จากบทบาทในละครเรื่อง “พล นิกร กิมหงวน” ทางช่อง 9 บางลำพู
“พลทหารอ่ำ” แห่ง “ผู้กองยอดรัก” ช่อง ททบ. 5
มาจนถึงการพากย์เสียง “สมบัติ เมทะนี” ที่แสนทุ่มนุ่มหล่อ ตลอดจนการพากย์เสียงในภาพยนตร์ยุคฟิล์ม 16 มิลลิเมตร มาจนถึงปัจจุบัน
เขาคือผู้สร้างสรรค์รอยยิ้มและความสนุกสนานรื่นรมย์ให้กับผู้ชม ผ่านบทบาททั้งบนจอและนอกจอ มานานกว่า 60 ปี
จากวันนั้นในวัยเด็กที่พ่อสั่งห้ามนักห้ามหนาว่าอย่าไปข้องเกี่ยวกับอาชีพเต้นกินรำกิน จนกระทั่งวันนี้ที่ทำสำเร็จได้ตามที่ให้สัญญากับพ่อไว้ มันคือวันที่เขาบอกว่า “น้ำตาไหลไม่หยุด” ทันทีที่ทราบข่าว...เพราะความปลาบปลื้มดีใจ...
Manager online ขอแสดงความดีใจและนำพาทุกๆ คนไปสัมผัสเส้นทางศิลปินแห่งชาติที่หาตัวจับยาก บุรุษผู้ซึ่งใครๆ ต่างยกสมญานามต่อพ่วงท้ายว่า “พ่อ” แห่งวงการบันเทิงเมืองไทย “คเณศ หรือ รอง เค้ามูลคดี” ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ พุทธศักราช 2560

• รู้สึกอย่างไรกับการรอคอยที่จะได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติตามความฝัน
เมื่อ 8 ปีก่อน ตอนที่เราทราบขั้นตอนการเป็นศิลปินแห่งชาติ แต่เราก็ยังไม่ได้ ซึ่งจริงๆ แล้ว หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คิดเรื่องศิลปินแห่งชาติแล้ว หมายความว่าไม่สนใจว่าจะดิ้นรน ได้หรือไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ฝันว่าฉันจะต้องไปให้ถึงตรงนี้ให้ได้ ก็พยายามทำคุณงามความดี แสดงละครก็แสดงเต็มที่ ไม่เคยท้อถอย มาปีนี้เขาบอกว่ามีชื่อเราที่เขาเสนอไป เราก็สงสัยมีชื่อได้อย่างไรเพราะเราไม่ได้ส่งประวัติ ปรากฏว่ามีเพื่อนคนหนึ่งเป็นนายทหารยศพลเอก เขาก็คงเห็นว่าสมควรจะถึงเวลาของเราสักที เขาก็ทำเรื่องราวชีวประวัติเราเสนอไป แต่เราก็ไม่ได้สนใจ จนกระทั่งอาทิตย์หนึ่งหลังจากที่เขาส่งไป เขาก็มาบอกว่าชื่อเราติดด้วยนะ เราก็แค่...ดีๆ เป็นบุญเป็นกุศล ก็ไม่ได้คิดอะไร
แต่วันที่ประกาศผล กำลังเดินๆ อยู่ ประมาณ 4 โมงเศษๆ เพื่อนก็ไลน์มาบอกว่าได้เป็นศิลปินแห่งชาติ เชื่อไหมว่าพอได้ยินคำนี้ น้ำตามันไหลไม่หยุด คือวินาทีแรกที่ได้เป็นศิลปินแห่งชาติ เห็นหน้าคุณพ่อลอยอยู่ขางหน้าเลย เพราะมันมีอะไรบางอย่างที่เราเคยพูดกับคุณพ่อไว้ คือคุณพ่อของเราสมัยเด็กๆ เกเรมาก เจ้าชู้สารพัด อะไรที่คนไม่ดีเขาทำ เราทำหมด แล้วการเรียนก็ถือว่าอยู่ในขั้นใช้ได้ พ่อเป็นเจ้าของคณะลิเก ท่านก็ต้องเร่ไปแสดงงานต่างจังหวัด กว่าจะได้เงินได้ทอง ลำบากลำบน ท่านก็เลยไม่ต้องการให้ลูกก้าวเท้าเข้าไปอยู่ตรงนี้ ต้องการให้ลูกมีหน้ามีตา
• เต้นกินรำกิน ดูไม่ค่อยมั่นคง สังคมจึงยังไม่ยอมรับในยุคสมัยนั้น
ใช่…ท่านก็เลยส่งให้ไปเรียนพิเศษเพื่อสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร แต่มันก็ไม่ใช่ ตัวเรา แต่เราก็ไม่อยากขัดใจพ่อ ขณะเดียวกัน ช่วงนั้นคือเราก็ได้ไปคลุกคลีในวงการทีวีตั้งแต่ 9 ขวบ ก็แสดงละครตั้งแต่ 9 ขวบ วนเวียนอยู่กับช่อง 4 บางขุนพรม วนเวียนอยู่ตลอด ไม่ไปไหนเลย ก็มีอยู่วันหนึ่ง เรียนเสร็จก็ไปทีวีช่อง 4 บางขุนพรม พี่เก๋ นฤพนธ์ ดุริยพันธ์ เขาก็บอกว่า เฮ้ย…รอง หัวหน้าจะรับพนักงานเพิ่ม ลองมาเป็นไหม แต่ตอนนั้น ผมต้องเรียนตามตรงเลยว่าเมา เมาแล้วไม่มีสติที่จะคิดอะไรมากมาย ลืมที่พ่อบอกกับเราเลย เขาก็ไปเอาใบสมัครมา เราก็เซ็นเลย โดยไม่ได้คิดอะไรเลย ตอนนั้นก็ปล่อยไปเพราะยังไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็กลับมาบ้าน ทำโน่นนี่ อีก 3 วัน ทางสถานีโทรไปตามว่ารับเข้าทำงานแล้ว แต่เราไม่อยู่ คนที่รับโทรศัพท์คือคุณพ่อ เหมือนบ้านจะไหม้ (หัวเราะ)
• ช่วงประมาณปีไหนที่เข้าสู่การทำงานวงการบันเทิงเต็มตัว
ตอนนั้นปีประมาณ 2506-2507

• คุณพ่อว่าอย่างไรหลังทราบข่าวว่าเราไม่ได้ไปตามเส้นทางของท่านที่วางไว้
