เรียกได้ว่ากรณีการหลอกลวงให้แต่งงานเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์โดยฝ่ายหญิงนั้นยังไม่จางลงอย่างง่ายๆ เมื่อล่าสุดมีเหตุลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ซับซ้อนแสบสันต์กว่าเดิม หลายเท่า!
เพราะผู้ที่กระทำการดังกล่าวสามารถหยิบข้อกฎหมายมาควบรวมต่อแผนการที่วางไว้ เพื่อให้มีความชอบธรรมถูกต้อง และผู้เสียหายก็ตกเป็นเหยื่อไปอย่างง่ายดายแบบไร้ทางสู้ จนต้องมีคดีความกันเกิดขึ้นในที่สุด
ซึ่งกรณีนี้นับว่าเป็นความท้าทายอีกคดีหนึ่งก็ว่าได้ รายการเป็นเรื่อง ทางช่อง News 1 จึงได้สอบถามกับ ทนายเจมส์-นิติธร แก้วโต ทนายมือดีอีกคนหนึ่งของวงการ มาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับคดีดังกล่าวนี้ เพื่อเป็นกรณีศึกษาสำหรับใครก็ตามที่จะแต่งงานกัน แล้วมีทรัพย์สินมาเป็นข้อผูกมัดนี้
“ประเด็นที่ผมจะเล่าให้ฟังนะครับ เรียกว่าน้องคนหนึ่งที่มาขอความช่วยเหลือจากผม ผมก็สอบถามข้อเท็จจริงไว้น่ะครับ ประเด็นก็คือ สิ่งที่น้องเขาถูกหลอก เรียกได้ว่าเป็นมารยาหญิงเลย ตอนที่รู้จักกันใหม่ๆ ผู้หญิงก็เล่าประวัติความเป็นมาว่าอกหักยังไง ถูกผู้ชายทำร้ายร่างกาย สำมะเลเทเมา อย่างงั้นอย่างงี้ ส่วนตัวเองต้องเหนื่อยจากการทำงานหนัก นู่นนี่นั่น หารายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่ผู้ชายนี่คือไม่ไหวเลย แล้วฝั่งผู้เสียหาย ได้ฟังแล้วก็เคลิ้มสิ ด้วยที่ตัวเองชอบผู้หญิงที่ทำมาหากิน เป็นแม่ค้าแม่ขายอยู่แล้ว เขาก็หลงรักเลยภายในระยะเวลาแค่ 2 เดือน
“เขาไปเจอกันระบบแชทหาคู่น่ะครับ ทางเฟซบุ๊ค ทางออนไลน์ ซึ่งพอ 2 เดือนที่เขาคุยกัน เขาก็จะนัดเจอกัน ไปเที่ยว ศึกษาดูใจกัน สุดท้ายคืออยู่ด้วยกัน พออยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งครับ ปรากฏว่า ผู้หญิงเริ่มจะใช้วิธีการเร่งเร้าให้มีการหมั้นกัน ผู้ชายก้ถามว่า จะหมั้นกันเหรอ เท่าไหร่ละ เอาพ่อแม่ไปคุย ไปเจรจา ก็สรุปจบที่ 1 ล้านบาท ส่วนทอง ผมไม่แน่ใจว่า 10-20 บาท นี่แหละ แต่ว่ามีอีกข้อหนึ่งที่ผู้ชายบต้องระวังไว้ คือว่า เขาให้พิสูจน์รักแท้ ด้วยการโอนอาคารพาณิชย์อีก 1 หลัง ราคาสูงมากเลยครับ อยู่ที่ 3-5 ล้าน คือเหมือนกับเป็นโอนเป็นของหมั้น คือหลังจากอาณิชย์เป็นของหมั้นไปแล้ว
“ซึ่งตัวผู้เสียหายบอกว่าไม่อยากไปเลย แต่ต้องถูกบังคับด้วย 2 เงื่อนไข เงื่อนไขแรก ผู้หญิงเริ่มใช้วาจาข่มขู่ว่า พ่อแม่เป็นผู้มีอิทธิพล รู้จักนักการเมือง แล้วก็บอกว่า พ่อแม่ตัวเองอยู่ที่ไหน ผู้ชายก็เริ่มกลัว แล้วก็มีอีกประการหนึ่งว่า ถ้าไม่จดไม่แต่ง พ่อจะบังคับให้หนูไปแต่งงานกับคนอื่น ภายในสิ้นเดือนนี้ สุดท้าย น้องผู้ชายก็ต้องจำใจไปจดทะเบียนโอนตามที่ผู้หญิงวางเอาไว้ เสร็จแล้วพอมีการหมั้นกันปุ๊บ ก็จะมีการแต่ง พอเป็นการแต่งงานคืออะไร ก็จะมีคำมั่นสัญญาว่าในอนาคตข้างหน้าจะมีการจัดงานสมรสขึ้น ซึ่งพอมีการจัดงานแล้ว กระบวนการทางกฎหมายครบถ้วนหมดเลย มีการปฏิบัติตามสัญญาครบถ้วนหมด
