xs
xsm
sm
md
lg

เปิดทัศนคติ “โยชิ 300” เจ้าของเพลงฮาลั่นเกินร้อย “คุกกี้เสี่ยงคุก”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จาก “โคตรเพื่อสนิท” ตามมาติดๆ ด้วย “คุกกี้เสี่ยงคุก” เป็นสีสันแห่งความสนุกที่สร้างความสุข รอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับกองทัพประชากรออนไลน์อย่างล้นหลาม เราพาไปทำความรู้จักกับ “โยชิ 300” ผู้เปี่ยมด้วยอารมณ์ขันมากที่สุดคนหนึ่งในปฐพี!



อาจดูกวนๆ ไปสักนิด แต่ไม่คุกคาม
จุดเริ่มเปลี่ยน จาก “ไอ้หยก” เป็น “โยชิ”

“ต้องบอกก่อนว่าจริงๆ แล้วชื่อ ‘หยก’ ไม่ได้ชื่อ ‘โยชิ’ แต่พอผมย้ายมาโคราช สำเนียงทีนี้แตกต่าง เขามีภาษาถิ่นของเขาเอง มันก็เลยเพี้ยนเรียก ‘หยก’ เป็น ‘ยก’ เราไม่รู้ เราก็ไม่หัน เวลาเขาเรียกเรา เขาก็เลยตั้งชื่อให้ใหม่ว่า ‘โย’ ซะเลย”
ชายผู้สร้างสรรค์รอยยิ้มและเสียงหัวเราะระดับเทพ เกริ่นกล่าวบอกเล่าที่มาของชื่อฉายาความฮา

“หลังจากเรียกโยๆ กันมาเรื่อยๆ ก็มาเต้นบีบอย แล้วก็จำพัดจับผลูใช้ชื่อ ‘โยชิมิซึ’ เอามาจากตัวละครในเกม เพราะมันน่าตาอัปลักษณ์ดี แต่ว่าคนชอบตัวนี้เยอะ มันก็น่าจะเหมาะกับเรา เราก็ใช้ในการแข่งบีบอยตลอดมา ก็เคยได้รองแชมป์ประเทศไทยด้วย ปี 2011”

แม้ว่าหลังจากนั้นก็ไม่ได้อะไรอีกเลย ทว่านามกรของ “โยชิ” ก็กลับเป็นจุดเริ่มของสิ่งใหม่โดยที่เขาเองก็ไม่คาดคิดฝัน

“คือเราเป็นคนชอบเอ็นเตอร์เทน สร้างความสุขให้กับเพื่อนๆ แล้วก็ประมาณว่าไปเห็นเพลงๆ หนึ่ง เพลงนี้น่าเอามาลิปซิ้งค์เล่น ชื่อเพลงไอ้ขี้งก ของเพจ “แปลงซะเสีย” ของพี่วิน The Ginkz เขาเป็นนักแปลงเพลงอยู่แล้ว เราชอบก็เอามาลิปซิ้งค์อีกทีหนึ่ง ปรากฏว่าเพลงมันดังขึ้นมาเฉย

“คือถ้าถามว่าเพราะอะไร ก็คือคนเขาคิดว่าเราร้องเอง ลิปซิ้งค์เนียนไป จนคนเขาไปถกเถียงกันอย่างนั้นอย่างนี้ ร้องจริงหรือเปล่า หน้าไม่เข้ากับเสียง เสียงดีกว่าหน้าอีก ก็เป็นกระแสขึ้นมา”

เมื่อบวกกับเนื้อเพลงเงินๆ ทองๆ ของการทักท้วงเงินแฟนสาวคนรักเก่า 300 บาท ที่กระชากใจแฟนๆ ทุกคนก็พร้อมใจสถาปนา 300 พ่วงแถมท้ายชื่อสมญานามโดยปริยาย

“ทีนี้ก็เลยเป็นความคิดตั้งเพจขึ้นมา สร้างช่องยูทูปแชเนลของตัวเอง เพราะเสียงตอบรับที่ได้แล้วก็มีความรู้สึกว่าไม่อยากลิปซิ้งค์เพลงคนอื่นแล้ว อยากทำอะไรที่มันเป็นของตัวเองบ้าง ไม่ใช่ยืมของคนอื่น คือเมื่อเขาทำได้ เราก็ทำได้ เราก็มีเขาเป็นแรงบันดาลใจอยู่แล้ว เราชอบเขียนกลอนอยู่แล้ว ก็เลยลองเขียนเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่ง เพลงแรก ตังค์ยายเจน ซึ่งแปลงเพลง In The End ของศิลปินวงลินคินพาร์ค