คุณพ่อก็จ้องตาเขม็งเลย (ยิ้ม) ถามเราว่าทำไมไปเซ็นต์สัญญาเข้าทำงานช่อง 4 เราก็คิดในใจพ่อรู้ได้ไงวะ ใครบอกพ่อ (หัวเราะ) พ่อบอกว่าเขาโทรศัพท์มาบอก ตายแล้วกูทำอย่างไรดี พ่อบอก รู้ไหมว่าชีวิตศิลปินมันลำบาก เงินทองมันก็ไม่แน่นอน แล้วแกจะรู้ได้อย่างไร เมื่อแกเข้าไปอยู่ตรงนี้ แกจะได้เป็นนักแสดงตลอด แกจะมีงานตลอด มันไม่มีหลักประกันที่แน่นอนเลย ชื่อเสียงแกจะรู้หรือว่าแกจะดัง ฉันต้องการให้แกไปเป็นนายทหารนายตำรวจเพื่อที่จะได้มียศถาบรรดาศักดิ์ มีชื่อเสียงเกียรติยศ ไปไหนก็มีคนให้ความเคารพนับหน้าถือตา ตอนนั้นจังหวะที่ยังไม่ได้คิดอะไรเลยออก คิดว่าจะเอาตัวรอดเพราะเห็นไม้วางอยู่บนโต๊ะแล้ว ไม้ไผ่หลาวยาวเลย
แต่ไม่รู้สิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ไหนดลบันดาลให้ผมพูดว่า “พ่อครับ ผมให้สัญญากับพ่อว่า ไม่ว่าผมจะอยู่ตรงไหนก็ตาม ผมจะทำให้นามสกุลเค้ามูลคดีเป็นที่รู้จักให้มากที่สุดในแง่ของการทำดี” อันนี้สัญญากับพ่อ ลั่นวาจา พ่อก็ปล่อยจริงๆ จ้องหน้าแล้วก็บอกว่าตามใจแก ทำให้ได้ก็แล้วกัน
เราก็พูดไปแล้ว ทีนี้เราก็ต้องรักษาสัจจะอันนี้เอาไว้ให้ได้ ถึงบอกว่าเราอยู่ตรงนี้พ่อครูปู่ฤาษี พระพิฆเนศ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกท่านอยู่รอบตัวเรา ท่านคอยกระซิบเราตลอดว่าให้มีสติ แต่ไม่มีหรอกคนอายุ 20 กว่ามันจะประพฤติตัวอยู่ในกรอบ มันก็ต้องแหกไปทางโน้นทางนี้ มันต้องมีผาดโผนโจนทะยาน เรื่องพวกนี้ มันจะเป็นคนดีไปไม่ได้หรอก มันต้องผ่าน แต่เหมือนมีคนกระซิบบอกเสมอว่า “สติ”
• นอกจากเรื่องวันวัยที่ได้สติในการเหนี่ยวรั้งจนมามีวันนี้ เชื่อว่าหนทางในแวดวงบันเทิงที่ลำบากในยุคนั้นน่าจะบ่มเพาะเราด้วยส่วนหนึ่ง อยากให้เล่าย้อนถึงความลำบากในสมัยนั้นว่ามากน้อยแค่ไหน
การเป็นศิลปินนักแสดงสมัยนั้นลำบากมาก คือศิลปินสมัยนี้เดินมาถึง ก็คว้าดอกกุหลาบขึ้นมาดมเลย ดอกกุหลาบหอม แต่สมัยก่อนมันลำบาก ดอกกุหลาบเขาวางไว้ก้านมันยาว คว้าปั๊บไปเจอหนาม เลือดซกเลย กว่ามันจะขึ้นไปถึงดอกกุหลาบได้ เพราะฉะนั้นมันรู้รสแล้วว่า กว่าจะไปถึงตรงนั้นได้ มันลำบากแค่ไหน ฉะนั้น เมื่อคว้าได้แล้วจะต้องถนอมดอกกุหลาบดอกนี้ไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จำได้แม่นเลย ครั้งแรกของงานแสดงละครเรื่องแรกได้ค่าตัว 150 บาท ตีเป็นค่าเงินสมัยนี้ก็ราวๆ 1,000-1,200 บาท สมัยนี้ แต่เดี๋ยวนี้พระเอกค่าตัวเป็นหมื่นเป็นแสนบาทแล้ว

• แค่หล่อเท่านั้น?
ไม่ใช่แค่หล่ออย่างเดียว ความสามารถเขาก็มี เด็กสมัยนี้ดีทั้งนั้น แต่ไอ้การที่เขาจะทะนุถนอมดอกกุหลาบดอกนี้ไว้หรือเปล่าเราไม่รู้ มันอยู่ที่ตรงนี้ อย่างที่บอกเป็นห่วงเด็กสมัยนี้ เพราะสมัยก่อน ดาราแทบจะไม่มีชีวิตเป็นส่วนตัวเลย ต้องระวังหมด จะมีแฟนสักคน รักผู้หญิงคนนี้ใจจะขาด อยากจะพาไปกินข้าว ไม่ได้ เดี๋ยวคนอื่นเห็น เดี๋ยวมีข่าว กลัวไปหมด ผวา กินเหล้าก็ต้องหาร้านที่มันสุ่มๆ หน่อย เดี๋ยวคนเห็น นักข่าวเห็น (หัวเราะ) ทุกอย่างมันต้องระวังหมด เป็นกรอบหมด
• แต่สมัยนี้เปิดสวีทหวานกันอย่างตรงไปตรงมา ส่วนตัวรู้สึกอย่างไรบ้างหรือไม่
เจ็บปวด ในฐานะที่เราเป็นศิลปินอาวุโส เวลาเราเห็นมีข่าวว่านักแสดงไปดื่มสุรา มีเรื่องมีราว มันเจ็บปวด แล้วยิ่งเห็นนักแสดงผู้หญิงบางคนยืนกอดจูบกับแฟนแล้วเขาถ่ายรูปลงมา คือต้องบอกว่ามันเป็นความผิดของเขาไหม มันก็ไม่ใช่ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ผิดนะ แต่เขาควรจะระวังให้มากกว่านี้ เพราะสมัยนี้เดินผ่านทำอะไรก็ได้ เขายกโทรศัพท์มาแล้วก็ถ่าย เราไม่รู้จักเขาด้วย เพราะว่าเทคโนโลยีมันก้าวไปไกล รวดเร็วด้วย โลกโซเชียลมันน่ากลัวมาก เพราะฉะนั้น เวลาเราจะทำอะไร เราต้องรู้ตัวว่าคุณอยู่ตรงไหน คุณก้าวเข้ามาตรงนี้คุณต้องคิดให้ดีคุณก้าวเข้ามาเป็นศิลปินด้วยความรักหรือเปล่า หรือคุณก้าวเขามาเพื่อต้องการชื่อเสียงหรือต้องการเงินทองถ้าอย่างนั้นไม่ว่า
แต่ถ้าก้าวขึ้นมาด้วยความรัก รักวงการบันเทิง ต้องรักวงการบันเทิงให้มาก ดังนั้นคุณจะทำอะไรแบบนี้ คุณต้องคิดให้ดี ว่าองค์กรมันเสื่อมเสียไหม ขนาดเดียวกันมันจะเสียภาพพจน์ไหม ตัวคุณเองก็เสีย ขณะเดียวกันครอบครัวคุณก็เสีย มันหลายๆ อย่างต้องระมัดระวัง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกก่อนว่าไม่ได้เป็นทุกคนนะ ในวงการบันเทิง เด็กใหม่ๆ ที่เข้ามาเป็นคนดีเยอะมาก อยู่ในวินัยระเบียบและทำอะไรอยู่ในกรอบหมดก็มีบางคนเท่านั้นเอง