“ผลก็คือหลังจากที่มีการแต่งกันแล้ว ผู้หญิงเปลี่ยนไปเป็นหน้ามือเลยครับ สำมะเลเทเมา เที่ยวกลางคืน สุดท้ายผู้ชายก็สืบทราบมาว่า มีการแอบลักลอบคุยกับผู้ชายคนอื่นด้วยหลายคน สุดท้ายก็หาเรื่องว่าทะเลาะกับแม่ แล้วออกไปอยู่ข้างนอก หลังจากที่มีการแต่งแค่ 1 เดือนนะครับ พอมีการออกไปอยู่ข้างนอก น้องก็เริ่มทุกข์แล้ว เพราะว่า เริ่มติดต่อไม่ได้ เริ่มไม่พูดคุยด้วย ไปอยู่ไหนอะไรยังไง ไม่บอกไม่รู้ สุดท้ายก็มาปรึกษาผม แล้วสิ่งที่เขากลัวที่สุด คือ กลัวว่าจะเอาอาคารพาณิชย์เขาไปขาย เนื่องจากเป็นสมบัติของพ่อแม่เขา สุดท้ายมีการติดต่อกลับมา และแจ้งว่า ผู้หญิงมีการติดต่อนายทุน จะเอาอาคารพาณิชย์นี้ไปจำนองหรือขาย
“อันนี้ผมจะบอกว่า วิธีการที่ได้ทรัพย์ของเขาไป หนึ่ง มีการหมั้น สอง มีการสมรส ทำตามกฎหมายทุกอย่างเลย คราวนี้ น้องเขาเริ่มผิดสังเกตว่า หนึ่ง ทำไมตอนก่อนแต่งถึงไม่เป็นอย่างงี้ พอแต่งเสร็จก็เปลี่ยนเป็นคนละคน หลังจากนั้นก็เริ่มแอบคุยกับผู้ชายหลายคน น้องเขาก็เริ่มอยากจะหาคำตอบแล้วว่า อะไรคืออะไร โจทย์แรกคือ การไปติดต่อแฟนเก่าที่เขาอ้างว่าถูกทำร้ายนี่แหละ จนติดต่อได้ พอได้คุยกันคือคนละเรื่อง คือ เขาไม่เคยทำร้ายเลย แถมเป็นคนคิดริเริ่มโครงการหมูและฟาร์มให้ผู้หญิงด้วย หมดเงินหมดทองไปกับผู้หญิงคนนี้เยอะเหมือนกัน แล้วก็ตีตัวออกห่าง และเลิกเหมือนกันเลยแบบเดียวกันแต่มันยากตรงที่จะให้เพิกถอนกรรมสิทธิ์ ยากตรงที่ว่า เราจะต้องไปพิสูจน์ให้ได้ว่า ผู้หญิงคนนี้ แรกเริ่มเดิมทีที่เข้ามาหาเรา ไม่ได้มีเจตนาที่ชอบเราอย่างจริงจัง เพียงแค่เข้ามาเพื่อหวังประโยชน์ หวังจะได้ทรัพย์สินที่จะได้จากเราเท่านั้นเอง
“ทีนี้จะทำยังไง เราก็ต้องไปหาผู้เสียหายรายอื่นๆ มายืนยันว่า ผู้หญิงคนนี้เขามีวิธีการอย่างงี้ๆ สมมุติว่าโดนหลอก 3 คน ทั้ง 3 คนก็มีรูปแบบให้หลอกให้หมั้น หลอกให้แต่งงาน เหมือนกันหมดเลย ซึ่งถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นอย่างงี้ปั๊บ มันจะเป็นพฤติการณ์การทำผิดของจำเลย พอพิสูจน์ได้เห็นปั๊บ ก็จะเป็นการพิสูจน์ได้ว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยประสงค์ที่จะแต่งงานกับใครเลย การทำอย่างงี้เพียงแค่หลอกจะเอาทรัพย์สินของเขาเฉยๆ
