านฝ่ายหญิงโต้กลับทั้งติดการพนัน ไม่สนใจลูกเมีย ไม่ช่วยค่าใช้จ่าย แถมชอบทะเลาะในที่สาธารณะประจานเมียตัวเอง ใครจะทนอยู่ด้วยได้
จากกรณีที่นายบุญมี ขันทอง อายุ 37 ปี หรือ “พี่มีมี่” หนุ่มใบหน้าพิการ เข้าพิธีแต่งงานกับแฟนสาวหน้าตาสวย ชื่อ น.ส.ภัสสรา อบนาค อายุ 23 ปี เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา จนเป็นที่ฮือฮาโด่งดังในโลกโซเชียลมีเดีย (อ่านเพิ่มเติม : รักแท้มีอยู่จริง...สาวสวยวิวาห์กับหนุ่มเมืองช้างหน้าอัปลักษณ์ อิจฉากันทั้งโลกโซเชียลฯ ญาติวอนช่วยรักษา)
จากนั้นเมื่อวันที่ 16 เม.ย. ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า "คนเล่นนก กรงหัวจุก สงขลา" ได้โพสต์อ้างว่าเป็นอดีตสามีของหญิงสาวหน้าตาสวยคนดังกล่าว โดยตัดพ้อว่าฝ่ายหญิงแอบคบชู้และพาลูกหนีไปแต่งงานกันจนเป็นข่าวดังกล่าว
มีรายละเอียดว่า “รักแท้หรือครับ ผมนี้ผัวเขาครับ มีลูกด้วยกัน 1 คน ผมจะเล่าให้ฟังนะครับ ผู้หญิงคนนี้ผมรู้จักมาตอนปี 53 ตอนนั้นผมติดทหารอยู่ที่ทัพเรือภาคที่ 2 ผมรู้จักผู้หญิงคนนี้ในฝันครับ ในฝันยังไงนั้นหรือ คือผมฝันว่าผมเจอผู้หญิงคนหนึ่งครับ ผมฝันว่าเขานั่งอยู่ที่ริมทะเลนั่งอยู่บนเก้ากี้ที่พับได้ ผมเข้าไปจีบเธอในฝันแต่เธอก็ไม่คุยด้วย แต่พอผมหันหลังกลับไป เธอจับมือผมเขียนเบอร์โทร.ให้ผมครับ ผมจำเบอร์โทร.ได้ ผมเลยโทร.ไปจีบแต่เขาก็ไม่คุยด้วยครับ พอผ่านมาสามวัน วันนั้นวันศุกร์เขาโทร.กลับมาประมาณสามทุ่ม ผมเลยได้คุยกับเขาแล้วจีบเขา แล้วตกลงเป็นแฟนกันครับ เราสองคนคบกันตอนที่ผมติดทหาร ผมแอบไปหาเขาอยู่บ่อยครั้งครับ จนเธอท้องครับ เขาหนีออกจากบ้านมาอยู่กับผมที่สงขลาครับ วชิราซอย 11 ผมเช่าห้องเล็กๆ ให้เขาอยู่ครับ ผมทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะแอบออกจากค่ายเพื่อมาดูแลเธอ ส่งข้าวส่งน้ำให้เธอ ต่อมาท้องโตสัก 8 เดือน ผมพาเธอไปอยู่บ้านผมที่สะบ้าย้อยครับ พอลูกคลอดออกมาได้ตั้งชื่อว่า ด.ญ.ภัชรฏา ลิ่มเจริญ
ชื่อเล่น น้องเทียนหอมครับ พอคลอดลูกเสร็จเธอได้คุมกำเนิดด้วยการฝังเข็มครับ ต่อมาเธออ้วนมากๆ น้ำหนักเป็นร้อยกว่าโล ถึงเธอจะอ้วนมากๆ ผมก็ยังรักของผมครับ ไม่เคยคิดที่จะทิ้งครับ ต่อมาผมปลดทหารผมกลับมาอยู่บ้านที่สะบ้าย้อย แล้วได้ไปทำงานที่หาดใหญ่ที่ร้าน X-Net ครับ ผมทำงานหาดใหญ่ เธอก็เวียนพาลูกมาหาผมที่หาดใหญ่อยู่บ่อยครั้งครับ จนผมสงสารเขาไม่อยากให้เขาลำบากไปๆ มาๆ อยู่เลยตัดสินใจกลับไปตัดยางทำสวนที่บ้านครับ ในระยะเวลาต่อมา ป้าของเธอชื่อป้าจูได้ล้มป่วยเป็นโรคมะเร็งหมอนัดอยู่ตลอดเวลา ผมเป็นคนธุระจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เขาครับ จนในที่สุดป้าของเธอก็เสียชีวิต ผมก็ได้ไปช่วยจัดงานศพป้าเขาที่วัดคลองเรียนครับ พอป้าเขาเสีย น้าเขาชื่อน้าโอ๋เขาขายบ้าน เธอก็ไม่มีใครแล้วนอกจากผม เราก็มีกันอยู่แค่สามคนพ่อแม่ลูก จนต่อมาน้าของเธอที่อยู่ที่ภูเก็ตชื่อน้าแหม่มได้ชวนเธอผมและลูกขึ้นไปอยู่ที่ภูเก็ต จนผมต้องตัดสินใจขายนกตัวที่ผมรักไปในราคา 20,000 บาท เพื่อเอาเงินไปอยู่ที่ภูเก็ต พอไปอยู่ภูเก็ตทีแรกน้าเขาบอกว่ามีงานให้ทำแน่นอน ไปๆ มาๆ งานก็หาไม่ได้ อยู่ไปอยู่มาเงินก็หมดลดลงไปเรื่อยๆ แรกน้าเขาเอาใจใส่ดี พอเงินเราเริ่มหมด น้าเขาเริ่มมีท่าทีรังเกียจ เขาเห็นเราเปิดพัดลมชาร์จแบตฯ โทรศัพท์ เขาสับสะพานไฟลงเหมือนกับไล่พวกเราพ่อแม่ลูกทางอ้อม เราสามคนน้อยใจมากเลยตัดสินใจย้ายออกทั้งๆ ที่ไม่มีเงิน ไปเช่าที่อยู่ใหม่ ออกจากบ้านทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าไปอยู่ต่อที่ไหน จนกระทั่งผมขับรถไปเจอป้อมตำรวจทางหลวงถลางเลยไปปรึกษาเขา ตำรวจเขาสงสารเขาเลยให้พักที่ป้อมตำรวจทางหลวง จนต่อมาผมหางานได้ ได้ทำ รปภ.ของบริษัทไปเฝ้าโรงแรมที่หาดในทอน 6 เดือนต่อมาผมล้มรถอาการหนักจนต้องออกจากงาน อีกอย่างผมสงสารที่บ้านเวลาผมล้มป่วยเขาต้องมาไกลลำบากมาก จนกลับมาอยู่บ้านที่สะบ้าย้อยอีกครั้ง จนล่าสุดตอนนี้ปัจจุบันผมได้ทำงาน รปภ.ของบริษัทเฝ้าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในหาดใหญ่ พอผมมาอยู่หาดใหญ่ แฟนผมก็ย้ายมาอยู่ด้วยครับ ผมลูกและแฟน ต่อมาผมหางานให้เขาทำ เขาไปทำงานที่ร้านส้มตำหลังบิ๊กซีเอกซ์ตร้า ช่วยขายผัดไทย ส้มตำ แต่พอเขาทำงาน เวลาผมกับเวลาเขาไม่ค่อยจะตรงกันครับ ไปๆ มาๆ เขาติดเพืี่อนครับ เขาไม่ค่อยสนใจผมเท่าไหร่ครับ สนใจแต่เพื่อน เขาชอบไปนอนที่ร้านส้มตำ และแล้ววันหนึ่งแฟนผมบอกว่าเธอท้อง ผมเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าท้องได้ไง เพราะผมไม่เคยปล่อยใน พอช่วงหลังเธอบอกว่าเธอผลัดรถแล้วเธอแท้งลูก พอผมมารู้ทีหลังว่าเธอไปแอบเอาเด็กออก เธอฆ่าลูกในท้อง ต่อมาเธอกลับบ้านพาลูกสาวกลับไปหายายที่สะบ้าย้อยยายให้ตังค์เธอมาผ่อนรถ แต่พอเธอกลับมาเธอก็พาลูกหนีหายไปเลย
