xs
xsm
sm
md
lg

กษัตริย์ผู้ดุร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์! นิยมแต่ตกปลาล่าสัตว์ แม้แต่พระราชโอรสยังฟาดด้วยพระแสงง้าว!!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค

ศาลพระเจ้าเสือที่วัดโพธิ์ประทับช้าง พิจิตร
นับเป็นความโชคดีของคนไทยเราอย่างยิ่ง ที่พระมหากษัตริย์ไทยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เกือบทุกพระองค์ทรงมีความรับผิดชอบต่อพระราชกิจเพื่อประเทศชาติและประชาชน จนประเทศไทยลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงมาจนถึงวันนี้

แต่ก็มีกษัตริย์บางพระองค์ที่ทรงมัวเมาในอำนาจและลาภยศ เสวยสุขสำราญจนลืมความทุกข์ยากของอาณาประชาราษฎร์และความมั่นคงของประเทศ อย่าง สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ที่กรุงศรีอยุธยาต้องย่อยยับในรัชสมัยของพระองค์จน แต่ถึงอย่างไรพระองค์ก็ทรงเป็นแค่กษัตริย์ที่ไร้ความสามารถ ยังไม่ถึงกับโหดร้ายอำมหิตกับราษฎรจนเป็นที่เกลียดชังของอาณาประชาราษฎร์อย่าง สมเด็จพระสุริเยนทราธิบดี หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ ซึ่งรู้จักกันในนาม “พระเจ้าเสือ” ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่ดุร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์

พงศาวดารหลายฉบับได้บันทึกต้องตรงกันว่า พระเจ้าเสือไม่ได้ประพฤติตามแบบอย่างของกษัตริย์พระองค์ก่อนๆ การเสด็จประพาสทั้งทางบกทางน้ำของพระองค์ ไม่ได้มีเจตนาที่จะออกเยี่ยมเยียนราษฎรเหมือนอย่างที่บุรพกษัตริย์เคยปฏิบัติมา แต่เสด็จประพาสเพื่อทรงพระเกษมสำราญด้วยการตกปลาและล่าสัตว์ ทั้งยังขาดไม่ได้ก็คือน้ำจัณฑ์และอิสตรี แต่หญิงเหล่านั้นหลายคนก็ต้องสังเวยชีวิตกับความอำมหิตของพระองค์ ซึ่งดรุณีที่เสียชีวิตไปในเรื่องนี้คงมีไม่น้อย ประตูท้ายวังประตูหนึ่งจึงมีชื่อว่า “ประตูผีออก”

พงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขากล่าวว่า พระเจ้าเสือมิได้ประทับอยู่ในพระนครนาน อยู่แค่เดือนหนึ่งบ้าง สิบห้าวันบ้าง เวลาส่วนใหญ่จะเสด็จไปทรงเบ็ดที่เมืองสมุทรปราการ และทรงไปตกปลาฉลามถึงเขาสามร้อยยอด หรือไม่ก็ทรงเข้าป่าไปยิงสัตว์และคล้องช้าง

“...ทรงสำราญแต่อกุศลทุจริตผิดพระราชประเพณีมาอย่างแต่ก่อน...” พงศาวดารฉบับนี้กล่าว

ครั้งหนึ่งเสด็จไปคล้องช้างป่าที่เมืองนครสวรรค์ ดำรัสสั่งให้ไปทำค่ายไว้ล่วงหน้า ขณะนั้นเป็นฤดูฝนน้ำนองป่า ข้าราชบริพารทั้งหลายต้องลุยน้ำทำกันทั้งกลางวันกลางคืนจนเท้าเปื่อย ทั้งยังเจ็บไข้ล้มตายกันไปหลายคน และทางที่จะเสด็จไปค่ายนั้นต้องผ่านบึงใหญ่ หากอ้อมไปก็จะเป็นหนทางไกล จึงดำรัสสั่งให้ เจ้าฟ้าเพชร และ เจ้าฟ้าพร สองพระราชโอรส เกณฑ์คนไปขุดดินตัดไม้ถมเป็นถนนข้ามบึงไป ซึ่งก็ต้องทำทั้งกลางวันและกลางคืนเช่นกัน

เมื่อถนนข้ามบึงสร้างเสร็จ จึงเสด็จพระราชดำเนินข้าม โดยมีสองพระราชโอรสและขบวนพยุหะโยธาตามเสด็จ ครั้นถึงกลางบึงซึ่งเป็นหลุมลึก เท้าช้างพระที่นั่งเหยียบถลำจมลงไป แม้จะกลับถอนขึ้นจดย่างต่อไปได้ แต่ก็ทรงพระพิโรธสองพระราชโอรส ดำรัสว่า