“ผมแนะนำอย่างงี้ครับ เบื้องต้นการจะพบใครต่อจากนี้ไปนะ การที่ผู้ชายจะคบผู้หญิงต้องศึกาดูใจกันนานๆ อย่าด่วน อย่ารีบ อย่าร้อน สอง คุณศึกษาปูมหลังเขาด้วย สิ่งที่เขามีอยู่ ที่คุณเห็นเนี่ย มันของจริง หรือ ของปลอม เช่น บ้าน รถ ที่ดิน เงินสด หรือทรัพย์สินที่เขามี มันเกิดจากการอุปโลกน์ มันเกิดจากการที่ไปหลอกใครเขามา หรือเกิดจาก ตระกูลนี้มีทรัพย์สินเขาอยู่แล้ว ผมจะบอกอย่างงี้ ผู้ชายหลงกลเพราะอะไร ผมพูดตรงๆ นะ อาจจะเป็นเหมือนอยากเป้นหนูตกถังข้าวสาร เรื่องของเรื่อง เห็นว่าผู้หญิงมีโปรไฟล์ดีด้วย ลองไปไล่ดูเคสก่อนหน้านี้ ผู้หญิงก็มีโปรไฟล์ดี ผู้ชายก็อยากที่จะเข้าไปมีกิจการร่วมกับเขา ไปต่อยอด
“เพราะฉะนั้น โปรไฟล์เนี่ย ผมบอกได้เลยว่า มันคือการสร้างภาพ ของจริงมันคือการกระทำ แล้วของจริงมันพิสูจน์ด้วยระยะเวลา ไม่ใช่ฉาบฉวยแค่ เดือนสองเดือนแล้วแต่งงานเลย ตรงนี้แหละที่เป็นจุดบอดของการใช้ชีวิตคู่นะครับ ขนาดคนที่คบมาหลายๆ ปี ยังเลิกกันเลย เข้ากันไม่ได้ ธาตุแท้โผล่มาทีหลัง ฉะนั้น คนที่เพิ่งคบมา 2-3 เดือน มันพิสูจน์อะไรไม่ได้หรอก แล้วยิ่งเป็นยุคปัจจุบันนี้ด้วย ผู้หญิงบางคนอัตรายมาก เนื่องจากเขากล้าที่จะใช้ตัวเข้าแลกเลย
“สำหรับการดำเนินการในคดีนี้ เบื้องต้นเขาจะเป็นพยานให้ แต่พอจะเข้ากระบวนการในการสอบสวน สอบปากคำ เขาถอย เพราะเขาบอกว่า การมาศาล การมายื่นเกี่ยวกับคดีความ มันเสียเวลาทำมาหากิน อีกอย่าง ถ้าไปแล้วได้อะไร เพราะถูกขุดแล้วขึ้นมาอีกรอบ อายเขาอีก เพราะฉะนั้นมันเลยทำให้โจรมันลอยนวลไง ซึ่งประเด็นสำคัญ ว่า ไปโง่ให้เขาหลอกทำไม ถูกหลอก แต่ผมไม่ได้มองว่าเป็นการโง่นะ แต่ให้มองว่า เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์ในความรักนะครับ เพราะว่าผู้หยิงพวกนี้ เขาใช้คำว่ารักมาเป็นตัวเบิกทาง ใช้โปรไฟล์มาหลอกให้ผู้ชายว่ามีทรัพย์สินเหมือนกัน
“ส่วนเรื่องที่จะไปอายัดทรัพย์สินนั้น ในกรณีนี้ทำได้ 2 วิธี วิธีที่หนึ่ง ของให้ตำรวจสืบสวนสอบสวน ทำสำนวนให้เร็ว แต่หมายของตำรวจมันมีระยะเวลาสั้น แต่ว่าในกระบวนการคดีแพ่งมันสามารถอายัดได้นานกว่า แต่ระยะเวลาที่ทำมันนาน พูดง่ายๆ ว่า ณ ตอนนี้ สิ่งที่จะทำอย่างง่ายเลย คือ ขึ้นป้ายก่อนเลยว่า บ้านหลังนี้มีปัญหาอยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดี ห้ามจำหน่ายถ่ายโอน พูดง่ายๆ ว่า ถ้ามีคนหลงเชื่อหลงเหยื่อ จะมีอยู่แค่ประเภทเดียว คือไม่ประมูลทรัพย์สินก่อน คือถ้ามีการประมูล เขาไม่กล้าติดป้ายหน้าบ้านหราอย่างงี้นะ ซึ่งทรัพย์สินนี้เป็นบ้านที่พ่อแม่เขาอยู่ คือพ่อผู้ชายก็ยังอยู่นะ ใช่ ชื่อเป็นของผู้หญิง คือสามารถทำได้ว่า ที่ดินนี้มีปัญหาอยู่ ก็มีคนโทรมาถามข้อเท็จจริง สุดท้ายเขาก็ถอยกันหมด
