MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7
หมายเหตุ : เนื่องจากเว็บไซต์ MGR Online กำลังปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ ต้องการชมเนื้อหาย้อนหลัง คลิก https://bit.ly/mgrtop7 ขออภัยในความไม่สะดวก
(สรุปข่าวประจำวันที่ 24 - 30 มี.ค. 2561)
อันดับ 1 : สิ้น "ตาซาเล้ง" เหยื่อ "จ๊อด ตีนโหด" ติดเชื้อในกระแสเลือด
ในที่สุดเหตุการณ์ที่อยู่ในคลิปบนเฟซบุ๊กเพจชื่อดัง กรณีที่นายจรูญ มีพันธ์ อายุ 82 ปี ชายถีบซาเล้งรับซื้อของเก่า ถูกนายนราธร หรือจ๊อต โสดติยัง อายุ 21 ปี กระโดดถีบจนแน่นิ่ง กลางซอยชานเมืองแยก 2 ถนนประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง กทม. เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ก็เกิดเรื่องเศร้าสลดขึ้น เมื่อค่ำวันที่ 29 มี.ค. นายจรูญได้เสียชีวิตลงแล้วที่โรงพยาบาลราชวิถี หลังช่วงบ่ายวันเดียวกันถูกนำส่งโรงพยาบาล เนื่องจากมีไข้และมีอาการแผลกดทับ ขณะนอนรักษาตัวนายจรูญหัวใจหยุดเต้น แม้เจ้าหน้าที่พยายามกู้ชีพนาน 30 นาที แต่ยื้อชีวิตไว้ไม่ได้ แพทย์คาดว่าเกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือด ก่อนนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดสุนทราม (วัดห่อหมก) จ.อยุธยา
ด้าน พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง สั่งการให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายนราธร ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ต่อมาวันที่ 30 มี.ค. นายนราธรรับทราบข้อหาเพิ่มเติม ก่อนนำตัวไปฝากขังต่อศาลอาญา จากนั้นภรรยายื่นประกันตัว ก่อนที่ศาลจะอนุญาต โดยตีเงินประกัน 1.8 แสนบาท อย่างไรก็ตาม นายนราธรติดต่อกับครอบครัวนายจรูญว่าจะขอบวชอุทิศส่วนกุศล แต่กลับจะไปบวชที่กรุงเทพฯ ถ้าจะบวชที่ จ.อยุธยา เกรงว่าจะมีคนมาล้างแค้น แต่ทางวัดที่กรุงเทพฯ ไม่ยอมเพราะต้องให้ญาติจรูญเซ็นยินยอมก่อน ขณะที่โลกโซเชียล แม้แต่คนบันเทิงร่วมไว้อาลัยนายจรูญ และประณามนายนราธรจำนวนมาก
อันดับ 2 : "บิ๊กป้อม" พูดเองเออเอง "นาฬิกาเพื่อนตาย - แหวนพ่อส่งต่อให้แม่" จบแล้ว!