“อ้ายสองคนนี้เห็นว่ากูแก่ชราแล้ว จึงชวนกันคิดเป็นกบฏ ทำถนนให้เป็นหลุมไว้ หวังจะให้ช้างกูถลำหล่มล้มลง แล้วมันจะฆ่ากูชิงราชสมบัติ”

ตรัสแล้วก็ขับพระคชาธารข้ามพ้นบึงจนขึ้นฝั่ง ทรงหันมาเห็นพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์อยู่ใกล้ ก็ทรงหวดเจ้าฟ้าเพชร พระโอรสองค์โตซึ่งดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรด้วยพระแสงง้าว เจ้าฟ้าพร พระบัณฑูรน้อย พระราชโอรสองค์เล็ก ก็ยกด้ามพระแสงขอขึ้นรับพระแสงของ้าวไว้ไม่ให้ต้องพระเชษฐา ขับช้างกันช้างพระเชษฐาแล้วพากันหนีไปทั้งสองพระองค์ พระเจ้าเสือยังมิละลด ขับช้างไล่ตามติด ควานช้างพระที่นั่งเห็นว่าช้างพระเจ้าลูกเธอทั้งสองคงหนีไม่ทันแน่ จึงเอาขอท้ายเกี่ยวช้างพระที่นั่งไว้ให้ช้าลง จนทั้งสองพระองค์หนีไปได้

กระนั้นพระเจ้าเสือก็ยังดำรัสสั่งให้ข้าทูลละอองธุลีพระบาททั้งหลายตามไปจับมาจนได้ ดำรัสสั่งให้เฆี่ยนโอรสทั้งสองพระองค์เช้ายกหนึ่ง เย็นยกหนึ่ง ทุกวันไม่ให้ขาด จนกว่าจะเสด็จกลับ

พระโอรสทั้งสองเห็นว่าถูกเฆี่ยนทุกวันแบบนี้คงตายก่อนกลับแน่ จึงให้ข้าหลวงคนหนึ่งที่มาเยี่ยมไปทูลสมเด็จพระอัยยิกา กรมพระเทพามาตย์ ซึ่งเลี้ยงพระราชบิดามาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ให้รีบมาช่วย ซึ่งกรมพระเทพามาตย์ก็ตกพระทัย รีบไปเข้าเฝ้าขอพระราชทานอภัยโทษให้สองพระราชโอรส พระเจ้าเสือก็ยังรับสั่งว่าสองพระเจ้าลูกเธอเป็นกบฏ กรมพระเทพามาตย์จึงทูลว่า

“...อันพระราชบุตรทั้งสองนี้ เป็นลูกเพื่อนทุกข์เพื่อนยากของพ่อมาแต่ก่อน แลซึ่งจะคิดการกบฏประทุษร้ายต่อพ่อนั้นหามิได้...”

เมื่อได้รับการหว่านล้อม พระเจ้าเสือก็ยอมพระราชทานอภัยโทษให้ และรับสั่งกับกรมพระเทพามาตย์ว่า

“เจ้าคุณจงเอามันทั้งสองนั้นลงไปด้วยเถิด อย่าให้มันอยู่ด้วยข้าพเจ้านี้เลย ถ้าแลจะเอามันไว้ที่นี่ด้วยข้าพเจ้าไซร้ มันก็จะต้องกบฏฆ่าข้าพเจ้าอีกเป็นมั่นคง”
เมื่อกลับจากประพาสคล้องช้างในครั้งนี้ได้ช้างมาเป็นร้อยตัว พระเจ้าเสือก็ทรงมีพระอารมณ์ดีขึ้นให้สองพระราชโอรสเข้าเฝ้าตามปกติ และเมื่อพระเจ้าเสือสวรรคต เจ้าฟ้าเพชรก็ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าท้ายสระ สถาปนาเจ้าฟ้าพรเป็นกรมพระราชวังบวร และรัชกาลต่อมาเจ้าฟ้าพรก็ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าบรมโกศ
นี่ก็เป็นบทบาทหนึ่งของกษัตริย์ที่ได้ชื่อว่าโหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ขนาดลูกตัวเองยังทำได้ถึงขนาดนี้ ลูกคนอื่นและสิงสาราสัตว์คงไม่มีเมตตาแน่


กำลังโหลดความคิดเห็น