“ถ้าถามว่ามีการทำเป็นขบวนการเลยมั้ย มันมีโอกาสเป็นไปได้ครับ ถ้าผู้เสียหายหลายๆ ราย กล้าที่จะออกมาเปิดโปงคนชั่วครับ แต่ถ้าให้ตอบก็ยากอยู่เหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่า ผู้เสียหายหลายๆ เคส น่าจะติดต่อเข้ามาในเพจแล้วครับ ซึ่งตอนแรกก็อาจจะมีคนเดียวแหละ แต่พอสื่อตีปุ๊บก็ออกกันมาเต็มไปหมดเลย ซึ่งเราคิดว่าก็น่าจะใกล้เคียงกัน ซึ่งถ้าใครมีลักษณะใกล้เคียงอย่างงี้ ให้ส่งข้อมูลมาได้เลยครับ คือมันไม่มีประโยชน์นะ ถ้าคุณไม่กล้าที่จะให้การกับตำรวจ
“หากมีการแต่งงานกันจริง แต่มีเรื่องราวดังกล่าว บอกได้เลยว่ายากครับ อย่างที่ผมบอกว่า กระบวนการของสัญญาหมั้นมันเกิด ถามว่าเขาหมั้นเพื่อแต่ง ส่วนจะจดทะเบียนหรือไม่นั้น ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เพียงว่ามันมีการจดและหมั้นแล้ว ซึ่งของหมั้นคือให้ฝ่ายหญิงไปเลย ส่วนสินสอด คือฝ่ายชายมอบให้กับพ่อแม่ฝ่ายหญิงครับ ซึ่งเมื่อมีการมอบไปแล้ว จะเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาเลยครับ ซึ่งพ่อแม่จะคืนหรือไม่คืนให้กับฝ่ายชายก็ได้ครับ
“สำหรับประสบการณ์ในการทำลักษณะนี้ มันก็มีบางเคสนะ แต่ผมจะบอกก่อนว่า มันต้องไปหาผู้เสียหายที่มีลักษณะคล้ายกัน คือมันต้องพิสูจน์เจตนาเบื้องต้นอย่างที่บอกอย่างคนสมัยนี้ เพราะฉะนั้น ผมจะบอกว่า คนเรารักกัน อย่าไปมองเรื่องทรัพย์สินเป็นหลัก ให้มองเรื่องการกระทำหลายๆ อย่าง ไม่ว่าคุณจะสุขหรือทุกข์ เขาก็ยืนอยู่ข้างคุณ ผู้หญิงหรือผู้ชายที่รักคุณมากที่สุดนะ เขาจะยืนข้างคุณ แม้ว่าคุณจะไม่เหลืออะไรเลย นั่นแหละ เขารักคุณแล้ว อย่าไปเอาเรื่อง ทรัพย์สินเงินทองเป็นหลัก
“ถามว่าการจดทะเบียนสมรสมันดียังไง หนึ่ง คุณสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ สอง ไม่ว่าทั้งหญิงหรือชาย ถ้ามีใครมาข้องแวะ คุณก็สามารถฟ้องเขาได้ แต่ถ้าไม่จดก็เรียบร้อยเลยครับ เพราะกฎหมายคุ้มครองคนที่จดทะเบียนสมรสเท่านั้น ประการที่ 3 บุตรที่คลอดออกมา ยังไงก็เป็นบุตรของฝ่ายหญิงเสมอ แต่ฝ่ายชายอาจจะเป็นพ่อที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนะ ถึงแม้ว่าจะส่งเสียให้แล้วก็ตาม สมมุติว่ามีการแยกทางกัน ในขณะที่ไม่จดทะเบียนนะครับ ผู้ชายนี่หมดสิทธิ์ในการที่จะเป็นพ่อเด็กนะครับ เว้นแต่คุณจองต่อศาลว่าบุตรคนนี้เป็นลูกของคุณ แล้วก็ส่วนของหนี้สินและทรัพย์สิน ทรัพย์สินอาจจะเป็นกรรมสิทธิ์รวมได้อยู่ แต่ถ้าเป็นหนี้สิน ชื่อใครชื่อมัน ไม่เกี่ยวเลยนะ คือถ้าใครไปก่อหนี้ในระหว่างนั้น รับผิดชอบเองนะครับ ใครเป็นลูกหนี้แบบไหนก็ตาม รับผิดชอบเอาเอง เพราะถ้ามีการจดทะเบียนสมรส สามีและภรรยาก็จะรับไปด้วยกันในระหว่างจดทะเบียนสมรส แต่ถ้าไม่จดก็ตามที่บอกเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมีการพิสูจน์ก่อนว่า คุณเอามาใช้ในครัวเรือนมั้ย ภรรยาทราบมั้ย เช่นว่าสามีแอบเอาเงินไปใช้ที่ไม่เกี่ยวกับครัวเรือน ฝ่ายผู้หญิงก็ปฎิเสธได้”
