xs
xsm
sm
md
lg

ใจแลกใจ “ทนายเจมส์” สุภาพบุรุษยุติธรรม ที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เปิดใจทนายหนุ่มรูปงาม ออร่าไม่แพ้พระเอกซุป’ตาร์คนหนึ่ง “ทนายเจมส์” หรือ “นิติธร แก้วโต” ที่ภายใต้ความหล่อเหลาชนิดล้นเหลือ ยังเปี่ยมไปด้วยความสามารถและเต็มไปด้วยแง่คิดมุมมองที่ดีเป็นแก่นให้ยึดถือเป็นต้นแบบ

... “ก็ดีใจที่มีคนมาชอบเราติดตามเรา มันก็เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง แต่ผมก็ไม่ได้หลงกับสิ่งที่เขามาสนใจรูปลักษณ์ภายนอก เพราะมองว่ามันฉาบฉวย แต่ถ้าถามว่าภูมิใจไหม ผมเฉยๆ ในเรื่องตรงนี้ เพราะผมเองถูกสอนมาไม่ให้หลงระเริงกับพวกนี้ มันไม่แน่นอน คนเราต่อไปมันอาจจะมีทนายรุ่นใหม่อะไรมาดังกว่าเราก็ได้ แต่สิ่งที่เราควรกระทำอยู่ตลอดเวลาคือการศึกษาหาความรู้ ทำสิ่งที่ดี

“ความหล่ออยู่ไม่คงทน แต่ความดีกับความรู้จะคงทนมากกว่า ฉะนั้นผมอยากให้มองให้โฟกัสตรงนี้ ไม่ใช่สนใจแต่ทำอย่างไรให้ดัง มันต้องมีพื้นฐานมาจากความดีก่อน”
....

• จุดเริ่มต้นตรงนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เราเลือกเป็นทนายความด้วยหรือไม่

ไม่ครับ ไม่ใช่จุดเริ่มต้น คือมันเริ่มจากตอนเด็กๆ ตามประสาเด็กผู้ชายทั่วไปก็ไม่ค่อยได้สนใจเรียนสักเท่าไหร่ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ท่านก็หวังอยากให้เราเรียนจบมีอนาคต ก็เลือกเรียนบัญชีก่อนในตอนนั้นที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพราะการจะเรียนนิติศาสตร์ต้องเป็นหนอนหนังสือ แต่เราห่างไกลจากตรงนั้นมาก ทีนี้ช่วงที่ไปเรียนมหาวิทยาลัยนั่นแหล่ะคือจุดเริ่มต้น เพราะโดนเพื่อนเหมือนตั้งข้อรังเกียจ เพราะเราไม่ตั้งใจเรียน เขาคบเรา เราจะพาเสีย พาดื้อ พาซน ก็เลยเป็นแรงกดดันให้ตัวเอง เราก็กลับมาคิด เราก็ต้องมีอนาคตสิวะ เกิดเป็นแรงฮึดสู้ขึ้นมา กลับมาตั้งใจเรียนโดยที่หลังจากเรียนบัญชีไปแล้ว เรารู้สึกไม่ชอบ ก็เลยเปลี่ยนมาเรียนนิติศาสตร์ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างที่เราตั้งใจ

• ยังไงบ้าง

ผลการเรียนดีขึ้น เรารู้สึกตัวว่าเรามาถูกทาง เสน่ห์ของวิชากฎหมาย พอผมเข้าไปเรียนรู้คือมันสามารถเข้าไปแทรกซึมทุกหน่วยงานเลย คำว่าวิชากฎหมาย เอกชน ราชการ นิติกรก็ได้ ปลัด อบต.ก็ได้ ตำรวจก็ได้ ทหารก็ได้ ต่างจากวิชาชีพอื่นๆ ที่ความกว้างของสาชาวิชาชีพน้อยกว่า นิติศาสตร์แทรกซึมได้ทุกหน่วยงาน เดินไปทางไหนก็ได้ แถมเด็กบ้านนอกจบนิติศาสตร์มีไม่มีกี่คนสมัยก่อน รุ่นผมจบอยู่แค่ 2 คนจากทั้งรุ่น 200-300 คน ผมจบ 3 ปี ไม่ได้จบ 4 ปี จริงๆ ขอจบได้ตั้งแต่ 2 ปีครึ่ง แต่ตอนเรียนบัญชีไม่ได้สอบไปตัวหนึ่ง เลยเป็นตัวติดหลุดมาสอบตอน 3 ปี ก็เลยมาจบ 3 ปี

