xs
xsm
sm
md
lg

ยิ่งคุณรู้จัก คุณยิ่งจะรักเขา!! เปิดเส้นทางชีวิตและตัวตน “ทนายประชาชน” ษิทรา เบี้ยบังเกิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลายปีก่อน... เขาช่วยกู้คืนความยุติธรรมให้กับชาวบ้านกว่า 800 หลังคาเรือนในชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งนายทุนคุกคาม

... 2559 พลิกแพะให้กลายเป็นโจทย์สู้ฟ้อง ชนะคดีชนชั้นมีสี กับคดีเรื่อง 8 ตำรวจ ยัดยากับยักยอกทรัพย์ สองสามีภรรยาขายลูกชิ้นชาวแม่กลอง

... 2560-2561 ดังกระฉ่อนกับคดีหวยมหากาฬ 30 ล้านบาท ในการยืดหยัดเปิดโปงขบวนการฉ้อฉล โดยไม่สะทกสะท้านต่ออิทธิพลหรือภัยมืดที่อาจจะเกิดขึ้น

เชื่อแน่ว่า ณ เวลานี้ น้อยคนนักที่จะไม่เคยได้ยินชื่อหรือไม่รู้จัก “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด เพราะข่าวที่ดังระเบิดต่อเนื่องยาวนานราวกับมหากาพย์ ทำให้ชื่อของเขาขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์และปรากฏบนสื่อออนไลน์แทบไม่เว้นแต่ละวัน

เราพาไปทำความรู้จักกับเขาแบบเต็มๆ ด้วยการนั่งสนทนาถึงที่มาของทนายอาชีพ ความคิดความอ่าน และจิตวิญญาณที่ได้รับการยืนยันจากวันเวลาแล้วว่า หนักแน่นมั่นคงในความถูกต้องยุติธรรม ชนิดที่ไม่หวาดหวั่นพรั่นพรึงต่อสิ่งใด...

• ตายไม่กลัว?

จริงๆ มันก็น่ากลัว แต่เราไม่ได้กังวลอะไร เพราะเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง เวลาเราทำสิ่งที่ถูกต้อง เราไม่ต้องไปกลัวอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวความดีจะปกป้องเราเอง อย่างตอนนี้ โอกาสเข้ามา คนมีเงินเขาก็มาจ้างทำคดีให้เยอะมาก จนทำไม่ไหวแล้ว บอกตรงๆ เลย ทั้งหมดก็เกิดจากที่เราเริ่มให้เขาก่อน สิ่งดีๆ มันก็ตามกันมาโดยที่ไม่ได้คาดหมาย แม้ว่าจะเคยมีถูกข่มขู่บ้าง แต่ก็ไม่หวั่น เพราะคุณลุงชาตรี ศรีประชา อดีตที่ปรึกษาท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ท่านจะคอยสอนคอยชี้แนะและย้ำในเรื่องการเสียสละ ให้ช่วยเหลือประชาชน ให้ทำโดยไม่ต้องหวังอะไร เดี๋ยวสิ่งดีๆ จะตามมาเอง

วินาทีที่เราช่วยเสร็จแล้ว เราเห็นลูกความเรายิ้มได้ เราก็มีความภูมิใจในตัวเรา ภาพเหล่านี้จะลอยมาเตือนตัวเราเสมอ ส่วนอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่รู้ อาจจะเดินออกไปโดนรถชนตายหรือมีใครมาทำร้าย ก็เป็นไปได้เหมือนกัน คนเรามันไม่แน่นอน เราไม่ได้กลัวหรอกไอ้เรื่องจะโดนทำร้ายหรืออะไร ก็คิดซะว่าวันนี้เราทำในสิ่งที่ถูกต้อง วันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

• การเป็นทนายความ คืองานในฝันของเราเลยหรือเปล่า

จริงๆ แล้วตอนเด็กอยากจะเป็นตำรวจด้วยซ้ำ ไปลงเรียนรัฐศาสตร์ก่อน แล้วไปเจอพี่ตำรวจคนหนึ่งที่รู้จักกัน เขาก็ทักถามบอกว่าจะไปเป็นทำไมตำรวจ ไม่ดีหรอก เหมือนกูเนี่ย ไม่มีความสุขสบายเลย ไปสอบเป็นอัยการผู้พิพากษาดีกว่า เขาก็เลยชวนไปเรียนด้วยกัน ก็เบนไปทางทนาย พอได้สัมผัส ก็ชอบ มันตรงกับตัวตนของเราที่ได้ช่วยเหลือผู้คนและคงความยุติธรรม แถมเป็นอาชีพที่ไม่น่าเบื่อ ไม่จำเจ ถ้าเป็นอัยการ ผู้พิพากษาก็ต้องไปทำงานตามตารางเวลา แต่ทนายเหมือนอาชีพอิสระ แม้ว่ามันก็มีโอกาสที่จะไม่มีเงินกินข้าวได้ แม้ว่าที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าภาพลักษณ์ของทนายไม่ดีเท่าไหร่ มันจะกลับจากผิดให้เป็นถูกบ้าง หรือว่าไปได้เงินเยอะๆ บ้าง เราก็ไปจุดประกายเฮ้ย แล้วถ้าเราจะทำให้มันดี เราจะทำได้ไหม เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์องค์กรทนายความให้มันดีขึ้น

เราก็ทำของเรามาเรื่อยๆ ทำผิดก็มาหาได้ แต่ต้องมาด้วยความจริงใจ สำนึกในความผิดนั้น เราก็จะชี้แจงความจริงในการยอมรับสารภาพโทษหนักให้เป็นเบา ส่วนคนไม่ได้ทำผิด เราก็ช่วยเต็มที่ แม้จะไม่ได้ฟรีทุกคน เพราะปัจจัยในการดำรงชีวิต แต่หากคุณไม่มีเงินจริงๆ เราก็มีเงื่อนไข อย่างเช่นไม่ได้รับความเป็นธรรม ยากจน ถูกกลั่นแกล้งรังแก เราช่วย ไม่ใช่เป็นคนรวยมาขอแล้วเราจะช่วยฟรี ก็ไม่ได้ ถ้ามีเงินก็เสียเงินจ้างธรรมดา หรือถ้าไม่มีตังค์แล้วรู้มาก จะไปโกงคนอื่น เราก็ไม่ช่วย ทนายก็ตอบโจทย์ทั้งสองอย่างที่เราชอบ อิสระและช่วยเหลือผู้คน

• แต่อาชีพทนาย ก็อาจจะตายฟรีได้อย่างที่เห็นในข่าว อะไรทำให้เรากล้าหรือไม่กลัว

แรกๆ จบใหม่ ยังไม่กล้าแกร่งขนาดนั้น ถ้าถามว่าวินาทีที่เราตัดสินใจ คงค่อยๆ เรียงลำดับความตามเคสที่เจอการต่อสู้กับคนมีอำนาจ ครั้งแรกเป็นช่วงช่วยคดีหมู่บ้านที่ถูกนายทุนกลั่นแกล้งไม่โอนกรรมสิทธิ์ให้ แล้วก็ไม่ซ่อมแซมถนน ปล่อยทิ้งรกร้าง เราสู้คดีในหมู่บ้านนี้มา 3 ปีเต็มๆ มีคนประมาณ 800 หลังคาเรือน ประชากรทั้งสิ้น 2,000 กว่าคน จนในที่สุดเราชนะ พอชนะคดีเสร็จ เขามีผลประโยชน์กันที่ไม่ยอมปล่อยให้เพราะหมู่บ้านนั้นจัดตลาดเก็บเงินได้เป็นหมื่นๆ ต่อวัน เดือนหนึ่งหลายแสนบาทเลย เขาก็เลยเอาทหารมาขู่เรา เอาคำสั่ง คสช. อะไรมาเรียกเราไปคุย เราก็เข้าไปกลางที่ประชุมเลย ซึ่งมีคนมีสียศพันเอกในวันนั้นว่าที่ทำทั้งหมดทำเพื่อประโยชน์ชาวบ้านหรือว่าทำเพื่อประโยชน์ของนายทุน เขาตอบเราไมได้ ทั้งวงราชการที่นั่งอยู่ตั้งกี่คนจะบีบชาวบ้านให้เอาที่กลับไปให้นายทุน เขาก็กระจายไปเอง ไม่กล้า วงแตก เพราะว่าเราทำในสิ่งที่ถูกต้องไง ตอนนั้นถ้าเราไม่ช่วยแล้วใครจะช่วย เรามีความรู้ความสามารถที่จะช่วยได้