“ตอนแรกกะไม่ได้ร้องเอง จะให้พี่วินไอดอลเราร้อง แล้วเรามาลิปซิ้งค์อีกที แต่เขาบอกว่าร้องเองไปเลย ผมจะลังเลเพราะเป็นคนที่มั่นใจในการทำทุกอย่างหมด ยกเว้นอย่างเดียวคือการร้องเพลง เพราะไม่ชอบร้องเพลง ขนาดขับรถฮัมเพลงยังไม่ทำเลย แต่สุดท้ายเราก็เอาวะ ร้องเองก็ได้วะ ก็ร้องๆ ไป ก็อัพโหลดคลิปลงเฟซบุ๊กก่อน ทีนี้ดันปังขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง

“ก็...ไม่ได้ละ เดี๋ยวคนจำไม่ได้ ก็สร้างเพจขึ้นมาเลย”
เขาว่าก่อนจะกล่าวสมทบถึงทิศทางของเพจที่จะได้มาไร้สาระกันในนี้ตามความชอบส่วนตัวตน

“แต่ก็ใช้ว่าจะดังตลอด ตอนนั้นหลังจากเพลงนี้เป็นกระแสพักหนึ่ง ประมาณ 3 สัปดาห์ต่อมา เจ้าของเพลงวงลินคินพาร์ค ผูกคอตายเสียชีวิต คนก็มาด่าผมเพียบเลย กลายเป็นดราม่า ด่าว่า เพราะแก ทำให้เขาผูกคอตาย ไม่ให้เกียรติคนที่ตาย บางอันก็ล้อเล่น บางอันก็จริงจัง เราก็จะไปรู้หรือเปล่าล่ะ เราทำก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ ใครจะไปรู้ล่ะ

“ก็เงียบไปพักหนึ่ง แต่คือเรากลับมามองดูว่าเราเกิดจากความสนุก ความไร้สาระ ฉะนั้น ใครอยากด่าอะไรก็ด่าไปเลย ผมก็ไปต่อ ไม่หยุด ไม่หยุดเลยจริงๆ ขนาดมีคนมาด่าเยอะ มึงเป็นบ้าหรือเปล่า มึงเป็นโจรนะเนี่ย ตอนแรกเราก็คิดนะ ด่าทำไม แต่หลังๆ อยากด่าก็ด่าไปเลย ไม่แคร์แล้ว บางทีก็ด่าสวน ก็บอกเลย ไปดูข่าวเลยนะ มันไม่มีหรอกโจรหน้าตาอย่างนี้ มีแต่หน้าใสๆ เกลี้ยงๆ ทั้งนั้น ไม่มีหรอกสภาพนี้

“เพราะในความคิดของผม ผมเอาสะใจ เอามันส์ตัวเราเอง เอาใจคนดู เอาสนุก ไม่ได้คิดว่าสร้างรายได้อะไรมากมาย เรื่องการเป็นยูทูปเบอร์แล้วได้รายได้ ตรงนี้เหมือนผลพลอยได้ที่ได้มาให้เราเอง เพราะเราทำเรื่องสนุกๆ ให้คนมันส์ มันก็เลยเหมือนกับว่าผลพลอยได้ เราก็ทำของเราจนมาเป็นคุกกี้เสี่ยงคุก จริงๆ ผมตามข่าวน้องๆ BNK48 มาสักพักหนึ่ง แต่ว่าตาม AKB 48 ของต้นฉบับระเทศญี่ปุ่น แล้วมีข่าวเดบิวท์ขึ้นมา เราก็เห็นเพลงเขา ก็ร้องคุกกี้เสี่ยงทาย ผมก็ไปเห็นแฮชแท็กหนึ่งเขียนว่า ‘เสี่ยงคุก’ ก็ได้ไอเดียมาประจวบเหมาะกับที่มีข่าวลุงตู่ไปประเทศอเมริกา เราก็เอาวะ เขียนเลย วันต่อมาก็อัพโหลดเลย ลงเพจ ยูทูป

