เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวช็อคของวงการบันเทิงอีกข่าวหนึ่งก็ว่าได้ เมื่อศาลจังหวัดมีนบุรี ได้อ่านคำพิพากษาให้ “ยิ่งยง ยอดบัวงาม” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง กับพวกรวม 15 คน จำคุกเป็นเวลา 20 ปี ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน จากการขายสินค้าและผลิตภัณฑ์เกษตร ซึ่งสร้างความตกตะลึงให้ทั้งคนใกล้ชิดและแฟนเพลงทั้งหลาย โดยยิ่งยงได้เปิดใจถึงกรณีนี้โดยสรุปว่า ทั้งหมดเป็นความประมาทของตนเองที่ให้ความไว้ใจมากเกินไป
“ในกระบวนการของคดีความ ผมจะไม่พูดถึง เพราะว่าเราได้รับความเมตตาให้ประกันตัวออกมาแล้วนะครับ ก็จะไม่คุยตรงนี้เนอะ ก็อาจจะทุกอย่างดูไม่ดี แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกทุกคนว่า ในการทำงานของผมทุกครั้ง ผมทำด้วยใจบริสุทธิ์ ทำด้วยความจริงใจจริงๆ ไม่คิดจะโกงใคร เพราะทุกวันนี้ ผมมีกินมีใช้เพราะประชาชนอยู่แล้ว พี่น้องประชาชน แฟนๆ ให้ผมมาตั้งแต่เป็น ยิ่งยง ยอดบัวงาม มา ผมก็ไม่รู้จะไปดกงทำไม แต่การทำงานตรงนี้ บางครั้งเราทำงานอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่เรียนรู้ด้วยตัวเอง มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ก็อยากให้ทุกคนตระหนัก เวลาจะทำอะไร หรือจะอยู่อะไร ในเรื่องของระบบ โดยเฉพาะ ในเรื่อง พรบ.คุ้มครอง มันเป็นเรื่องอันตรายมากๆ
“ผมเองก็อาจจะเป็นคนที่โง่เขลาด้วยแหละ บอกตรงๆ ว่า ไม่ได้ศึกษาตรงนี้มากมาย เพียงแต่ว่า น้องๆ มาบอกว่า ให้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ ตอนหลังเขาก็ตั้งบริษัทขึ้นมา เขาก็ชวนมาหุ้นส่วนด้วยกันดีกว่า ให้หุ้นเรา 10 เปอร์เซ็นต์ คือเราทำงาน เราก็อยากได้เงิน ก็ไปทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้กับเขา แต่สิ่งที่เราทำไป เราไม่ได้นึกถึงที่ย้อนกลับมาหาเราแบบนี้ อันนี้คือข้อเท็จจริงที่ผมได้กลับมา เราไม่ได้คิดจะฉ้อโกงอยู่แล้ว แล้วอีกอย่าง ในหลักการบริหาร ผมไม่ได้ไปทำหน้าที่นี้เลย ตรงนี้แหละคือสิ่งที่เราผิดพลาด
“คือเราไว้ใจเขา อีกอย่างเราก็ไม่ได้เข้าไปบริหารอะไรเลย ระบบต่างๆ เราก็ไม่เป็นซักอย่างเลย ตรงนี้อยากจะบอกทุกคนว่า ก่อนนี่จะทำอะไร ต้องศึกษาด้วยตัวเอง ให้ชัดก่อนแล้วค่อยไปทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี อันนี้คือกรณีศึกษามากๆ เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนทุกคนเลย ผมเองก็ผิดอย่างร้ายแรงที่ไม่ได้ไปศึกษางาน ไม่ได้ทำงานด้วยตัวเอง แล้วทีมงานทุกคนก็บอกเราว่าไม่ได้หลอก คือเขาก็ต้องการที่จะให้เราเป็นพรีเซนเตอร์และประชาสัมพันธ์ให้เขา ในเรื่องโดนหลอก เขาเป็นคนจัดการบริหารเรื่องเงินทั้งหมด เพราะเราไม่รู้เรื่องเงินว่าจะไปใช้อะไรบ้าง เขาตอบแทนเรื่องลูกทีมเขายังไง ก็ไม่รู้ไง คือเราไม่รู้จริงๆ
“ในส่วนตัวของผมนั้น จริงๆ เราก็มีในส่วนตรงนี้ของเราอยู่แล้ว งานการกุศลก็เยอะ การงานก็ช่วย คือเรารู้สึกว่าเราได้จากพี่น้องมาเยอะแล้ว ก็ทำบุญบ้าง งานต่างๆ ก็ให้ค่านู่นนี่กลับมาบ้าง คืองานคอนเสิร์ต เราโตพอที่จะช่วยเหลือคนอื่นได้แล้ว ก็ยินดี ไม่ว่าจะเป็นน้องๆ ศิลปิน เราก็แนะนำ บางคนก็มีค่าคอร์สอะไร เราก็ไม่เอา เรายินดีสอนให้ อยากให้ทุกคนมีอนาคตที่ดี คือเราทำตรงนี้แล้วมีความสุขมากกว่า บางคนมาแบบ สอนร้องเพลงหน่อย เราก็บอกว่ามาเลย เดี๋ยวเลี้ยงข้าวด้วย คิดว่าเราเป็นศิลปินรุ่นพี่ มีความรู้ที่จะแนะนำเขาได้ เราก็ยินดีครับ