ผ่านไปเกือบ 4 เดือนสำหรับกรณีนาฬิกาหรู และแหวนเพชรของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ไม่ปรากฎในบัญชีทรัพย์สิน วันที่ 29 มี.ค. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ประชุมโดยพิจารณาเรื่องนี้ กระทั่ง นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. ชี้แจงว่า ที่ประชุมรับทราบ พล.อ.ประวิตร ส่งหนังสือชี้แจง 4 ครั้ง สรุปว่านาฬิกาทั้งหมดยืมจากเพื่อนรายเดียว โดยนาฬิกาหรู 25 เรือน ซ้ำกัน 3 เรือน จึงดำเนินการหาข้อเท็จจริงต่อ โดยเฉพาะซีเรียล นัมเบอร์นาฬิกาทั้ง 22 เรือน ส่วนแหวนเพชรเป็นของบิดาที่มารดาเก็บไว้ให้ มูลค่าไม่ถึง 2 แสนบาท จึงเป็นที่ยุติ
ด้าน พล.อ.ประวิตร กล่าวในวันต่อมาว่า ไม่มีอะไรแล้ว เป็นเรื่องของ ป.ป.ช. ตนชี้แจงจบแล้ว ต้องให้ ป.ป.ช.ว่ากันไป ส่วนนาฬิกา เป็นของเพื่อน ก็จบแล้ว ขณะที่แหวนก็เป็นของคุณพ่อ ที่ผ่านมาก็ไม่เป็นอย่างไร เป็นเรื่องของความจริง มีแต่พวกคุณ (สื่อมวลชน) ขุดคุ้ย ไม่มีอะไร อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าปฏิกิริยาจากฝ่ายการเมืองไม่พอใจนัก นางทิชา ณ นคร อดีต สปช. ระบุว่า ป.ป.ช. ได้ทำลายบรรทัดฐานการตรวจสอบ ท้าทายความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ของผู้มีส่วนได้เสียทั้งประเทศ นาทีนี้จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมี ป.ป.ช. พร้อมชักชวนให้ขับไล่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้ ส่วนนายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ถามว่า พล.อ.ประวิตรมีไอคิวเท่าไหร่ ที่ใช้เวลาเป็นเดือนเพียงเพื่อหาคำอธิบายเช่นนั้น และตั้งคำถามถึง ป.ป.ช. ด้วย
อันดับ 3 : เหี้ยมผิดมนุษย์-ไม่สมควรลดโทษ ประหาร "บังฟัต" และพวก ฆ่า "ผู้ใหญ่บัติ" ยกครัว
หลังคดีสะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ ผ่านไปเกือบ 8 เดือน ในที่สุดเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ศาลจังหวัดกระบี่ ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการจังหวัดกระบี่ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือ บังฟัต อายุ 41 ปี 2.นายคมสรรค์ เวียงนนท์ (ม่อน) 3.นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ (เลาะห์)อายุ 30 ปี. 4.นายอรุณ ทองคำ (กี้ร์) อายุ 29 ปี 5.นายประจักษ์ บุญทอย (จักร์) อายุ 36 ปี 6.นายธนชัย จำนอง (โกบ) อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น หลังก่อเหตุฆ่านายวรยุทธ สังหลัง หรือ ผู้ใหญ่บัติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เสียชีวิตพร้อมครอบครัว และญาติ รวม 8 ศพ ภายในบ้านพัก เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2560 ส่วนนายธวัฒชัย บุญคง (ชัย) อายุ 37 ปี ข้อหาพกพาอาวุธปืน และ น.ส.ชลิตา สังข์โชติ อายุ 41 ปี ข้อหาซ่องโจร และแอบอ้างเป็นเจ้าพนักงาน สาเหตุมาจากความขัดแย้งเรื่องที่ดิน ที่พ่อตานายวรยุทธนำไปจำนอง แล้วผ่อนชำระจนครบ แต่บังฟัตไม่ยอมคืนโฉนดที่ดิน อ้างว่านำไปจำนองกับธนาคาร ก่อนทวงถามหลายครั้งและเกิดเรื่องขัดแย้งจนเป็นเหตุดังกล่าว