“ตอนแรกไม่คิดอะไร เอามันส์เอาขำของเรา พอเริ่มเยอะขึ้น ผมก็เริ่มกลัวขึ้น มันจะเสี่ยงคุกจริงๆ ไหม ตอนแรกสักแสนหนึ่ง มันก็ไม่น่าจะมีอะไรมั้ง สักพักหนึ่งมา 5 แสน เยอะเกินไปหรือเปล่า สักพักไปดู ล้านหนึ่งแล้ว เฮ้ยใครดูบ้างวะเนี่ย ตอนนี้ 2 ล้าน 5 แล้ว ผมว่าลุงต้องเข้ามาดูบ้างละ ถ้าถามว่าอยากบอกอะไร ถ้าดูจริงๆ ก็เหมือนชื่อเพลง “แค่ล้อเล่นนะค่ะ อาจดูกวนๆ ไปสักนิด” ประมาณนี้ ตามในเพลงเลย ด้วยรักและเครารพ”

โยชิ 300 เล่าปนหัวเราะ ซึ่งไม่ต่างไปจากเพลงล่าสุด “เพื่อนสนิท” แปลงเป็นเพลง “เพื่อนโคตรสนิท” ที่มีน้ำใจสุดยอมให้ยืมนาฬิกาใส่ ยิ่งตอกย้ำกระแสความดังและความฮือฮาหลายเท่าตัว

“คือจริงๆ ม่ใช่สายการเมือง เราเอาเหตุการณ์ที่กำลังเป็นที่สนใจ ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาแปลง ก็ทุกเรื่อง ไม่ใช่การเมืองอย่างเดียว ที่มีเพลงการเมืองในช่วงนี้ก็เพราะมีคนรีเควสต์มาเยอะมาก จริงๆ ไม่กล้า แต่คนก็ขอมา พี่เอาสักหน่อย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไอ้คนขออยากรู้ว่าจะโดนกับเราไหม อยากฟังนัก ทำให้แล้ว ถ้าหายไปเนี่ยทำอย่างไร (หัวเราะ) ก็ไหนๆ ขอมา เราก็ทำ เท่านั้น อย่างที่บอกวัตถุประสงค์ของการเกิดเพจ สร้างสันความสนุกและเสียงหัวเราะพี่น้องชาวไทย”

แสดงบทบาทของคุณให้ดีเสมอ
แล้วจะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น

“ผมทำไม่ได้หรอก มีคนเคยถามและผมตอบกลับไป เพราะผมยังไม่มีของไม่มีคอมพ์เลย ต้องสองจอนั้นโน่นนี่ แต่ผมใช้แค่โทรศัพท์เครื่องเดียวในการอัดคลิป ก็มีความรู้สึกว่าของบางอย่างมันไม่จำเป็นต้องรีบขวนขวาย เอาที่เรามีที่เราใช้ได้ ทุกอย่างมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ อุปกรณ์อาจจะทำให้ทุกอย่างมันมีคุณภาพขึ้น แต่ที่สำคัญที่สุดตั้งมาจากไอเดียและหัวใจ”

โยชิกล่าวถึงทิศทางในอนาคตสำหรับใครหลายคนที่มองเขาเป็นไอดอลแบบอย่าง ก่อนจะแถมฝากสิ่งที่สำคัญของการเป็นยูทูปเบอร์อยู่ที่หัวใจ

“ในเรื่องชื่อเสียง ผมว่าของพวกนี้มันอยู่กับเราได้ไม่ยาว ฉะนั้น เราอย่าเพิ่งไปหลงระเริงกับตรงนี้ที่ได้มา ผมจะเป็นอารมณ์แบบว่าถ้าประสบความสำเร็จอะไรสักอย่างหนึ่งจะไม่ไปเย้ๆ ดีใจ แต่จะไปต่อเลย ก็อยากฝากน้องๆ ที่อยากจะเป็นยูทูปเบอร์ เอ็นเตอร์เทนเนอร์ในเพจหรืออะไรก็แล้วแต่ อย่างแรก ต้องเกิดขึ้นจากใจและไอเดีย เดี๋ยวนี้ในยูทูปจะมีน้องๆ เด็กๆ พยายามก็อปปี้คลิปลงเยอะแยะมากกมาย ก็ขอให้มีความคิดสร้างสรรค์เป็นของตัวอง แล้วทุกอย่างมันจะตามน้องมาเอง

“ก็พร้อมสนับสนุนมีปัญหาปรึกษาได้ ยกเวนเรื่องเงิน ห้ามยืม เพราะ 300 บาท ยังทวงเพื่อน นาฬิกาก็ทวง และก็ขอฝาก เร็วๆ นี้จะมีไปออกสารคดีรายการคนค้นคนครับ”






เรื่อง : รายการพระอาทิตย์ไลฟ์
เรียบเรียง : รัชพล ธนศุทธิสกุล



กำลังโหลดความคิดเห็น