ที่สำคัญ การเป็นนักกฎหมายคือเอาวิชาความรู้ที่เรามีไปช่วยเหลือคนอื่นได้อีก นอกจากทำให้คุณพ่อภาคภูมิใจที่เราเรียนจบได้ ท่านได้ปลดแอกภูเขาออกจากอกที่ต้องกังวลเรื่องของเราในตอนนั้นโดยที่ไม่เคยปริออกมาเป็นพูด ซึ่งตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งอาจจะมาจากลึกๆ ที่พอเราเรียนทางด้านนี้แล้วเราอาจจะได้มาจากคุณพ่อที่ท่านเป็นคนชอบช่วยเหลือผู้คน ครอบครัวของผมทั้งหมดเป็นครอบครัวข้าราชการ คุณปู่คุณย่า คุณพ่อคุณแม่ ท่านสอนให้เราเป็นคนดีนำ ไม่ใช่เก่งนำ ผมก็ไม่ใช่คนเก่ง ซึ่งเขาก็ไม่ได้คาดคั้นให้ผมเป็นคนเก่ง แต่เขาเป็นตัวอย่างที่ดี เป็นคนที่มีน้ำใจต่อคนอื่น อย่างเช่นพ่อผม ทั้งๆ ที่แกไม่ใช่เป็นนักกฎหมาย เป็นครูโรงเรียนเล็กๆ สมัยก่อน คนเดือดร้อน ท่านก็เขียนหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรม ใครไม่มีไฟฟ้า ก็ขอไฟฟ้าให้ แกพร้อมช่วยเหลือคนอื่นเสมอ ทั้งๆ ไม่ใช่หน้าที่

• แต่ดีด้วยเก่งด้วยยิ่งดี ตรงนี้ก็ตอบโจทย์ทั้งในแง่ชีวิตและวิชาชีพ

ใช่…อันนี้เลยเป็นสิ่งที่กล่าวไปข้างต้น การเป็นทนายความที่ดี ไม่ใช่ต้องดัง มีชื่อเสียงหรือเก่งอย่างเดียว แต่คุณต้องเอาความเก่ง ความมีชื่อ ทำให้สังคมมันจรรโลงด้วย เคยเจอหลายเคสเอาความเก่งเอาไปใช้ในทางที่ผิดๆ ไปยุให้เขาเป็นความกันบ้าง มันก็ห่อเหี่ยว

จริงที่ทั้งสองฝ่ายมันต้องมีฝ่ายผิดถูก แต่ทำอย่างไรถึงจะทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นผู้ชนะทั้งคู่ ฝั่งหนึ่งก็ยอมถอย อีกฝั่งหนึ่งก็ต้องถอยเหมือนกัน ในจุดที่ทั้งคู่ได้ประโยชน์ อย่างเช่น ฟ้องกู้ยืม อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีทรัพย์สินอะไรให้ยึดเลย คุณก็พยายามหามาให้เขาหน่อย อีกฝั่งหนึ่งก็ลดดอกเบี้ยให้เขาหน่อยได้หรือเปล่า จะเอาเต็มเม็ดหน่วย เขาก็เต็มกลืนแล้ว ก็หาจุดกึ่งกลางให้เหมาะสมทั้งสองฝ่าย เพราะการเกิดคดีความข้อพิพาท มันไม่มีใครสนุกหรอก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายโจทย์ฝ่ายจำเลย มันเครียดทั้งคู่ แต่ปัญหาก็คือทนายความเองไม่ใช่ว่าจะไปยุให้เขาฟ้องคดีความเพื่อเอาค่าจ้างค่าวิชาชีพ เพื่อชื่อเสียง มันไม่ใช่

• จุดเริ่มต้นของการเป็นทนายให้กับเหล่าคนดัง เกิดขึ้นได้อย่างไร

ต้องย้อนกลับไปถึงช่วงปี พ.ศ.2546 ก่อน คือพอเรียนจบชีวิตมันก็หักเหมาเรื่อยๆ แต่สำหรับคำว่าอดทนของอาชีพทนายความสำคัญมาก บางคนไม่อดทน ท้อก่อน ซึ่งอาชีพทนายความ 5 ปีแรกเป็นอะไรที่ทรหดมาก ต้องอดทนมากๆ เลย ว่าความคดีครั้งแรกของผมเกิดขึ้นจากช่วยเหลือเพื่อน เพราะผมไม่มีประสบการณ์ เป็นทนายใหม่ใครจะกล้าใช้เรื่องหน้าสิ่วหน้าขวาน ฉะนั้น ผมจะต้องเสนอตัวเข้าไปขอเขาทำงาน ผมจะต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่เขาให้งานผมทำ

