ทางเลือกสุดท้าย “เงินติดล้อ...คือเงินติดล้อ” กรุงศรีฯ ตัดคำว่า “ศรีสวัสดิ์” ออก

... รายงาน

ในที่สุด ชื่อของ “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ” ก็กลายเป็นตำนานหน้าหนึ่งของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (นอน-แบงก์) เมื่อบริษัท เงินติดล้อ จำกัด บริษัทในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ตัดสินใจตัดคำว่า “ศรีสวัสดิ์” ออกจากแบรนด์ ปรับโลโก้เหลือเพียงคำว่า “เงินติดล้อ” เท่านั้น

ปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด ให้เหตุผลว่า เนื่องจากที่ผ่านมา ทำการสื่อสารโดยใช้แบรนด์ “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ” มาโดยตลอด แม้ว่าจะปรับเปลี่ยนโลโก้ของแบรนด์เงินติดล้อ โดยปรับคำว่า “ศรีสวัสดิ์” ให้มีขนาดเล็กลง แต่ส่วนใหญ่ยังคงสับสน และเรียกว่า “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ”

นอกจากนี้ ยังมีการสำรวจความคิดเห็น ถึงความเข้าใจผิดด้านแบรนด์ พบว่า กลุ่มตัวอย่างผู้ใช้สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ทั่วประเทศจำนวน 57% เข้าใจผิดคิดว่า “เงินติดล้อ” มีความเกี่ยวข้อง หรือเป็นบริษัทเดียวกับผู้ให้บริการสินเชื่อรายอื่น ที่ใช้ชื่อเหมือน หรือคล้ายกับเครื่องหมายบริการของบริษัทฯ

โดยผลสำรวจในปี 2560 พบว่า ผู้ใช้สินเชื่อทะเบียนรถถึง 24% ยังมีความเข้าใจผิดด้านแบรนด์

และยังพบว่า มีกลุ่มลูกค้าของบริษัทสินเชื่อรายอื่นที่ใช้ชื่อเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายบริการของบริษัทฯ เข้าใจผิดติดต่อเข้ามาที่ Call Center เงินติดล้อ 400 - 500 คน ต่อเดือน และยังมีผู้เข้าใจผิดเข้ามาติดต่อที่เงินติดล้อ เฉลี่ยทุกสาขาทั่วประเทศมากกว่า 1,000 คนต่อเดือน ทั้งหมดเกิดจากความเข้าใจผิดด้านแบรนด์ทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้น การตัดคำว่า “ศรีสวัสดิ์” ออกจากคำว่า “เงินติดล้อ” ออก เพื่อแก้ปัญหาความเข้าใจผิดให้กับกลุ่มลูกค้า พร้อมกับตอกย้ำสร้างการรับรู้ด้านแบรนด์ “เงินติดล้อ” อีกด้วย โดยการออกภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “เงินติดล้อคือเงินติดล้อ” เน้นออกมาขอโทษลูกค้าที่สร้างความสับสนมาโดยตลอด



“การตัดคำว่าศรีสวัสดิ์ออกจากแบรนด์เงินติดล้อในครั้งนี้ แม้ว่าบริษัทฯ จะเป็นเจ้าของและสามารถใช้ชื่อทางการค้าและเครื่องหมายบริการ “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ” ซึ่งได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม แต่บริษัทฯ เล็งเห็นถึงประโยชน์ที่กลุ่มลูกค้าจะได้รับความสะดวกในการพิจารณาเลือกรับบริการที่มีมาตรฐาน เป็นธรรม และโปร่งใส จากเงินติดล้อได้ชัดเจนมากขึ้น” นายปิยะศักดิ์ กล่าว

ชื่อของ “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ” เกิดขึ้นมาจากธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในจังหวัดเพชรบูรณ์ ของครอบครัว “แก้วบุตตา” ในนาม บริษัท ศรีสวัสดิ์ เพชรบูรณ์ จำกัด เมื่อปี 2522

ก่อนขยายธุรกิจไปยังจังหวัดต่างๆ 130 สาขาทั่วประเทศ โดยใช้คำว่า “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ” และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ศรีสวัสดิ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (1991) จำกัด นับเป็นผู้บุกเบิกสินเชื่อประเภทรถแลกเงินที่มีชื่อเสียงในคราวนั้น แล้วทำให้สถาบันการเงิน โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์หันมาให้บริการสินเชื่อรถแลกเงินมากขึ้น