• ทุกอย่างต้องมีมิติหลากหลายทั้งรุ่นเก่าและใหม่ผสมกัน
ใช่ๆ เพราะเราเป็นคนที่รักองค์กรๆ นี้มาก เพราะองค์กรบันเทิงเป็นองค์กรที่ให้ทุกสิ่งอย่างกับเรา ให้เรามีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ให้เรามีเงินดูแลรักษาเมีย ให้ลูกเราเรียนจบปริญญาโท มีบ้านมีช่องมีรถ ทุกบาททุกสตางค์มาจากวงกรบันเทิงทั้งนั้น ฉะนั้นพ่อจึงรักวงการบันเทิงเท่าชีวิต

• ด้วยเหตุผลที่เราเข้าใจเหล่านี้ที่ทำให้เป็นที่รักของคนในวงการบันเทิงกว่า 60 ปี
การที่เราจะทำตัวให้ทุกคนรัก มันก็ยากเหมือนกัน เราก็คิดบางทีเรานั่งอยู่เนี่ยเด็กใหม่ๆ เข้ามาเรารู้เลยเขาอยากคุยกับเราแต่เขาก็ไม่กล้าเข้ามา ทำอย่างไรดี เราก็ต้องโน้มยอมงอลงไป เป็นไงลูกเอ๋ย ยากไหมลูก บทที่ได้ พอเราคุยกับเขา เขาก็เริ่มสนิทกับเรา เราก็จะเริ่มบอกเขาไอ้ตรงนั้นต้องระวังๆ นะ แต่งเนื้อแต่งตัวต้องระวัง เราก็จะค่อยๆ คุยกับเขา ไปๆ มาๆ เราก็เหมือนญาติกับเขาแล้ว ก็เป็นกันเองกับเขาก่อน
ไม่ใช่ไปดุกับเขาเลย การจะไปดุ มันเป็นหน้าที่ของผู้กำกับหรือผู้จัด เราคือนักแสดงเช่นเดียวกับเขา เพราะฉะนั้น เราจะบอกได้อย่างเดียวคือกระซิบบอก อะไรได้อะไรไม่ได้ ต้องระวังนิด แค่นั้นเอง คุณอย่าไปทำอะไรที่เกิน เพราะเขาไม่ใช่ลูกจ้างคุณ ถ้าเราเข้าใจจุดนี้ไม่ว่าจะเพื่อนฝูงหรือแฟนคลับก็จะอยู่และไม่หายไปไหนจากเรา อย่างตอนที่รับรางวัล เพื่อนๆ แสดงความดีใจกันเยอะมาก ยิ่งแฟนคลับยิ่งเป็นเรือนหมื่น ซึ่งไม่ใช่แต่เฉพาะแฟนๆ รุ่นเก่า เด็กรุ่นนี้ก็เยอะ เข้ามาให้ความอบอุ่นกับเรา พ่อรองคะ สู้ๆ พ่อรองครับ ผมเป็นกำลังใจให้ อายุอ่อนกว่าลูกเราอีก ก็ยังอุตสาห์เข้ามาให้น้ำจิตน้ำใจเรา ทุกวันนี้เพิ่งจะรู้ว่าเรามีคนรักขนาดนี้เลยเหรอ เป็นหมื่น เขาแชร์กันต่อ ไอจีนี้ลูกยุ้ยบอกว่าจะระเบิดแล้วนะ ก็ต้องกราบขอบพระคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจให้ตลอดเวลา
• ติดตามกันทั้งงานเบื้องหน้าในฐานะนักแสดงและงานเบื้องหลังการพากย์เสียง
ครับ…คือจริงๆ แล้วมันก็ต้องบอกว่าเสียงเราไม่ได้เพราะ แต่มีผู้หลักผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถืออยู่ อาจารย์แม่คนแรก อาจารย์จิ๋ม (ศาสตราจารย์ คุณหญิง จินตนา ยศ สุนทร) ท่านเป็นคณะกรรมการเลือกการพากย์ที่จะได้รางวัลตุ๊กตาทอง เขาเริ่มให้รางวัลปีแรกเราก็ได้ คนชวนมาพากย์ทีวีก็ได้รางวัลเมฆขลาอีก เราก็บอกอาจารย์แม่ครับ ผมว่าผมจะหยุดแล้ว คือไม่ต้องพิจารณาผม แต่จริงๆ ท่านบอกสอนกลับมาว่าเสียงแกไม่ได้เพราะหรอกนะ (หัวเราะ) เสียงสู้ใครเขาไม่ได้เลย แต่แกมันเหนือกว่าชาวบ้านคือแอ็คชั่นตัวแสดงทั้งหมด แกเก็บได้ละเอียดยิบเลย แต่ที่ได้เพราะเราโชคดี บังเอิญเราเป็นนักแสดง เราก็เลยรู้ว่าเมื่อถึงแอ็คชั่นแบบนี้มันควรจะทำอย่างไร เราได้เปรียบตรงนี้ที่เราได้เป็นนักแสดง จริงๆ เราเท่ากัน ไม่มีใครเก่งกว่าใคร
• แต่เราก็ยังได้รางวัลเชิดชูเกียรติปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย และผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ปี 2550
อันนี้ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่คุณพ่อมอบให้ สมัยที่เราเป็นเด็ก พอตกเย็น เด็กคนอื่นเขาเล่นกัน เราได้แต่มอง กลับมาบ้านทำการบ้าน ไม่ได้เล่น อาบน้ำ พอทานข้าวเย็นเสร็จจะไปดูทีวีบ้านข้างๆ ไม่มีสิทธิ์ต้องอ่านหนังสือกลอน ตอนหลังอ่านหนังสือจีนที่แปลเป็นไทย ชื่อมันเรียกยากจะตาย 7-8 ขวบ แต่เราตอนนั้นคิดว่าทำไมต้องเป็นเรา ทำไมเราไม่มีชีวิตเหมือนอย่างคนอื่นเขา แต่ถึงปัจจุบันนี้ พอได้ศิลปินแห่งชาติ น้ำตาไหลพรากเพราะนึกถึงพ่อ ถ้าไม่มีพ่อ เราก็ไม่มีวันนี้ เพราะพ่อให้ทุกอย่างโดยที่ไม่บอกเราเลยว่าพ่อให้ความรู้เรา พ่อสอนให้เราปฏิบัติไป เพื่อสักวันมันจะได้ใช้ในวันข้างหน้า แต่เราไม่ได้คิดไง ทำไมฉันต้องไม่เหมือนลูกชาวบ้านเขา ทำไมฉันต้องมาอยู่ในกรอบ มาถูกกักกัน แต่หารู้ไม่ว่า พ่อให้ความรู้ทั้งหมด

