xs
xsm
sm
md
lg

สวยเทียบระดับตัวท็อปของวงการ! หลิงหลิง-ศิริลักษณ์ คอง “นางงามเขาสวนกวาง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

หันซ้ายเหมือน “อาภัสรา หงสกุล” หันขวาเหมือน “แอฟ ทักษอร” นางงามผู้คว้ามงกุฎ “นางงามเขาสวนกวาง 2561” มาครอบครองจนกลายเป็นกระแสฮือฮาบนโลกโซเชียลฯ

หลิงหลิง-ศิริลักษณ์ คอง

สาวสวยลูกครึ่งไทย-ฮ่องกง ที่หลายคนต่างลงความเห็นว่าเธอเหมือนแฝดคนละฝากับ “อาภัสรา หงสกุล” นางงามจักรวาลคนแรกของไทย ส่วนอีกมุมหนึ่งก็ยังละม้ายคล้าย “แอฟ ทักษอร” ดารานักแสดงชื่อดังอีกด้วย นอกจากดีกรีความสวยที่เข้าตาและโดนใจใครต่อใครแล้วยังไม่พอ เธอยังมีความสามารถด้านภาษามากถึง 3 ภาษา จนหลายคนอยากทำความรู้จักเธอให้มากขึ้น

เชื่อว่าถ้าได้รู้จักตัวตนของเธอแล้ว คุณจะตกหลุมรักอย่างแน่นอน ... เชิญคุณทำความรู้จักกับ "หลิงหลิง - ศิริลักษณ์ คอง"

มองซ้ายเหมือน “อาภัสรา หงสกุล”
มองขวาเหมือน “แอฟ ทักษอร”

ตอนแรกก็ตกใจ และดีใจมากๆ เลยค่ะที่มีหลายคนมาชื่นชม ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีใครบอกมาก่อนนะคะว่าหน้าหนูเหมือนใคร เพิ่งจะมีคนบอกตอนที่มีข่าวแชร์กันในโซเชียลฯ ค่ะ

พอทราบว่ามีคนบอกว่าหนูหน้าเหมือน Miss Universe ก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่หนูไปสวยเหมือนนางงามจักรวาล (ยิ้ม) ส่วนที่มีคนบอกว่าหน้าเหมือนพี่แอฟ ทักษอรด้วย หลิงหลิงก็ดีใจเหมือนกันนะคะเพราะพี่เขาเป็นถึงระดับดารานักแสดงชื่อดังเลยค่ะ

เส้นทางชีวิตไทย-ฮ่องกง
ก่อนจะมาเป็นนางงาม

หลิงหลิงเป็นลูกครึ่งไทย-ฮ่องกงค่ะ พื้นเพคุณแม่เป็นคนกาฬสินธุ์ ส่วนคุณพ่อทำงานอยู่ฮ่องกง เดิมทีก่อนหน้านี้หลิงหลิงใช้ชีวิตอยู่ที่ฮ่องกงตั้งแต่เด็กจนอายุ 17 ปี ก็ย้ายจากที่นั่นมาอยู่ประเทศไทย มาเริ่มเรียนชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ แล้วก็เริ่มมาเรียนภาษาไทย จนถึงตอนนี้ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นค่ะ

ตอนที่อยู่ฮ่องกงเราก็เป็นเด็กเรียนคนหนึ่ง ไม่เคยประกวดอะไรมาก่อน เพราะอาจจะเป็นเพราะว่าที่ฮ่องกงไม่ค่อยจัดกิจกรรมแบบนี้ อีกอย่างไม่มีใครเห็นแววเท่าไหร่เพราะคนฮ่องกงสวยเยอะ แต่ก็มีเพื่อนๆ ชมว่าสวยบ้าง (หัวเราะ)

‘นางงามเขาสวนกวาง’ เวทีแจ้งเกิด
แต่ไม่ใช่เวทีแรกในชีวิต

ชีวิตนางงามของหลิงหลิงเริ่มมาจากเป็นดาวโรงเรียนบ้าง ดาวคณะบ้าง พอโตขึ้นก็เริ่มมีคนพาไปประกวด แล้วก็ได้เข้าประกวด