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้จำเลยทั้ง 6 คน จะรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่พฤติกรรมที่ร่วมกันใช้อาวุธปืนจ่อยิงครอบครัวนายวรยุทธ พร้อมครอบครัวรวม 11 ราย เพื่อหวังปิดบังคดี มีทั้งผู้หญิง เด็กอายุเพียง 4 ขวบ 11 ปี 12 ปี รวมอยู่ด้วย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 8 คน เป็นเหตุการณ์ที่เศร้าสลดหดหู่ใจ สะเทือนขวัญแก่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง จำเลยดังกล่าวเป็นฝ่ายก่อเหตุและลงมือกระทำความผิดอย่างอุกอาจ โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ จึงไม่สมควรได้ลดโทษ และเมื่อการลงโทษในฐานความผิดปล้นทรัพย์ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คือ ประหารชีวิตแล้ว จึงไม่ต้องนำโทษในกระทงอื่นๆ มารวมด้วย จึงพิพากษาประหารชีวิตจำเลยที่ 1-6 สถานเดียว พร้อมให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ญาติของผู้เสียชีวิต 8 ราย รวม 7.54 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ส่วนนายธวัฒชัยฐานพกพาอาวุธปืนไปในทางหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต และบุกรุก จำคุก 1 ปี 9 เดือน น.ส.ชลิตา ฐานซ่องโจร และแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานกรณีจัดหาเสื้อทหาร ตัดสินจำคุก 12 เดือน
อย่างไรก็ตาม ทนายความฝ่ายบังฟัตระบุว่า จะขอใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์เพื่อต่อสู้คดีต่อไป ขณะที่บังฟัตและผู้ต้องหารวม 6 คน ถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เพราะเรือนจำกระบี่มีอำนาจควบคุมนักโทษเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่ลงมาดูคดีนี้ด้วยตัวเอง ระบุว่า พอใจในคำตัดสิน และเชื่อมั่นในพยานหลักฐานที่ทำให้คำพิพากษาออกมาในแนวทางที่ตนคิดไว้แต่แรก เพราะเป็นคดีที่ก่อเหตุอย่างอำมหิตผิดมนุษย์ แม้แต่เด็กก็ยังทำ
อันดับ 4 : พี่เบ่งกินฟรี! ตำรวจอ้าง ตม. ชักดาบ เจอพนักงานในร้านเช็กบิล แถมต้นสังกัดฟันวินัย
เรื่องการใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปในทางมิชอบของตำรวจ ที่เรียกว่า "เบ่งกินฟรี" ตามร้านอาหารยังมีอยู่จริงในยุคนี้ ในโซเชียลมีเดียแชร์คลิปเหตุการณ์ที่ชายซึ่งอ้างว่าเป็นตำรวจ สังกัดตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานดอนเมือง ทะเลาะวิวาทกับพนักงานในร้านข้าวต้มอาเหลียง ถนนศรีโสธรตัดใหม่ ต.หน้าเมือง อ.เมืองฯ จ.ฉะเชิงเทรา สาเหตุเกิดจากที่ลูกค้าไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร และปาขวดสุราใส่พนักงาน ต่อมาได้ลงจากรถไปหยิบปืน แต่ปืนหล่นทำให้พนักงานในร้านแย่งมาเก็บไว้ได้ เหตุเกิดเมื่อเที่ยงคืนวันที่ 28 มี.ค. ทำเอาชาวเน็ตต่างพากันประณามพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจรายนี้
