ตราตรึงอารมณ์ในโสตประสาท
หวานซึ้งอึงทั่วทุกห้วงอณูความรู้สึก ฯลฯ
นั่นคือตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของคำชื่นชม หลังจากสดับรับฟังเสียงของ “กนกวรรณ วันจันทร์” หรือ “นุ่น” นักร้องสาวชาวลำปางวัย 25 ปี ที่บทเพลง “จันทร์” เวอร์ชั่นคัฟเวอร์ของเธอได้รับการหยิบยกไปเป็นหนึ่งในเพลงประกอบละครยอดฮิตอย่างบุพเพสันนิวาส
ถึงแม้จะเกิดมาในสภาพที่ดวงตามองไม่เห็น แต่ก็เหมือนเป็น “บุพเพสันนิวาส” ซึ่งทำให้ “นุ่น กนกวรรณ” ได้พบกับการร้องเพลง ซึ่งเป็นเหมือนรักแต่ชาติปางก่อน เธอหลงใหลการฟังเพลง เท่าๆ กับการร้องเพลง และฝึกฝนตนเองจนก้าวขึ้นมาได้รับการยอมรับในฐานะผู้มีเสียงร้องที่ไพเราะมากที่สุดคนหนึ่ง ถึงขนาดที่ละครดังอย่างบุพเพสันนิวาสหยิบเอาเพลงเพลงหนึ่งซึ่งเธอคัฟเวอร์ ไปใช้ประกอบ...
แม้ว่าล่าสุด จะมีการตัดเพลงนี้ออกไปเพราะเหตุผลเรื่องลิขสิทธิ์ แต่เชื่อแน่ว่า สำหรับคนที่ได้ฟัง ย่อมเกิดความรู้สึกชื่นชมน้ำเสียงของเธออย่างแน่นอน นั่นยังไม่ต้องพูดถึงความเพียรความมุ่งมั่น ที่ควรได้รับการหยิบยกขึ้นมาเป็นเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจ...
• จุดเริ่มต้นบนเส้นทางการร้องเพลง
เป็นความรักความชอบตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่จำความได้ นุ่นก็มีเสียงเพลงอยู่ในชีวิต เพราะผู้ใหญ่ที่บ้านจะเปิดเพลงให้ฟังเป็นประจำ (ยิ้ม) เพลงลูกทุ่งของแม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ แต่ด้วยความขี้อาย ไม่กล้าที่จะร้อง มาฝึกร้องจริงจังตอนประมาณ 8-9 ขวบ โดยมีแม่ผึ้งเป็นทั้งศิลปินต้นแบบและครูคนแรก
• ทำไมถึงอาย
ไม่กล้าแสดงออก (ยิ้ม) คือเราไม่รู้ว่าเสียงที่เราร้องมันดีหรือไม่ดี แต่เรารู้แค่ว่าเสียงเพลงสามารถเปลี่ยนนุ่นได้จริงๆ มันมีความสุขมากเวลาที่ได้ร้องเพลงคนเดียว แต่ถ้ามีคนมาได้ยิน เราจะหยุดทันที มันเขิน เพราะบางทีเขาแอบอัดเสียงเราบ้างโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่มีอยู่วันหนึ่ง เราทลายกำแพงตรงนั้นได้เพราะว่ามีโอกาสได้ฟังการประกวดร้องเพลงผ่านในรายการทีวีแล้วมีคนเขาปรบมือชื่นชม เราก็อยากจะอยู่ในจุดนั้นบ้าง ก็เลยปฏิวัติตัวเอง พยายามจะไม่เขินอายเวลาร้องเพลง ก็เริ่มฝึก ฝึกแรกๆ ก็ฝึกเองจากคาราโอเกะทั่วไป แล้วผู้ใหญ่เขาก็ฟังว่าเสียงเรามันไม่เพี้ยน มันตรงคีย์ เขาก็แนะนำให้เราไปประกวดร้องเพลง
• เป็นอย่างไรบ้างกับการประกวด หลังจากปรับตัวให้เคยชินกับการร้องเพลงต่อหน้าคนอื่นแล้ว