ในที่สุดมาถึงวันนี้ผมได้รู้ความจริงแล้วครับ เธอพาลูกสาวผมหนีผมไป ไปแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ ซึ่งผู้ชายคนนี้มันก็คือน้องชายของเจ้าของร้านส้มตำที่เธอทำงานอยู่นั่นเองครับ บอกตรงๆ ครับผมเสียใจ น้อยใจมากครับกับสิ่งที่เธอทำ
สุดท้ายนี้ผมรบกวนเพื่อนๆ ฝากแชร์ไปให้ถึงผู้หญิงคนนี้ทีนะครับ อย่ามาสร้างภาพสร้างกระแสให้สังคมเข้าใจแบบผิดๆ นะครับ บุพเพสันนิวาสรักแท้ หรือชู้สาวกันแน่ครับ มาทำให้ครอบครัวผมแตกแยก เอาลูกสาวผมไป ผมอยากได้ลูกสาวผมคืนครับ ใครก็ได้ช่วยผมทีครับ ผมไม่ไหวแล้วครับ ท้อมากๆ อ่อนแอมากๆ ผมยอมแพ้แล้วครับ สู้ไม่ไหวแล้ว คิดถึงลูกสาวเหลือเกินครับ”
ทางด้านฝ่ายหญิงก็โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กชื่อว่า “บุญมี ขันทอง” ตอบโต้กลับว่า ฝ่ายชายติดการพนัน ไม่สนใจลูกเมีย ไม่ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ตลอดเวลาที่คบกันไม่มีความสุข มิหนำซ้ำยังชอบทะเลาะในที่สาธารณะ ตะโกนประจานเมียตัวเอง
มีรายละเอียดว่า “ตอนมีไม่รักษา พอเสียมาจะมาเรียกร้องอะไร อยู่ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เป็นหัวหน้าครอบครัวแต่ไม่ช่วยเหลืออะไร เเค่ฝากลูกไว้เเค่ตอนเช้าเพราะต้องไปทำงาน ถึง 5 โมงเย็น วันไหนเขาเข้ากะเช้าเราก็พาลูกมา เพราะถ้าพามาทุกวันเกรงใจเจ้าของร้าน แต่กลับทิ้งลูกไว้อยู่บ้านคนเดียว เพื่อไปแข่งนก หิ้วนกไปหิ้วนกมา หายไปเป็นหลายๆ ชั่วโมง ไอ้เราข้องใจ แวะมาดูตอนบ่ายโมง เห็นลูกนั่งอยู่หน้าประตูเหล็ก “แม่...ลูกหิวข้าว” ไอ้เราน้ำตาจะไหล อีกอย่างขอค่าเทอมลูกแค่ 3,000 ยังไม่ได้ ขอแค่ 1,000 นึงก่อนก็บอกว่าไม่มี ค่านมลูก เราเป็นคนดูแลทั้งหมด ไม่ว่าลูกจะกินอะไรก็แล้วแต่ กินวันนึงเป็นร้อย เราไม่ว่าแต่เราไม่ยอมให้ลูกอด ทำงานวันนึง 300 บาท เดือนนึงหยุด 4-5 วัน มากสุด 6 วัน เดือนนึงได้กี่บาท แต่เขาทำงานเดือนนึง 13,000+จ่ายเเค่ค่าเช่าบ้าน กับเล็กๆ น้อย ที่เหลือนู่น เล่นมวย แทงบอล จนแม่มันไม่เอามันเเล้ว บล็อกเฟซฯ ด้วยซ้ำ หลอกเขาสารพัด หลอกยายไม่รู้เท่าไร่ เราเอาเงินยายเขามาจริง เราติดหนี้ยายอยู่ 4,000 เรามี เราจะทยอยคืนยายให้ แต่ลูกเราขอเลี้ยงเอง ไม่ต้องมายุ่ง เพราะที่ผ่านมาเราดูพฤติกรรมและพูดย้ำๆ มาหลายหนเเล้ว แต่ไม่มีคำว่าเปลี่ยนเเปลง พอตอนมีเงินได้จากการเล่นการพนัน 4-50,000 บอกให้ไปเสียค่า กยศ.