ด้าน ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงว่า ชายคนดังกล่าวทราบชื่อคือ ด.ต.ชัยยันต์ ระตะขันธ์ ผู้บังคับหมู่ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาออก ด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บก.ตม.2 เข้ามารับประทานอาหารพร้อมเพื่อน เมื่อร้านเรียกเก็บเงิน 270 บาท ด.ต.ชัยยันต์ จ่ายมาให้เพียง 170 บาท อ้างว่าไม่มี หลังจากนั้น จึงได้นำเงินที่เพื่อนมาจ่ายจนครบ พร้อมแสดงอาการไม่พอใจและยังขว้างขวดน้ำพลาสติก ใส่กลุ่มพนักงานร้านอาหาร หลังแยกย้ายไป 15 นาที ด.ต.ชัยยันต์ พกปืนกลับมาหักข้อมือพนักงานในร้าน พนักงานจึงดึงปืนที่เหน็บอยู่บริเวณเอวด้านหลังเหวี่ยวเข้าไป เบื้องต้นแจ้งข้อหา ด.ต.ชัยยันต์ พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หรือหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร และแจ้งต้นสังกัดดำเนินการตามวินัยต่อไป
อันดับ 5 : อ้างตาทิพย์เหมือนฟาสต์ 7! หนุ่มเพี้ยนเผารถ 7 คันในคืนเดียว ที่แท้ลูกเศรษฐีทาสยา
เหตุเพลิงไหม้รถยนต์ 7 คันรวดในคืนเดียว เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 26 มี.ค. ตำรวจ สภ.พานทอง จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถยนต์จอดอยู่ริมถนนศุขประยูร หมู่ 2 ต.หนองกะขะ อ.พานทอง พบรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบอรนซ์เงิน และรถเก๋งโตโยต้า โคโรลลา สีเขียว จอดติดกันเพลิงไหม้ห้องเครื่องยนต์รุนแรง เสียหายยับทั้งคู่ ต่อมาเพลิงไหม้รถเก๋งโตโยต้า อัลติส สีบอรนซ์ทอง ถูกเพลิงไหม้อีกจุดที่หน้าบริษัท นครโมลด์ เอ็นจิเนียริ่ง ต.หนองตำลึง ห่างออกไปอีก 2 กิโลเมตร รถตู้และรถกระบะถูกไฟไหม้เสียหายอีก 2 คัน และรถยนต์ถูกเผาเสียหายเล็กน้อยอีก 2 คัน รวมกันแล้วคืนเดียวรถถูกเผาไป 7 คันรวด
ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบคนร้ายรูปร่างท้วม ไว้ผมยาว ใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ สะพายกระเป๋า ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน มาจอดก่อนใช้น้ำมันราดรถยนต์แล้วจุดไฟเผาทันทีก่อนหลบหนีไป ชุดสืบสวนจึงตามไปจับกุมได้ ทราบชื่อคือนายวสิทธิ์ นันทิวัชวิภา อายุ 29 ปี ชาว ต.มาบโป่ง อ.พานทอง สอบสวนให้การวกวน อ้างมีตาทิพย์เหมือนภาพยนตร์เรื่องฟาสต์ 7 มีดาวเทียมคอยจับเป้าหมาย แถมอ้างเป็นสายลับของตำรวจ สืบสวนทราบว่าเมื่อ 10 ปีก่อน นายวสิทธิ์เป็นลูกคนรวย พ่อแม่ทิ้งมรดกที่ดินไว้ให้ นำไปขายได้เงิน 32 ล้านบาท แต่กลับใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เลี้ยงเพื่อน เสพยาเสพติดจนหมดตัว ทำให้เครียดจัดจนเกิดอาการทางสมอง
อันดับ 6 : พี่จ่าตายเดี่ยว! ถูกบีบหักเงินติดแอร์ แต่เพื่อนพลิกลิ้นสมัครใจ ผบ.ตร. เหยียบหน้าซ้ำ
กลายเป็นเรื่องบานปลาย ถึงขั้นเกิดรอยร้าวในโรงพัก สน.พหลโยธิน เมื่อวันที่ 27 มี.ค. จ.ส.ต.เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด ผบ.หมู่สืบสวน สน.พหลโยธิน ร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) หลังจากถูกผู้บังคับบัญชาระดับสารวัตรฝ่ายสืบสวน 2 นาย สั่งให้หักเบี้ยเลี้ยงตกเบิกจากตำรวจชั้นผู้น้อย 11 นาย เฉลี่ยรายละ 2,000-4,000 บาท เพื่อจัดซื้อเครื่องปรับอากาศในห้องสืบสวน ทั้งที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรง จึงต้องการให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงตรวจสอบ ขอให้โยกย้ายสารวัตรฝ่ายสืบสวน 2 นายออกจากพื้นที่ด้วย ซึ่งตำรวจทั้ง 11 นายยินดีที่จะให้ข้อมูล วันถัดมา จ.ส.ต.เลอศักดิ์ ยื่นใบลาพักตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค.-3 เม.ย.