“ก่อนอื่นก็ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ยังเป็นห่วงและให้กำลังใจ ไม่ว่าจะเป็นคอมเมนท์ทั้งทางบวกและลบ ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีน้อมรับทุกข้อความ แล้วก็ขอบคุณพี่น้องทุกๆ คน ที่ยังรัก เมตตา และเข้าใจผม เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ไม่ต้องเป็นห่วงเด้อ ผมยังคงจะสู้มันต่อไปครับ ขอบคุณครับ”
“ในกระบวนการของคดีความ ผมจะไม่พูดถึง เพราะว่าเราได้รับความเมตตาให้ประกันตัวออกมาแล้วนะครับ ก็จะไม่คุยตรงนี้เนอะ ก็อาจจะทุกอย่างดูไม่ดี แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกทุกคนว่า ในการทำงานของผมทุกครั้ง ผมทำด้วยใจบริสุทธิ์ ทำด้วยความจริงใจจริงๆ ไม่คิดจะโกงใคร เพราะทุกวันนี้ ผมมีกินมีใช้เพราะประชาชนอยู่แล้ว พี่น้องประชาชน แฟนๆ ให้ผมมาตั้งแต่เป็น ยิ่งยง ยอดบัวงาม มา ผมก็ไม่รู้จะไปดกงทำไม แต่การทำงานตรงนี้ บางครั้งเราทำงานอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่เรียนรู้ด้วยตัวเอง มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ก็อยากให้ทุกคนตระหนัก เวลาจะทำอะไร หรือจะอยู่อะไร ในเรื่องของระบบ โดยเฉพาะ ในเรื่อง พรบ.คุ้มครอง มันเป็นเรื่องอันตรายมากๆ
“ผมเองก็อาจจะเป็นคนที่โง่เขลาด้วยแหละ บอกตรงๆ ว่า ไม่ได้ศึกษาตรงนี้มากมาย เพียงแต่ว่า น้องๆ มาบอกว่า ให้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ ตอนหลังเขาก็ตั้งบริษัทขึ้นมา เขาก็ชวนมาหุ้นส่วนด้วยกันดีกว่า ให้หุ้นเรา 10 เปอร์เซ็นต์ คือเราทำงาน เราก็อยากได้เงิน ก็ไปทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้กับเขา แต่สิ่งที่เราทำไป เราไม่ได้นึกถึงที่ย้อนกลับมาหาเราแบบนี้ อันนี้คือข้อเท็จจริงที่ผมได้กลับมา เราไม่ได้คิดจะฉ้อโกงอยู่แล้ว แล้วอีกอย่าง ในหลักการบริหาร ผมไม่ได้ไปทำหน้าที่นี้เลย ตรงนี้แหละคือสิ่งที่เราผิดพลาด
“คือเราไว้ใจเขา อีกอย่างเราก็ไม่ได้เข้าไปบริหารอะไรเลย ระบบต่างๆ เราก็ไม่เป็นซักอย่างเลย ตรงนี้อยากจะบอกทุกคนว่า ก่อนนี่จะทำอะไร ต้องศึกษาด้วยตัวเอง ให้ชัดก่อนแล้วค่อยไปทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี อันนี้คือกรณีศึกษามากๆ เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนทุกคนเลย ผมเองก็ผิดอย่างร้ายแรงที่ไม่ได้ไปศึกษางาน ไม่ได้ทำงานด้วยตัวเอง แล้วทีมงานทุกคนก็บอกเราว่าไม่ได้หลอก คือเขาก็ต้องการที่จะให้เราเป็นพรีเซนเตอร์และประชาสัมพันธ์ให้เขา ในเรื่องโดนหลอก เขาเป็นคนจัดการบริหารเรื่องเงินทั้งหมด เพราะเราไม่รู้เรื่องเงินว่าจะไปใช้อะไรบ้าง เขาตอบแทนเรื่องลูกทีมเขายังไง ก็ไม่รู้ไง คือเราไม่รู้จริงๆ
“ในส่วนตัวของผมนั้น จริงๆ เราก็มีในส่วนตรงนี้ของเราอยู่แล้ว งานการกุศลก็เยอะ การงานก็ช่วย คือเรารู้สึกว่าเราได้จากพี่น้องมาเยอะแล้ว ก็ทำบุญบ้าง งานต่างๆ ก็ให้ค่านู่นนี่กลับมาบ้าง คืองานคอนเสิร์ต เราโตพอที่จะช่วยเหลือคนอื่นได้แล้ว ก็ยินดี ไม่ว่าจะเป็นน้องๆ ศิลปิน เราก็แนะนำ บางคนก็มีค่าคอร์สอะไร เราก็ไม่เอา เรายินดีสอนให้ อยากให้ทุกคนมีอนาคตที่ดี คือเราทำตรงนี้แล้วมีความสุขมากกว่า บางคนมาแบบ สอนร้องเพลงหน่อย เราก็บอกว่ามาเลย เดี๋ยวเลี้ยงข้าวด้วย คิดว่าเราเป็นศิลปินรุ่นพี่ มีความรู้ที่จะแนะนำเขาได้ เราก็ยินดีครับ
“ก่อนอื่นก็ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ยังเป็นห่วงและให้กำลังใจ ไม่ว่าจะเป็นคอมเมนท์ทั้งทางบวกและลบ ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีน้อมรับทุกข้อความ แล้วก็ขอบคุณพี่น้องทุกๆ คน ที่ยังรัก เมตตา และเข้าใจผม เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ไม่ต้องเป็นห่วงเด้อ ผมยังคงจะสู้มันต่อไปครับ ขอบคุณครับ”