xs
xsm
sm
md
lg

สำนักวาติกันอนุญาตให้บาทหลวงแต่งเป็นพราหมณ์สอนศาสนาคริสต์! ว่าชาวบ้านเชื่อถือมากกว่า!!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค


ในบรรดาบาทหลวงฝรั่งเศสที่เข้ามายังกรุงศรีอยุธยานั้น บาทหลวง กีย์ ตาชารด์ ในคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก คณะเยซูอิต นับเป็นบุคคลสำคัญและได้รับการกล่าวถึงในประวัติศาสตร์ไทยมากกว่าบาทหลวงทุกท่าน

บาทหลวงตาชารด์ได้เดินทางเข้ามายังกรุงศรีอยุธยาถึง ๓ ครั้ง โดยครั้งที่ ๑ เข้ามาพร้อมกับคณะราชทูต เชอร์วาเลีย เดอ โชมองต์ ในปี พ.ศ.๒๒๒๘ และขากลับได้นำคณะราชทูตโกษาปานไปเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ทั้งเป็นพี่เลี้ยงตลอดรายการ

ครั้งที่ ๒ ได้คณะราชทูตไทยชุดนี้กลับมาส่ง และสมเด็จพระนารายณ์มีพระบรมราชโองการให้บาทหลวงตาชารด์ เป็นผู้อัญเชิญพระราชสาสน์พร้อมด้วยเครื่องบรรณาการไปถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ และสมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซ็นท์ที่ ๑๑ ณ พระราชวังวาติกันใน พ.ศ.๒๒๓๑ แต่เมื่อสมเด็จระสันตปาปาและพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ให้บาทหลวงตาชารด์นำพระราชสาสน์และเครื่องบรรณาการมาถวายตอบ สมเด็จพระนารายณ์ก็เสด็จสวรรคตไปเสียก่อน

ใน พ.ศ.๒๒๔๒ หรืออีก ๑๑ ปีต่อมา บาทหลวงตาชารด์ยังเข้ามากรุงศรีอยุธยาอีกเป็นครั้งที่ ๓ นำพระราชสาสน์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ มาถวายสมเด็จพระเพทราชา ซึ่งสมเด็จพระเพทราชาก็ให้บาทหลวงตาชารด์นำพระราชสาสน์และเครื่องบรรณาการของพระองค์กลับไปถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ เช่นกัน

ในการเดินทางมากรุงศรีอยุธยาแต่ละครั้ง บาทหลวงตาชารด์ได้จดบันทึกเรื่องราวและเหตุการณ์ที่พบเห็นไว้ กลับไปพิมพ์เผยแพร่ในยุโรป ๒ เล่ม ซึ่งนับเป็นข้อมูลสำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่คนไทยในยุคนั้นยังมีใครสนใจบันทึก

ในบันทึกตอนหนึ่งของบาทหลวงตาชารด์ มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเผยแพร่คริสต์ศาสนาในประเทศไทยไว้ว่า คอนสแตนติน ฟอลคอน หรือ เจ้าพระยาวิชเยนทร์ อัครมหาเสนาบดีชาวกรีกของสมเด็จพระนารายณ์ ได้เล่าให้บาทหลวงตาชารด์ฟังว่า เขารู้ดีกว่าใครว่า เหตุใดการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในประเทศสยามจึงก้าวหน้าไปได้ไม่ไกลนัก ทั้งๆที่ลงทุนลงแรงกันมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และเสนอความเห็นว่า จะต้องมีบาทหลวงเยซูอิตอีกคณะหนึ่ง มาใช้ชีวิตถือวิเวกตามแบบพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งมีอิทธิพลเหนือชาวบ้านในด้านจิตใจ ให้ห่มดองแบบพระภิกษุสงฆ์ ไปมาหาสู่กับพระภิกษุ แล้วพยายามหว่านล้อมชักจูงให้พระภิกษุรูปหนึ่งหันไปนับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งวิธีการนี้บาทหลวงโปรตุเกสคนหนึ่งก็เคยใช้ได้ผลมาแล้วที่เมืองมาดูเร ในประเทศลังกา