ก็ยังมีแอบเขินอายอยู่บ้าง (ยิ้ม) แต่ก็ไปประกวด เพราะเราชื่นชอบการประกวดร้องเพลงอยู่แล้ว อย่างที่บอกว่า เราอยากจะอยู่ในจุดนั้นแบบศิลปิน ถ้ารู้ว่ามีการประกวดที่ไหนแล้วเรามีโอกาสไปได้ ก็ไปหมด ก็ไปประกวดตั้งแต่ระดับตำบล อำเภอ ไปจนถึงจังหวัด ก็แพ้บ้างชนะบ้าง ซึ่งการแข่งที่ภูมิใจที่สุดประทับใจที่สุดคือรางวัลประกวดร้องเพลงไทยลูกทุ่ง งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 62 ปี พ.ศ. 2555 ได้แชมป์ระดับประเทศตอนอายุ 19
• ใช้ระยะเวลาไม่กี่ปี สามารถคว้าแชมป์ระดับประเทศ
แต่ก็ถือว่านานเหมือนกัน ก็จัดว่ายาก กว่าจะทำได้ เพราะนุ่นเองมองไม่เห็น ก็ยากกว่าคนทั่วไป คนตาดีเขาสามารถพรินต์เนื้อเพลงหรือหาจากโทรศัพท์แล้วแอบชำเลืองดูได้ แต่เราต้องร้องเพลงจากความจำ หรือไม่ก็ต้องอาศัยเข้าเว็บไซต์กูเกิล ฟังแล้วจดมาเป็นอักษรเบรลล์ ก็จะมีแค่ตรงเรื่องนี้ ส่วนเรื่องอารมณ์ความรู้สึก จินตนาการในการถ่ายทอดเพลงไม่ยากเท่าไหร่ พอดีนุ่นเป็นคนที่ชื่นชอบการร้องเพลงช้าเป็นทุนเดิม เพราะเพลงช้าเป็นเพลงที่ทำนองไพเราะและทำให้เข้าถึงอารมณ์เพลงได้ง่าย เหมือนเพลงจันทร์ที่คัฟเวอร์ เราจินตนาการอยู่แล้วในการใช้ชีวิตว่าสิ่งนั้นคือยังไงผ่านการสัมผัสต่างๆ ของเรา ตรงนี้ก็ช่วยให้เราเข้าถึง ให้เราสมมติตัวเองเป็นบทบาทหนึ่งในเพลงนั้นๆ ง่ายขึ้น
• วันหนึ่งๆ ฝึกซ้อมมากน้อยแค่ไหนในการตามฝันของเรา ณ เวลานั้น
ว่างตอนไหนก็ซ้อม เช้าตื่นมาเข้าห้องน้ำก็ร้องเพลงแล้ว (ยิ้ม) เปิดเพลงฟังไปร้องไป
• มีเหนื่อยมีท้อบ้างหรือไม่ เนื่องจากช่องทางในการพัฒนาหรือเติบโตมีขอบเขตจำกัดด้วยการมองเห็น
ไม่ค่ะ คือการร้องเพลงของเราอาจจะฟังดูแล้วว่าเราซ้อมเยอะซ้อมหนักและทำยากกว่าคนทั่วไปเขา แต่ก็คือ เพื่อที่เราจะได้ไปอยู่ในจุดอย่างพี่ๆ ศิลปินที่นอกจากแม่ผึ้งแล้วก็พี่ บิว กัลยาณี หญิง ธิติกานต์ ก็ทำให้เรามีความพยายาม ทำให้เรานึกถึงว่าถ้าเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว เราต้องทำให้ถึงที่สุด ทำให้ดีที่สุด แล้วเราก็ยังมีครอบครัวที่เขายังรอชื่นชมความสำเร็จของเรา เราก็อยากให้ทุกคนในครอบครัว คนรอบๆ ข้างภูมิใจในตัวเรา ได้เห็นว่าเราทำได้
• แล้วเราก็ทำได้อย่างที่ตั้งใจ
