MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7
หมายเหตุ : เนื่องจากเว็บไซต์ MGR Online กำลังปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ ต้องการชมเนื้อหาย้อนหลัง คลิก https://bit.ly/mgrtop7 ขออภัยในความไม่สะดวก
(สรุปข่าวประจำวันที่ 13 - 19 ม.ค. 2561)
อันดับ 1 : จบสัมพันธ์! "เมย์-พิชญ์นาฏ" ประกาศเลิก "เจ ชนาธิป"
กลายเป็นเรื่องช็อกของคนไทยทั้งประเทศ สำหรับคู่รักต่างวัย "เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์" นักเตะทีมชาติไทย ที่ไปค้าแข้งกับทีมคอนซาโดเล่ ซับโปโร ที่ประเทศญี่ปุ่น และนักแสดงสาว "เมย์ พิชญ์นาฏ สาขากร" ที่คบหากันมานานเกือบ 3 ปี เมื่ออินสตาแกรมของเมย์ โพสต์ภาพและข้อความเมื่อวันที่ 18 ม.ค. ระบุว่า อึดอึดกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ 10 กว่าวัน ยังทำใจไม่ได้ ความรักของเรามาถึงทางตัน เจเองเสียใจ และเมย์เองก็เสียใจมาก มีปัจจัยบางอย่างทำให้เราต้องจบความสัมพันธ์ทั้งๆ ที่รักกันมาก ขอทุกคนช่วยเป็นกำลังใจให้เราทั้งคู่ด้วย
สำหรับเหตุที่เลิกรากัน เมย์เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ได้พูดคุยกับพ่อแม่ฝ่ายชาย ถามถึงฤกษ์แต่งงานระบุว่าไม่มีฤกษ์ ถ้าจะแต่งให้รออีก 3 ปี อีกทั้งแม่ของเจเกิดปีไก่เหมือนกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้จะทำให้ตีกันตาย เมื่อถามว่าไม่ชอบอะไรตนหรือไม่ ก็ตอบว่าแม่ไม่มีอะไร แต่บ้านเราไม่มีอะไรให้ พ่อเจก็บอกว่า ถ้าพ่อเมย์เรียกสินสอดแพงจะเอาที่ไหนจ่าย จึงตัดสินใจเลิกเพราะไม่อยากให้แม่ลูกทะเลาะกัน นอกจากนี้ เมย์ยังชี้แจงถึงกระแสข่าวเรียกค่าสินสอดจากครอบครัวเจถึง 30 ล้านบาท ว่า เป็นความเข้าใจผิด ไม่เคยต้องการเงิน พร้อมลำบากด้วยกัน
อันดับ 2 : หมายจับ "เสี่ยกำพล" ค้ามนุษย์ ทลาย 113 หญิงอาบอบนวด "วิคตอเรีย ซีเคร็ท"
เรื่องอื้อฉาวสะเทือนวงการสีกากีคราวนี้เกิดขึ้น หลังจากเมื่อวันที่ 12 ม.ค. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยทหารและกรมการปกครอง ตรวจค้นสถานบริการอาบอบนวด "วิคตอเรียซีเครท" ซอยศูนย์วิจัย 4 ถนนพระราม 9 พบหญิงสาวทั้งหมด 113 คน จับกุมนายบุญทรัพย์ หรือป๋ากบ อมรรัตนสิริ อายุ 55 ปี หัวหน้าเชียร์แขก ในข้อหาค้าประเวณี และควบคุมเด็กในสถานบริการอีก 4 คน พบโพยระบุว่าเป็นการรับรองเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ทั้งตำรวจระดับผู้การ และข้าราชการกรมสรรพากรจำนวนมาก กองบัญชาการตำรวจนครบาลจึงได้สั่งย้าย 5 นายตำรวจ สน.วังทองหลาง ในเวลาต่อมา