บาทหลวงตาชารด์บันทึกไว้ว่า อันที่จริงวิธีการนี้เคยได้ยินได้ฟังมาหลายครั้งแล้ว และเมื่อเร็วๆนี้ที่สยามนี้เอง บาทหลวงฝรั่งเศสรูปหนึ่งเล่าว่า ได้พยายามเข้าไปเผยแพร่ศาสนาในหมู่บ้านที่ลังกามาหลายปี แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนบาทหลวงรูปหนึ่งที่ตั้งให้เป็นอธิการคณะ สังเกตเห็นว่าชาวบ้านผูกพันและเลื่อมใสอยู่กับพราหมณ์ ถ้าตนใช้เครื่องนุ่งห่มอย่างพราหมณ์ และบำเพ็ญชีวิตอยู่อย่างพราหมณ์แล้ว ก็น่าจะได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้าน จึงได้นำความคิดนี้เสนอไปยังพระผู้ใหญ่

เรื่องนี้ถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมของสำนักวาติกัน และมีผู้ให้ความเห็นว่า เครื่องนุ่งห่มที่พวกพราหมณ์แต่งนั้น ไม่ใช่เครื่องนุ่งห่มทางศาสนา หากแต่เป็นเครื่องแต่งกายที่แสดงวรรณะ จึงอนุญาตให้บาทหลวงคณะเยซูอิตที่ต้องการทดลองเผยแพร่ศาสนาด้วยวิธีนี้ แต่งอย่างพราหมณ์ได้

บาทหลวงกลุ่มนี้จึงเปลี่ยนเครื่องแต่งกายไปนุ่งห่มแบบพราหมณ์ และบำเพ็ญชีวิตแบบพราหมณ์ เดินด้วยเท้าเปล่าและศีรษะปราศจากหมวก ย่ำไปบนพื้นทรายที่ร้อนระอุและแสงแดดอันแผดเปรี้ยง เช่นเดียวกับพวกพราหมณ์ที่ไม่สวมรองเท้า ไม่ใส่หมวกหรือโพกศีรษะ บริโภคแต่ผัก บางทีก็อดอาหารอยู่สามสี่วัน

บาทหลวงองค์หนึ่ง ถูกทรายที่ร้อนจัดเผาจนเท้าแตกทั้งสองข้าง และมีเม็ดทรายยัดเข้าไปในแผล ทำให้เจ็บปวดอย่างยิ่ง จนเท้าบวนอย่างน่าวิตก

บาทหลวงเหล่านี้จะไปนั่งที่โคนต้นไม้หรือถนนที่คนผ่านไปมา จนกว่าจะมีชาวลังกาสักคนเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในความเคร่งของบาทหลวงในชุดพราหมณ์ นั่งลงฟังคำสอน ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าก็ประทานพรในความอดทนทรมานกายของพวกเขา ทำให้คนเปลี่ยนศาสนาเข้ารีตได้ถึง ๖ หมื่นคนอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้บาทหลวงเหล่านั้นหายเหน็ดเหนื่อยที่ได้ทนทุกข์ทรมานจนหมดสิ้น

ตามบันทึกของบาทหลวงตาชารด์ ไม่ได้กล่าวว่าบาทหลวงฝรั่งเศสเชื่อคำแนะนำของวิชเยนทร์ไปหว่านล้อมพระภิกษุสงฆ์ให้เปลี่ยนศาสนาหรือไม่ แต่พงศาวดารไทยบันทึกไว้ว่า เจ้าพระยาวิชเยนทร์ไปสึกพระภิกษุในพุทธศาสนามาใช้งานโยธาขุดดิน ทำให้ ขุนหลวงสรศักดิ์ หรือ พระเจ้าเสือ โกรธจัด ต่อยปากจนฟันหลุด ในที่สุดวิชเยนทร์ก็ถูกประหารโดยพระเพทราชา ด้วยข้อหาว่าพยายามจะเปลี่ยนศาสนาสมเด็จพระนารายณ์



กำลังโหลดความคิดเห็น