• ต้นแบบดีเปรียบดั่งครู ประสบการณ์เสมือนดั่งแนวทางที่คอยส่งและเตือนแนะแนวทาง
กล่าวได้ว่ามีพ่อเป็นไอดอล พ่อวางแนวไว้ให้หมดแล้ว หรืออย่างผลงานที่ใครๆ หลายคนจดจำเราได้ อย่างละครเรื่องผู้กองยอดรัก ปี 2522 ที่แสดงเป็นพลทหารอ่ำ อ่ำเป็นตัวชูโรงทั้งหมด เราไม่ได้เล่นดี เราก็แค่เล่นได้ แต่ผู้กำกับ พี่สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ ท่านคอยชี้แนะเรา ยืนข้างกล้อง คอยบอกมุกให้เราตลอด ประกอบกับคุณนิรุตติ์ ศิริจรรยา ก็เก่ง คุณดวงใจ หทัยกาญจน์ ก็เก่ง คือทุกคนมันเอื้อกันหมด มันจะเก่งคนเดียวไม่ได้หรอก
ก็ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่ได้ปูแนวทางให้เราเดินอย่างถูกต้อง ถ้าหากเราไม่มีครูที่ดี เราอาจจะไม่มีวันนี้ก็ได้ เราอาจจะเป็นคนเกเรไป ไม่มีอาชีพ ติดยงติดยา แต่คุณพ่อคุณแม่ได้วางแนวทาง คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยบอกเลยว่าไปอย่างนี้แล้วจะรวย แกจะมีชื่อเสียง คุณพ่อแม่ต้องการแค่ลูกเป็นคนดีเท่านั้น เราก็เดินตามคุณพ่อคุณแม่วางไว้ให้เดินตามมา และขอบคุณผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นกระจกเงาให้พ่อตลอด แม่ปทุมวดี จะเป็นกระจกเงาอย่างดี คอยบอกว่า พ่อ ตรงนี้ไม่ดีแล้วนะ พ่อทำตัวใหม่นะ พ่ออย่าขี้โมโห พ่อต้องรักงานนะ พ่ออย่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย เขาเป็นกระจกเงาให้ผมตลอดเวลา ถ้าไม่มีผู้หญิงชื่อปทุมวดี ก็ไม่มั่นใจว่า รอง เค้ามูลคดี จะเป็นคนดีที่ทุกคนให้การเคารพรักอย่างทุกวันนี้หรือไม่

ท้ายที่สุด ฝากถึงเด็กรุ่นใหม่ทั้งในวงกรบันเทิงและแฟนคลับ ก็ขอฝากในวงการบันเทิง ถ้าเราเข้ามาอยู่ในตรงนี้แล้ว ไม่ว่าอยู่ตรงไหนก็ตามแต่ เราต้องรักที่ๆ เราเข้าไปอยู่ อย่าทำไอ้ที่ๆ เราเข้าไปอยู่ตรงนั้นเสื่อมเสีย รักษาเอาไว้ให้ดีที่สุดเวลาเราทำอะไรให้มันเสีย ผู้ใหญ่ที่เขาทำความดีมาทั้งชาติ เขาก็เสียด้วยนะ มันโดนกันไปหมด ขอร้อง จะทำอะไรก็คิดถึงผู้หลักผู้ใหญ่และคิดถึงตัวเองให้มากที่สุด
เด็กรุ่นใหม่เป็นเด็กที่เก่งมาก ผมบอกเลยเก่งกว่าคนรุ่นเก่าเยอะ เขาเห็นบทปั๊บ รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร รักษาความเก่งควบคู่ไปกับการทำความดีแล้วหนูจะอยู่ในวงการบันเทิงนี้ได้นานที่สุด ในขณะเดียวกัน เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้น่ากลัวมาก อะไรมันก็เข้ามาล่อใจให้เดินหลงทางได้ตลอดเวลา พยายามหลีกเลี่ยงมัน คนเราเกิดมาวันที่พ่อแม่น้ำตาไหลมีอยู่สองวัน วันที่เราประสบความสำเร็จ ดีใจน้ำตาไหล กับวันที่ลูกผิดพลาดในชีวิตอาจจะติดคุกติดตะรางหรืออาจจะเดินทางผิดๆ ไปติดยา นั่นคือวันที่พ่อแม่ร้องไห้ โตแล้วเทคโนโลยีก็ก้าวไกล มันพัฒนาไปไกลแล้ว เราก็ไปคิดเอาเองว่าต้องการให้พ่อแม่น้ำตาไหลวันไหน คิดให้ดีๆ
ที่สำคัญ คือสติ การสวดมนต์ช่วยได้ดีที่สุด มันจะเรียกสติกลับมาแล้วจะมองเห็นอะไรอยู่ตรงไหนอะไรยังไง มันอาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันจะทำให้เรามองเห็นหนทางขึ้นบ้าง

เรื่องและภาพ : รายการพระอาทิตย์ไลฟ์
เรียบเรียง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพบางส่วนจากเฟซบุ๊ก รอง เค้ามูลคดี
“พลทหารอ่ำ” แห่ง “ผู้กองยอดรัก” ช่อง ททบ. 5
มาจนถึงการพากย์เสียง “สมบัติ เมทะนี” ที่แสนทุ่มนุ่มหล่อ ตลอดจนการพากย์เสียงในภาพยนตร์ยุคฟิล์ม 16 มิลลิเมตร มาจนถึงปัจจุบัน
เขาคือผู้สร้างสรรค์รอยยิ้มและความสนุกสนานรื่นรมย์ให้กับผู้ชม ผ่านบทบาททั้งบนจอและนอกจอ มานานกว่า 60 ปี
จากวันนั้นในวัยเด็กที่พ่อสั่งห้ามนักห้ามหนาว่าอย่าไปข้องเกี่ยวกับอาชีพเต้นกินรำกิน จนกระทั่งวันนี้ที่ทำสำเร็จได้ตามที่ให้สัญญากับพ่อไว้ มันคือวันที่เขาบอกว่า “น้ำตาไหลไม่หยุด” ทันทีที่ทราบข่าว...เพราะความปลาบปลื้มดีใจ...