ต่อมา พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.2 มอบหมายให้ พ.ต.อ.ยรรยง สันติปรีชาวัฒน์ รอง ผบก.น.2 ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะเรื่องเกิดขึ้นสมัย พ.ต.อ.ยรรยง เป็น ผกก.สน.พหลโยธิน กระทั่งช่วงค่ำวันที่ 28 มี.ค. พล.ต.ต.เอกชัย ชี้แจงว่า จากการสอบปากคำตำรวจฝ่ายสืบสวน 10 นาย ให้การสอดคล้องกันว่าให้หักเงินด้วยความสมัครใจ ยกเว้น จ.ส.ต.เลอศักดิ์ ที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจผิด ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ตำหนิว่า เรื่องแบบนี้พูดจากันได้ไม่ควรจะไปที่หน่วยอื่น อีกทั้งอยากให้ดูเจตนาว่าเอามาใช้ส่วนรวม ไม่ใช่เอาไปใช้ส่วนตัว เชื่อว่าหลายร้อยโรงพักก็ช่วยกันระดมทุนแบบนี้
พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า ได้ส่งเรื่องให้สำนักปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 5 สอบสวนแล้ว โดยต้องพิจารณาว่า ผู้บังคับบัญชาใช้อำนาจหน้าที่เกินหรือไม่ และกรณีเงินเข้าบัญชีส่วนตัว หากไม่สมัครใจให้ถูกหักเงินก็ทำไม่ได้ เพราะไม่ใช่เงินองค์กร ย้ำว่าไม่ควรเป็นกรณีศึกษา ไม่ควรเป็นตัวอย่าง องค์กรสามารถตั้งงบจัดซื้อจัดจ้างได้ ขณะที่ จ.ส.ต.เลอศักดิ์ ระบุว่า รู้สึกเสียใจ บั่นทอนกำลังใจ เพราะเงินที่ถูกหักเป็นเบี้ยเลี้ยงตกเบิกจากการตั้งด่านความมั่นคงช่วงกลางปี 2560 อีกทั้งเงินเดือนปกติไม่มาก ชีวิตไม่สุขสบาย ยืนยันว่าจะดำเนินการตามขั้นตอน แต่ยอมรับว่ากังวล กำลังพิจารณาขอโยกย้ายหรือลาออกจากอาชีพตำรวจ
อันดับ 7 : สะเทือนวงการ! 4 แบงก์ยักษ์ฟรีค่าธรรมเนียม "โอนเงิน จ่ายบิล เติมเงิน"
สร้างความฮือฮาไปทั้งวงการ รวมทั้งลูกค้าธนาคาร เมื่อวันที่ 28 มี.ค. สองธนาคารยักษ์ใหญ่ คือ ธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศฟรีค่าธรรมเนียมการโอนเงินข้ามเขต โอนเงินต่างธนาคาร เติมเงิน จ่ายบิล ให้กับลูกค้าที่ทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชั่นฟรีไม่จำกัดจำนวนครั้ง เพื่อส่งเสริมนโยบายสังคมไร้เงินสด ทำให้ถูกจับตามองจากธนาคารอื่นเป็นพิเศษ เพราะมีฐานลูกค้าแอปฯ K PLUS 8.1 ล้านราย และ SCB Easy 6.5 ล้านราย กระทั่งในช่วงค่ำ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกรุงเทพ ประกาศฟรีค่าธรรมเนียมตาม กระทั่ง 2 วันต่อมา ธนาคารขนาดกลางอย่าง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก็ประกาศฟรีค่าธรรมเนียมอีกด้วย
สาเหตุสำคัญเกิดจากเมื่อสัปดาห์ก่อน ธนาคารทุกแห่งได้ย้ายระบบการโอนเงินจากระบบเก่าที่ใช้มานาน 18 ปี เข้าสู่ "ระบบพร้อมเพย์" ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยกำกับดูแล และว่าจ้างบริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ เป็นผู้พัฒนาและบำรุงรักษา ทำให้โครงสร้างค่าธรรมเนียมโอนเงินต่างธนาคารถูกลง จากเดิม 25-35 บาทต่อรายการ ด้านนายธนา เธียรอัจฉริยะ ผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่า การประกาศฟรีค่าธรรมเนียมไม่รวมถึงช่องทางเอทีเอ็มและสาขา เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนใช้ช่องทางดิจิตอลมากขึ้น และไม่ได้แข่งขันกับธนาคารด้วยกันเอง แต่แข่งขันกับกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ และฟินเทคหน้าใหม่ที่จะเข้ามาช่วงชิงตลาดมากขึ้น