ค่ะ ก็ต้องขอบคุณมูลนิธิสถาบันดนตรีคนตาบอด สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และพี่โอ๊ต Fly High (อิทธิพล พิมทอง) ที่ทำให้ได้พบโอกาสตรงนี้ คือในตอนนั้นที่เราร้องเพลงนุ่นก็เรียนไปด้วยแล้วก็ร้องเพลงเปิดหมวกด้วยที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ถนนคนเดินแล้วก็ร้านของฝากวนัสนันท์เชียงใหม่ เราก็ไปตามฝันเราเต็มที่เลย ก็ไปทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเขาจะฟังเราไหม แต่ทุกอย่างเราทำจากความรักความชอบแล้วก็ทำให้เต็มที่ และก็ได้การตอบรับอย่างดี
ทีนี้พี่โอ๊ตเขาก็ไปทราบข่าวประชาสัมพันธ์ทางเฟซบุ๊ก เขาก็แนะนำว่ามีโครงการของสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เราก็ถือว่าเป็นโอกาส ก็ลองไปร่วมโครงการร่วมประกวด จำได้ว่าเป็นช่วงกลางเดือนกันยายน 2558 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยได้จัดโครงการพัฒนาศักยภาพนักร้องนักดนตรีตาบอดในที่สาธารณะ ซึ่งนุ่นก็ได้เข้าร่วมโครงการและได้แข่งขัน ตอนนั้นมีการคัดเลือกตัวแทนเพื่อเข้าประกวด ก็ไปสมัครคัดจากหลายๆ คน ก็ได้เป็นแชมป์ในการประกวดครั้งแรกครั้งนั้น และเป็นผู้ผ่านการคัดเลือกจากทั้งหมด 10 เวทีทั่วประเทศ
หลังจากที่เราผ่านการประกวดมา กระทรวงกับสมาคมก็เป็นแรงผลักดันที่ทำให้เป็นที่รู้จักในสังคม เปิดโอกาสให้ขึ้นเวที มีโอกาสได้ขึ้นคอนเสิร์ตเวทีใหญ่ s2s Light of love ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2560 รวมถึงเทศกาลดนตรีคนตาบอดนานาชาติ ที่จัดขึ้นทุกปี เวทีแรกในปีนี้จัดไปแล้วที่จังหวัดนครพนม และกำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2561 ที่จะถึงนี้ที่จังหวัดภูเก็ต และจะจัดเวทีสุดท้ายของปีนี้ที่กรุงเทพมหานครในเดือนพฤษภาคมนี้
นอกจากนี้ก็พัฒนาทักษะด้านต่างๆ ทั้งหมด แบ่งเป็นการอบรมร้องเพลง ได้เรียนร้องเพลงจากครูสอนร้องเพลงระดับประเทศ ครูโรจน์ รุ่งโรจน์ ดุลลาพันธ์ รวมถึงการแสดง และพัฒนาบุคลิกภาพ อย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญคือทั้งครูและพี่ๆ ก็ยังมีการแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ มุมมองความคิด กำลังใจ เหมือนครอบครัวอีกครอบครัวหนึ่ง ทั้งหมดก็เป็นอะไรที่เราเหนือความคาดหมาย แต่เราก็ต้องทำต่อไป ยังมีหลายๆ สิ่งอย่างที่มีความตั้งใจ อยากมีซิงเกิลเป็นของตัวเอง ได้มีโอกาสร่วมงานกับศิลปินหรือว่าครูเพลงหลายๆ คน
• แต่ตอนนี้ก็ถือว่าเหลืออีกครึ่งทางของความฝันความสำเร็จการเป็นศิลปินนักร้องที่ได้รับการชื่นชมปรบมือดั่งที่หวัง