Manager online ขอแสดงความดีใจและนำพาทุกๆ คนไปสัมผัสเส้นทางศิลปินแห่งชาติที่หาตัวจับยาก บุรุษผู้ซึ่งใครๆ ต่างยกสมญานามต่อพ่วงท้ายว่า “พ่อ” แห่งวงการบันเทิงเมืองไทย “คเณศ หรือ รอง เค้ามูลคดี” ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ พุทธศักราช 2560
• รู้สึกอย่างไรกับการรอคอยที่จะได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติตามความฝัน
เมื่อ 8 ปีก่อน ตอนที่เราทราบขั้นตอนการเป็นศิลปินแห่งชาติ แต่เราก็ยังไม่ได้ ซึ่งจริงๆ แล้ว หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คิดเรื่องศิลปินแห่งชาติแล้ว หมายความว่าไม่สนใจว่าจะดิ้นรน ได้หรือไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ฝันว่าฉันจะต้องไปให้ถึงตรงนี้ให้ได้ ก็พยายามทำคุณงามความดี แสดงละครก็แสดงเต็มที่ ไม่เคยท้อถอย มาปีนี้เขาบอกว่ามีชื่อเราที่เขาเสนอไป เราก็สงสัยมีชื่อได้อย่างไรเพราะเราไม่ได้ส่งประวัติ ปรากฏว่ามีเพื่อนคนหนึ่งเป็นนายทหารยศพลเอก เขาก็คงเห็นว่าสมควรจะถึงเวลาของเราสักที เขาก็ทำเรื่องราวชีวประวัติเราเสนอไป แต่เราก็ไม่ได้สนใจ จนกระทั่งอาทิตย์หนึ่งหลังจากที่เขาส่งไป เขาก็มาบอกว่าชื่อเราติดด้วยนะ เราก็แค่...ดีๆ เป็นบุญเป็นกุศล ก็ไม่ได้คิดอะไร
แต่วันที่ประกาศผล กำลังเดินๆ อยู่ ประมาณ 4 โมงเศษๆ เพื่อนก็ไลน์มาบอกว่าได้เป็นศิลปินแห่งชาติ เชื่อไหมว่าพอได้ยินคำนี้ น้ำตามันไหลไม่หยุด คือวินาทีแรกที่ได้เป็นศิลปินแห่งชาติ เห็นหน้าคุณพ่อลอยอยู่ขางหน้าเลย เพราะมันมีอะไรบางอย่างที่เราเคยพูดกับคุณพ่อไว้ คือคุณพ่อของเราสมัยเด็กๆ เกเรมาก เจ้าชู้สารพัด อะไรที่คนไม่ดีเขาทำ เราทำหมด แล้วการเรียนก็ถือว่าอยู่ในขั้นใช้ได้ พ่อเป็นเจ้าของคณะลิเก ท่านก็ต้องเร่ไปแสดงงานต่างจังหวัด กว่าจะได้เงินได้ทอง ลำบากลำบน ท่านก็เลยไม่ต้องการให้ลูกก้าวเท้าเข้าไปอยู่ตรงนี้ ต้องการให้ลูกมีหน้ามีตา
• เต้นกินรำกิน ดูไม่ค่อยมั่นคง สังคมจึงยังไม่ยอมรับในยุคสมัยนั้น
ใช่…ท่านก็เลยส่งให้ไปเรียนพิเศษเพื่อสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร แต่มันก็ไม่ใช่ ตัวเรา แต่เราก็ไม่อยากขัดใจพ่อ ขณะเดียวกัน ช่วงนั้นคือเราก็ได้ไปคลุกคลีในวงการทีวีตั้งแต่ 9 ขวบ ก็แสดงละครตั้งแต่ 9 ขวบ วนเวียนอยู่กับช่อง 4 บางขุนพรม วนเวียนอยู่ตลอด ไม่ไปไหนเลย ก็มีอยู่วันหนึ่ง เรียนเสร็จก็ไปทีวีช่อง 4 บางขุนพรม พี่เก๋ นฤพนธ์ ดุริยพันธ์ เขาก็บอกว่า เฮ้ย…รอง หัวหน้าจะรับพนักงานเพิ่ม ลองมาเป็นไหม แต่ตอนนั้น ผมต้องเรียนตามตรงเลยว่าเมา เมาแล้วไม่มีสติที่จะคิดอะไรมากมาย ลืมที่พ่อบอกกับเราเลย เขาก็ไปเอาใบสมัครมา เราก็เซ็นเลย โดยไม่ได้คิดอะไรเลย ตอนนั้นก็ปล่อยไปเพราะยังไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็กลับมาบ้าน ทำโน่นนี่ อีก 3 วัน ทางสถานีโทรไปตามว่ารับเข้าทำงานแล้ว แต่เราไม่อยู่ คนที่รับโทรศัพท์คือคุณพ่อ เหมือนบ้านจะไหม้ (หัวเราะ)
• ช่วงประมาณปีไหนที่เข้าสู่การทำงานวงการบันเทิงเต็มตัว
ตอนนั้นปีประมาณ 2506-2507
• คุณพ่อว่าอย่างไรหลังทราบข่าวว่าเราไม่ได้ไปตามเส้นทางของท่านที่วางไว้
คุณพ่อก็จ้องตาเขม็งเลย (ยิ้ม) ถามเราว่าทำไมไปเซ็นต์สัญญาเข้าทำงานช่อง 4 เราก็คิดในใจพ่อรู้ได้ไงวะ ใครบอกพ่อ (หัวเราะ) พ่อบอกว่าเขาโทรศัพท์มาบอก ตายแล้วกูทำอย่างไรดี พ่อบอก รู้ไหมว่าชีวิตศิลปินมันลำบาก เงินทองมันก็ไม่แน่นอน แล้วแกจะรู้ได้อย่างไร เมื่อแกเข้าไปอยู่ตรงนี้ แกจะได้เป็นนักแสดงตลอด แกจะมีงานตลอด มันไม่มีหลักประกันที่แน่นอนเลย ชื่อเสียงแกจะรู้หรือว่าแกจะดัง ฉันต้องการให้แกไปเป็นนายทหารนายตำรวจเพื่อที่จะได้มียศถาบรรดาศักดิ์ มีชื่อเสียงเกียรติยศ ไปไหนก็มีคนให้ความเคารพนับหน้าถือตา ตอนนั้นจังหวะที่ยังไม่ได้คิดอะไรเลยออก คิดว่าจะเอาตัวรอดเพราะเห็นไม้วางอยู่บนโต๊ะแล้ว ไม้ไผ่หลาวยาวเลย
