xs
xsm
sm
md
lg

#MGRTOP7 : “บิ๊กอิตาเลียนไทย” ล่าเสือดำ | วาทะ “สมยศ” ตำรวจไซด์ไลน์ | กองปราบฯ สางหวย 30 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7

หมายเหตุ : เนื่องจากเว็บไซต์ MGR Online กำลังปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ ต้องการชมเนื้อหาย้อนหลัง คลิก https://bit.ly/mgrtop7 ขออภัยในความไม่สะดวก

(สรุปข่าวประจำวันที่ 3-9 ก.พ. 2561)

อันดับ 1 : คาหนังคาเขา! “เปรมชัย กรรณสูต” บิ๊ก ITD ล่าสัตว์ทุ่งใหญ่ สะเทือนใจซาก “เสือดำ”

การจับกุมผู้ต้องหาล่าสัตว์ที่สะเทือนทุกวงการ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ. นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี จับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 63 ปี ประธานบริหารและกรรมการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน คือ นายยงค์ โดดเครือ คนขับรถนายเปรมชัย, นางนที เรียมแสน แม่บ้าน และ นายธานี ทุมมาศ เจ้าของร้านอาหาร เพื่อนนายเปรมชัย พร้อมของกลางอาวุธปืน 3 กระบอก ซากไก่ฟ้าหลังเทา ซากเก้ง ซากเสือดำ และหนังเสือดำเป็นผืนทั้งตัวและถูกถนอมซากด้วยการทาเกลือ ก่อนนำส่ง สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดี วันเดียวกัน ศาลจังหวัดทองผาภูมิให้ประกันตัวนายเปรมชัยและผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ในวงเงิน 150,000 บาท ก่อนออกจากพื้นที่ไป





เรื่องดังกล่าวเป็นที่วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง ถึงพฤติกรรมของนายเปรมชัย ที่ถือปืนล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยเฉพาะภาพของซากเสือ และหนังเสือดำ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่ใกล้จะสูญพันธุ์ เป็นที่สะเทือนใจอย่างยิ่ง ที่สำคัญพบว่าไม่ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้อง แต่ใช้วิธีให้ที่ปรึกษาบริษัทฯ ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทรศัพท์ไปหาผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เพื่อให้ประสานงานต้อนรับในฐานะแขกวีไอพีแทน ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ตรวจค้นคฤหาสน์นายเปรมชัย ในซอยศูนย์วิจัย 3 ย่านพระราม 9 พบปืน 43 กระบอก เครื่องกระสุน 1.5 พันนัด และงาช้างอีก 2 คู่ และเมื่อสอบปากคำนายวิเชียร พบว่ามีความพยายามในการติดสินบนเจ้าพนักงาน จึงให้ร้องทุกข์ดำเนินคดีในข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงานเพิ่มอีกคดีหนึ่ง

อันดับ 2 : วาทะ “สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” : เล่นหุ้นอาชีพหลัก ตำรวจแค่ไซด์ไลน์

จากกรณีที่ นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเคร็ท ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีค้ามนุษย์ และเมื่อดีเอสไอตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีอดีตนายตำรวจใหญ่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 5 ก.พ. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง สมาชิก สนช. อดีต ผบ.ตร. ยอมรับว่ายืมเงินนายกำพล 300 ล้านบาทจริง และใช้คืนเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่มีส่วนรู้เห็นว่านายกำพลทำธุรกิจค้ามนุษย์ เพราะรู้จักในฐานะกลุ่มเพื่อนในแวดวงพระเครื่อง ต่อมาให้สัมภาษณ์ในรายการ “เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์” ทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ระบุว่า “ตลอดชีวิตรับราชการตำรวจผมนี่ เกือบจะเรียกว่าอาชีพตำรวจนี่เป็นไซด์ไลน์ พูดแล้วจะเหมือนคุย อาชีพหลักๆ ของผมคือทำธุรกิจ ซึ่งคนในแวดวงธุรกิจรู้เรื่องดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องหุ้น (เล่นหุ้น) ผมนิยมมาก ผมมีรายได้หรือมีผลกำไรจากการเล่นหุ้น และเสียหายจากการเล่นหุ้นจำนวนมาก...”