ต่อมาวันที่ 16 ม.ค. ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ หุ้นส่วนใหญ่ พร้อมพวกรวม 7 คน รวม 13 ข้อหา กระทั่ง น.ส.ศศิธร ได้เข้ามอบตัวต่อ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. และฝากขังต่อศาลอาญา โดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ต่อมาวันที่ 19 ม.ค. ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ อายุ 61 ปี และนางนิภา วิระเทพสุภรณ์ หรือธีระตระกูลวัฒนา อายุ 68 ปี ภรรยานายกำพล เจ้าของอาบอบนวดตัวจริง ข้อหาค้ามนุษย์ ค้าประเวณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี รวม 12 ข้อหา อีกด้านหนึ่ง ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ส่งมอบสำนวนคดีให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอแล้ว หลัง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้รับเป็นคดีพิเศษเพื่อสอบสวนขยายผลต่อไป
อันดับ 3 : ใส่ได้เพื่อนตายแล้ว "นาฬิกาบิ๊กป้อม" ยืมเขามา เย้ยถ้าผิดจริงก็ออก
หลังจากที่ภาพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม สวมใส่นาฬิกาหรูและแหวนเพชร ระหว่างถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรี ประยุทธ์ 5 เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2560 เมื่อพบว่าแหวนเพชรและนาฬิกาไม่ได้ระบุในรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. สังคมก็ตั้งคำถามตามมาว่าเอามาจากไหน แต่เจ้าตัวไม่ตอบคำถาม ขณะที่นักสืบโซเชียลเฉกเช่นเฟซบุ๊กเพจ CSI LA ได้โพสต์ภาพ พล.อ.ประวิตร สวมใส่นาฬิกา พร้อมกับเปรียบเทียบราคาอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 25 เรือน
ในที่สุดหลังผ่านไปข้ามปี เมื่อวันที่ 16 ม.ค. พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "มันวนกันไป เอาเรือนเก่าออกมา ก็ไม่เป็นไร ให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ หากชี้มูลว่าผมผิด ผมก็ออก ผมไม่นอยด์อะไร ไม่มีอะไร" และว่า ตนไม่มีนาฬิกาสะสม แต่มีเพื่อนที่เอามาให้ใส่แค่นั้น และตนก็คืนหมดทุกเรือน ซึ่งไม่ใช่การซื้อมาฝาก และตนก็มีเป็นของส่วนตัวแต่ไม่พูดว่ามีกี่เรือน อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากอดีตทหารเกษียณอายุราชการ ยืนยันว่า หนึ่งในเพื่อนของ พล.อ.ประวิตร ที่ให้ยืมนาฬิกา คือ นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เพื่อนร่วมโรงเรียนเซนต์คาเบรียล และเป็นกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ที่เสียชีวิตไปเมื่อต้นปี 2560
อันดับ 4 : สีกากีผงะ! พบ "สารวัตรทางหลวง" เอี่ยวขนยาเสพติดเครือข่าย "ไซซะนะ"
ปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/2 นำโดย พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. เจ้าของฉายา “มือปราบหมื่นล้าน” เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 12 - 19 ม.ค. ที่ผ่านมา จำนวน 59 เป้าหมาย จับกุม 4 เครือข่ายที่สำคัญ รวมทั้งสิ้น 9 คดี ผู้ต้องหา 14 คน ยึดทรัพย์สินมาได้ 188 ล้านบาท หนึ่งในเครือข่ายที่น่าสนใจคือ เครือข่าย น.ส.ทิพย์อาภา รักษาแสง จับกุมได้เมื่อเย็นวันที่ 15 ม.ค. ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี หลังขยายผลจับกุมผู้ต้องหาขนกัญชาจาก จ.อุดรธานี ไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 520 กิโลกรัม ก่อนตรวจค้นบ้าน 2 หลังใน ต.หนองวัว อ.เมืองฯ จ.อุดรธานี พบกัญชาจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ในถังเก็บของเสีย และเงินสดกว่า 4 แสนบาท