ต่อมาปี 2550 อเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนล กรุ๊ป อิงค์ หรือ กลุ่ม AIG กลุ่มบริษัทประกันภัย และผู้ให้บริการทางการเงินสัญชาติอเมริกัน ได้ส่ง บริษัท ซีเอฟจี เซอร์วิส จำกัด เข้าซื้อสินทรัพย์เครือข่ายสาขาจากตระกูล “แก้วบุตตา” มีทั้งสาขาและเครื่องหมายบริการ “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ” ไปด้วย

นับจากนั้นเป็นต้นมา “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ” เป็นของบริษัท ซีเอฟจี เซอร์วิส ในกลุ่ม AIG

กระทั่งปี 2552 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อหุ้น 99.5% ในธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) และถือหุ้น 100% ในธุรกิจบัตรเครดิต บริษัท เอไอจีคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด รวม 2,055 ล้านบาท ทำให้ บริษัท ซีเอฟจี เซอร์วิส เจ้าของ “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ” กลายเป็นบริษัทในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยาไปโดยปริยาย

ด้านครอบครัวแก้วบุตตา ได้จัดตั้ง บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด เมื่อปี 2551 และเริ่มดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อจำนำรถทุกประเภท รวมถึงการให้บริการสินเชื่อประเภทที่อยู่อาศัย ภายใต้สโลแกน “มีบ้าน มีรถ เงินสดทันใจ” ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา ก่อนจะขยายสาขากว่า 2,130 แห่งในปัจจุบัน

ความสัมพันธ์ระหว่าง “เงินติดล้อ” กับครอบครัวแก้วบุตตา ก็จบลงตรงในตอนนั้น

ขณะที่ฝั่งของ “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ” ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เงินติดล้อ จำกัด เมื่อปี 2558 ก่อนที่ในปี 2559 ได้ปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ โดยเน้นคำว่า “เงินติดล้อ” พร้อมกับสัญลักษณ์รูปเงินหมุน มาจากฟอร์มธนบัตรสองใบที่กำลังหมุน ปัจจุบันมีสาขาให้บริการ 550 แห่ง

นอกจากนั้น ยังเพิ่มบริการอื่นนอกจากสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ โดยเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย รับทำ พ.ร.บ. จำหน่ายประกันรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุ ประกันมะเร็ง เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ อีกทางหนึ่ง

ถึงกระนั้น ยังพบว่า “เงินติดล้อ” ถูกละเมิดเครื่องหมายบริการ “ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ” จากคู่แข่งรายหนึ่งที่ใช้ชื่อเหมือนกัน โดยมีการทำธุรกิจโดยเปิดสาขาใกล้กัน รูปแบบสำนักงาน สัญลักษณ์เครื่องหมายคล้ายคลึงกัน ทำให้เกิดความสับสน และเรื่องนี้ได้มีการฟ้องร้องศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ

กระทั่งได้ตัดสินให้ “เงินติดล้อ” ชนะคดีไปแล้ว ล่าสุดอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นฎีกา

แม้ว่าความพยายามของ “เงินติดล้อ” ในการตอกย้ำแบรนด์ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งเปลี่ยนโลโก้ ทั้งภาพยนตร์โฆษณาที่มักจะมีคำว่า “อย่าเข้าผิด” ในตอนท้าย ทุ่มงบประมาณไปแล้วมากกว่า 1,300 ล้านบาท แต่ก็ไม่อาจยับยั้งความสับสนของลูกค้าและประชาชนทั่วไปได้

สุดท้าย ... การตัดคำว่า “ศรีสวัสดิ์” ออกจากโลโก้ “เงินติดล้อ” จึงเป็นทางออกสุดท้าย เพื่อต้องการให้ลูกค้าที่เข้ารับบริการหายสับสน รวมทั้งป้องกันสิทธิและป้องกันส่วนได้เสียของบริษัทฯ และผู้ใช้บริการไม่ให้ต้องได้รับความเสียหายจากการเข้าใจผิดดังกล่าว