คำพูดดังกล่าวเป็นที่สะเทือนในหลายวงการ เนื่องจากคำว่า “ไซด์ไลน์” เปรียบได้กับผู้ที่ประกอบอาชีพค้าประเวณี ซึ่งสมาชิก สนช.สายพลเรือนหลายคนเกิดความไม่สบายใจ เป็นคำพูดไม่เหมาะสม ทำลายสถาบันตำรวจที่เป็นต้นน้ำของกระบวนการยุติธรรม และขวัญกำลังใจตำรวจกว่า 2 แสนคนทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นห่วงเรื่องการยืมเงิน 300 ล้านบาทจากธุรกิจค้ามนุษย์หมิ่นเหม่จริยธรรมหรือไม่ โยงไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่แต่งตั้ง พล.ต.อ.สมยศ เป็น สนช.กับมือ สุดท้าย พล.ต.อ.สมยศ ส่งไลน์ไปหาตำรวจ ขออภัยที่หากการให้สัมภาษณ์ทำให้เข้าใจผิด กระทบกระเทือนจิตใจตำรวจ ยืนยันว่าตลอดชีวิตรักและภาคภูมิใจในอาชีพตำรวจ แต่ที่มีคำพูดไม่เหมาะสม เพราะถูกกล่าวหากรณีอาบอบนวด ทั้งที่ตนทำธุรกิจลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็นหลัก และที่ตำรวจมีรายได้รอง เพราะไม่เคยรับส่วยจากธุรกิจผิดกฎหมาย และไม่เคยรับเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชา

อันดับ 3 : ลุ้นกองปราบฯ สางคดีหวย 30 ล้าน “จักรทิพย์” สั่งโอนคดีหวังโปร่งใส

คดีพิพาทปมเจ้าของกรรมสิทธิ์สลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดวันที่ 30 พ.ย. 2560 จำนวน 5 ใบ มูลค่า 30 ล้านบาท ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ กับนายปรีชา ใคร่ครวญ ข้าราชาการครู คดีพลิกกันไปมา ระหว่างผลนิติวิทยาศาสตร์ ที่พบว่าดีเอ็นเอบนสลากเป็นของ ร.ต.ท.จรูญ กับ การแถลงข่าวของตำรวจภูธรภาค 7 ระบุว่า นายปรีชาเป็นเจ้าของสลาก แต่ ร.ต.ท.จรูญ เก็บสลากได้ และจะแจ้งข้อหายักยอกทรัพย์กับรับของโจร ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย และ ร.ต.ท.จรูญ ท้าสาบานที่ศาลหลักเมืองกาญจนบุรี ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 5 ก.พ. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.สั่งให้ภาค 7 โอนสำนวนคดีให้กองปราบปราม เพื่อให้เกิดความโปร่งใส

วันที่ 7 ก.พ. พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรีอีกครั้ง กระทั่งวันที่ 9 ก.พ. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. รับสำนวนคดีจากตำรวจภาค 7 พบว่านอกจากเอกสารการสอบสวนแล้ว ยังพบคลิปเสียงพูดคุยทางโทรศัพท์มากถึง 2,500 คลิป ซึ่งต้องใช้เวลาคัดแยกว่าคลิปไหนเกี่ยวข้องกับคดี อีกด้านหนึ่ง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความฝ่าย ร.ต.ท.จรูญ มอบหลักฐานเพิ่มเติม หนึ่งในนั้นคือข้อความแชตไลน์ระหว่างแม่ค้าขายสลากพูดคุยกับลูก ขัดแย้งกับคำให้การก่อนหน้านี้ ขณะที่ พ.ต.อ.ชาคริต ปฏิเสธข่าวนายปรีชารับสารภาพไม่ได้เป็นเจ้าของสลากนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งจะเรียกพยานทั้ง 40 ปากมาสอบปากคำใหม่

อันดับ 4 : สิบตำรวจตรีนอกรีต ยกพวกไปข่มขืน ใช้เพื่อนชายนกต่อ

คำว่า “อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน” ยังใช้ได้ดีเสมอ เฉกเช่นเมื่อวันที่ 5 ก.พ. หญิงวัย 22 ปี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ระบุว่าถูกชายแต่งกายคล้ายตำรวจยกพวกบังคับรีดเงิน 3 หมื่นบาทก่อนพาไปล่วงละเมิดทางเพศ โดยเมื่อคืนวันที่ 3 ก.พ. ตนนัดนายพลดนัย ธรรมกุลา อายุ 21 ปี มาที่ห้องพักในซอยบงกช ถนนพัทยาใต้ ไม่นานนักมีตำรวจในเครื่องแบบ 1 คน ตำรวจอาสา 1 คน แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ อ้างว่านายพลดนัยพัวพันกับยาเสพติด โดยขังหญิงสาวไว้ในห้องน้ำ ต่อรองให้หาเงิน 3 หมื่นบาท แต่ไม่มีเงิน ทั้งสองจึงพาไปที่โรงแรมม่านรูดในพื้นที่ สภ.หนองปรือ ตำรวจอาสาเจรจาอีกครั้ง หญิงสาวมีเงินเพียง 2,700 บาท อีกฝ่ายไม่ยอม กระทั่งขอมีเพศสัมพันธ์ หญิงสาวจึงจำใจ หลังเสร็จกิจตำรวจในเครื่องแบบเข้ามาในห้อง บังคับให้มีเพศสัมพันธ์จนสำเร็จความใคร่ พร้อมขู่หาเงินมาให้ครบ ไม่เช่นนั้นจะแวะเวียนไปหาเรื่อยๆ ก่อนถูกปล่อยตัว

พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา สั่งชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ ส.ต.ต.รัฐชานนท์ ด่านนัทธี หรือหมู่กล้า ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.หนองปรือ และนายประเสริฐ คงขาว อายุ 31 ปี แอบอ้างเป็นตำรวจอาสา จึงได้มอบตัวพร้อมกับนายพลดนัย ทั้งหมดให้การปฏิเสธว่ากรรโชกทรัพย์และข่มขืน แต่จากการสอบสวนทราบว่าให้นายพลดนัยทำทีเป็นนกต่อ จากนั้น ส.ต.ต.รัฐชานนท์ และนายประเสริฐ เข้าไปตรวจค้น ทำทีพบยาเสพติดจากตัวนายพลดนัย จึงข่มขู่เรียกเงินและบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ จึงแจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว และร่วมกันโทรมหญิง ฝากขังต่อศาลจังหวัดพัทยา ขณะที่ พ.ต.อ.จิระวุฒิ ตัณฑศรี ผกก.สภ.หนองปรือ ได้ทำหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาให้ ส.ต.ต.รัฐชานนท์ ออกจากราชการไว้ก่อน เพราะเคยถูกทำโทษในกรณีประพฤติตัวไม่เหมาะสมมาก่อนแล้ว

อันดับ 5 : พิมพ์ผิดชีวิตเปลี่ยน! ผู้ว่าฯ เมืองจันท์ลาออกแสดงสปิริต เอกสารราชการมิบังควร

การประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะลงพื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด มีเรื่องที่ไม่ตลกเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 4 ก.พ. มีการเผยแพร่เอกสารที่สั่งการโดย นายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ให้หน่วยงานจัดเตรียมความพร้อมต้อนรับคณะนายกฯ ที่จะลงพื้นที่มาประชุม ครม.สัญจร แต่ถ้อยคำที่ใช้ในเอกสารมีการใช้คำราชาศัพท์คำว่า “รับเสด็จ” จนเป็นที่วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม ภายหลังนายวิทูรัชชี้แจงว่า เกิดจากข้อผิดพลาดระหว่างขั้นตอนของการพิมพ์ เนื่องจากก่อนหน้านี้จังหวัดได้ทำหนังสือเตรียมความพร้อมการรับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เสด็จพระราชดำเนิน เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา เมื่อนายกฯ จะลงพื้นที่ตรวจราชการก็ปรับแก้จากเอกสารฉบับเดิมจึงเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ขอรับผิดชอบเองที่ไม่ตรวจสอบให้ดี และได้สั่งให้มีการแก้ไขแล้ว

หลังการประชุม ครม.สัญจร ในช่วงวันที่ 5-6 ก.พ. ผ่านไป ต่อมาวันที่ 9 ก.พ. ที่กระทรวงมหาดไทย นายวิทูรัช ได้ทำหนังสือลาออกถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย มีผลวันที่ 7 มี.ค. โดยให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียง เกียรติยศของวงศ์ตระกูล และตำแหน่งหน้าที่ที่รับผิดชอบ ซึ่งนายวิทูรัช กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ให้ไปอ่านหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ นายยง ศรีนาม บิดาของตนเอง จะทราบเหตุผลถึงการลาออกครั้งนี้ เรื่องดังกล่าวทำให้ชาวจังหวัดจันทบุรีส่วนหนึ่งรวมตัวให้กำลังใจ พร้อมเรียกร้องให้นายวิทูรัช ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ขณะที่ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงการยับยั้งหนังสือลาออก ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เห็นว่าเรื่องเช่นนี้ผิดกันได้ แต่ไม่น่าจะถึงขั้นคอขาดบาดตาย

อันดับ 6 : หนุ่มหัวร้อน! ใช้ท่อเหล็กฟาดรถคู่กรณีพังยับ เหตุเพราะเฉี่ยวชนกัน

จากอุบัติเหตุบนท้องถนน กลายเป็นเรื่องบานปลายใหญ่โต เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Tum Yuranan Onman” ได้โพสต์คลิปวิดีโอชายคนหนึ่งเกิดบันดาลโทสะ ใช้ท่อเหล็กฟาดเข้าไปที่บริเวณกระจกรถและไฟหน้าของรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน มาร์ช สีบรอนซ์ แตกยับทั้งคัน เหตุเกิดถนนพุทธมณฑลสาย 4 หน้าสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ หมู่ 8 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม สาเหตุเกิดจากก่อนหน้านี้รถเฉี่ยวชนบนถนน กระทั่งใช้ท่อนเหล็กฟาดรถคู่กรณีไม่หยุด จนเจ้าของรถนิสสัน มาร์ช ต้องหนีไปอยู่บริเวณอื่นเพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย



ตำรวจ สภ.โพธิ์แก้ว รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเรียกคู่กรณีมาสอบสวน ผู้ก่อเหตุคือ นายชาญวิทย์ ดวงมณี อายุ 21 ปี เจ้าของรถเก๋งโตโยต้า สีเทา ที่ถูกชน พร้อมของกลางเป็นแป๊ปเหล็ก ขนาดยาวประมาณ 1 เมตร สารภาพว่าที่ทุบรถเพราะบันดาลโทสะ เนื่องจากขณะขับรถกลับจากวัดไร่ขิง รถของตนและรถนิสสัน มาร์ช ของนายไพโรจน์ บำรุงกิจ อายุ 45 ปี คู่กรณีเกิดเฉี่ยวชน จึงแวะจอดข้างทาง ด้วยความโมโหจึงคว้าแป๊ปเหล็กฟาดเข้าที่กระจกรถและตัวรถนิสสัน มาร์ชหลายครั้ง ซึ่งได้ขอโทษและยินดีชดใช้ ตำรวจแจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์

อันดับ 7 : โล่งอก! งานบอลจุฬาฯ-มธ. ล้อการเมืองชู “ยักษ์นนทก” ยันต์หนา “แต่ผมไม่ตาย!”

ผ่านพันไปแล้วสำหรับงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 ซึ่งจัดขึ้นที่สนามศุภชลาศัย เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา ไฮไลต์อยู่ที่ขบวนล้อการเมือง จากกลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าสั่งห้ามล้อการเมือง โดยเฉพาะเรื่องนาฬิกา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และพบว่ามีการส่งทหารจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ไปที่งานบอล จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยขบวนล้อการเมืองประกอบด้วย “นนทก” ยักษ์ทวารบาลในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ จุดเด่นตรงที่แขนซ้ายเขียนคำว่า “คืนเพื่อนแล้ว” ด้านหลังเป็นรูปสักยันต์ พร้อมระบุคำว่า “แต่ผมไม่ตาย!” เปรียบเรื่องการมีอำนาจ แต่ใช้ไปในทางฉ้อฉล จนกลับมาทำลายตัวเองและพวกพ้อง



ขบวนที่สอง “ตาชั่ง” เปรียบเทียบงบประมาณจากภาษีประชาชนนำไปจัดซื้อรถถัง เครื่องบิน และ เรือดำน้ำ มากกว่าสวัสดิการประชาชน เช่น โรงพยาบาล โดยมีหุ่นคนสวมเสื้อก้าวคนละก้าว ดึงตราชั่งโรงพยาบาล สื่อถึงการการรณรงค์โครงการก้าวคนละก้าว ขบวนที่สาม “ม้วนแผ่นดิน” เป็นรูปเจ้าสัวสองคนถือกระสอบ เปรียบได้กับความเหลื่อมล้ำในสังคม ขบวนที่สี่ “รถไฟ” สื่อถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของรัฐบาล ที่ไม่มีความเชื่อมโยงกันทั้งระบบ ถูกลดสเปกเหลือรถไฟรางคู่ความเร็วปานกลาง ขบวนสุดท้าย “รัฐธรรมนูญ” ที่ด้านบนพานถูกฉีกออกเป็นรูปศีรษะ สื่อถึงสิ่งที่แฝงอยู่ในรัฐธรรมนูญ คือนายกรัฐมนตรีคนนอก หลังจบงานบอล พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปฏิเสธว่าไม่ได้ห้ามล้อประเด็นนาฬิกา หรือห้ามล้อเลียนการเมืองใดๆ และเห็นว่า ขบวนพาเหรดล้อการเมืองครั้งนี้ถือว่าไม่มีอะไรล่อแหลม


กำลังโหลดความคิดเห็น