ต่อมาวันที่ 16 ม.ค. ตำรวจตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ภายในหมู่บ้านพฤกษาวิลเลจ 35 คลองสาม จ.ปทุมธานี พบ พ.ต.ท.ธนกฤต นิตสพันธ์ อายุ 48 ปี สารวัตรตำรวจทางหลวง สามีของ น.ส.ทิพย์อาภา อยู่ในบ้านจึงควบคุมตัว และตรวจค้นบ้านพี่สาวของ น.ส.ทิพย์อาภา บริเวณหมู่บ้านพฤกษาวิลเลจ 29 ซึ่งอยู่ติดกัน ตรวจยึดรถยนต์ 3 คัน เครื่องนับธนบัตร ซึ่ง พล.ต.ท.สมหมาย เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ธนกฤตยังคงให้การปฏิเสธ แต่มีหลักฐานอยู่ในมือ และพบว่าให้ความช่วยเหลือลำเลียงยาเสพติด ซึ่งขบวนการของ น.ส.ทิพย์อาภา ถือเป็นกลุ่มค้ายาเสพติดรายใหญ่ และเชื่อมโยงกับเครือข่ายของนายไซซะนะ แก้มพิมพา ราชายาเสพติดชาวลาวที่ถูกจับกุมไปแล้ว
อันดับ 5 : ปิดคดี "ณิชา" ผู้บริสุทธิ์ แก๊งโรแมนซ์สแกมขโมยบัตร-เปิดบัญชีหลอกลวง
กรณีที่ น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี พนักงานออฟฟิศ กลายเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง เพราะถูกแก๊งโรแมนซ์สแกมขโมยบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร 10 บัญชี และซิมโทรศัพท์มือถือเพื่อรับโอนเงินจากเหยื่อ พบว่าเมื่อวันที่ 17 ม.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. แถลงข่าวผลการสอบสวน น.ส.ณิชา ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมจับกุม นายอายัค ไซม่อน อีโก้ สัญชาติแคเมอรูน ทำหน้าที่จ้างวาน และนำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงิน น.ส.เจรติ หรือแอน สายสิน ทำหน้าที่รับเปิดบัญชี 3 บัญชี, น.ส.ปวีณา หรืออ้อม สิงห์วิบูลย์ ทำหน้าที่รับเปิดบัญชี 5 บัญชี และ น.ส.พรหมพร หรือแตน พงษ์เจริญคุณากร ทำหน้าที่เปิดบัญชี 2 บัญชี
ต่อมาวันที่ 18 ม.ค. น.ส.ณิชา มารายงานตัวกับศาลจังหวัดตากเป็นครั้ง 2 ตามกำหนด ศาลจังหวัดตากอนุญาตยกเลิกคำร้องผัดฟ้องและฝากขัง น.ส.ณิชา ตามที่ตำรวจภูธรจังหวัดตากเสนอ เนื่องจากการสืบสวนได้ความว่า น.ส.ณิชา ไม่ใช่ผู้กระทำความผิด และเป็นผู้บริสุทธิ์ พร้อมขอรับเงินประกันตัว 80,000 บาทคืน เจ้าตัวเปิดเผยว่า ขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการเก็บบัตรประชาชน ไม่เช่นนั้นจะได้รับความเดือดร้อนเหมือนที่ตนได้รับ พร้อมทั้งไม่ติดใจเอาความกับตำรวจ สภ.บ้านตาก เนื่องจากสอบสวนไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
อันดับ 6 : เตะเด็ก 4 ขวบร่วงคาฟุตบาธ จับได้ที่แปดริ้ว-พบวนเวียนวกวน