เพราะผู้ที่กระทำการดังกล่าวสามารถหยิบข้อกฎหมายมาควบรวมต่อแผนการที่วางไว้ เพื่อให้มีความชอบธรรมถูกต้อง และผู้เสียหายก็ตกเป็นเหยื่อไปอย่างง่ายดายแบบไร้ทางสู้ จนต้องมีคดีความกันเกิดขึ้นในที่สุด
ซึ่งกรณีนี้นับว่าเป็นความท้าทายอีกคดีหนึ่งก็ว่าได้ รายการเป็นเรื่อง ทางช่อง News 1 จึงได้สอบถามกับ ทนายเจมส์-นิติธร แก้วโต ทนายมือดีอีกคนหนึ่งของวงการ มาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับคดีดังกล่าวนี้ เพื่อเป็นกรณีศึกษาสำหรับใครก็ตามที่จะแต่งงานกัน แล้วมีทรัพย์สินมาเป็นข้อผูกมัดนี้
“ประเด็นที่ผมจะเล่าให้ฟังนะครับ เรียกว่าน้องคนหนึ่งที่มาขอความช่วยเหลือจากผม ผมก็สอบถามข้อเท็จจริงไว้น่ะครับ ประเด็นก็คือ สิ่งที่น้องเขาถูกหลอก เรียกได้ว่าเป็นมารยาหญิงเลย ตอนที่รู้จักกันใหม่ๆ ผู้หญิงก็เล่าประวัติความเป็นมาว่าอกหักยังไง ถูกผู้ชายทำร้ายร่างกาย สำมะเลเทเมา อย่างงั้นอย่างงี้ ส่วนตัวเองต้องเหนื่อยจากการทำงานหนัก นู่นนี่นั่น หารายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่ผู้ชายนี่คือไม่ไหวเลย แล้วฝั่งผู้เสียหาย ได้ฟังแล้วก็เคลิ้มสิ ด้วยที่ตัวเองชอบผู้หญิงที่ทำมาหากิน เป็นแม่ค้าแม่ขายอยู่แล้ว เขาก็หลงรักเลยภายในระยะเวลาแค่ 2 เดือน
“เขาไปเจอกันระบบแชทหาคู่น่ะครับ ทางเฟซบุ๊ค ทางออนไลน์ ซึ่งพอ 2 เดือนที่เขาคุยกัน เขาก็จะนัดเจอกัน ไปเที่ยว ศึกษาดูใจกัน สุดท้ายคืออยู่ด้วยกัน พออยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งครับ ปรากฏว่า ผู้หญิงเริ่มจะใช้วิธีการเร่งเร้าให้มีการหมั้นกัน ผู้ชายก้ถามว่า จะหมั้นกันเหรอ เท่าไหร่ละ เอาพ่อแม่ไปคุย ไปเจรจา ก็สรุปจบที่ 1 ล้านบาท ส่วนทอง ผมไม่แน่ใจว่า 10-20 บาท นี่แหละ แต่ว่ามีอีกข้อหนึ่งที่ผู้ชายบต้องระวังไว้ คือว่า เขาให้พิสูจน์รักแท้ ด้วยการโอนอาคารพาณิชย์อีก 1 หลัง ราคาสูงมากเลยครับ อยู่ที่ 3-5 ล้าน คือเหมือนกับเป็นโอนเป็นของหมั้น คือหลังจากอาณิชย์เป็นของหมั้นไปแล้ว
“ซึ่งตัวผู้เสียหายบอกว่าไม่อยากไปเลย แต่ต้องถูกบังคับด้วย 2 เงื่อนไข เงื่อนไขแรก ผู้หญิงเริ่มใช้วาจาข่มขู่ว่า พ่อแม่เป็นผู้มีอิทธิพล รู้จักนักการเมือง แล้วก็บอกว่า พ่อแม่ตัวเองอยู่ที่ไหน ผู้ชายก็เริ่มกลัว แล้วก็มีอีกประการหนึ่งว่า ถ้าไม่จดไม่แต่ง พ่อจะบังคับให้หนูไปแต่งงานกับคนอื่น ภายในสิ้นเดือนนี้ สุดท้าย น้องผู้ชายก็ต้องจำใจไปจดทะเบียนโอนตามที่ผู้หญิงวางเอาไว้ เสร็จแล้วพอมีการหมั้นกันปุ๊บ ก็จะมีการแต่ง พอเป็นการแต่งงานคืออะไร ก็จะมีคำมั่นสัญญาว่าในอนาคตข้างหน้าจะมีการจัดงานสมรสขึ้น ซึ่งพอมีการจัดงานแล้ว กระบวนการทางกฎหมายครบถ้วนหมดเลย มีการปฏิบัติตามสัญญาครบถ้วนหมด
