xs
xsm
sm
md
lg

#MGRTOP7 : จิกหมอน "พี่หมื่น-การะเกด" โล้สำเภา | ฟ้อง 6 ไม่ฟ้อง 5 "เจ้าสัวเปรมชัย" | ไหม้ตึกนรก หนุ่ม ม.5 ดับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7

หมายเหตุ : เนื่องจากเว็บไซต์ MGR Online กำลังปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ ต้องการชมเนื้อหาย้อนหลัง คลิก https://bit.ly/mgrtop7 ขออภัยในความไม่สะดวก

(สรุปข่าวประจำวันที่ 31 มี.ค. - 6 เม.ย. 2561)
ภาพ : PANTIP.COM
อันดับ 1 : สมอุราซานซบสยบทรวง! จิกหมอนแทบขาดทั่วไทย "พี่หมื่น" โล้สำเภา "แม่การะเกด"

จบลงไปอย่างสวยงามสำหรับละครยอดฮิตของปี 2561 เฉกเช่น "บุพเพสันนิวาส" ซึ่งสร้างจากนวนิยายของ "รอมแพง" เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ "เกศสุรางค์" อาจารย์สาวร่างท้วม ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แล้วลืมตาตื่นขึ้นมาในร่างของ "แม่หญิงการะเกด" (เบลล่า ราณี) สาวสวยผอมบาง ในยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ฉากสุดท้ายที่รอคอย คือฉากเข้าพระเข้านาง ที่ "หมื่นสุนทรเทวา" หรือ "พระศรีวิสารสุนทร" (โป๊ป ธนวรรธน์) ชักชวนให้เธอ "โล้สำเภา" หลังเสร็จจากการแต่งงาน นับเป็นฉากโรแมนติกที่ทำให้คำว่า "โล้สำเภา" กลายเป็นวลีฮิตติดหู แม้กระทั่งคนที่ไม่ดูละครก็ยังเข้าใจได้ ตามบทประพันธ์ดังนี้



“โล้สวาทวาดใบสำเภาพริ้ว
ระเรื่อยลิ่วคลองแคบคละขัดขึง
น้ำเจือน้อยค่อยวางทางติดตรึง
ขยับหายโยกคลึงคราคลื่นมา

เมื่อผ่านช่องเข้าอ่าวคราน้ำขึ้น
พอหายมึนสอดสั่งทั้งซ้ายขวา
ข้ามนทีสรวงสวรรค์ทุกชั้นฟ้า
สมอุราซ่านซบสยบทรวง”



ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 เม.ย. คณะผู้จัดละคร นำโดย "หน่อง-อรุโณชา ภาณุพันธุ์" และดารานักแสดงจากละครบุพเพสันนิวาส เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกฯ ให้พระเอกหนุ่มโชว์บทการต่อว่านางเอกสักประโยค ขณะที่โป๊ป หันมาท่องบทกับนายกฯ ว่า "ออเจ้านี่กำเริบ ไม่รู้จักกาลเทศะ" ยังท่องไม่ทันจบบทก็รีบยกมือไหว้ขอโทษ เรียกเสียงฮาให้คนในห้อง ทั้งนี้ เจ้าตัวได้กล่าวชี้แจงว่า ตอนถูกบอกให้พูดก็ไม่รู้จะพูดอะไร ก็เลยพูดเรื่องที่แร็ป ไม่คิดจะว่านายกรัฐมนตรี คิดแค่ว่าจะพูดอะไรตลกๆ ให้ท่านฟัง

อันดับ 2 : ฟ้อง 6 ไม่ฟ้อง 5 "เจ้าสัวเปรมชัย" คดีฆ่าเสือดำ ตำรวจเห็นแย้ง

ความคืบหน้ากรณีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกรวม 4 คน ผู้ต้องหาคดีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 4 เม.ย. นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 พร้อมด้วยนายสมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 7 และนายทะนง ตะภา อัยการจังหวัดทองผาภูมิ ร่วมแถลงผลการพิจารณาคดี หลังได้รับสำนวนเมื่อวันที่ 20 มี.ค. และพนักงานอัยการได้มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมไป 2 ครั้ง โดยนายเปรมชัย สั่งฟ้องไป 6 ข้อหา ได้แก่ 1. ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในตัวหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาที่ 2.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4. ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 5. ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นชซากของสัตว์ป่าอันได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย และ 6.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต

ส่วนข้อหาที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง คือ 1. ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 2. ร่วมกันมีเครื่องมือล่าสัตว์ป่า เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 3. ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 4. ร่วมกันกระทำการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร และ 5. ร่วมกันมีอาวุธปืนไปในตัวหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะพนักงานสอบสวนเขียนรวมกันในข้อหาแรกแต่ต่างกันคำว่ามีและพาอาวุธ ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นๆ ก็สั่งฟ้องและไม่ฟ้องในบางข้อหาเช่นกัน และให้ทั้ง 4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายทางอาญา 462,000 บาท ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า พนักงานสอบสวนคงจะยืนยันความเห็นเดิมทุกข้อหาคือมีความเห็นแย้ง โดยได้ระบุในสำนวนไปแล้วว่ามีการแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งในสัปดาห์หน้า เอกสารจากอัยการมาถึงจะเร่งประชุมทำความเห็นแย้งทันที ก่อนส่งกลับไปที่อัยการภาค 7 เพื่อให้ส่งไปที่อัยการสูงสุดต่อไป
ขอบคุณภาพ : Phantira Pangseranee
อันดับ 3 : ไหม้ระทึก "ราชเทวีอพาร์ทเมนต์" หนุ่ม ม.5 เตรียมอุดม สูดควันดับ

เหตุเพลิงไหม้ที่นำไปสู่การสูญเสียเกิดขึ้นกับห้องพักใจกลางเมือง เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 3 เม.ย. เกิดเหตุเพลิงไหม้ราชเทวีอพาร์ทเม้นท์ ที่พักอาศัยสูง 14 ชั้น ในซอยเพชรบุรี 18 ถนนเพชรบุรี แขวงถนนเพชรบุรี เขตพญาไท กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุเป็นอาคารที่พักสูง 15 ชั้น กลุ่มควันพวยพุ่งมาจากชั้น 6 ผู้พักอาศัยติดค้างอยู่ด้านบนเปิดไฟฉายและแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือ กระทั่งสามารถควบคุมเพลิงได้ในช่วงเช้าถัดมา โดยพบว่าต้นเพลิงเกิดจากห้องรวบรวมสายไฟและสายเคเบิลภายในอาคาร หรือห้องชาร์ป ซึ่งอยู่บริเวณชั้น 2 ก่อนลุกลามต่อเนื่องไปจนถึงชั้น 14 ทั้งนี้ อาคารดังกล่าวก่อสร้างก่อนที่กฎหมายควบคุมอาคารมีผลบังคับใช้ ทำให้ไม่มีสปริงเกอร์และระบบป้องกันอัคคีภัยแบบใหม่ แต่มีบันไดหนีไฟ และสัญญาณเสียงเตือน ขณะที่อาคารตั้งอยู่ในซอยแคบ ทำให้รถดับเพลิงเข้าไม่ถึง

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย คือ นายพีรณัฐ อินวกูล หรือน้องพี อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เสียชีวิตภายในห้องพักชั้น 12 เนื่องจากสูดดมก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ อีก 2 รายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล คือ นายเมทิพย์ รอดพิมพ์ อายุ 46 ปี และนายมานพ สุขสวัสดิ์ อายุ 41 ปี ด้านนายวรุต พูลผล อายุ 29 ปี เจ้าของห้องพักชั้น 4 ระบุว่า วันเกิดเหตุ ตนเล่นเกม ROV อยู่กับเพื่อน ได้ยินเสียงเหมือนประกายไฟดังอยู่ที่ตรงข้ามห้อง พอไปออกไปดูพบว่ามีประกายไฟเกิดขึ้นที่ห้องควบคุมไฟ ก่อนแจ้ง รปภ. และเรียกเพื่อนให้รีบลงมา ส่วน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า มีการขออนุญาตก่อสร้างในปี 2530 เป็นอาคารสูง 12 ชั้น และมีการต่อเติมผิดกฎหมายในชั้น 13-14 จึงสั่งการให้สำนักงานเขตราชเทวี ดำเนินการเอาผิด พร้อมทั้งสั่งให้รื้อถอนอาคารชั้นที่ต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตออกอย่างเร็วที่สุด

อันดับ 4 : เกณฑ์ทหาร 2561 ลูกผู้ชายตัวจริง "มิกค์ - ไอติม" สมัครเอง "พีช พชร" เฮงได้ใบดำ

บรรยากาศการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจําการ ประจําปี 2561 พบว่าบุคคลที่มีชื่อเสียงต่างก็มีทั้งสมัครเป็นทหาร หรือใช้สิทธิผ่อนผัน โดยลูกผู้ชายตัวจริงในปีนี้เป็นของนักแสดงหนุ่มช่อง 7 สี "มิกค์ ทองระย้า" ที่ตั้งใจเข้าสมัครเป็นทหารอากาศ ผลัดที่สอง หลังจากขอผ่อนผันมาแล้ว 3 ครั้ง เนื่องจากเรียนปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ เอกสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง และเพิ่งคว้าปริญญาตรีไปหมาดๆ ส่วนบุคคลทางการเมืองพบว่า "ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ" หลานชาย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี สมัครเป็นทหารบก ผลัดที่หนึ่ง กองทัพภาคที่ 1 เป็นระยะเวลา 6 เดือน พร้อมปฏิเสธว่าเป็นการลบภาพนายอภิสิทธิ์จากการถูกโจมตีเรื่องทหารจากฝ่ายตรงข้าม ยืนยันว่าเป็นประชาชนที่อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน

ขณะที่คนดวงดีในปีนี้ เป็นของ "พีช พชร จิรวธิวัฒน์" นักแสดงวัยรุ่นทายาทกลุ่มเซ็นทรัล และ "สิงโต เดอะสตาร์ - สหรัฐต์ หิรัญญ์ธนภูวดล" จับได้ใบดำทั้งคู่ ขณะที่คนใช้สิทธิผ่อนผัน มีทั้ง "เจมส์ มาร์ - เจมส์ อัศรัสกร" นักแสดงช่อง 3 ขอผ่อนผันเป็นปีที่ 4 อ้างว่ากำลังเรียนปริญญาโท ยังไม่จบ ส่วน "นนท์ เดอะวอยซ์ - ธนนท์ จำเริญ" ผ่อนผันครั้งที่ 2 เพราะติดเรียนปริญญาตรี "เก้า จิรายุ ละอองมณี" นักแสดงหนุ่ม ขอผ่อนผันเพราะติดเรียนปริญญาโท ส่วนบุคคลในแวดวงการเมือง "เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล" แกนนำกลุ่มนิสิตจุฬาฯ ยื่นขอผ่อนผันเป็นปีที่ 2 เพราะกำลังเรียนปริญญาตรี ขณะที่นักฟุตบอลทีมชาติไทย "บาส พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา" นักเตะสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ขอผ่อนผันเป็นปีที่ 3 อ้างว่ากำลังเรียนหนังสือ รอจับใบดำ-ใบแดงปีหน้า

อันดับ 5 : "โต ซิลลี่ฟูล" บริภาษศาสนาอื่น "จุฬาราชมนตรี" เตือนทำสังคมขัดแย้ง

กลายเป็นประเด็นที่ชาวพุทธพากันไม่พอใจจำนวนมาก เมื่ออดีตนักร้องชื่อดัง "โต ซิลลี่ ฟูลส์" หรือ นายวีรชน ศรัทธายิ่ง จัดรายการ "โต - ตาล" ผ่านเฟซบุ๊ก มีผู้ชมถามคำถามในประเด็น "ทำไมอิสลามถึงไม่มีรูปปั้นเหมือนชาวพุทธไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ" ซึ่งมีบางช่วงบางตอน โตบอกว่า "ผมจะไม่กราบสิ่งใดที่ต่ำเท่าผม หรือต่ำกว่าผม รูปปั้นหากผลักก็ตกแตก มันต่ำกว่าผมแล้ว มันไม่มีชีวิต จะไหว้ทำไมสิ่งไม่มีชีวิต รูปร่างอัปลักษณ์กว่าผม ปั้นให้ตายก็หล่อสู้ผมไม่ได้" กลายเป็นที่วิจารณ์ถึงการลบหลู่รูปเคารพของศาสนาอื่น ภายหลังเจ้าตัวกล่าวว่า เป็นการอธิบายว่า ตามหลักศาสนาอิสลามจะไม่เคารพสิ่งอื่นใดนอกจากผู้สร้าง ไม่ใช่สิ่งปลูกสร้าง ยืนยันว่าไม่ได้พาดพิงถึงศาสนาพุทธ ขอโทษทุกคนในเมืองไทยที่เจ็บช้ำน้ำใจ ตนเองก็เจ็บช้ำเช่นกันที่ทำให้เกิดความไม่ปรองดอง ซึ่งตนไม่มีเจตนาและไม่เคยว่าด้วย เพียงแต่เป็นการพูดถึงเรื่องรูปปั้น เทวรูปในมุมมองของมุสลิม



ขณะที่นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี เตือนว่า มีผู้ทำตัวเป็นผู้รู้ศาสนาได้พูดในเชิงวิพากษ์หรือบริภาษศาสนาอื่น ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ความจริงอิสลามห้ามบริภาษ หรือวิจารณ์คนศาสนาอื่น หรือคนที่นับถือศาสนาอื่น ตามคัมภีร์อัลกุรอานว่า "สูเจ้าอย่าได้วิพากษ์กลุ่มคนที่เรียกร้องสิ่งอื่นนอกจากอัลเลาะห์ เพราะเขาจะกลับมาบริภาษอัลเลาะห์" จึงขอเตือนให้ระมัดระวังในสิ่งเหล่านี้ เพราะอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคม การเผยแผ่ศาสนาอิสลามในประเทศไทย ต้องกระทำด้วยความระมัดระวังและเคารพ และให้เกียรติคนอื่น จงปฏิบัติตนตามหลักคำสอนอัลกุรอาน เพราะคำพูดไม่กี่ประโยค อาจจะนำไปสู่ความสูญเสียแก่อิสลามและมุสลิมในประเทศไทย อาจจะนำไปสู่ความแตกแยกอย่างใหญ่หลวงทางสังคม ทำให้ต่อมา นายวีรชน เข้าขอขมานายอาศิส พร้อมกับขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ต่อจากนี้ไปจะไม่ยกคำสอนของศาสนาอื่นมาพูดอีก เพราะอาจมีความรู้ไม่พอ