สัก 10,000 นึงก่อน แต่ไม่เสีย ไม่ฟัง เอาไปซื้อโทรศัทพ์ iPhone X 47,000 เราได้ 2,000 เราเก็บไปเรื่อยๆ ได้ไม่ถึง 5 วัน เล่นแพ้เอาไปขาย ได้เงินมา 35,000 เอาไปใช้หนี้เขา กลายเป็นหมาไม่มีเงินสักบาท ไอ้เราก็ให้วันละ 100 วันละ 50 บ้าง กว่าเขาจะมีเงินจากการขายนกบ้างเพราะเราก็ทำงานวันแค่ 300 ลูกไปก็ 100 นึงเเล้ว เก็บร้อยนึงเรากินบ้าง วันไหนไม่มีก็เก็บให้ลูกกินก่อน ตัวเองค่อยกิน เพราะกินของที่ร้านได้ เเล้วเวลาทะเลาะกันชอบทะเลาะกลางถนนให้คนอื่นได้ยิน คิดว่าเท่มั้ง บิดรถ ขย่มหัวรถ แล้วเวลาใครมองก็ตะโกนถาม มองอะไรมีปัญหาหรอ ม่ะกี้พี่มองหน้าผมหรอ คือ ทะเลาะกัน 2 คน แล้วจะไปหาเรื่องเขาคนที่ไม่รู้เรื่องทำไม มีการไปถามวินมอ'ไซค์ด้วยว่าพี่มีปืนมั้ย ผมขอดิ มันจังแล้ว แล้วย้อนไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ใครที่เป็นเพื่อนกับเขามานานจะรู้ว่าเขาประจานอะไรเราบ้าง คือคนเป็นผัวเมียกัน เวลาทะเลาะกันถึงขั้นต้องขายเมียให้คนอื่นรับรู้ด้วยหรอ แล้วมีอีกหลายๆ อย่างนะ พิมพ์ในนี้คงไม่หมด ส่วนเรื่องเราแต่งงานใหม่ เรายอมรับว่าเราผิดที่มันเร็วเกินไป แต่เราอยู่กับเขาเราไม่มีความสุข เหมือนกับทำงานเลี้ยงลูกอยู่คนเดียว ใช่นะ เมื่อก่อนเขาดี ดีกับเรามาก ดีกับครอบครัวเรา แต่เขาก็เล่นการพนันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร บอกจะเลิก แต่ไม่เลย เขาไม่เคยคิดได้เลย แต่เขาก็เลี้ยงเรามาได้ จนพักหลังๆ ที่เราเริ่มทำงานเขาเริ่มที่จะไม่ช่วยเหลือ เพราะเห็นว่าเรามีงานมีเงิน แต่หารุ้ไม่ว่าวันๆ หนึ่งเราจ่ายอะไร เหลือเท่าไร่ เขาคิดแค่ว่ามันมีเงินก็จ่ายเองสิ เวลาลำบากมาขอยืม บางครั้งก็ให้ บางครั้งเราก็ไม่ให้ เพราะถ้าจะกินเราให้ แต่ถ้ายืมไปเล่นหรือซื้อนกอะไรพวกนี้เราไม่ให้ แล้วมาหาว่าเราใจดำ ส่วนเรื่องเราไม่สนใจเขาเพราะตั้งแต่เขาเริ่มเล่นนก เขามีเงินเท่าไร่ เขาลงที่นกหมด มีเงิน 1 หมื่น นู่นซื้อนก 13,000 บาท 3,000 นั้นยืมคนอื่นอีก แล้วลูกเมียกินไร กูไม่สน กินไข่ก็ได้มั้งในใจที่เขาคิด ถ้าไม่ใช่เพราะยายเขาด้วยที่ดูแลเรา เราคงจะเลิกกับเขาไปนานแล้ว ไม่ใช่เขานะที่เป็นฝ่ายเลี้ยงเราอย่างเดียว ตั้งแต่อยู่กันมาเขาไม่เคยคิดถึงลูกเมียก่อนเลย มีแต่ยายเขาดูแลเรากับลูก เที่ยวขนนู่นนี่มาให้ แต่ในหัวสมองเขามีแต่มวยๆๆ บอลๆๆ คนที่ไม่เป็นเรา เขาไม่รู้หรอกนะ ขนาดรับบัณฑิตน้อยลูก เขายังไม่มาเลย อ้างว่ากางเกงไม่มี”