แต่ไม่รู้สิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ไหนดลบันดาลให้ผมพูดว่า “พ่อครับ ผมให้สัญญากับพ่อว่า ไม่ว่าผมจะอยู่ตรงไหนก็ตาม ผมจะทำให้นามสกุลเค้ามูลคดีเป็นที่รู้จักให้มากที่สุดในแง่ของการทำดี” อันนี้สัญญากับพ่อ ลั่นวาจา พ่อก็ปล่อยจริงๆ จ้องหน้าแล้วก็บอกว่าตามใจแก ทำให้ได้ก็แล้วกัน
เราก็พูดไปแล้ว ทีนี้เราก็ต้องรักษาสัจจะอันนี้เอาไว้ให้ได้ ถึงบอกว่าเราอยู่ตรงนี้พ่อครูปู่ฤาษี พระพิฆเนศ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกท่านอยู่รอบตัวเรา ท่านคอยกระซิบเราตลอดว่าให้มีสติ แต่ไม่มีหรอกคนอายุ 20 กว่ามันจะประพฤติตัวอยู่ในกรอบ มันก็ต้องแหกไปทางโน้นทางนี้ มันต้องมีผาดโผนโจนทะยาน เรื่องพวกนี้ มันจะเป็นคนดีไปไม่ได้หรอก มันต้องผ่าน แต่เหมือนมีคนกระซิบบอกเสมอว่า “สติ”
• นอกจากเรื่องวันวัยที่ได้สติในการเหนี่ยวรั้งจนมามีวันนี้ เชื่อว่าหนทางในแวดวงบันเทิงที่ลำบากในยุคนั้นน่าจะบ่มเพาะเราด้วยส่วนหนึ่ง อยากให้เล่าย้อนถึงความลำบากในสมัยนั้นว่ามากน้อยแค่ไหน
การเป็นศิลปินนักแสดงสมัยนั้นลำบากมาก คือศิลปินสมัยนี้เดินมาถึง ก็คว้าดอกกุหลาบขึ้นมาดมเลย ดอกกุหลาบหอม แต่สมัยก่อนมันลำบาก ดอกกุหลาบเขาวางไว้ก้านมันยาว คว้าปั๊บไปเจอหนาม เลือดซกเลย กว่ามันจะขึ้นไปถึงดอกกุหลาบได้ เพราะฉะนั้นมันรู้รสแล้วว่า กว่าจะไปถึงตรงนั้นได้ มันลำบากแค่ไหน ฉะนั้น เมื่อคว้าได้แล้วจะต้องถนอมดอกกุหลาบดอกนี้ไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จำได้แม่นเลย ครั้งแรกของงานแสดงละครเรื่องแรกได้ค่าตัว 150 บาท ตีเป็นค่าเงินสมัยนี้ก็ราวๆ 1,000-1,200 บาท สมัยนี้ แต่เดี๋ยวนี้พระเอกค่าตัวเป็นหมื่นเป็นแสนบาทแล้ว
• แค่หล่อเท่านั้น?
ไม่ใช่แค่หล่ออย่างเดียว ความสามารถเขาก็มี เด็กสมัยนี้ดีทั้งนั้น แต่ไอ้การที่เขาจะทะนุถนอมดอกกุหลาบดอกนี้ไว้หรือเปล่าเราไม่รู้ มันอยู่ที่ตรงนี้ อย่างที่บอกเป็นห่วงเด็กสมัยนี้ เพราะสมัยก่อน ดาราแทบจะไม่มีชีวิตเป็นส่วนตัวเลย ต้องระวังหมด จะมีแฟนสักคน รักผู้หญิงคนนี้ใจจะขาด อยากจะพาไปกินข้าว ไม่ได้ เดี๋ยวคนอื่นเห็น เดี๋ยวมีข่าว กลัวไปหมด ผวา กินเหล้าก็ต้องหาร้านที่มันสุ่มๆ หน่อย เดี๋ยวคนเห็น นักข่าวเห็น (หัวเราะ) ทุกอย่างมันต้องระวังหมด เป็นกรอบหมด
• แต่สมัยนี้เปิดสวีทหวานกันอย่างตรงไปตรงมา ส่วนตัวรู้สึกอย่างไรบ้างหรือไม่
เจ็บปวด ในฐานะที่เราเป็นศิลปินอาวุโส เวลาเราเห็นมีข่าวว่านักแสดงไปดื่มสุรา มีเรื่องมีราว มันเจ็บปวด แล้วยิ่งเห็นนักแสดงผู้หญิงบางคนยืนกอดจูบกับแฟนแล้วเขาถ่ายรูปลงมา คือต้องบอกว่ามันเป็นความผิดของเขาไหม มันก็ไม่ใช่ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ผิดนะ แต่เขาควรจะระวังให้มากกว่านี้ เพราะสมัยนี้เดินผ่านทำอะไรก็ได้ เขายกโทรศัพท์มาแล้วก็ถ่าย เราไม่รู้จักเขาด้วย เพราะว่าเทคโนโลยีมันก้าวไปไกล รวดเร็วด้วย โลกโซเชียลมันน่ากลัวมาก เพราะฉะนั้น เวลาเราจะทำอะไร เราต้องรู้ตัวว่าคุณอยู่ตรงไหน คุณก้าวเข้ามาตรงนี้คุณต้องคิดให้ดีคุณก้าวเข้ามาเป็นศิลปินด้วยความรักหรือเปล่า หรือคุณก้าวเขามาเพื่อต้องการชื่อเสียงหรือต้องการเงินทองถ้าอย่างนั้นไม่ว่า
แต่ถ้าก้าวขึ้นมาด้วยความรัก รักวงการบันเทิง ต้องรักวงการบันเทิงให้มาก ดังนั้นคุณจะทำอะไรแบบนี้ คุณต้องคิดให้ดี ว่าองค์กรมันเสื่อมเสียไหม ขนาดเดียวกันมันจะเสียภาพพจน์ไหม ตัวคุณเองก็เสีย ขณะเดียวกันครอบครัวคุณก็เสีย มันหลายๆ อย่างต้องระมัดระวัง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกก่อนว่าไม่ได้เป็นทุกคนนะ ในวงการบันเทิง เด็กใหม่ๆ ที่เข้ามาเป็นคนดีเยอะมาก อยู่ในวินัยระเบียบและทำอะไรอยู่ในกรอบหมดก็มีบางคนเท่านั้นเอง
• ทุกอย่างต้องมีมิติหลากหลายทั้งรุ่นเก่าและใหม่ผสมกัน
ใช่ๆ เพราะเราเป็นคนที่รักองค์กรๆ นี้มาก เพราะองค์กรบันเทิงเป็นองค์กรที่ให้ทุกสิ่งอย่างกับเรา ให้เรามีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ให้เรามีเงินดูแลรักษาเมีย ให้ลูกเราเรียนจบปริญญาโท มีบ้านมีช่องมีรถ ทุกบาททุกสตางค์มาจากวงกรบันเทิงทั้งนั้น ฉะนั้นพ่อจึงรักวงการบันเทิงเท่าชีวิต
• ด้วยเหตุผลที่เราเข้าใจเหล่านี้ที่ทำให้เป็นที่รักของคนในวงการบันเทิงกว่า 60 ปี
การที่เราจะทำตัวให้ทุกคนรัก มันก็ยากเหมือนกัน เราก็คิดบางทีเรานั่งอยู่เนี่ยเด็กใหม่ๆ เข้ามาเรารู้เลยเขาอยากคุยกับเราแต่เขาก็ไม่กล้าเข้ามา ทำอย่างไรดี เราก็ต้องโน้มยอมงอลงไป เป็นไงลูกเอ๋ย ยากไหมลูก บทที่ได้ พอเราคุยกับเขา เขาก็เริ่มสนิทกับเรา เราก็จะเริ่มบอกเขาไอ้ตรงนั้นต้องระวังๆ นะ แต่งเนื้อแต่งตัวต้องระวัง เราก็จะค่อยๆ คุยกับเขา ไปๆ มาๆ เราก็เหมือนญาติกับเขาแล้ว ก็เป็นกันเองกับเขาก่อน
ไม่ใช่ไปดุกับเขาเลย การจะไปดุ มันเป็นหน้าที่ของผู้กำกับหรือผู้จัด เราคือนักแสดงเช่นเดียวกับเขา เพราะฉะนั้น เราจะบอกได้อย่างเดียวคือกระซิบบอก อะไรได้อะไรไม่ได้ ต้องระวังนิด แค่นั้นเอง คุณอย่าไปทำอะไรที่เกิน เพราะเขาไม่ใช่ลูกจ้างคุณ ถ้าเราเข้าใจจุดนี้ไม่ว่าจะเพื่อนฝูงหรือแฟนคลับก็จะอยู่และไม่หายไปไหนจากเรา อย่างตอนที่รับรางวัล เพื่อนๆ แสดงความดีใจกันเยอะมาก ยิ่งแฟนคลับยิ่งเป็นเรือนหมื่น ซึ่งไม่ใช่แต่เฉพาะแฟนๆ รุ่นเก่า เด็กรุ่นนี้ก็เยอะ เข้ามาให้ความอบอุ่นกับเรา พ่อรองคะ สู้ๆ พ่อรองครับ ผมเป็นกำลังใจให้ อายุอ่อนกว่าลูกเราอีก ก็ยังอุตสาห์เข้ามาให้น้ำจิตน้ำใจเรา ทุกวันนี้เพิ่งจะรู้ว่าเรามีคนรักขนาดนี้เลยเหรอ เป็นหมื่น เขาแชร์กันต่อ ไอจีนี้ลูกยุ้ยบอกว่าจะระเบิดแล้วนะ ก็ต้องกราบขอบพระคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจให้ตลอดเวลา
• ติดตามกันทั้งงานเบื้องหน้าในฐานะนักแสดงและงานเบื้องหลังการพากย์เสียง
ครับ…คือจริงๆ แล้วมันก็ต้องบอกว่าเสียงเราไม่ได้เพราะ แต่มีผู้หลักผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถืออยู่ อาจารย์แม่คนแรก อาจารย์จิ๋ม (ศาสตราจารย์ คุณหญิง จินตนา ยศ สุนทร) ท่านเป็นคณะกรรมการเลือกการพากย์ที่จะได้รางวัลตุ๊กตาทอง เขาเริ่มให้รางวัลปีแรกเราก็ได้ คนชวนมาพากย์ทีวีก็ได้รางวัลเมฆขลาอีก เราก็บอกอาจารย์แม่ครับ ผมว่าผมจะหยุดแล้ว คือไม่ต้องพิจารณาผม แต่จริงๆ ท่านบอกสอนกลับมาว่าเสียงแกไม่ได้เพราะหรอกนะ (หัวเราะ) เสียงสู้ใครเขาไม่ได้เลย แต่แกมันเหนือกว่าชาวบ้านคือแอ็คชั่นตัวแสดงทั้งหมด แกเก็บได้ละเอียดยิบเลย แต่ที่ได้เพราะเราโชคดี บังเอิญเราเป็นนักแสดง เราก็เลยรู้ว่าเมื่อถึงแอ็คชั่นแบบนี้มันควรจะทำอย่างไร เราได้เปรียบตรงนี้ที่เราได้เป็นนักแสดง จริงๆ เราเท่ากัน ไม่มีใครเก่งกว่าใคร
• แต่เราก็ยังได้รางวัลเชิดชูเกียรติปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย และผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ปี 2550
อันนี้ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่คุณพ่อมอบให้ สมัยที่เราเป็นเด็ก พอตกเย็น เด็กคนอื่นเขาเล่นกัน เราได้แต่มอง กลับมาบ้านทำการบ้าน ไม่ได้เล่น อาบน้ำ พอทานข้าวเย็นเสร็จจะไปดูทีวีบ้านข้างๆ ไม่มีสิทธิ์ต้องอ่านหนังสือกลอน ตอนหลังอ่านหนังสือจีนที่แปลเป็นไทย ชื่อมันเรียกยากจะตาย 7-8 ขวบ แต่เราตอนนั้นคิดว่าทำไมต้องเป็นเรา ทำไมเราไม่มีชีวิตเหมือนอย่างคนอื่นเขา แต่ถึงปัจจุบันนี้ พอได้ศิลปินแห่งชาติ น้ำตาไหลพรากเพราะนึกถึงพ่อ ถ้าไม่มีพ่อ เราก็ไม่มีวันนี้ เพราะพ่อให้ทุกอย่างโดยที่ไม่บอกเราเลยว่าพ่อให้ความรู้เรา พ่อสอนให้เราปฏิบัติไป เพื่อสักวันมันจะได้ใช้ในวันข้างหน้า แต่เราไม่ได้คิดไง ทำไมฉันต้องไม่เหมือนลูกชาวบ้านเขา ทำไมฉันต้องมาอยู่ในกรอบ มาถูกกักกัน แต่หารู้ไม่ว่า พ่อให้ความรู้ทั้งหมด
• ต้นแบบดีเปรียบดั่งครู ประสบการณ์เสมือนดั่งแนวทางที่คอยส่งและเตือนแนะแนวทาง
กล่าวได้ว่ามีพ่อเป็นไอดอล พ่อวางแนวไว้ให้หมดแล้ว หรืออย่างผลงานที่ใครๆ หลายคนจดจำเราได้ อย่างละครเรื่องผู้กองยอดรัก ปี 2522 ที่แสดงเป็นพลทหารอ่ำ อ่ำเป็นตัวชูโรงทั้งหมด เราไม่ได้เล่นดี เราก็แค่เล่นได้ แต่ผู้กำกับ พี่สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ ท่านคอยชี้แนะเรา ยืนข้างกล้อง คอยบอกมุกให้เราตลอด ประกอบกับคุณนิรุตติ์ ศิริจรรยา ก็เก่ง คุณดวงใจ หทัยกาญจน์ ก็เก่ง คือทุกคนมันเอื้อกันหมด มันจะเก่งคนเดียวไม่ได้หรอก
ก็ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่ได้ปูแนวทางให้เราเดินอย่างถูกต้อง ถ้าหากเราไม่มีครูที่ดี เราอาจจะไม่มีวันนี้ก็ได้ เราอาจจะเป็นคนเกเรไป ไม่มีอาชีพ ติดยงติดยา แต่คุณพ่อคุณแม่ได้วางแนวทาง คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยบอกเลยว่าไปอย่างนี้แล้วจะรวย แกจะมีชื่อเสียง คุณพ่อแม่ต้องการแค่ลูกเป็นคนดีเท่านั้น เราก็เดินตามคุณพ่อคุณแม่วางไว้ให้เดินตามมา และขอบคุณผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นกระจกเงาให้พ่อตลอด แม่ปทุมวดี จะเป็นกระจกเงาอย่างดี คอยบอกว่า พ่อ ตรงนี้ไม่ดีแล้วนะ พ่อทำตัวใหม่นะ พ่ออย่าขี้โมโห พ่อต้องรักงานนะ พ่ออย่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย เขาเป็นกระจกเงาให้ผมตลอดเวลา ถ้าไม่มีผู้หญิงชื่อปทุมวดี ก็ไม่มั่นใจว่า รอง เค้ามูลคดี จะเป็นคนดีที่ทุกคนให้การเคารพรักอย่างทุกวันนี้หรือไม่
ท้ายที่สุด ฝากถึงเด็กรุ่นใหม่ทั้งในวงกรบันเทิงและแฟนคลับ ก็ขอฝากในวงการบันเทิง ถ้าเราเข้ามาอยู่ในตรงนี้แล้ว ไม่ว่าอยู่ตรงไหนก็ตามแต่ เราต้องรักที่ๆ เราเข้าไปอยู่ อย่าทำไอ้ที่ๆ เราเข้าไปอยู่ตรงนั้นเสื่อมเสีย รักษาเอาไว้ให้ดีที่สุดเวลาเราทำอะไรให้มันเสีย ผู้ใหญ่ที่เขาทำความดีมาทั้งชาติ เขาก็เสียด้วยนะ มันโดนกันไปหมด ขอร้อง จะทำอะไรก็คิดถึงผู้หลักผู้ใหญ่และคิดถึงตัวเองให้มากที่สุด
เด็กรุ่นใหม่เป็นเด็กที่เก่งมาก ผมบอกเลยเก่งกว่าคนรุ่นเก่าเยอะ เขาเห็นบทปั๊บ รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร รักษาความเก่งควบคู่ไปกับการทำความดีแล้วหนูจะอยู่ในวงการบันเทิงนี้ได้นานที่สุด ในขณะเดียวกัน เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้น่ากลัวมาก อะไรมันก็เข้ามาล่อใจให้เดินหลงทางได้ตลอดเวลา พยายามหลีกเลี่ยงมัน คนเราเกิดมาวันที่พ่อแม่น้ำตาไหลมีอยู่สองวัน วันที่เราประสบความสำเร็จ ดีใจน้ำตาไหล กับวันที่ลูกผิดพลาดในชีวิตอาจจะติดคุกติดตะรางหรืออาจจะเดินทางผิดๆ ไปติดยา นั่นคือวันที่พ่อแม่ร้องไห้ โตแล้วเทคโนโลยีก็ก้าวไกล มันพัฒนาไปไกลแล้ว เราก็ไปคิดเอาเองว่าต้องการให้พ่อแม่น้ำตาไหลวันไหน คิดให้ดีๆ
ที่สำคัญ คือสติ การสวดมนต์ช่วยได้ดีที่สุด มันจะเรียกสติกลับมาแล้วจะมองเห็นอะไรอยู่ตรงไหนอะไรยังไง มันอาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันจะทำให้เรามองเห็นหนทางขึ้นบ้าง
เรื่องและภาพ : รายการพระอาทิตย์ไลฟ์
เรียบเรียง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพบางส่วนจากเฟซบุ๊ก รอง เค้ามูลคดี