หลังจากนั้นก็มาปี 2559 คดีเรื่อง 8 ตำรวจ ยัดยากับยักยอกทรัพย์ สองสามีภรรยาขายลูกชิ้นชาวแม่กลอง ก็สู้คดี ค่อนข้างที่จะหาข้อมูลกันเยอะ ระหว่างที่ทำ ฝ่ายนั้นซึ่งเป็นตำรวจยศพันตำรวจโท ยศผู้กอง เขาก็มาพยายามไกล่เกลี่ยตลอดเวลา พอไกล่เกลี่ยไม่ได้ เขาก็ใช้ขู่บ้าง ใช้อะไรบ้าง เอานายพลมาขู่เราบ้าง มี สส. เรียกไปคุยบอกเป็นญาติอย่าไปยุ่ง ให้จบกันไป เดี๋ยวเสนอผลประโยชน์ให้ เราก็ไม่ได้ ถ้าจะยอมให้ลูกความเราติดคุกทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิด แล้วอีกหน่อยใครเขาจะมาเชื่อถือเรา ก็ไม่ยอม ทำให้มีคนมาถ่ายรูปหน้าออฟฟิศ โทรมาตอนดึกๆ เรียกได้ว่าเนื้อหอม ชวนไปกินข้าว ขอให้เจราจาให้ เนื้อหอมขึ้นมาเลย มีทุกรูปแบบในคดีนั้น

และส่วนหนึ่งตรงนั้นมันก็ทำให้เราแกร่งขึ้น เอาจริงๆ ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าภัยมืดมันจะมาเมื่อไหร่ แต่พอเราไม่ยอม และสู้จนชนะคดี ก็ทำให้เราแกร่งขึ้น จนมาคดีหวยมหากาฬ 30 ล้านบาท นายพลก็ไม่กลัว เพราะเรายึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง

นักกฎมายต้องมีใจเสียสละ
มีธรรมในใจอยู่เสมอ
พร้อมต่อสู้กับสิ่งผิดที่ได้เจอ
นั่นละเธอนักกฎหมายที่แท้จริง
 
อันนี้เป็นกลอนที่เก็บไว้ในใจตลอดเวลา เวลาสู้กับความไม่ถูกต้อง เราต้องกล้าจะยืนหยัดสู้ ถ้าเกิดเรากลัว เราเป็นนักกฎหมายแล้วไปกลัวสายดาร์กหรืออะไรแบบนี้ แล้วประชาชนทั่วไปเขาจะได้รับความยุติธรรมได้อย่างไร สังคมจะเป็นอย่างไรอยู่กันอย่างไร

ตรงนี้ ผมก็ได้รับอิทธิพลมาจากคุณพ่อด้วยส่วนหนึ่ง คือแม้ว่าท่านจะทำงานขายปลาในตลาด แต่ไม่ชอบให้ใครมากลั่นแกล้ง ไม่ไปทำใครก่อน และอย่ามีใครมาทำ ยิ่งบวกกับตอนที่เริ่มจบใหม่ อยากจะใช้วิชาความรู้ให้เกิดกับสังคม ก็ทำโครงการ “ทนายเพื่อประชาชน” เป็นหน่วยให้คำปรึกษาพี่น้องประชาชนฟรีๆ ตามจังหวัดต่างๆ นอกจากเพื่อนๆ ทนายที่ร่วมด้วยช่วยกัน ยังมีน้องๆ ที่ไม่ใช่ทั้งนักศึกษาวิชากฎหมายอายุ 20 บ้าง 21 บ้าง เขาเสียสละทั้งแรงกายและแรงทรัพย์บางส่วนของตัวเอง เพราะเราไปทำ ไม่มีเงินค่าผลตอบแทน อย่างมากเลี้ยงข้าวกล่อง มีที่พักให้ ซึ่งเขาอยู่บ้านเขาเฉยๆ ดียิ่งกว่าอีก แต่เขามาร่วม เขามาทำเพื่อสังคม เขาคิดเพื่อสังคม โดยที่เขายังไม่มีความพร้อมอะไรเลยเท่าไหร่ด้วยซ้ำ จิตวิญญาณของเขามันเป็นสิ่งที่สวยงามมาก นี่คือทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้เราไม่หวาดหวั่นกลัวอะไร