ก็รู้สึกดีใจที่เพลงของเราเป็นที่ชื่นชอบของหลายๆ คน คือตอนแรกเราคัฟเวอร์ ไม่ว่าจะเพลงจันทร์ที่มีคนนำเวอร์ชั่นของเราไปประกอบภาพละครบุพเพสันนิวาส หรือเพลงอื่นๆ เราไม่ได้คาดหวังว่าจะดังหรือมาไกลขนาดนี้ แต่เราดีใจที่เราได้ทำในสิ่งที่เรารักเราชอบแล้วคนอื่นก็ชอบด้วยเหมือนกับเรา แต่เราก็ยังต้องทำต่อไปให้เต็มที่ทุกๆ อย่างในสิ่งที่เรารัก เพื่อนๆ พี่ๆ สามารถติดตามฟังผลงานของนุ่นและพี่น้องพวกเราได้ทาง s2s Fly High และ s2s Channel หรือที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก ‘สถาบันดนตรีคนตาบอด’
• ทิ้งท้ายฝากกำลังใจให้กับคนที่มีฝันและกำลังทำตามฝันอย่างที่เราก้าวข้ามผ่านมาจนถึงจุดนี้แห่งความสำเร็จ
อย่าท้อค่ะ อยากให้ทุกคนมีกำลังใจในการต่อสู้ อยากให้ทุกคนคิดว่าตัวเองมีค่ากับทุกๆ คน ไม่ว่าทำสิ่งใดยังมีกำลังใจจากคนรอบข้างเสมอๆ ก็อยากให้ทุกคนมีความมุ่งมั่นแล้วก็หาโอกาส ใครที่มีความฝันอยากให้ทำให้เต็มที่ อย่ารอ ลุกขึ้นมาทำตามฝันแล้ววันหนึ่งมันก็จะประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
ติดตามผลงานและสนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิสถาบันดนตรีคนตาบอดและโครงการ S2S Fly High ได้ที่ : เพจเฟซบุ๊ก tabmusicacademy เพจเฟซบุ๊ก s2sflyhigh หรือเว็บไซต์ s2sflyhigh.com
เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : มูลนิธิสถาบันดนตรีคนตาบอด
หวานซึ้งอึงทั่วทุกห้วงอณูความรู้สึก ฯลฯ
นั่นคือตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของคำชื่นชม หลังจากสดับรับฟังเสียงของ “กนกวรรณ วันจันทร์” หรือ “นุ่น” นักร้องสาวชาวลำปางวัย 25 ปี ที่บทเพลง “จันทร์” เวอร์ชั่นคัฟเวอร์ของเธอได้รับการหยิบยกไปเป็นหนึ่งในเพลงประกอบละครยอดฮิตอย่างบุพเพสันนิวาส
ถึงแม้จะเกิดมาในสภาพที่ดวงตามองไม่เห็น แต่ก็เหมือนเป็น “บุพเพสันนิวาส” ซึ่งทำให้ “นุ่น กนกวรรณ” ได้พบกับการร้องเพลง ซึ่งเป็นเหมือนรักแต่ชาติปางก่อน เธอหลงใหลการฟังเพลง เท่าๆ กับการร้องเพลง และฝึกฝนตนเองจนก้าวขึ้นมาได้รับการยอมรับในฐานะผู้มีเสียงร้องที่ไพเราะมากที่สุดคนหนึ่ง ถึงขนาดที่ละครดังอย่างบุพเพสันนิวาสหยิบเอาเพลงเพลงหนึ่งซึ่งเธอคัฟเวอร์ ไปใช้ประกอบ...
แม้ว่าล่าสุด จะมีการตัดเพลงนี้ออกไปเพราะเหตุผลเรื่องลิขสิทธิ์ แต่เชื่อแน่ว่า สำหรับคนที่ได้ฟัง ย่อมเกิดความรู้สึกชื่นชมน้ำเสียงของเธออย่างแน่นอน นั่นยังไม่ต้องพูดถึงความเพียรความมุ่งมั่น ที่ควรได้รับการหยิบยกขึ้นมาเป็นเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจ...
• จุดเริ่มต้นบนเส้นทางการร้องเพลง
เป็นความรักความชอบตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่จำความได้ นุ่นก็มีเสียงเพลงอยู่ในชีวิต เพราะผู้ใหญ่ที่บ้านจะเปิดเพลงให้ฟังเป็นประจำ (ยิ้ม) เพลงลูกทุ่งของแม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ แต่ด้วยความขี้อาย ไม่กล้าที่จะร้อง มาฝึกร้องจริงจังตอนประมาณ 8-9 ขวบ โดยมีแม่ผึ้งเป็นทั้งศิลปินต้นแบบและครูคนแรก
• ทำไมถึงอาย
ไม่กล้าแสดงออก (ยิ้ม) คือเราไม่รู้ว่าเสียงที่เราร้องมันดีหรือไม่ดี แต่เรารู้แค่ว่าเสียงเพลงสามารถเปลี่ยนนุ่นได้จริงๆ มันมีความสุขมากเวลาที่ได้ร้องเพลงคนเดียว แต่ถ้ามีคนมาได้ยิน เราจะหยุดทันที มันเขิน เพราะบางทีเขาแอบอัดเสียงเราบ้างโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่มีอยู่วันหนึ่ง เราทลายกำแพงตรงนั้นได้เพราะว่ามีโอกาสได้ฟังการประกวดร้องเพลงผ่านในรายการทีวีแล้วมีคนเขาปรบมือชื่นชม เราก็อยากจะอยู่ในจุดนั้นบ้าง ก็เลยปฏิวัติตัวเอง พยายามจะไม่เขินอายเวลาร้องเพลง ก็เริ่มฝึก ฝึกแรกๆ ก็ฝึกเองจากคาราโอเกะทั่วไป แล้วผู้ใหญ่เขาก็ฟังว่าเสียงเรามันไม่เพี้ยน มันตรงคีย์ เขาก็แนะนำให้เราไปประกวดร้องเพลง
• เป็นอย่างไรบ้างกับการประกวด หลังจากปรับตัวให้เคยชินกับการร้องเพลงต่อหน้าคนอื่นแล้ว
ก็ยังมีแอบเขินอายอยู่บ้าง (ยิ้ม) แต่ก็ไปประกวด เพราะเราชื่นชอบการประกวดร้องเพลงอยู่แล้ว อย่างที่บอกว่า เราอยากจะอยู่ในจุดนั้นแบบศิลปิน ถ้ารู้ว่ามีการประกวดที่ไหนแล้วเรามีโอกาสไปได้ ก็ไปหมด ก็ไปประกวดตั้งแต่ระดับตำบล อำเภอ ไปจนถึงจังหวัด ก็แพ้บ้างชนะบ้าง ซึ่งการแข่งที่ภูมิใจที่สุดประทับใจที่สุดคือรางวัลประกวดร้องเพลงไทยลูกทุ่ง งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 62 ปี พ.ศ. 2555 ได้แชมป์ระดับประเทศตอนอายุ 19
• ใช้ระยะเวลาไม่กี่ปี สามารถคว้าแชมป์ระดับประเทศ
แต่ก็ถือว่านานเหมือนกัน ก็จัดว่ายาก กว่าจะทำได้ เพราะนุ่นเองมองไม่เห็น ก็ยากกว่าคนทั่วไป คนตาดีเขาสามารถพรินต์เนื้อเพลงหรือหาจากโทรศัพท์แล้วแอบชำเลืองดูได้ แต่เราต้องร้องเพลงจากความจำ หรือไม่ก็ต้องอาศัยเข้าเว็บไซต์กูเกิล ฟังแล้วจดมาเป็นอักษรเบรลล์ ก็จะมีแค่ตรงเรื่องนี้ ส่วนเรื่องอารมณ์ความรู้สึก จินตนาการในการถ่ายทอดเพลงไม่ยากเท่าไหร่ พอดีนุ่นเป็นคนที่ชื่นชอบการร้องเพลงช้าเป็นทุนเดิม เพราะเพลงช้าเป็นเพลงที่ทำนองไพเราะและทำให้เข้าถึงอารมณ์เพลงได้ง่าย เหมือนเพลงจันทร์ที่คัฟเวอร์ เราจินตนาการอยู่แล้วในการใช้ชีวิตว่าสิ่งนั้นคือยังไงผ่านการสัมผัสต่างๆ ของเรา ตรงนี้ก็ช่วยให้เราเข้าถึง ให้เราสมมติตัวเองเป็นบทบาทหนึ่งในเพลงนั้นๆ ง่ายขึ้น