“ผลก็คือหลังจากที่มีการแต่งกันแล้ว ผู้หญิงเปลี่ยนไปเป็นหน้ามือเลยครับ สำมะเลเทเมา เที่ยวกลางคืน สุดท้ายผู้ชายก็สืบทราบมาว่า มีการแอบลักลอบคุยกับผู้ชายคนอื่นด้วยหลายคน สุดท้ายก็หาเรื่องว่าทะเลาะกับแม่ แล้วออกไปอยู่ข้างนอก หลังจากที่มีการแต่งแค่ 1 เดือนนะครับ พอมีการออกไปอยู่ข้างนอก น้องก็เริ่มทุกข์แล้ว เพราะว่า เริ่มติดต่อไม่ได้ เริ่มไม่พูดคุยด้วย ไปอยู่ไหนอะไรยังไง ไม่บอกไม่รู้ สุดท้ายก็มาปรึกษาผม แล้วสิ่งที่เขากลัวที่สุด คือ กลัวว่าจะเอาอาคารพาณิชย์เขาไปขาย เนื่องจากเป็นสมบัติของพ่อแม่เขา สุดท้ายมีการติดต่อกลับมา และแจ้งว่า ผู้หญิงมีการติดต่อนายทุน จะเอาอาคารพาณิชย์นี้ไปจำนองหรือขาย
“อันนี้ผมจะบอกว่า วิธีการที่ได้ทรัพย์ของเขาไป หนึ่ง มีการหมั้น สอง มีการสมรส ทำตามกฎหมายทุกอย่างเลย คราวนี้ น้องเขาเริ่มผิดสังเกตว่า หนึ่ง ทำไมตอนก่อนแต่งถึงไม่เป็นอย่างงี้ พอแต่งเสร็จก็เปลี่ยนเป็นคนละคน หลังจากนั้นก็เริ่มแอบคุยกับผู้ชายหลายคน น้องเขาก็เริ่มอยากจะหาคำตอบแล้วว่า อะไรคืออะไร โจทย์แรกคือ การไปติดต่อแฟนเก่าที่เขาอ้างว่าถูกทำร้ายนี่แหละ จนติดต่อได้ พอได้คุยกันคือคนละเรื่อง คือ เขาไม่เคยทำร้ายเลย แถมเป็นคนคิดริเริ่มโครงการหมูและฟาร์มให้ผู้หญิงด้วย หมดเงินหมดทองไปกับผู้หญิงคนนี้เยอะเหมือนกัน แล้วก็ตีตัวออกห่าง และเลิกเหมือนกันเลยแบบเดียวกันแต่มันยากตรงที่จะให้เพิกถอนกรรมสิทธิ์ ยากตรงที่ว่า เราจะต้องไปพิสูจน์ให้ได้ว่า ผู้หญิงคนนี้ แรกเริ่มเดิมทีที่เข้ามาหาเรา ไม่ได้มีเจตนาที่ชอบเราอย่างจริงจัง เพียงแค่เข้ามาเพื่อหวังประโยชน์ หวังจะได้ทรัพย์สินที่จะได้จากเราเท่านั้นเอง
“ทีนี้จะทำยังไง เราก็ต้องไปหาผู้เสียหายรายอื่นๆ มายืนยันว่า ผู้หญิงคนนี้เขามีวิธีการอย่างงี้ๆ สมมุติว่าโดนหลอก 3 คน ทั้ง 3 คนก็มีรูปแบบให้หลอกให้หมั้น หลอกให้แต่งงาน เหมือนกันหมดเลย ซึ่งถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นอย่างงี้ปั๊บ มันจะเป็นพฤติการณ์การทำผิดของจำเลย พอพิสูจน์ได้เห็นปั๊บ ก็จะเป็นการพิสูจน์ได้ว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยประสงค์ที่จะแต่งงานกับใครเลย การทำอย่างงี้เพียงแค่หลอกจะเอาทรัพย์สินของเขาเฉยๆ