• ตรงนี้เป็นรากฐานของโครงการทนายประชาชนเพื่อจุดประกายความยุติธรรมถูกต้อง คนดีไม่ต้องกลัวคนชั่วที่มีอิทธิพลบนสังคมไทยด้วยหรือไม่

เป็นการป้องกันและปราบปรามในเวลาเดียวกัน โครงการทนายเพื่อประชาชน เน้นให้รู้กฎหมายเบื้องต้นเพื่อป้องกันตนเองและส่งผลให้ไม่ไปทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย มันจะต่อยอดของมันไป คือโครงการนี้เริ่มกับเพื่อนก่อนคนหนึ่ง ไปที่แรก วัดหนึ่งที่จังหวัดสมุทรสาคร ไปตั้งหน่วยให้คำปรึกษา ตอนแรกก็ไม่มีใครมาเลยเพราะเหมือนกับกลัวเจอทนาย กลัวเข้าไปแล้วเสียเงิน เพราะยังไม่คุ้นกับทนาย เราก็นั่งๆ ไป วันแรกๆ ไม่มีใครมาปรึกษาเลย อยู่ไปเรื่อยๆ เราก็ทำต่อมาอีกหลายๆ ที่ ตามชุมชนตามหมู่บ้าน คนก็เริ่มคุ้นเคยแล้วว่าทนายตั้มให้คำปรึกษาฟรี เขาก็เริ่มมาปรึกษาเยอะขึ้นเรื่อยๆ จากที่ไม่มีใครมาเลย กลายเป็นว่าแถวยาวเป็นหางว่าว

ทีนี้ก็มีเคสที่ช่วยคุณลุงกับคุณป้าซึ่งเป็นพี่น้องกันแล้วเขาทะเลาะกันมาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จนไม่คุยกันเลยเป็นสิบปี ก็ไปไกล่เกลี่ยให้เขา เขาเชื่อและทำตาม จากที่เขาทะเลาะกันมา กลายเป็นมาดีกัน รักกันได้ กลับมาเป็นพี่น้องที่รักกันเหมือนเดิม เขาก็เลยบอกเราว่า สมกับเป็นทนายประชาชนจริงๆ เราก็เลยใช้ชื่อทนายประชาชนตั้งแต่ตอนนั้น

• โครงการทนายเพื่อประชาชนทำมากี่ปีแล้ว

10 กว่าปีแล้ว และก็อย่างที่บอกว่า มันเป็นโครงการที่จะต่อยอดของมันไป เราทำไปเรื่อยๆ ทีนี้เราก็เริ่มรู้แล้วว่าปัญหาแต่ละชุมชน สังคม ครอบครัว แตกต่างกัน ถ้าเราอยากจะแก้ปัญหา จะทำอย่างไรดี เราก็เลยคิดโครงการขึ้นมาอีกเป็น ‘โครงการพี่สอนน้องให้เป็นคนดีของสังคม’ คือจะเข้าไปสอนเด็กๆ ตามโรงเรียนที่ต่างๆ เริ่มจากจังหวัดสมุทรสาครก่อนอีกเช่นเคย ตอนแรกก็เข้าไปด้วยความยากเพราะไม่มีใครรู้จักเราในตอนนั้น เราก็เลยทำไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ท่านอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีพัฒนาชุมชน ตอนนั้นท่านเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ท่านคงเล็งเห็นว่าเป็นโครงการที่ดี จึงเรียกพวกเราไปพบ พร้อมกับทำหนังสือจากผู้ว่าราชการจังหวัดให้ทุกโรงเรียนในเขตจังหวัดให้การร่วมมือ

ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะการที่เราไปทำ เด็กๆ จะชอบ เนื่องจากว่าเราไม่ได้บรรยายกฎหมายแบบน่าเบื่อ เราจะมีกิจกรรมสนุกสนานแล้วก็มีพี่ๆ ที่เป็นคนรุ่นใหม่ไปร่วมด้วย ไม่จำเป็นต้องจบกฎหมาย คนที่อยากจะทำเพื่อเด็กและเยาวชนไปสร้างสีสันอะไรได้เลย สิ่งที่ไปบรรยายกฎหมายเรื่องการใช้เฟซบุ๊กอย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย เรื่องรถแว้นรถซิ่ง โดยยกเคสของคนที่เคยประสบอุบัติเหตุคนที่เราเคยช่วยมา ขนาดที่เขาไม่ได้ไปแว้นซิ่ง เขายังพิการแขนขาขาดเลย ก็มาเลาเรื่องเป็นอย่างนี้ อย่าไปใช้รถแว้นรถซิ่ง

และอีกเรื่องที่ย้ำหนักเลยคือเรื่องยาเสพติด อันนี้จะปลูกฝังเด็กๆ เรื่องการคบเพื่อนว่าถ้าคบเพื่อนไม่ดีจะเป็นอย่างไร บางคนต้องติดคุกฟรีทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเจตนา ไม่เคยยุ่งเกี่ยวยาเสพติด หรืออย่างเรื่องมีคนมาชวนเราไปขโมยมอเตอร์ไซค์ เราบอกว่าไม่ดี เราไม่เป็นหรอก แต่เขาขอยืมไขควงเราไป เราก็ให้ แล้วเขาก็เอาไปขโมยมอเตอร์ไซค์ ปรากฏว่าคนที่ขโมยโดนจับ เราถามว่าผิดไหม หลายคนก็จะสงสัยว่าผิดหรือไม่ผิดที่เราไม่รู้ ให้อุปกรณ์ไป จริงๆ คือผิด อย่างนี้ก็คือเป็นการสนับสนุนการทำความผิด ให้เขาไปก่อนหรือขณะทำผิดอุปกรณ์ เราก็มีความผิด ถูกตำรวจจับได้ ฉะนั้น ใครที่จะทำความผิดห้ามสนับสนุนอะไรทั้งสิ้น

ก็จะสอนแบบนี้ ไม่ใช่พูดในเรื่องมาตรานั้นนี้ผิด เขาก็เกิดความเข้าใจว่าเป็นแบบนี้นี้เอง เน้นให้เด็กรู้กฎหมายเบื้องต้น นอกจากป้องกันตนเอง ยังจะได้ไม่ไปทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย แล้วเด็กก็จะไปเล่าให้พ่อแม่ฟังว่ามีพี่ๆ ทีมงานมาสอนแบนี้ๆ ให้พ่อแม่ได้รู้ เพราะว่าเรามีจดมายเวลาเราบรรยายเสร็จ ให้เด็กส่งไปให้พ่อแม่ แล้วให้เขารู้ว่าเราสอนอะไร พ่อแม่เขาได้มาต่อยอดว่าได้ความรู้อย่างนี้ เพราะพ่อแม่คือคนที่สอนที่ดีที่สุด เราไปเพียงเพื่อเกริ่นหัวอย่างเดียว

ตอนหลัง หลายๆ โรงเรียนก็ขอให้เราไปบรรยายให้ความรู้เด็กๆ แต่ตอนนั้นเราทำโดยใช้งบประมาณของเราเอง ก็ไปได้ไม่หมด ไปได้ไม่ไกลได้ แค่จังหวัดใกล้เคียง เขตปริมณฑลกรุงเทพฯ ทีนี้หลังจากที่เราทำไปเรื่อยๆ เราได้มีโอกาสพบกับท่านพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี สมัยนั้นท่านเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ท่านเห็นว่าเป็นโครงการที่ดี ก็ให้โอกาสทีมงานได้เข้าไปพบ พร้อมกับอธิบดีที่เกี่ยวข้องหลายคนนั่งร่วมประชุมกัน ก็ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เพราะเราทำเองคงไม่ได้ไกลและแข็งแกร่งเพียงพอ

ก็เริ่มขยายไปภาคอีสาน จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดเลย ภาคเหนือ ภาคใต้ 3 จังหวัดชายแดนก็เพิ่งไปมา ที่จังหวัดยะลา จังหวัดปัตนี จังหวัดนราธิวาส แถมด้วยจังหวัดสงขลา ได้รับการตอบรับอย่างดี ที่นั่นใครก็คิดว่าจะน่ากลัว แต่พอเราลงไปไม่มีอะไรน่ากลัวเลย เด็กเห็นเราไปก็ชอบ ติดตามมาเป็นแฟนเพจ ตอนนี้สมาชิกทนายเพื่อประชาชนเรามีเด็กและประชาชนทั่วไปราวๆ 6 หมื่นกว่าคน

และตอนหลังมีโครงการติดตามผลโครงการพี่เยี่ยมน้อง เราก็จะไปหาน้องตามบ้าน เขาเป็นอย่างไรบ้างหลังจากที่เราไปสอนแล้ว น้องๆ เป็นเด็กดีตั้งใจเรียนหรือเปล่าไปถามพ่อแม่เขา คนไหนที่เป็นเด็กดีตั้งใจเรียนขึ้น เราก็จะมีของรางวัลจากทีมงานให้ แล้วก็เข้าไปคุยกับพ่อแม่เขาด้วยว่ามีปัญหาเรื่องอะไรไหม มีปัญหาก็ปรึกษาได้เลย แต่เบื้องต้นหลังจากเขามีความรู้ไปแล้ว เขาก็สามารถแก้ปัญหาระดับหนึ่งได้โดยที่ไม่ต้องปรึกษาเราอีกต่อไป

• ลำบากไหมที่ทำอยู่ในเวลานั้นที่ยังไม่มีชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่รู้จัก

ไม่ลำบาก แต่ที่เป็นอุปสรรคก็คือเราไปได้แค่ใกล้ๆ เท่านั้นเอง ปริมณฑล เรื่องกินอะไร เราก็ธรรมดา ถึงแม้มีงบมา เราก็ธรรมดากันเหมือนเดิม คือข้าวกล่อง แต่พอได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ ความลำบากของพี่น้องประชาชนที่เขารอการช่วยเหลือดีขึ้นต่างหาก เราไปได้ไกลไปช่วยขจัดปัญหาเขาได้ เราทำได้เยอะขึ้น

• ทำไมถึงทำมากมายอะไรเบอร์นั้น

เพราะเห็นสังคม... บางที คนเอาเปรียบกัน หรือเด็กๆ ไม่รู้กฎหมายแล้วไปถูกจับ ไปแว้นรถซิ่งกันมั่วสุมกันในทางที่ไม่ดี โดยที่เขามีทัศนคติว่าไม่ได้เดือนร้อนใคร ทั้งที่จริงๆ มันสร้างความเดือนร้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เราก็คิดว่า ถ้ามันจะเปลี่ยนแปลงสังคมได้ ถึงแม้ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยให้เด็กที่เราเข้าไปสอน ที่เราเคยช่วยเหลือ ทำให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ เราก็หวังแค่นี้ เพราะที่เราทำก็คิดว่า คงจะทำไม่ได้ทุกพื้นที่ นั่นคือหนึ่ง และสอง ที่เราหวัง เราก็อยากจะเห็นคนที่จบกฎหมายหรือใครที่มีความคิดเหมือนเรามาช่วยกระจายความรู้ตรงนี้ เรายินดีที่จะไปทำให้ดูก่อน อยากให้มีทุกจังหวัด แล้วความรู้เหล่านี้จะกระจายกันเอง อย่างสโลแกน “ก้าวเดินด้วยกัน เพื่อวันขางหน้า” พวกเราที่เป็นคนรุ่นใหม่ให้มามอบสิ่งดีๆ ให้น้องๆ รุ่นหลัง ให้เดินไปพร้อมกันเพื่อที่จะทำให้สังคมหรือประเทศชาติพัฒนาไปในทางที่ดี

• เคยมีผิดพลาดบ้างไหมในอาชีพทนาย

เคย...คือตอนที่เป็นทนายใหม่ๆ มันก็มีพวกบริษัทที่เกี่ยวกับเช่าซื้อรถ มาจ้างเราเป็นทนาย ตอนนั้นเราก็ไปเป็นทนายให้เขาในศาล ทีนี้ แต่ละเจ้าเขาแจกแจงมาเลย เป็นหนี้เขา 5 หมื่นบาทหมดเลย ทำเป็นเหมือนสัญญากู้อะไรไว้แล้ว แต่ด้วยความที่เราเป็นทนายใหม่ เราก็ไปฟ้อง พอเราไปฟ้อง ตอนหลังๆ มันรวมอยู่ในบัลลังก์เดียวกัน ทีนี้ศาลท่านก็ถามว่าทำไมพวกนี้เขาบอกว่าเขายืมไปแค่ 2 หมื่นบาทเอง แต่ทำไมกลายเป็น 5 หมื่นบาทได้ เราก็บอกว่าตามสัญญากู้ระบุไว้เท่านี้ ปรากฏว่าพวกนั้นเขาไม่มีเงิน เขาก็แพ้คดี ก็ต้องเป็นหนี้ 5 หมื่นบาทโดยไม่ชอบธรรม ตอนหลังมารู้ว่าไอ้เจ้าของบริษัทที่ว่าจ้างไฟแนซ์ที่รับจำนำรถ เขาจะให้เซ็นสัญญาเงินกู้เปล่าๆ ไว้แล้วเขาไปแต่งตัวเลขเอง พอเรารู้อย่างนั้นเข้าเราก็เสียใจ แบบนี้เราเป็นเครื่องมือให้กับนายทุน เรารู้สึกเสียใจมาก ตอนนี้จะรับคดีอะไรก็สืบเสาะจนกระจ่าง แล้ววิธีที่ดีที่สุดก็คือเราจะทำอย่างไรให้กับสิ่งที่เราเคยทำผิดพลาด ก็คือให้ความรู้คนแล้วก็มาช่วยคน

• คำว่า “ทนาย” ในความคิดของคุณ มีความหมายอย่างไร

คือการที่เราจะนำเสนอความจริงให้สู่ศาล เราไม่ได้เป็นคนที่ตัดสินว่าคนนี้ผิดหรือถูก เราต้องกระจายข้อเท็จจริงไปสู่ศาลให้ได้ แต่ทนายต้องรู้ก่อนว่าคนที่มาหาเรา ผิดหรือถูก ถ้าถูกก็ว่าไปตามถูก ถ้าผิด สำนึกแล้วก็ตามกระบวนการในการรับโทษที่อาจผ่อนหนักให้เป็นเบา ไม่ใช่คิดว่าคนทำจากผิดให้เป็นถูก เป็นคนเก่ง แต่เราดูแล้ววามันน่ารังเกียจ มันไม่ใช่คนเก่งหรอก คนเก่งคือทำเรื่องที่ถูกกลั่นแกล้ง กำลังจะผิดอยู่รอมร่อให้กลับมาถูก ไอ้แบบนี้ถ้าเกิดช่วยได้ น่าภูมิใจกว่ากันมาก

เพราะเราก็ไม่ได้หวังว่าอนาคตเราจะร่ำรวยหรือว่ามีชื่อเสียงอะไร จริงๆ วันนี้มันเกินความคาดหมาย แต่ที่เราอยากจะทำของเราเป็นจุดเล็กๆ จุดประกายให้คนอื่นเห็นในสิ่งที่เราทำแล้วก็ไปต่อยอดทำต่อไป เพราะว่าหลายๆ คนที่เป็นทนายหรือไม่เป็นทนายก็ดี บางคนก็ทำเพื่อตัวเอง ซึ่งไม่ผิด แต่อยากให้มองในมิติของการที่จะเสียสละทำเพื่อสังคม บ้างในอะไรที่เราพอช่วยได้ เพราะเราอยู่ร่วมกัน ซึ่งพอเราอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่ทุกข์หรือเดือดร้อน ก็จะไม่มีเหตุการณ์ร้ายหรือไม่ดีเกิดขึ้น ไม่มีความอยุติธรรมที่ขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว เพราะความถูกต้องมันพลิกไม่ได้
เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : กัมพล เสนสอน, facebook : ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ



กำลังโหลดความคิดเห็น