คดีนั้น เพื่อนผมไปซื้อรถแล้วโชว์รูมเอารถโชว์มาให้ ซึ่งราคาจะต่ำกว่ารถป้ายแดง เพราะมันช้ำ แบบรถทดลองขับ จะขายราคาเดียวกันไม่ได้ ทีนี้เพื่อนผมไปซื้อรถแต่ดันลืมจดเลขตัวถังรถ พอไม่ได้จดเขาก็เอารถโชว์มาให้ พอส่งมอบรถเสร็จเขาก็ให้เซ็นเอกสารอันนั้นอันนี้ก็เซ็น เพื่อนก็ไม่ได้ดูเลขไมล์ ขอบประตูขึ้นลง หนักกว่านั้นไม่ได้จดเลขตัวถังรถไว้อีก เขาก็เอารถโชว์ให้ คือย้อม ทีนี้พอมาถึงบ้านงานเข้าไมล์รถวิ่งไป 100 กว่ากิโลเมตร ขอบประตูมีรอยเต็มไปหมดเลย เบาะก็ขาด บางจุดสีรถมีลอยถลอก ในตอนนั้นเรายังไม่มีไลน์ ไม่มีเฟซบุ๊ก ใช้งานกันเพียงอีเมล์ เพื่อนของเพื่อนเขาก็เลยอาสาตีแพร่ส่งข้อความลงเมล์ เมล์ก็กระจายไปทั่วจนไปถึงบริษัทแม่ของต่างประเทศ เขาก็ส่งอีเมล์นี้ไปโดนกับลูกเจ้าของโชว์รูมพอดี เรื่องก็เลยเกิด เขาก็ฟ้องร้อง ผมก็ไปเป็นทนายให้ ฟ้องค่าเสียหาย 2 ล้าน แล้วก็อีกเดือนละแสน จนกว่าอีเมล์จะหมดจากระบบ แล้วเมื่อไหร่มันจะหมด ก็ช่วยจนได้รับความเป็นธรรม นั่นคือคดีแรก

เราก็ทำงานด้วยใช้หัวใจเรื่อยมา จนได้มารู้จักกับน้องคุณโอ๋ ญดา โชติชูตระกูล ก็แนะนำให้รู้จักกับกลุ่มดาราต่างๆ จนผมรู้จักกับพี่เจี๊ยบ (นภัสริญญ์ พรหมพิลา) ผู้จัดการส่วนตัวของคุณอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ผมก็เป็นคนจดบริษัท เฮโล โปรดักส์ชั่นให้กับเขาในตอน ปี พ.ศ.2547 จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังใช้บริการผมอยู่ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมรู้จักดาราคนแรก หลังจากนั้น ด้วยความที่เราเอาใจใส่เขา คือผมไม่ได้เรียกร้องค่าตัว ถ้าคุณเห็นผลงานของผม คุณก็ให้ผมเอง หลังจากนั้นก็ปากต่อปากกันมาเรื่อยๆ คือดาราหลายคนที่มาปรึกษาความก็เช่น ทราย วรรณพร ฉิมบรรจง, บัวขาว บัญชาเมฆ ,เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร ,วุ้นเส้น วิริฒิพา, หมาก ปริญ , แพร อาภัสสรา , ขวัญ อุษามณี

• ทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากความจริงใจเป็นสารตั้งต้น

ใช่ๆ ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจว่าจะทำให้คนดัง เพื่อหวังตัวเองดัง ตัวเองสบาย ไม่ได้มองตรงจุดนั้น แต่เราช่วย เมื่อเขาขอความช่วยเหลือ ทีนี้พอได้รู้จัก ได้เป็นพี่เป็นน้องกัน เขายังประชาสัมพันธ์ให้เราอีกด้วย ในมุมกลับ ผมต้องใช้เงินเท่าไหร่ที่จะให้ดารามานั่งข้างๆ ผม ใช่เงินเท่าไหร่ให้กล้องสถานีโทรทัศน์ทุกกล้องถ่ายผม สัมภาษณ์ผม ผมมองอย่างนี้ ฉะนั้น ผมก็เลยมองเรื่องค่าบริการเป็นเรื่องเล็ก คบกันแบบจริงใจ ผมจะชอบพูดคำนี้

