กรมราชทัณฑ์ จับมือกับ กรมสรรพาวุธ ร่วมกันเปิดโครงการ “มิติใหม่อบรมผู้ต้องขังผลิตอาวุธปืน สนับสนุนอุตสาหกรรม ป้องกันประเทศภายใต้ชื่อ ไทยประดิษฐ์” คัดเลือกผู้ต้องหาชั้นดี 16 คน เพื่อฝึกทักษะและส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ต้องขังในคดีพระราชบัญญัติอาวุธปืนและคดีที่เกี่ยวข้อง
วันที่ (15 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. เรือนจำกลางบางขวาง พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พล.ท.อาวุธ เอมวงศ์ เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก พล.ต.ต.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันเปิดโครงการ “มิติใหม่อบรมผู้ต้องขังผลิตอาวุธปืน สนับสนุนอุตสาหกรรม ป้องกันประเทศภายใต้ชื่อ ไทยประดิษฐ์” ตามนโยบายของมติสภากลาโหม โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้แนวคิดในการแก้ไขผู้กระทำผิดด้วยการฝึกงาน ฝึกทักษะและส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ต้องขังในคดีพระราชบัญญัติอาวุธปืนและคดีที่เกี่ยวข้องจึงสั่งการให้กระทรวงกลาโหม ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ คัดเลือกพิจารณาผู้ต้องขังชั้นดีในคดีอาวุธปืนจากทั่วประเทศ จากนักโทษ 320,000 คน ให้เหลือ 300 คน และคัดกรองเข้มข้นให้เหลือเพียง 16 คน จากเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศ โดยใช้ขั้นตอนการคัดกรองทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ พร้อมทั้งทดสอบด้านจิตวิทยาร่วมด้วยจนแน่ใจแล้วว่า ผู้ต้องขังมีคุณสมบัติผ่านการคัดเลือกทั้ง 16 คน มีความเหมาะสมที่จะนำมาฝึกอบรมในโครงการดังกล่าวจำนวน 14 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.- 2 ก.พ. 61 นี้
พล.ท.อาวุธ เอมวงศ์ เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ในการคัดเลือก คัดกรองนักโทษชั้นดี ตามนโยบายของรัฐบาลในการเปิดโอกาสส่งเสริมด้านวิชาชีพ ให้ผู้ต้องขังชั้นดีที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ผ่านการคัดกรอง ทดสอบฝีมือ ที่มีความเหมาะสมในการนำมาฝึกอบรม 14 วัน กับเจ้าหน้าที่ของสรรพาวุธ ในการผลิตชิ้นส่วนอะหลั่ยของอาวุธปืน บางส่วนที่พอผลิตขึ้นเองได้ให้กับกลาโหม อาทิ ชิ้นส่วนของอาวุธปืนสั้น ชิ้นส่วนอะหลั่ยบางตัวของอาวุธปืนยาวด้วย ซึ่งในส่วนสำคัญมากๆ ทางเจ้าหน้าที่สรรพาวุธจะเป็นหน่วยงานที่ผลิตเอง ซึ่งทางราชการได้ลงบันทึกประวัติของผู้ต้องขังทั้งหมดเอาไว้ในกรณีพ้นโทษเป็นอิสระแล้วเราก็จะติดตามตรวจสอบทั้งมอบให้ด้านฝ่ายปกครองในพื้นที่ดูแลอย่างใกล้ชิด
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ได้เปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังชั้นดีที่มีอายุปีในการถูกคุมขัง 3 - 5 ปี ที่ผ่านขั้นตอนการคัดกรองและคัดเลือก มีคุณสมบัติที่เหมาะสมจำนวน 16 คน ที่มาจากเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศ กว่า 320,000 คน ได้มีโอกาสทำประโยชน์ให้แก่หน่วยงานราชการ โดยการนำมาฝึกอบรมผลิตชิ้นส่วนอาวุธปืนสนับสนุนให้กระทรวงกลาโหมตามนโยบายของรัฐบาล