อันดับ 6 : ใจไม่ท้อ! พ่อเสียชีวิต เลี้ยงตัวคนเดียว ขายไข่เจียวประทังชีวิต

ในโลกโซเชียลต่างแชร์ชีวิตที่น่าสงสารของหนุ่มน้อยคนหนึ่ง ที่ยืนขายข้าวไข่เจียวที่หน้าร้านส้มตำ ต.ใจหาญ ซอยวัดกำแพง (ใกล้เซ็นทรัล พระราม 2) ถนนพระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ เพื่อเป็นทุนการศึกษา หลังจากที่พ่อแม่เสียชีวิต โดยพบว่าพ่อค้าขายไข่เจียวรายนี้ คือ นายวุฒิพงษ์ ใจหาญ หรือน้องโอ อายุ 16 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดทรงธรรม อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยเดินทางมาจากพระประแดงเพื่อขายข้าวไข่เจียวทุกวันตั้งแต่ 16.00 - 22.00 น. ทั้งนี้ ได้ขายไข่เจียวที่ดังกล่าวมาประมาณ 3 สัปดาห์แล้ว กว่าจะได้นอนก็ช่วงประมาณตีหนึ่งของทุกวัน เรื่องนี้ชาวเน็ตให้ความสนใจแชร์ต่อจำนวนมาก และทำให้จากเดิมขายข้าวไข่เจียวได้ 2 แผง กลายมาเป็น 4 แผงในปัจจุบัน





อันดับ 7 : เมืองไทยไม่มีแบบนี้! คุก 24 ปีคดีฉ้อโกง "ปัก กึน เฮ" อดีตประธานาธิบดีหญิงคนแรกเกาหลีใต้

นับเป็นการปิดฉากนักการเมืองที่ทุจริต เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ศาลชั้นต้นกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ตัดสินให้ น.ส.ปัก กึน เฮ อดีตประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเกาหลีใต้ วัย 66 ปี จำคุก 24 ปี พร้อมปรับเงิน 18,000 ล้านวอน (526 ล้านบาท) ฐานมีความผิดในข้อหา 16 กระทง ทั้งใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดไถเงินจากบริษัทเอกชนอย่างน้อย 18 แห่ง มูลค่ากว่า 77,400 ล้านวอน เพื่อนำมาจัดตั้งกองทุนไม่แสวงผลกำไรให้กับนางชอย ซูน ซิล เพื่อนสนิทวัย 61 ปี ที่ไม่มีตำแหน่งอะไรในรัฐบาล รวมทั้งบีบบริษัทเอกชนให้ลงนามทำสัญญากับบริษัทหลายแห่งของนางชอย ให้บริจาคเงินแก่มูลนิธิของนางชอย โดยส่งผ่านมายังประธานาธิบดีถือเป็นการรับสินบน รวมทั้งยังสั่งปลดข้าราชการและแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งโดยมิชอบ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง

สำหรับเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นหลังกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเอห์ฮวา ประท้วงในเดือนกันยายน 2559 ที่กล่าวหาว่า มีการแก้เกรดให้ลูกสาวนางชอย นำไปสู่การเปิดสอบสวนโดยอัยการรัฐ พบว่า นางชอย ซูน ซิล ครอบครองข้อมูลภายในและกำหนดการของรัฐบาลเกาหลีใต้จำนวนมาก จึงเริ่มจับกุมและสอบสวนคนวงในเป็นระยะ กระทั่งอัยการสอบสวน น.ส.ปัก กึน เฮ ทำให้รัฐสภาเกาหลีใต้ ตัดสินใจลงมติถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ พร้อมตัดสิทธิคุ้มครองทางการเมือง และเข้าจับควบคุมตัว น.ส.ปัก กึน เฮ ในวันที่ 31 มี.ค. 2560 ส่วนตัวการหลัก นางชอย ซูน ซิล ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา

หมายเหตุ : "Top7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน" ขอหยุดเผยแพร่ในวันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2561 เนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และจะกลับมาอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2561 ขอขอบคุณสำหรับการติดตาม


กำลังโหลดความคิดเห็น