พบกล้องแอบถ่ายขนาดเล็ก แฝงมากับอุปกรณ์คล้ายเครื่องดับกลิ่น ถูกติดตั้งข้างโถปัสสาวะภายในห้องน้ำชาย รพ.ศรีนครินทร์ ม.ขอนแก่น แจ้งอาจารย์ทางคณะไปแล้ว 1 เดือน ไม่มีความคืบหน้า แถมกล้องวงจรปิดเสีย สุดท้ายแค่จัด รปภ. และแม่บ้านส่องความผิดปกติให้ถี่ขึ้น
วันนี้ (5 เม.ย.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Keen Pinkaew” ได้เผยแพร่ภาพกล้องแอบถ่ายขนาดเล็ก ลักษณะคล้ายอุปกรณ์ดับกลิ่น ถูกติดตั้งบริเวณด้านข้างโถปัสสาวะ ภายในห้องน้ำโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถนนมิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 1 มี.ค. เวลาประมาณ 14.30 น. ตนได้ไปเข้าห้องน้ำบริเวณห้องพักผู้ป่วย (วอร์ด) 3ง ซึ่งเป็นห้องน้ำเจ้าหน้าที่ อยู่ในซอกตรงข้ามกับลิฟต์ขนขยะ สังเกตเห็นว่ามีวัตถุสีขาว แบนเรียบ ลักษณะคล้ายมีฐานติดตั้ง ติดอยู่ข้างโถปัสสาวะชาย
จากนั้นเวลา 16.00 น. ตนได้เข้าห้องน้ำเดิมอีกครั้ง พบว่า มีวัตถุสีขาว ทรงกลมนูน ถูกติดตั้งบนฐานข้างโถปัสสาวะชาย รูปร่างคล้ายกับเครื่องพ่นดับกลิ่น ด้วยความสงสัยจึงถอดออกมาโดยการหมุนทวนเข็ม 1 รอบ พบว่ามีแผงวงจรซึ่งเป็นกล้องแอบถ่ายขนาดเล็ก มีปุ่ม ON - OFF ภายในตัวกล้อง และมีการ์ด MicroSD Class 4 ความจุ 16 GB และเมื่อตรวจสอบดูไฟล์ในไมโครเอสดีการ์ด พบว่า มีตนถูกบันทึกภาพอยู่ในวิดีโอ แบบเห็นหน้า และขณะปัสสาวะ ซึ่งเห็นอวัยวะเพศ ตนจึงได้แจ้งอาจารย์ในภาควิชาทันที ซึ่งแนะนำให้ลองไปดูที่ห้องน้ำชั้นอื่น และให้ใส่ถุงมือไปด้วย เพื่อหวังว่าจะได้เก็บลายนิ้วมือจากวัตถุพยาน
จากการตรวจสอบห้องน้ำภายในอาคาร พบว่า มีกล้องลักษณะเดียวกัน ติดตำแหน่งเดียวกัน อีกที่ห้องน้ำชายชั้น 2ง ส่วนชั้น 4ง พบเพียงฐานติดกล้อง และชั้น 5ง ไม่พบสิ่งผิดปกติ และเมื่อให้เพื่อนผู้หญิงที่อยู่เวรตรวจสอบห้องน้ำหญิง ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ จากการตรวจสอบไฟล์ในไมโครเอสดีการ์ด จากกล้องที่ติดอยู่ในห้องน้ำชาย ชั้น 2ง พบว่า มีผู้เสียหาย ถูกแอบถ่ายเช่นเดียวกัน คาดว่า ไม่ได้ลงมือทำครั้งแรก เพราะเคยสังเกตเห็นฐานกล้องลักษณะนี้มานานแล้ว และจากการสอบถามเพื่อนที่เคยวนมาวอร์ด 3ง เมื่อ 1 - 2 เดือนก่อน พบว่า สังเกตเห็นวัตถุนี้เช่นเดียวกัน โดยห้องน้ำดังกล่าว ผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็น อาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษาแพทย์
ต่อมาอาจารย์ได้ปรึกษาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พบว่า มีการติดต่อไปยังผู้รับผิดชอบ จึงได้มีการคุยกันว่า จะส่งเจ้าหน้าที่ รปภ. มานั่งดูแลให้ และจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะบดีในวันถัดมา รวมทั้งจัดการเรื่องดำเนินคดีให้ ตนจึงเสนอกลับไปว่า เราควรออกประกาศเตือนอย่างเป็นทางการจากคณะหรือไม่ เพื่อให้ทุกคนตื่นตัวและเฝ้าระวังตัวเอง จะได้เป็นการป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ แต่ได้รับคำตอบกลับมาว่า “ยังไม่ควรประกาศเตือน ควรเก็บเรื่องไว้เงียบๆก่อน เผื่อว่าจะสามารถจับคนร้ายได้” กระทั่งผ่านไป 3 สัปดาห์ พบว่าไม่มีความคืบหน้า เมื่ออาจารย์ไปตามเรื่องได้รับการแจ้งว่า “ให้ผู้เสียหาย ไปแจ้งความดำเนินคดีเอง”
กระทั่งเมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา เห็นว่าเรื่องเงียบไปแล้ว จึงตัดสินใจพูดประกาศเตือนเพื่อนในกองกุมารเวชศาสตร์ ในวันที่มีการฟีดแบคหลักสูตร กระทั่งวันนี้ ได้ไปแจ้งความกับอาจารย์อีก 2 คน ตำรวจได้มาดูสถานที่เกิดเหตุ สอบปากคำ และตำรวจได้นัดสอบปากคำเพิ่มเติมอีกเวลา 19.00 น. ตนใช้เวลาทั้งวันของวันนี้ไปกับตำรวจ สิ่งที่ได้รับการตอบกลับมาล่าสุด คือ ได้แจ้งว่ามีการจัด รปภ. เดินเวรให้ถี่ขึ้น สั่งแม่บ้านให้ตรวจสอบห้องน้ำให้ละเอียดขึ้น และกำลังติดต่อทำเรื่องกล้องวงจรปิดใหม่ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นการกระทำที่ปลายเหตุ