หลิงหลิงมาประกวดนางงามได้เพราะเราไปรู้จักกับพี่ช่างแต่งหน้า ตอนนั้นหนูเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปี 1 แล้วบังเอิญเราได้เป็นดาวคณะพอดี แต่ว่าช่วงนั้นหลิงหลิงยังจัดฟันอยู่ พอจัดฟันเสร็จปุ๊บ ช่างแต่งหน้าก็เลยเอาไปประกวด

ประกวดครั้งแรกหนูเรียนมหาวิทยาลัยปี 3 ค่ะ จะเป็นเวทีนางงามไหม จ.ขอนแก่น เมื่อปี พ.ศ. 2559 เป็นเวทีที่ต้องเป็นชาวขอนแก่นหรือไม่ก็เรียนอยู่ในจังหวัดขอนแก่นด้วย แล้วเผอิญหลิงหลิงเรียนอยู่ ม.ขอนแก่น ก็เลยได้ไปประกวดค่ะ ตอนแรกที่ไปประกวดหนูก็ไม่คิดว่าจะเป็นเวทีระดับจังหวัดนะคะ หนูก็ลองไปประกวดดู ซึ่งก่อนประกวดก็ต้องฝึกเยอะมากเลยค่ะ พี่ๆ เขาก็จะช่วยฝึกด้านบุคลิกภาพ เช่น การเดิน เพราะเราเดินไม่สวยเลยต้องฝึกใหม่ การยืน การนั่งว่าต้องทำยังไง การโพสว่าต้องโพสท่าแบบไหน รวมไปถึงสอนยิ้ม สอนเวลาตอบคำถาม สอนการเตรียมตัว และก็เพิ่มความรู้ให้ เพราะว่าเป็นนางงามนอกจากต้องมีความสวยแล้ว ก็ต้องมีความรู้ ความสามารถ และความอดทนด้วยค่ะ เพราะเวลาที่เรายืนอยู่บนเวที เราจะต้องยิ้มตลอดเวลา เราต้องอดทนเพราะเราต้องใส่ส้นสูง ไม่ว่าส้นสูงจะสูงขนาดไหน หรือว่าชุดจะแน่นขนาดไหน อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือความสามารถกับความรู้ เพราะว่าบนเวทีเขาจะให้เราตอบคำถาม หรือแสดงความสามารถ เราก็ต้องทำได้ เพื่อที่จะทำให้ทุกคนจดจำเรา สิ่งที่พี่ๆ สอนก็ทำให้หนูไม่ตื่นเวทีค่ะ

ตอนแรกยอมรับว่าตื่นเต้นมากเพราะหนูเป็นคนขี้อาย ขี้เขิน แต่ทุกอย่างต้องผ่านการฝึกฝนก็ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ เวทีแรกหลิงหลิงก็ได้รางวัลนางงามไหม ตำแหน่งรองอันดับ 1 และ Miss Photogenic มาค่ะ

ส่วนล่าสุดก็เป็นนางงามเขาสวนกวางซึ่งเป็นเวทีที่ 2 เป็นงานที่เขาจะจัดทุกปีอยู่แล้ว ที่ อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ไก่ย่างเขาสวนกวาง ซึ่งเป็นจุดเด่นของที่นี่เลยค่ะ เพราะทีเด็ดของไก่ย่างเขาสวนกวางจะกรอบนอกนุ่มในเนื่องจากเขาหมักด้วยสมุนไพรและน้ำจิ้ม ใช้กะละมังในการย่างเพื่อให้ความร้อนกระจายถึงตัว ตรงนี้หนูก็ได้ไปลองกินดู อีกอย่างที่สำคัญก็คือแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของที่นี่โดยเฉพาะสวนสัตว์เขาสวนกวางที่เป็นสวนสัตว์ใหญ่ที่ใหญ่มากในภาคอีสานค่ะ

ความท้าทายของการประกวดเวทีนี้อาจจะเป็นเรื่องการตอบคำถามเกี่ยวกับเขาสวนกวางค่ะ เพราะด้วยความที่ว่าหลิงหลิงมาจากฮ่องกง ด้านความรู้เกี่ยวกับอำเภอเขาสวนกวาง หรือจังหวัดขอนแก่นเรายังมีน้อยกว่าเพื่อนๆ ที่ประกวดด้วยกัน