“ผมแนะนำอย่างงี้ครับ เบื้องต้นการจะพบใครต่อจากนี้ไปนะ การที่ผู้ชายจะคบผู้หญิงต้องศึกาดูใจกันนานๆ อย่าด่วน อย่ารีบ อย่าร้อน สอง คุณศึกษาปูมหลังเขาด้วย สิ่งที่เขามีอยู่ ที่คุณเห็นเนี่ย มันของจริง หรือ ของปลอม เช่น บ้าน รถ ที่ดิน เงินสด หรือทรัพย์สินที่เขามี มันเกิดจากการอุปโลกน์ มันเกิดจากการที่ไปหลอกใครเขามา หรือเกิดจาก ตระกูลนี้มีทรัพย์สินเขาอยู่แล้ว ผมจะบอกอย่างงี้ ผู้ชายหลงกลเพราะอะไร ผมพูดตรงๆ นะ อาจจะเป็นเหมือนอยากเป้นหนูตกถังข้าวสาร เรื่องของเรื่อง เห็นว่าผู้หญิงมีโปรไฟล์ดีด้วย ลองไปไล่ดูเคสก่อนหน้านี้ ผู้หญิงก็มีโปรไฟล์ดี ผู้ชายก็อยากที่จะเข้าไปมีกิจการร่วมกับเขา ไปต่อยอด
“เพราะฉะนั้น โปรไฟล์เนี่ย ผมบอกได้เลยว่า มันคือการสร้างภาพ ของจริงมันคือการกระทำ แล้วของจริงมันพิสูจน์ด้วยระยะเวลา ไม่ใช่ฉาบฉวยแค่ เดือนสองเดือนแล้วแต่งงานเลย ตรงนี้แหละที่เป็นจุดบอดของการใช้ชีวิตคู่นะครับ ขนาดคนที่คบมาหลายๆ ปี ยังเลิกกันเลย เข้ากันไม่ได้ ธาตุแท้โผล่มาทีหลัง ฉะนั้น คนที่เพิ่งคบมา 2-3 เดือน มันพิสูจน์อะไรไม่ได้หรอก แล้วยิ่งเป็นยุคปัจจุบันนี้ด้วย ผู้หญิงบางคนอัตรายมาก เนื่องจากเขากล้าที่จะใช้ตัวเข้าแลกเลย
“สำหรับการดำเนินการในคดีนี้ เบื้องต้นเขาจะเป็นพยานให้ แต่พอจะเข้ากระบวนการในการสอบสวน สอบปากคำ เขาถอย เพราะเขาบอกว่า การมาศาล การมายื่นเกี่ยวกับคดีความ มันเสียเวลาทำมาหากิน อีกอย่าง ถ้าไปแล้วได้อะไร เพราะถูกขุดแล้วขึ้นมาอีกรอบ อายเขาอีก เพราะฉะนั้นมันเลยทำให้โจรมันลอยนวลไง ซึ่งประเด็นสำคัญ ว่า ไปโง่ให้เขาหลอกทำไม ถูกหลอก แต่ผมไม่ได้มองว่าเป็นการโง่นะ แต่ให้มองว่า เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์ในความรักนะครับ เพราะว่าผู้หยิงพวกนี้ เขาใช้คำว่ารักมาเป็นตัวเบิกทาง ใช้โปรไฟล์มาหลอกให้ผู้ชายว่ามีทรัพย์สินเหมือนกัน
“ส่วนเรื่องที่จะไปอายัดทรัพย์สินนั้น ในกรณีนี้ทำได้ 2 วิธี วิธีที่หนึ่ง ของให้ตำรวจสืบสวนสอบสวน ทำสำนวนให้เร็ว แต่หมายของตำรวจมันมีระยะเวลาสั้น แต่ว่าในกระบวนการคดีแพ่งมันสามารถอายัดได้นานกว่า แต่ระยะเวลาที่ทำมันนาน พูดง่ายๆ ว่า ณ ตอนนี้ สิ่งที่จะทำอย่างง่ายเลย คือ ขึ้นป้ายก่อนเลยว่า บ้านหลังนี้มีปัญหาอยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดี ห้ามจำหน่ายถ่ายโอน พูดง่ายๆ ว่า ถ้ามีคนหลงเชื่อหลงเหยื่อ จะมีอยู่แค่ประเภทเดียว คือไม่ประมูลทรัพย์สินก่อน คือถ้ามีการประมูล เขาไม่กล้าติดป้ายหน้าบ้านหราอย่างงี้นะ ซึ่งทรัพย์สินนี้เป็นบ้านที่พ่อแม่เขาอยู่ คือพ่อผู้ชายก็ยังอยู่นะ ใช่ ชื่อเป็นของผู้หญิง คือสามารถทำได้ว่า ที่ดินนี้มีปัญหาอยู่ ก็มีคนโทรมาถามข้อเท็จจริง สุดท้ายเขาก็ถอยกันหมด
“ถ้าถามว่ามีการทำเป็นขบวนการเลยมั้ย มันมีโอกาสเป็นไปได้ครับ ถ้าผู้เสียหายหลายๆ ราย กล้าที่จะออกมาเปิดโปงคนชั่วครับ แต่ถ้าให้ตอบก็ยากอยู่เหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่า ผู้เสียหายหลายๆ เคส น่าจะติดต่อเข้ามาในเพจแล้วครับ ซึ่งตอนแรกก็อาจจะมีคนเดียวแหละ แต่พอสื่อตีปุ๊บก็ออกกันมาเต็มไปหมดเลย ซึ่งเราคิดว่าก็น่าจะใกล้เคียงกัน ซึ่งถ้าใครมีลักษณะใกล้เคียงอย่างงี้ ให้ส่งข้อมูลมาได้เลยครับ คือมันไม่มีประโยชน์นะ ถ้าคุณไม่กล้าที่จะให้การกับตำรวจ
“หากมีการแต่งงานกันจริง แต่มีเรื่องราวดังกล่าว บอกได้เลยว่ายากครับ อย่างที่ผมบอกว่า กระบวนการของสัญญาหมั้นมันเกิด ถามว่าเขาหมั้นเพื่อแต่ง ส่วนจะจดทะเบียนหรือไม่นั้น ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เพียงว่ามันมีการจดและหมั้นแล้ว ซึ่งของหมั้นคือให้ฝ่ายหญิงไปเลย ส่วนสินสอด คือฝ่ายชายมอบให้กับพ่อแม่ฝ่ายหญิงครับ ซึ่งเมื่อมีการมอบไปแล้ว จะเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาเลยครับ ซึ่งพ่อแม่จะคืนหรือไม่คืนให้กับฝ่ายชายก็ได้ครับ
“สำหรับประสบการณ์ในการทำลักษณะนี้ มันก็มีบางเคสนะ แต่ผมจะบอกก่อนว่า มันต้องไปหาผู้เสียหายที่มีลักษณะคล้ายกัน คือมันต้องพิสูจน์เจตนาเบื้องต้นอย่างที่บอกอย่างคนสมัยนี้ เพราะฉะนั้น ผมจะบอกว่า คนเรารักกัน อย่าไปมองเรื่องทรัพย์สินเป็นหลัก ให้มองเรื่องการกระทำหลายๆ อย่าง ไม่ว่าคุณจะสุขหรือทุกข์ เขาก็ยืนอยู่ข้างคุณ ผู้หญิงหรือผู้ชายที่รักคุณมากที่สุดนะ เขาจะยืนข้างคุณ แม้ว่าคุณจะไม่เหลืออะไรเลย นั่นแหละ เขารักคุณแล้ว อย่าไปเอาเรื่อง ทรัพย์สินเงินทองเป็นหลัก
“ถามว่าการจดทะเบียนสมรสมันดียังไง หนึ่ง คุณสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ สอง ไม่ว่าทั้งหญิงหรือชาย ถ้ามีใครมาข้องแวะ คุณก็สามารถฟ้องเขาได้ แต่ถ้าไม่จดก็เรียบร้อยเลยครับ เพราะกฎหมายคุ้มครองคนที่จดทะเบียนสมรสเท่านั้น ประการที่ 3 บุตรที่คลอดออกมา ยังไงก็เป็นบุตรของฝ่ายหญิงเสมอ แต่ฝ่ายชายอาจจะเป็นพ่อที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนะ ถึงแม้ว่าจะส่งเสียให้แล้วก็ตาม สมมุติว่ามีการแยกทางกัน ในขณะที่ไม่จดทะเบียนนะครับ ผู้ชายนี่หมดสิทธิ์ในการที่จะเป็นพ่อเด็กนะครับ เว้นแต่คุณจองต่อศาลว่าบุตรคนนี้เป็นลูกของคุณ แล้วก็ส่วนของหนี้สินและทรัพย์สิน ทรัพย์สินอาจจะเป็นกรรมสิทธิ์รวมได้อยู่ แต่ถ้าเป็นหนี้สิน ชื่อใครชื่อมัน ไม่เกี่ยวเลยนะ คือถ้าใครไปก่อหนี้ในระหว่างนั้น รับผิดชอบเองนะครับ ใครเป็นลูกหนี้แบบไหนก็ตาม รับผิดชอบเอาเอง เพราะถ้ามีการจดทะเบียนสมรส สามีและภรรยาก็จะรับไปด้วยกันในระหว่างจดทะเบียนสมรส แต่ถ้าไม่จดก็ตามที่บอกเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมีการพิสูจน์ก่อนว่า คุณเอามาใช้ในครัวเรือนมั้ย ภรรยาทราบมั้ย เช่นว่าสามีแอบเอาเงินไปใช้ที่ไม่เกี่ยวกับครัวเรือน ฝ่ายผู้หญิงก็ปฎิเสธได้”