ในโลกโซเชียลได้เผยแพร่วีดีโอคลิปเหตุการณ์ที่ชายคนหนึ่ง ใช้เท้าเตะลำตัวเด็กชายวัย 4 ขวบที่เดินผ่านอยู่ดีๆ จนล้มลงทั้งยืนหัวฟาดลงไปนอนกองกับพื้น บริเวณหน้าร้านซ่อมรถยนต์ ปากซอยรามคำแหง 83/5 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. เมื่อบ่ายโมงวันที่ 14 ม.ค. ทำให้เด็กชายคนดังกล่าวมีอาการศีรษะปูดบวมเล็กน้อย ตำรวจ สน.หัวหมากไล่กล้องวงจรปิดและติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี ขณะที่ผู้คนในโลกโซเชี่ยลต่างช่วยกันหาเบาะแสชายดังกล่าวนำมาเผยแพร่อีกด้วย
ต่อมาวันที่ 16 ม.ค. ชุดสืบสวน สน.หัวหมาก จับกุมผู้ก่อเหตุ ขณะโวยวายอยู่ที่สถานีรถไฟแปดริ้ว อ.เมืองฯ จ.ฉะเชิงเทรา ทราบชื่อคือนายสมศักดิ์ นาอุดม หรือ บังรูน อายุ 31 ปี สอบสวนให้การวกไปวนมา ยอมรับว่าเตะเด็กจริง อ้างว่าเหนื่อยและเครียดปัญหาบางอย่างที่บอกไม่ได้ พบเคยก่อเหตุทำให้เสียทรัพย์เมื่อปี 2557 ท้องที่ สน.ลาดพร้าว และคดีบุกรุกเมื่อปี 2559 ท้องที่ สน.มีนบุรี เคยรักษาอาการทางจิตที่ ร.พ.สมเด็จเจ้าพระยา 3 ครั้ง ตำรวจประสานพ่อของนายสมศักดิ์สอบปากคำว่ามีอาการทางจิตระดับใด เพื่อพิจารณาดำเนินคดี
อันดับ 7 : สกอ.ประจาน 40 สถาบันไม่ผ่านเกณฑ์ โดนจวกกลับข้อมูลเก่า-คลาดเคลื่อน
ความขัดแย้งในวงการศึกษาเกิดขึ้นเมื่อสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ประกาศรายชื่อหลักสูตรที่ไม่ผ่านประเมินตามเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรของ กกอ.ในปีการศึกษา 2558 และ 2559 รวมถึงประกาศหลักสูตรที่ไม่ผ่านการกำกับมาตรฐานติดต่อกันเป็นเวลา 2 ปี จำนวน 182 หลักสูตร จากสถาบันการศึกษา 40 แห่งทั่วประเทศ ทำให้มหาวิทยาลัยที่ถูกพาดพิงออกมาเคลื่อนไหว โดย ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดี ม.รามคำแหงชี้แจงว่า ข้อมูลที่ สกอ.เผยแพร่เป็นข้อมูลเก่า เนื่องจากได้ปิดหลักสูตร งดรับนักศึกษา และปรับปรุงให้เป็นไปตามเกณฑ์ไปแล้ว การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวทำให้มหาวิทยาลัยเสื่อมเสียชื่อเสียง และในที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยมีมติให้ผู้บริหารพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย
ด้าน ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ชี้แจงว่า ข้อมูลของ สกอ. คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงหลายเรื่อง ไม่ได้แยกแยะมาตรการ ใช้ข้อมูลนำเสนอแบบไม่มีความละเอียดรอบคอบ อีกทั้งถ้อยคำมีความคลุมเครือ เช่น คำว่า "ปิดหลักสูตร" "รอปรับปรุง" "งดรับนักศึกษา" สร้างความสับสนให้แก่สังคม ส่วน ผศ.ดร.ภัทร อัยรักษ์ รองอธิการบดี ม.สงขลานครินทร์ ระบุว่า ข้อมูล สกอ. คลาดเคลื่อนไม่ตรงกับข้อมูลปัจจุบัน บางหลักสูตรผ่านการประเมินแล้ว ส่วนที่ไม่ผ่านเกณฑ์บางข้อก็แก้ไขปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว บางหลักสูตรแจ้งขอปิดหลักสูตรไปแล้ว อย่างไรก็ตาม นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการ กกอ. อ้างว่าที่เผยแพร่ข้อมูลเพราะมติที่ประชุม กกอ.เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ต้องการแจ้งให้สาธารณชนได้รับทราบ ถ้าคิดว่าผิดวินัยก็ร้องเรียนสอบสวนวินัยมาที่ตนได้