MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7
หมายเหตุ : เนื่องจากเว็บไซต์ MGR Online กำลังปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ ต้องการชมเนื้อหาย้อนหลัง คลิก https://bit.ly/mgrtop7 ขออภัยในความไม่สะดวก
(สรุปข่าวประจำวันที่ 17 - 23 ก.พ. 2561)
อันดับ 1 : ป้าทุบรถตลาดแตก! สั่งปิด 3 ตลาด - เช็กบิลอีกนับพัน "ไนท์มาร์เก็ต" โดนด้วย
เรื่องนี้เป็นที่พูดถึงในโลกโซเชียล สำหรับกรณี "ป้าทุบรถ" เมื่อวันที่ 18 ก.พ. โลกโซเชียลได้แชร์คลิปที่ น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ อายุ 61 ปี และ น.ส.ราณี แสงหยกตระการ อายุ 57 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 37/208 หมู่บ้านเสรีวิลล่า แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. เปิดประตูจะขับรถออกจากบ้าน แต่ปรากฏว่ามีรถกระบะ ยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีขาว ทะเบียน ฎค 9297 กทม. ของ น.ส.รชนิกร เลิศวาสนา อายุ 37 ปี จอดขวางบริเวณหน้าบ้าน จึงได้ใช้ขวานและท่อนเหล็กทุบรถจนได้รับความเสียหาย ต่อมาฝ่ายเจ้าของบ้านแถลงข่าว ระบุว่าสาเหตุเพราะรถคันนี้จอดขวางหน้าบ้านครึ่งชั่วโมง แถมยังใส่เบรกมือ เมื่อเจ้าของรถมาก็อ้างว่าซื้อของไม่เสร็จ
นอกจากนี้ ที่ผ่านมายังได้รับความเดือดร้อนจากการตั้งตลาดรอบบ้าน ฟ้องร้องต่อศาลปกครอง และมีคำสั่งให้คุ้มครองแต่ก็ยังเปิดกิจการ ยังปล่อยปะละเลยขยายตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่อมา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าตลาดในหมู่บ้านเสรีวิลล่าทั้ง 5 แห่ง ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการตลาด จึงสั่งการให้ปิดตลาด 3 แห่ง คือ ตลาดรุ่งวาณิชย์ ตลาดร่มเหลือง และตลาดสวนหลวง ส่วนตลาดเปิ้ล มาร์เก็ต และตลาดยิ่งนรา ห้ามจำหน่ายอาหารสด โดยให้ดำเนินการภายในวันที่ 28 ก.พ. นอกจากนี้ ยังสั่งการให้ 50 เขต ตรวจสอบตลาดที่มีอยู่กว่า 1 พันแห่งทั่วกรุงเทพฯ หลังพบว่าส่วนใหญ่ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการตลาด
อันดับ 2 : เทกระจาด! สนช. โหวตคว่ำ 7 ว่าที่ กกต. หวั่นถูกฟ้องร้อง
เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติไม่เห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 7 คน แทน กกต. ชุดเก่าที่เซตซีโร่ไปเมื่อปีที่แล้ว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วย กกต. ปี 2560 คนที่ได้คะแนนสูงที่สุด คือ นายประชา เตรัตน์ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย กลับได้เพียงแค่ 57 เสียง ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสมาชิก สนช. คือ 124 เสียง จาก สนช. ทั้งหมด 248 คน รองลงมาคือ นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา, นายปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา, นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์, นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช., นางชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ ที่ปรึกษากฎหมาย และ นายเรืองวิทย์ เกษสุวรรณ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่ทำให้ สนช. โหวตคว่ำแบบเอกฉันท์ มาจาก กกต. ที่มาจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2 คน ได้มาโดยการลงคะแนนลับ ซึ่งขัดต่อ พ.