• นอกจากข้อดีแล้วมีข้อเสียอย่างอื่นบ้างหรือไม่สำหรับการทำคดีให้คนดัง

ในลักษณะของคนดังกับคดีดังๆ การให้สัมภาษณ์อันตรายมาก ถ้าให้สัมภาษณ์ดีออกมาดีเลย แต่ถ้าให้สัมภาษณ์ไม่ดี พลาดในบางจุด คุณจะโดนสื่อกระหน่ำแบบที่คุณรับไม่ได้เลย มันยากขึ้นด้วยซ้ำ ไม่ได้ง่ายขึ้นเลยอย่างเดียว พอกระแสมันจับจ้อง ทุกอย่างมันจะไม่กล้าบิดพลิ้ว การเป็นคนดังแล้วไปทำอะไรผิด แล้วไปโกหกสังคมจะโดนกระแสตีกลับอย่างรุนแรงมากๆ ฉะนั้น ถามใจตัวเองก่อน ทำผิดจริงไหม ยืดอกรับ สังคมให้อภัย รับสารภาพ เดี๋ยวข่าวอื่นมา เขาก็ไปคุยข่าวอื่นเลย

แต่ถ้าโกหก มันจบ จะมีการคุ้ยมา ไอ้นี้คุ้ยมา ไอ้นั้นคุ้ยมา คนดูเป็นล้านๆ สื่อโซเชียลมีเดียจะไปสู้เขาไหวหรือคนคนเดียว อีกอย่างหนึ่ง ในบางสถานการณ์มันทำให้เรากดดัน คือกดดันให้เราต้องทำในสิ่งที่มันไม่ถูกต้อง ในบางสถานการณ์มันบีบคั้นให้เราต้องทำอะไรไม่ถูก ผิดกับวิชาชีพ เชื่อไหมล่าสุด ผมปฏิเสธงานหนึ่ง ถ้าผมเรียกค่าทนาย 10 หลัก เขาก็ให้ แต่ผมไม่ทำ เพราะเขาผิดจริงๆ ผมรับตรงนั้นไม่ได้

แต่ภายใต้ข้อกดดันตรงนี้ การมีชื่อ สื่อก็ให้ความสนใจ ถ้าคดีไม่อออกสื่อ คดีจะดำเนินเดินหน้าไหม ก็ไม่ หรืออย่างเวลามีคดีความที่เกี่ยวกับหน่วยงานราชการต่างๆ ถ้าเกิดเป็นทนายที่มีชื่อเสียงไป เขาไม่ได้ไปพร้อมกับชื่อเสียง เขาไปพร้อมสื่อ มีชื่อเสียงไป ไม่มีสื่อไป คดีมันก็ดังไม่ได้

• คนมีชื่อดารากับคนธรรมดาไม่แตกต่างกัน

ดาราก็คนเหมือนกับเรา ไม่แตกต่างกัน แต่ในส่วนนี้ เราจะแบ่งสองส่วน หนึ่ง เดือดร้อนแล้วไม่มีเงิน ช่วยฟรี ถ้ามีเงินพอมีทุนทรัพย์ช่วยเราบ้าง เราก็เรียกเก็บ เพราะเราก็ไม่ได้มีองค์กรช่วยเหลือสนับสนุน หรือทางบ้านฐานะดี ก็ต้องควักเงินผมเอง บางเคสที่ช่วยเหลือบางครั้งต้องให้เงินค่ารถกลับไปด้วยความสงสาร ฉะนั้น คนที่เขาพอใจที่จะจ้างผมนั้นคือเขาไว้ใจผมแล้ว เขาไม่ได้ติดเรื่องค่าทนาย แต่เขาอยากได้ทนายที่จริงใจมากกว่า ไม่ทิ้งคดี ไม่ทิ้งเขา แทบไม่ต่างกัน ทำให้คนดังคนธรรมดา ถ้าเกิดไม่มี เราก็ยินดีช่วย ปรึกษาก็ปรึกษาฟรีหมดครับ ทางเพจเฟซบุ๊ก ‘ทนายเจมส์ LK’