• วันหนึ่งๆ ฝึกซ้อมมากน้อยแค่ไหนในการตามฝันของเรา ณ เวลานั้น
ว่างตอนไหนก็ซ้อม เช้าตื่นมาเข้าห้องน้ำก็ร้องเพลงแล้ว (ยิ้ม) เปิดเพลงฟังไปร้องไป
• มีเหนื่อยมีท้อบ้างหรือไม่ เนื่องจากช่องทางในการพัฒนาหรือเติบโตมีขอบเขตจำกัดด้วยการมองเห็น
ไม่ค่ะ คือการร้องเพลงของเราอาจจะฟังดูแล้วว่าเราซ้อมเยอะซ้อมหนักและทำยากกว่าคนทั่วไปเขา แต่ก็คือ เพื่อที่เราจะได้ไปอยู่ในจุดอย่างพี่ๆ ศิลปินที่นอกจากแม่ผึ้งแล้วก็พี่ บิว กัลยาณี หญิง ธิติกานต์ ก็ทำให้เรามีความพยายาม ทำให้เรานึกถึงว่าถ้าเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว เราต้องทำให้ถึงที่สุด ทำให้ดีที่สุด แล้วเราก็ยังมีครอบครัวที่เขายังรอชื่นชมความสำเร็จของเรา เราก็อยากให้ทุกคนในครอบครัว คนรอบๆ ข้างภูมิใจในตัวเรา ได้เห็นว่าเราทำได้
• แล้วเราก็ทำได้อย่างที่ตั้งใจ
ค่ะ ก็ต้องขอบคุณมูลนิธิสถาบันดนตรีคนตาบอด สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และพี่โอ๊ต Fly High (อิทธิพล พิมทอง) ที่ทำให้ได้พบโอกาสตรงนี้ คือในตอนนั้นที่เราร้องเพลงนุ่นก็เรียนไปด้วยแล้วก็ร้องเพลงเปิดหมวกด้วยที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ถนนคนเดินแล้วก็ร้านของฝากวนัสนันท์เชียงใหม่ เราก็ไปตามฝันเราเต็มที่เลย ก็ไปทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเขาจะฟังเราไหม แต่ทุกอย่างเราทำจากความรักความชอบแล้วก็ทำให้เต็มที่ และก็ได้การตอบรับอย่างดี
ทีนี้พี่โอ๊ตเขาก็ไปทราบข่าวประชาสัมพันธ์ทางเฟซบุ๊ก เขาก็แนะนำว่ามีโครงการของสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เราก็ถือว่าเป็นโอกาส ก็ลองไปร่วมโครงการร่วมประกวด จำได้ว่าเป็นช่วงกลางเดือนกันยายน 2558 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยได้จัดโครงการพัฒนาศักยภาพนักร้องนักดนตรีตาบอดในที่สาธารณะ ซึ่งนุ่นก็ได้เข้าร่วมโครงการและได้แข่งขัน ตอนนั้นมีการคัดเลือกตัวแทนเพื่อเข้าประกวด ก็ไปสมัครคัดจากหลายๆ คน ก็ได้เป็นแชมป์ในการประกวดครั้งแรกครั้งนั้น และเป็นผู้ผ่านการคัดเลือกจากทั้งหมด 10 เวทีทั่วประเทศ
หลังจากที่เราผ่านการประกวดมา กระทรวงกับสมาคมก็เป็นแรงผลักดันที่ทำให้เป็นที่รู้จักในสังคม เปิดโอกาสให้ขึ้นเวที มีโอกาสได้ขึ้นคอนเสิร์ตเวทีใหญ่ s2s Light of love ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2560 รวมถึงเทศกาลดนตรีคนตาบอดนานาชาติ ที่จัดขึ้นทุกปี เวทีแรกในปีนี้จัดไปแล้วที่จังหวัดนครพนม และกำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2561 ที่จะถึงนี้ที่จังหวัดภูเก็ต และจะจัดเวทีสุดท้ายของปีนี้ที่กรุงเทพมหานครในเดือนพฤษภาคมนี้
นอกจากนี้ก็พัฒนาทักษะด้านต่างๆ ทั้งหมด แบ่งเป็นการอบรมร้องเพลง ได้เรียนร้องเพลงจากครูสอนร้องเพลงระดับประเทศ ครูโรจน์ รุ่งโรจน์ ดุลลาพันธ์ รวมถึงการแสดง และพัฒนาบุคลิกภาพ อย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญคือทั้งครูและพี่ๆ ก็ยังมีการแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ มุมมองความคิด กำลังใจ เหมือนครอบครัวอีกครอบครัวหนึ่ง ทั้งหมดก็เป็นอะไรที่เราเหนือความคาดหมาย แต่เราก็ต้องทำต่อไป ยังมีหลายๆ สิ่งอย่างที่มีความตั้งใจ อยากมีซิงเกิลเป็นของตัวเอง ได้มีโอกาสร่วมงานกับศิลปินหรือว่าครูเพลงหลายๆ คน
• แต่ตอนนี้ก็ถือว่าเหลืออีกครึ่งทางของความฝันความสำเร็จการเป็นศิลปินนักร้องที่ได้รับการชื่นชมปรบมือดั่งที่หวัง
ก็รู้สึกดีใจที่เพลงของเราเป็นที่ชื่นชอบของหลายๆ คน คือตอนแรกเราคัฟเวอร์ ไม่ว่าจะเพลงจันทร์ที่มีคนนำเวอร์ชั่นของเราไปประกอบภาพละครบุพเพสันนิวาส หรือเพลงอื่นๆ เราไม่ได้คาดหวังว่าจะดังหรือมาไกลขนาดนี้ แต่เราดีใจที่เราได้ทำในสิ่งที่เรารักเราชอบแล้วคนอื่นก็ชอบด้วยเหมือนกับเรา แต่เราก็ยังต้องทำต่อไปให้เต็มที่ทุกๆ อย่างในสิ่งที่เรารัก เพื่อนๆ พี่ๆ สามารถติดตามฟังผลงานของนุ่นและพี่น้องพวกเราได้ทาง s2s Fly High และ s2s Channel หรือที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก ‘สถาบันดนตรีคนตาบอด’
• ทิ้งท้ายฝากกำลังใจให้กับคนที่มีฝันและกำลังทำตามฝันอย่างที่เราก้าวข้ามผ่านมาจนถึงจุดนี้แห่งความสำเร็จ
อย่าท้อค่ะ อยากให้ทุกคนมีกำลังใจในการต่อสู้ อยากให้ทุกคนคิดว่าตัวเองมีค่ากับทุกๆ คน ไม่ว่าทำสิ่งใดยังมีกำลังใจจากคนรอบข้างเสมอๆ ก็อยากให้ทุกคนมีความมุ่งมั่นแล้วก็หาโอกาส ใครที่มีความฝันอยากให้ทำให้เต็มที่ อย่ารอ ลุกขึ้นมาทำตามฝันแล้ววันหนึ่งมันก็จะประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
ติดตามผลงานและสนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิสถาบันดนตรีคนตาบอดและโครงการ S2S Fly High ได้ที่ : เพจเฟซบุ๊ก tabmusicacademy เพจเฟซบุ๊ก s2sflyhigh หรือเว็บไซต์ s2sflyhigh.com
เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : มูลนิธิสถาบันดนตรีคนตาบอด