ร.ป. กกต. มาตรา 12 ที่ให้การสรรหาหรือคัดเลือกใช้วิธีลงคะแนนโดยเปิดเผย เกรงว่าจะมีผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระวินิจฉัย อีกทั้งพบว่าในบรรดา 7 คน มี 3 คน ไม่มีประสบการณ์จัดการเลือกตั้งมาก่อน เกรงว่าเลือกไปแล้วจะทำงานไม่ได้ ซึ่งในที่ประชุมจะโหวตไม่เห็นชอบเพียงแค่ กกต. สายที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 2 คน แต่ แต่เกรงว่าจะกลายเป็นการไม่ให้เกียรติศาล จึงโหวตคว่ำทั้ง 7 คน นับเป็นครั้งแรก และครั้งประวัติศาสตร์ ที่ สนช. ไม่ให้ความเห็นชอบ ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการองค์กรอิสระแบบยกชุดเช่นนี้ จากนี้ สนช. จะต้องเริ่มต้นกระบวนการสรรหา กกต. ใหม่ภายใน 90 วัน สวนผู้ได้รับการสรรหาทั้ง 7 ราย เมื่อ สนช. ไม่เห็นชอบ ไม่สามารถกลับมาสมัครใหม่ได้อีก
อันดับ 3 : เปิดวาร์ปหวย 30 ล้าน! เป็นของ "ลุงจรูญ" เด้ง "ผู้การฯ กาญจนบุรี"
กรณีการแย่งชิงกรรมสิทธิ์สลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 2560 หมายเลข 533726 จำนวน 5 ใบ มูลค่ารางวัล 30 ล้านบาท ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ กับนายปรีชา ใคร่ครวญ ข้าราชการครู ใน จ.กาญจนบุรี ที่มีการโอนสำนวนคดีจากตำรวจภูธรภาค 7 ไปให้กองปราบปราม แม้ว่าความคืบหน้าทางคดีจะยังไม่สามารถเปิดเผยได้อย่างเป็นทางการ แต่ก็มีสื่อมวลชนหลายฉบับรายงานตรงกันว่า พนักงานสอบสวนได้สรุปแล้วว่าเจ้าของสลากกินแบ่งคือ ร.ต.ท.จรูญ หนึ่งในหลักฐานก็คือคลิปเสียง ที่แม่ค้าที่ชื่อว่า "เจ๊บ้าบิ่น" คุยกับ นายปรีชา หลังออกรางวัลว่าถูกรางวัลที่ 1 แต่นายปรีชาไม่เชื่อ กระทั่งคุยกันหลายครั้งจนอุปทานว่าถูกรางวัลจริง ทำให้ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. แสดงความไม่พอใจ และงดให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ระบุว่า ในวันที่ 28 ก.พ. คาดว่าคดีจะมีความชัดเจน
ต่อมาวันที่ 21 ก.พ. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. โดยให้ขาดจากต้นสังกัด ซึ่งมีรายงานข่าวว่า พล.ต.ต.สุทธิ เรียกสำนวนคดีนายปรีชาไปตรวจหลายครั้ง ให้สอบสวนพยานปากต่างๆ ให้กลมกลืน แถมคำให้การเดิมพนักงานสอบสวนได้ฉีกทิ้งโดยมิได้ทักท้วง และยังสั่งให้อายัดบัญชีธนาคารของ ร.ต.ท.จรูญ ภายหลัง พล.ต.อ.สุชาติ ชี้แจงว่า เนื่องจากผลการสืบสวนสอบของคณะทำงานพบว่า พล.ต.ต.สุทธิ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้าน จึงสั่งย้ายเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างเป็นธรรม และไม่ให้เข้าไปยุ่งเหยิงกระบวนการรวบรวมวัตถุพยานหรือพยานบุคคล
อันดับ 4 : อั่งเปาพาซวย! "หมวดมนัส" เจอข้อหาขาดราชการ ไปต่างประเทศเกือบร้อยครั้ง
ถูกวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม เมื่อมีผู้เผยแพร่คลิปภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายสวมเครื่องแบบ เข้าคิวต่อแถวยาวยกมือไหว้รับซองอั่งเปาจากชายคนหนึ่ง ภายในบ้านพักหลังใหญ่ช่วงวันตรุษจีนที่ผ่านมา โดยพบว่าผู้ที่แจกอั่งเปาคือ "หมวดมนัส" หรือ ร.ต.ต.มานัส เติมธนะศักดิ์ รอง สว.(สส.) กก.4 บก.ส.1 ปัจจุบันเป็นตำรวจติดตาม พล.ต.ท.ไพศาล เชื้อรอด อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งได้แจกอั่งเปาแก่ตำรวจในพื้นที่ตำรวจนครบาล 7, 8 และ 9 ประกอบด้วย ผ้ายันต์กับเงินสด 500 บาท เบื้องต้นได้รับรายงานว่า เป็นการให้ซองตามธรรมเนียมวันตรุษจีน ของ ร.ต.ต.มานัส ในลักษณะพี่ให้น้อง ที่เปิดบ้านทำบุญเลี้ยงพระเป็นประจำทุกปี
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. สั่งผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล สอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งมีหลักฐานว่า ตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. 2559 ถึงวันที่ 13 ก.พ. 2561 ร.ต.ต.มานัส ได้ละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่เดินทางเข้าออกนอกราชอาณาจักร ถึง 96 ครั้ง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา และสั่งให้สืบสวนว่าพัวพันกับบ่อนการพนัน และเชื่อมโยงกับบ่อนไหนหรือไม่ ต่อมาวันที่ 19 ก.พ. พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ ผบก.ส.1 มีคำสั่งให้ ร.ต.ต.มานัส พักราชการ เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย
อันดับ 5 : วัยรุ่นเซ็ง! ลอยแพคอนเสิร์ต "มันยกแกะ" เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า
ทำเอาปั่นป่วนไปทั้งจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคอนเสิร์ต “มัน ยก แกะ” ที่กำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 18 ก.พ. ที่ลานเนินนุ่ม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ จู่ๆ ประกาศยกเลิกการจัดงานกะทันหัน อ้างว่าทางโปรดักชันแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ เรียกร้องเงิน 200,000 บาท หากไม่จ่ายจะรื้อถอนเวที และผู้จัดไม่สามารถหาทีมโปรดักชันอื่นมาแทนได้ทัน เดือดร้อนไม่ใช่เพียงแค่ผู้ที่ซื้อบัตรเท่านั้น ศิลปินบางคนยังถูกผู้จัดยกเลิกงาน ยกเลิกที่พัก เงินค่าจ้างก็ไม่ได้สักบาท พ่อค้าแม่ค้าที่จะออกร้านภายในงานก็ขายของไม่ได้ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่า เหตุที่ยกเลิกจัดงานเพราะยังไม่ได้จ่ายเงินมัดจำใดๆ ให้กับนักร้อง ศิลปินที่โฆษณาไว้ แถมยังไม่มีการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักให้ด้วย นอกจากนี้ ยังวิจารณ์ไปถึงการคืนเงินค่าบัตรที่ใช้เวลายาวนานมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ค้าและผู้ที่ซื้อบัตรได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.แม่ริม กระทั่งผู้จัด ทราบชื่อคือ นายวัฒนา วัฒนพานิช อายุ 26 ปี และนางสาวอัญมณี ภักดี อายุ 22 ปี เข้ามาเจรจากับทางฝ่ายผู้เสียหาย โดยตกลงที่จะชดใช้เงินคืนให้กลุ่มผู้ค้าที่ได้รับความเสียหายในวันที่ 5 มี.ค. ส่วนผู้ซื้อบัตรจะคืนเงินค่าบัตรทั้งหมดภายในวันที่ 31 พ.ค. ยืนยันว่าไม่ได้หลอกลวง อย่างไรก็ตาม ได้มีเสียงวิจารณ์ถึงความไม่ชอบมาพากลของผู้จัด โดยเฉพาะคนที่เคยร่วมงาน มักจะไม่ได้เงิน โดยผู้จัดอ้างว่าขาดทุน และคนในวงการจัดคอนเสิร์ตวิเคราะห์ว่า ผู้จัดอาจไม่เข้าใจการทำคอนเสิร์ตดีพอ ต้นทุนและกำไรการจัดคอนเสิร์ตมาจากสปอนเซอร์เท่านั้น ที่ขายบัตรได้คือกำไร