• ถือว่าหนักเอาการกับหน้าที่ นอกจากพิสูจน์ข้อเท็จจริง เรายังต้องสร้างสปอตไลท์ของเราเองด้วย

ใช่ๆ ถูกต้องเลย เป็นทนายความ มันไม่ใช่ว่าเป็นทนายความปั๊บแล้วจะมีชื่อเสียง เป็นปั๊บแล้วจะมีกินมีใช้ คุณต้องมีประสบการณ์ด้วย ผมถูกสอนมาว่า ทำอะไร อย่าไปเอาเงินนำหน้า ทำผลงานให้มันออกมาดี คือการทำอะไรไม่มีเสีย มีแต่ได้กับได้ เพียงแต่ว่าคุณได้กลับมาในรูปแบบไหน ถ้าคุณทำงาน อย่างน้อยๆ คุณได้ประสบการณ์ ได้ความเชี่ยวชาญ แล้วความเชี่ยวชาญประสบการณ์ตรงนี้แหละ ที่จะสามารถให้คุณไปพูดเล่าไปรับคดีอื่นแล้วกลายมาเป็นตัวเงินได้ เพราะคุณมีความสามารถ เป็นสิ่งที่เราให้ได้รับการยอมรับจากสังคมมากขึ้นมาจากประสบการณ์ ถึงบอกว่าผมดีใจไหมกับชื่อเสียง ผมเฉยๆ เพราะว่ามันเป็นสิ่งจอมปลอมที่คนอื่นเขาเยินยอ แต่จากผลงานการกระทำของจริงเราดีกว่า ตัวเราของจริงเลย ทำให้ดีหรือไม่ดี ขึ้นยู่กับตัวเรา

• ต้องควบคุมตัวเราไหม เมื่อวิถีชีวิตต้องสร้างความน่าชื่อถือหรืออยู่ในภาพที่ทุกคนจับจ้อง

โดยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีนะ เขาค่อนข้างจะฟรีสไตล์กัน ทนายเอย อัยการเอย ฟรีสไตล์ แต่ในส่วนตัวผมในตอนนี้ที่ผมมีคนชื่นชมชื่นชอบ มีคนคาดหวังหรือมอง ผมเองก็ค่อนข้างให้ความสำคัญกับตรงนี้ คือเราสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนอีกเยอะแยะได้ สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ ที่เกเร แล้วลุกขึ้นมาเป็นคนดีได้ เพราะผมเองก็ไม่ได้เป็นเด็กเรียนมาก่อน เป็นเด็กดื้อมาก่อน พยายามจะให้แรงบันดาลใจตรงจุดนี้ว่าสามารถทำได้ เพียงแต่ต้องหาจุดที่คุณเริ่มต้น จะเริ่มต้นเมื่อไหร่แค่นั้นเอง

เพราะถ้าถามถึงนิยามความหมายของคำว่าทนายสำหรับผมผมมองว่าเป็นคนที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับประชาชนได้ ไม่ว่าจะด้านกระบวนความยุติธรรมก็ดีหรืออย่างตอนนี้ที่จับพลัดจับผลูมามีชื่อเสียงก็ดี เราสามารถทำได้ทั้งสองแง่มุมนี้ ผมก็ทำควบคู่กัน

ก็อยากจะฝากสำหรับน้องๆ ที่กำลังเป็นนักศึกษาวิชากฎหมายที่ตั้งมั่น มีปณิธานที่ดีเพื่อความยุติธรรม จริงอยู่ ความจริงใจมันก็ยาก ความเป็นอยู่ต้องมาก่อน แต่อยากให้คิดว่า การเป็นคนดีมันตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน ท่องเอาไว้เลย คุณซื่อสัตย์กับลูกความ ต่อวิชาชีพ ความที่เป็นคนดี ยังไงคุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง ไม่มีทางที่คุณจะอด หรือไม่มีคนไม่รู้จักคุณ เคล็ดลับมีแค่นี้เอง ถ้าให้ความจริงใจ แล้วคุณจะได้ความจริงใจกลับคืนมา พร้อมชื่อเสียงที่มีเกียรติอย่างแท้จริง

เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : เพจเฟซบุ๊กทนายเจมส์ LK



กำลังโหลดความคิดเห็น