อย่างคำถามที่หลิงหลิงได้รับก็คือ "ประเพณีบุญกุ้มข้าวใหญ่สำคัญอย่างไร" วินาทีแรกที่ได้ยินคำถามนี้หลิงหลิงช็อกเลยนะคะ (หัวเราะ) เพราะเราไม่รู้จริงๆ หนูก็เลยตอบไปประมาณว่า เป็นพระเจ้าของชาวนาที่เขานับถือกันค่ะ โชคดีที่มีล่ามแปลภาษาไทยเป็นอังกฤษให้ หนูก็เลยตอบเป็นภาษาอังกฤษบนเวทีเลย ว่า “it's important because it is the culture of khao suan kwang in the heart of” ซึ่งตอนนี้หลิงหลิงก็ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าบุญกุ้มข้าวใหญ่คืออะไรค่ะ (หัวเราะ)

ตรงนี้ก็เลยเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ดีๆ เพราะหลิงหลิงไม่เคยคิดว่าจะได้มาเป็นนางงามเลย มันเป็นความฝันที่สูงเกินเอื้อม เกินกว่าที่หลิงหลิงคาดคิดไว้ คงเป็นเพราะความโชคดีด้วยส่วนหนึ่ง บวกกับความพยายามของเราด้วยที่ทำให้มีวันนี้ค่ะ

เดิมทีความฝันไม่ใช่ ‘นางงาม’
แต่ทว่าอยากเป็น ‘นางฟ้า’ บนเครื่องบิน

ก่อนหน้านี้หลิงหลิงไม่เคยคิดอยากจะเป็นนางงามเลยนะคะ เพราะตอนเด็กๆ หนูมีความฝันว่าอยากจะเป็นแอร์โฮสเตสค่ะ ที่อยากเป็นแอร์โฮสเตสก็คงเพราะว่าเวลาที่เรานั่งเครื่องบินไปเที่ยวกับครอบครัว หลิงหลิงจะได้เห็นเวลาที่แอร์โฮสเตสเดินผ่าน เรารู้สึกชื่นชอบ ชื่นชมเพราะเขามีบุคลิกภาพดี ใส่เสื้อผ้าสวยงาม เราชอบมองว่าเขาสวยจังเลย สวยมากๆ พอโตขึ้นก็เลยทำให้มาสนใจด้านนี้เป็นพิเศษ

ส่วนตัวหลิงหลิงชอบท่องเที่ยวด้วยนะคะ หลิงหลิงจะชอบเที่ยวแบบแนวปีนเขามากเพราะคุณแม่ชอบพาเราไปปีนเขาตอนอยู่ฮ่องกง เลยทำให้หลิงหลิงชอบธรรมชาติ กลายเป็นว่าเป็นความสนใจและเป็นความสุขของเราไปเลยค่ะ ซึ่งการเป็นแอร์โฮสเตสก็จะทำให้เราได้เดินทางไปหลายๆ ที่ทั่วโลก ได้แต่งตัวสวย อีกอย่างยังได้ทำงานกับคนหลายเชื้อชาติ หลายภาษาด้วย หนูก็เลยเลือกที่จะเรียนเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ตอนนี้หนูก็เรียนวิทยาลัยนานาชาติ สาขาการจัดการการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยขอนแก่น อยู่ค่ะ

พอได้มาเป็นนางงามถามว่าความฝันที่อยากจะเป็นแอร์โฮสเตสของเราหายไปไหม ตอบเลยค่ะว่าก็ยังอยู่นะคะ ถ้ามีโอกาสหนูก็อยากลองเป็นดู หลิงหลิงคิดว่าสองอาชีพนี้คล้ายๆ กันนะคะ ได้แต่งตัวดี สวย และต้องเข้ากับคนอื่นให้ได้

นางงามหลากภาษา
ถึงไม่เก่งภาษาไทยแต่ก็หมั่นเรียนรู้ความเป็นไทย

หลิงหลิงพูดได้ 4 ภาษาค่ะ ไทย อังกฤษ ฮ่องกง (จีนกวางตุ้ง) จีน (จีนแมนดาริน) ส่วนภาษาอีสานเว้าได้จั๊กหน่อย (หัวเราะ)

ตอนนี้หลิงหลิงมาอยู่ไทยได้ 6 ปีแล้วค่ะ แต่ภาษาไทยก็ยังไม่แข็งแรงเท่าไหร่นะคะ ช่วงแรกๆ ที่มาอยู่ไทย ต้องปรับตัวมากๆ เลย ต้องปรับแบบสุดๆ อย่างเรื่องภาษาก็คุยไม่รู้เรื่องเพราะเราไม่ได้เรียนที่ไทยมาก่อน ก็มีโดนเพื่อนล้อบ้างเพราะเราไม่เข้าใจ เราไม่รู้เรื่องเลย ก็อาศัยหัวเราะไปกับเขา (หัวเราะ)

อย่างตอนแรกต้องเริ่มใหม่เลยค่ะ เริ่มจากนับ 1-10 ให้ได้ก่อน เวลาจ่ายเงินก็นับ 1-10 มีครั้งหนึ่งช่วงนั้นอยู่ ม.6 หนูไม่สามารถเข้าสอบได้เลยนะคะ เพราะเราอ่านไม่ได้ พูดไม่ได้ ฟังไม่รู้เรื่องเลย เขาก็เลยปรับให้หลิงหลิงติด ร ต้องแก้ด้วยการเขียน ซึ่งส่วนนี้ทางโรงเรียนก็มีส่วนทำให้หลิงหลิงอ่านออกเขียนได้ค่ะ

เวลาไม่เข้าใจหนูจะอาศัยการพูดคุยกับเพื่อนๆ กับคนรอบข้างแล้วก็ซักถามว่าคำนี้แปลว่าอะไร แต่ก็มีบ้างที่บางทีพูดผิดเพื่อนก็ไม่ยอมบอก เราก็พูดผิดแบบนี้ไปตลอด(หัวเราะ) แต่เพื่อนๆ ก็จะพยายามอธิบายนะคะ อีกส่วนหนึ่งต้องอาศัยจินตนาการของตัวเองช่วยด้วยค่ะ ซึ่งตอนนี้หนูก็เข้าใจมากขึ้น อยู่ในเกณฑ์ที่สื่อสารรู้เรื่อง ร้องเพลงไทยได้บ้าง แต่ก็ไม่กล้าการันตีว่าเราเก่งแล้ว (หัวเราะ)

จะว่าไปแล้วภาษาไทยยากมากเลยนะคะ ยากสำหรับหนูมากๆ เพราะคำพูดจะมีหลายอย่าง เช่น กิน ทาน รับประทาน ซึ่งมันก็ยากสำหรับเรา แต่หลิงหลิงชอบภาษาไทยนะคะ เพราะเป็นภาษาที่สื่อสารถึงใจ สื่อถึงความรู้สึกแบบตรงๆ ดีค่ะ

อีกอย่างเรื่องวัฒนธรรมต่างๆ จะต่างกับที่หลิงหลิงเคยเจอมามาก เช่น เรื่องการสวัสดีของคนไทยจะมีการไหว้ ต่างๆ นานา หรือแม้กระทั่งการใช้ชีวิต แต่ตอนอยู่ที่ฮ่องกงก็จะคล้ายๆ กับกรุงเทพฯ นะคะ แต่พอเราได้มาอยู่ขอนแก่น กับกาฬสินธุ์ ไลฟ์สไตล์ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ก็จะมีวัฒนธรรมความเป็นอีสาน มีข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำ ซึ่งหลิงหลิงชอบทานมากค่ะ อาหารไทยอร่อย (ยิ้ม) อยู่ไทยเราก็ได้ประสบการณ์อะไรเยอะเหมือนกัน ก็ต้องค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ เรียนรู้กันไป

ง่ายๆ ชิลๆ
นี่แหละไลฟ์สไตล์ในชีวิตจริง

ชีวิตจริงของหนูเหมือนผู้หญิงธรรมดาทั่วไปเลยค่ะ จะชอบทำอะไรชิลๆ อยู่กับเพื่อน เฮฮา เหมือนนักศึกษาทั่วไป เราเป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ เป็นคนชอบอยู่กับเพื่อน เวลาอยู่กับเพื่อน หลิงหลิงจะมีความสุขมากค่ะ

นอกจากนี้แล้ว เวลาว่างส่วนมากหลิงหลิงจะชอบอ่านหนังสือ ดูซีรีส์ ดูหนังค่ะ เราจะชอบหนังแนวโรแมนติก ประมาณเรื่อง “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” อะไรประมาณนี้ อีกอย่างหลิงหลิงชอบดนตรีด้วยค่ะ ว่างๆ จะชอบเล่นกีตาร์เพราะตอนที่มาอยู่ที่ไทยใหม่ๆ เราก็จะพยายามหาอะไรทำ ก็เลยให้คุณแม่ซื้อกีตาร์ให้ แล้วก็ลองเล่นเอง ส่วนใหญ่จะชอบเล่นเพลงสากล หรือเพลงจีนก็สามารถเล่นได้ค่ะ

ส่วนเรื่องการดูแลตัวเองก็ไม่มีอะไรมากค่ะ ปกติหลิงหลิงก็จะทาครีมกันแดด ทาครีมบำรุง ดื่มน้ำเยอะๆ ทานผลไม้เพราะหลิงหลิงชอบทานผลไม้มาก นอกจากนี้ก็ต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าว่างก็จะออกกำลังกายร่วมด้วยค่ะ

อนาคตอยากทำตามความฝัน
เปิดโอกาสและฝึกฝนประสบการณ์

ถามว่าอยากไปเวทีระดับนางงามจักรวาลไหม (Miss Universe) ก็ถือว่าเป็นเวทีใหญ่ที่น่าสนใจนะคะ เพราะทุกคนเชียร์เวทีนี้ ขนาดหนูยังเชียร์เลย เราอยากเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะไปเปล่งประกายในเวทีใหญ่เหมือนกันค่ะ ก็ต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง ซึ่งตอนนี้หนูก็ยังไม่ได้คิดอะไรนะคะ เพราะว่าถ้าจะไปประกวดเวทีที่ใหญ่กว่านี้ได้ หลิงหลิงต้องมีความพร้อมมากกว่านี้ก่อน ก็ต้องพัฒนาตัวเองเยอะอยู่ แต่ถ้าได้ฝึกหลิงหลิงเชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้ เพราะไม่มีอะไรเกินความสามารถของเราแน่นอนค่ะ

หรือถ้ามีงานในวงการเข้ามาหนูก็อยากทำนะคะ เพราะว่าสิ่งนี้ก็เป็นความฝันของใครหลายๆ คนเหมือนกัน ซึ่งแต่ก่อนหลิงหลิงก็ไม่เคยคิดเลยว่าเราจะมีโอกาสได้เข้าใกล้กับอาชีพนี้ ถ้ามีโอกาสหนูก็พร้อมที่จะรับ แต่ไม่ว่าจะเป็นโอกาสอะไร หลิงหลิงก็อยากลองทำดูค่ะ เพราะว่าอย่างน้อยๆ เราจะได้เพิ่มประสบการณ์ชีวิตให้กับตัวเอง หนูจะไม่ปฏิเสธโอกาส พร้อมที่จะรับอยู่เสมอค่ะ

ส่วนตอนนี้หลิงหลิงอยากโฟกัสเรื่องเรียนก่อนค่ะ เพราะว่าตอนนี้หนูเรียนมหาวิทยาลัยปี 4 แล้ว ใกล้จะจบแล้ว เราอยากทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ที่สุดก่อน เรียนจบก่อนแล้วจะประกวดอะไรต่อไป หรือว่าจะพัฒนาตัวเองอย่างไรต่อไปก็ค่อยว่ากันค่ะ

สุดท้ายหนูอยากขอบคุณแฟนนางงามทุกคนที่ให้กำลังใจ ถ้าไม่มีแฟนๆ มาเชียร์ มาให้กำลังใจก็คงไม่มีหลิงหลิงในวันนี้ ยังไงก็ฝากติดตามผลงานของหลิงหลิงต่อไปนะคะ (ยิ้ม)






ประวัติส่วนตัว

ชื่อสกุล : ศิริลักษณ์ คอง
ชื่อเล่น : หลิงหลิง
อายุ : 22 ปี
การศึกษา : มัธยมปลาย โรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์
กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาลัยนานาชาติ สาขาการจัดการการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ตำแหน่งที่ได้รับ : ดาวคณะ, รองอันดับ 1 นางงามไหมขอนแก่นประจำปี 2559 และอันดับ 1 นางงามเขาสวนกวาง ประจำปี 2561

เรื่อง : วรัญญา งามขำ, เพ็ญญาเรีย บุญประเสริฐ
ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ และอินสตาแกรม @linglingkwong



กำลังโหลดความคิดเห็น