อันดับ 6 : เด็กเลี้ยงแกะ! "เก๋ ลอนดอน" กรีดแขนกุเรื่องแท็กซี่ชิงทรัพย์ สารภาพเพราะเครียดสะสม
เป็นพฤติกรรมที่ไม่น่าเลียนแบบเลย สำหรับหญิงสาวรายนี้ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. น.ส.ทองประกาย สุขศรีราษฎร์ หรือ เก๋ อายุ 26 ปี เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว อ้างว่าถูกโชเฟอร์แท็กซี่ใช้มีดกรีดที่แขนซ้าย 45 แผลจนต้องรีบลงจากรถ ก่อนชิงทรัพย์แล้วขับรถหลบหนีไป ได้เงินสด 14,000 บาท บัตรเอทีเอ็ม 3 ใบ บัตรประชาชน และกระเป๋าถือ ยี่ห้อแชนแนล 1 ใบ มูลค่า 17,000 บาท หลังเกิดเหตุฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต้องสงสัย พบว่าไม่มีอะไรผิดสังเกต สุดท้ายจึงยอมรับว่าเป็นคนกุเรื่องขึ้นมา
น.ส.ทองประกาย สารภาพว่า เป็นคนกุเรื่องขึ้นมา บาดแผลที่เกิดขึ้น เกิดจากการทำร้ายตัวเองด้วยที่ถอนคิ้ว สาเหตุเพราะเครียดและมีปัญหาครอบครัว เนื่องจากเลิกกับแฟน เครียดเรื่องลูก ครอบครัวยายขาหักเข้าโรงพยาบาล แม่ต้องดูแลยาย และไม่มีเงินเลี้ยงลูก จึงไปเที่ยว กลับมาแล้วสร้างเรื่องดังกล่าว โดยโพสต์เฟซบุ๊ก แล้วเพื่อนพาไปแจ้งความเพราะคิดว่าเป็นเรื่องจริง ตอนนั้นรู้สึกเครียด ไม่รู้ตัวเองว่าคิดอะไรอยู่ ไม่คิดถึงผลกระทบที่ตามมา จึงอยากจะขอโทษสังคมขอโทษแท็กซี่ที่ทำให้เสียหาย รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย
อันดับ 7 : ขึ้นคร่อมยื้อชีวิต! สาวกู้ภัยทำซีพีอาร์บนเตียงพยาบาล เจอชาวเน็ตแขวะไม่เหมาะสม
กลายเป็นที่ฮือฮาในโลกโซเชียล เมื่อเฟซบุ๊ก "บิ๊กเกรียน" เผยแพร่คลิปหญิงสาวรายหนึ่ง นั่งคร่อมร่างผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นชาย ทราบชื่อคือ นายอรัญ อินทร์ภิรมย์ อายุ 60 ปี บนเตียงพยาบาล แล้วทำซีพีอาร์อย่างต่อเนื่องจนถึงรถพยาบาล ระหว่างเกิดเหตุเพลิงไหม้ชุมชนถนนจันทน์ 51 แยก 12 เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา คลิปดังกล่าวชาวเน็ตส่วนหนึ่งมองว่าไม่เหมาะสม โดยเฉพาะชุดที่ใส่เป็นกระโปรง และท่าทางขึ้นคร่อม ขณะที่ชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งแสดงความชื่นชม เห็นว่าเวลาคับขันการช่วยชีวิตสำคัญกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น
ด้าน น.ส.พีรยา แซ่นำ หรือ น้องแจน อายุ 20 ปี อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ระบุว่า วันเกิดเหตุตนไม่ได้เข้าเวร จึงไม่ได้สวมเครื่องแบบอาสากู้ชีพ แต่เพื่อนน้องชายโทรศัพท์มาบอกว่ามีเพลิงไหม้จึงลงพื้นที่ พบนายอรัญนอนอยู่ข้างถนน ไม่มีสัญญาณชีพ จึงยกผู้ป่วยขึ้นเตียงและเข็นไปที่รถกู้ชีพ แต่เนื่องจากซอยแคบ รถกู้ชีพเข้าไม่ได้ ด้วยความเป็นคนตัวเล็ก จึงตัดสินใจขึ้นคร่อมร่าง เมื่อนายอรัญเสียชีวิตก็รู้สึกเสียใจ ที่พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว ด้านครอบครัวนายอรัญเรียกร้องชาวเน็ตอย่าไปว่าสาวกู้ภัยคนนี้ สาเหตุการเสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลว