จากทีมฟุตบอลบ้านๆ ส่งเสียงกังวานระดับประเทศ “กำปงยูไนเต็ด” แห่งจังหวัดปัตตานี ที่เกิดจากผู้ชายคนหนึ่งและเพื่อนๆ ซึ่งมุ่งใช้พลังของกีฬาลูกหนัง เป็นพลังสร้างสรรค์สังคมและเยาวชนของชาติ

Manager Online พาไปทำความรู้จักกับ “กัปตัน” โค้ชบ้านๆ ผู้สร้างเยาวชนคนแล้วคนเล่าให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีประสิทธิภาพ “บังดุล” หรือ “อดุล หวันสกุล” กุนซืออาสา ประจำทีมกำปงยูไนเต็ด และเครือข่ายกำปงยูไนเต็ด ที่มุ่งมั่นสานฝันให้กับเยาวชนไทยทั่วประเทศ

ปฐมบทโลกลูกหนัง “กำปงยูไนเต็ด”
โอกาสจากพี่สู่น้องปักษ์ใต้รูเมาะฮ์กีตอ
“จริงๆ ผมไม่ใช่ชาวปัตตานี ผมอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพี่น้อง 10 คน ผมเป็นคนที่สอง ทีนี้ประกอบอาชีพประมง ทำให้ที่บ้านก็มีฐานะไม่สู้ดี ที่อำเภอหัวไทรเขามีชื่อเสียงเรื่องมวยไทย พ่อแม่ก็อยากจะให้มีชีวิตที่ดีกว่าพวกท่าน ต่อยอดไปการศึกษาที่สูงขึ้นเหมือนรุ่นพี่ในหมู่บ้านที่ต่อยมวยจนได้ไปอยู่กรุงเทพฯ ได้ไปต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่าง ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ญาติทางฝ่ายพ่อที่ประสบความสำเร็จด้านการศึกษาจนได้ดิบได้ดี ซึ่งกีฬาก็จะนำพาเราไปสู่การศึกษา ท่านก็เลยสนับสนุนทางด้านนี้
“เราก็ซ้อมมวย ได้มีโอกาสขึ้นชก 2 - 3 ครั้ง แต่เรารู้สึกว่าไม่ชอบ มันต้องซ้อมหนัก ต้องวิ่งเป็น 10 กิโลเมตร เราก็มองว่าไม่ไหว แล้วช่วงนั้นฟุตบอลไทยดังมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นโค้ชเฮง วิทยา เลาหกุล หรือ พี่ตุ๊ก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน พี่น้องคนใต้เรา เราเหมือนกับยักษ์ใหญ่ น้องๆ คนใต้เราชอบมาก ก็หันเหมาเล่นฟุตบอลแทน ก็เล่นกีฬาของกลุ่มโรงเรียนทะเลหลวง ในอำเภอหัวไทร มีฟุตบอลแข่งประจำทุกปี”
มีเพียงรองเท้าสีดำคล้ายรองเท้าใส่ตัดยาง เสาประตูทำจากเศษไม้ แต่มิอาจขัดขวางความรักความชอบที่ค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัวภายในจิตใจ และกระแสความคลั่งไคล้อันโด่งดังในยุคสมัยนั้นได้
“เรารู้สึกว่าเวลาแข่งฟุตบอล จะมีคนมาดูเยอะในหมู่บ้าน เพราะช่วงนั้นทีมชาติเราเป็นพี่เบิ้มแห่งเอเชีย ชื่อเสียงฟุตบอลไทยสมัยนั้นเทียบเท่ากับญี่ปุ่นในปัจจุบันที่ไม่เป็นสองรองใครในเอเชีย ด้วยความที่เราชอบ ถ้ามีบอลแข่งต้องไปดูให้ได้เลย ที่บ้านคนที่มีทีวีก็อยู่ไม่ไกล เพราะชุมชนชาวประมงบ้านจะอยู่ติดๆ กัน แต่มีแค่หลังเดียว คุณอัจญี เส้น ศรีปาน ผมจำชื่อคุณอาได้แม่น เขาก็ซื้อให้เด็กดู มีการสนับสนุนกันในชุมชน
“เราก็เป็นตัวแทนของโรงเรียนชั้นประถม เล่นตำแหน่งประตู เพราะรูปร่างสูงใหญ่ แต่ตอนหลัง เกิดอุบัติเหตุเจ็บมือ ก็ขยับมาล่นกองหลัง จากนั้นมาเรียนที่มัธยมหัวไทรบำรุงราษฎร์ ก็เป็นตัวแทนโรงเรียนได้แข่งในระดับอำเภอจนเรียนจบก็ไปต่อที่วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ที่จังหวัดสงขลา ซึ่งเปิดใหม่ เนื่องจากบ้านเราประกอบอาชีพประมงอยู่แล้วก็เรียนทางด้านนี้ เพราะอย่างน้อยที่สุด คิดว่าน่าจะจบไปต่อยอดที่บ้าน หรือรับราชการ ทำงานบริษัทได้ เพราะช่วงนั้นเริ่มมีนากุ้งเข้ามาแพร่หลายในโซนชายฝั่งทะเล
“แต่พอเรียนจบ เราก็ต้องพักเรื่องบอลเรื่องความฝันเรา เนื่องจากช่วงนั้นน้องๆ กำลังเรียนหนังสือ สิบคนพี่น้อง ก็ตัดสินใจทำงานก่อน ก็เลยสมัครกับบริษัทเจริญโภคภัณฑ์และรับการคัดเลือกไปทำงานฟาร์มกุ้งที่จังหวัดชุมพร”
และที่นี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของ “กำปงยูไนเต็ด” ที่ก่อร่างสร้างขึ้นจากน้ำไม้น้ำมือชาวปักษ์ใต้รูเมาะฮ์กีตอโดยที่เขานั้นไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“พอเราได้ไปทำงานที่นั่น มันเหมือนเปิดโลกทัศน์จากบอลระดับอำเภอ เราได้เล่นระดับจังหวัด ก็ส่งทีมเขาไปแข่งหลายรายการ แล้วพอวันหยุด เรากลับไปสงขลา ก็ไปเจอเพื่อนๆ ที่เล่นบอลด้วยกัน เพื่อนๆ ที่เล่นบอลด้วยกันที่รู้จักส่วนใหญ่แล้วเขาจะขึ้นไปเล่นฟุตบอลที่กรุงเทพฯ ไปเรียนหนังสือด้วย ก็ค่อนข้างจะสนิทกับบังซบ ศิริศักดิ์ ขะเดหรี กัปตันดรีมทีมในช่วงนั้นเล่นตำแหน่งกองหลัง ก็คุยกัน สรุปว่าตัดสินใจลาออกเลย ทั้งๆ ที่ทำงานมา 3 ปี โดยไม่บอกกล่าวใครที่บ้านเลย เพราะคิดว่าตัวเองก็มีศักยภาพพอที่จะเล่นฟุตบอลได้ ก็จะขอคัดทีมชาติ อยากติดทีมชาติ

“ขึ้นรถมากรุงเทพฯ ก็ไปที่ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่เลย เพราะว่าบังซบเล่นให้สโมสรธนาคารกรุงเทพ ก็ไปถามว่าจะมาเล่นฟุตบอลต้องทำอย่างไรบ้าง เราไปแบบไม่รู้อะไร ยกมือไหว้หน้าเคาน์เตอร์ด้านล่างเลย (หัวเราะ) เขาก็บกว่าไปซ้อมที่สนามบางนาตราด ก็ไปเจอพี่ๆ น้องๆ ไปซ้อม ทีนี้ก็ได้มีโอกาส คือช่วงนั้นดรีมทีมเริ่มเก็บตัว มีบิ๊กหอย วนัสธนา สัจจกุล (ชื่อเดิม ธวัชชัย) เป็นผู้จัดการทีม แคมป์เก็บตัวอยู่ตรงเดอะมอลล์บางกะปิ พอเขาไปซ้อมหน้าสนาม กกท. (การกีฬาแห่งประเทศไทย) เราก็ไปซ้อมด้วย ระหว่างที่ซ้อมๆ ไป หัวเข่าดันบวมเฉยๆ ก็เลยพลาดโอกาสที่จะได้ลุ้นได้เข้าไปตรงนั้น
“ล้มพับพลาดผิดหวัง แต่ไม่กล้ากลับบ้าน มาแอบทำงานแบกหามและอาศัยเพื่อนๆ แถวชุมชนมัสยิดรี่ยาดิ๊สสุนัน จังหวัดนนทบุรี ไปอยู่กับพรรคพวกทีมงานเพื่อนๆ ก็กลายเป็นโชคดี เราไปรู้จักทีมงานเพื่อนๆ อีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นมุสลิมที่เล่นฟุตบอล เราก็ได้คิดในใจว่าเราไม่ติดทีมชาติก็ไม่เป็นไร สงสัยต้องวางแผนใหม่แล้ว เพราะภาพเพื่อนๆ เรื่องที่เพื่อนๆ ประสบความสำเร็จมันเกิดขึ้น เราเสียโอกาส แต่น้องๆ เด็กๆ เขายังมีโอกาส เราก็ต้องสนับสนุนเด็กๆ และเยาวชนดีกว่า เนื่องจากเราได้รับโอกาสตรงนั้นจากที่บ้านมาตลอด เราเคยได้รับมา ทั้งการฝึกซ้อม สนาม ลูกฟุตบอล แม้กระทั่งทีวีที่ให้เราดูบอลไทยแข่ง หลายๆ เรื่อง หลายๆ อย่าง
“และโดยพื้นฐานของชาวประมง คนทะเล เราช่วยเหลือกันไม่ต่างจากลงแขกเกี่ยวข้าวของภาคอีสานเวลาฤดูนา ภาคใต้ชุมชนประมงขนาดเล็ก พอเวลาเรือประมงจะขึ้นฝั่งหรือลงฝั่งก็ใช้แรงงานคนทั้งหมดเลยในหมู่บ้าน อีกอย่างทะเลมันกว้าง ทรัพยากรในทะเลมันเยอะมาก มีอะไรก็แบ่งปันกันกิน ชุมชนประมงที่นั้นจะเป็นอย่างนี้หมด กระทั่งมาอยู่ตรงจุดที่เราล้มเขาช่วยเหลือเราทุกอย่าง ลูกชาวเลใจกว้างอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ ตรงนี้มันก็หล่อหลอม ที่สำคัญพอมาเล่นบอล มันเป็นกีฬาประเภททีมก็เกิดความรักความผูกพัน สามัคคี
“ฉะนั้นเราพลาดเราล้ม แต่คนอื่นยังมีโอกาส เราก็ต้องมอบคืนกลับในสิ่งที่เราเคยได้รับ”

กาเซะห์กันละห์ เราเกิดร่วมแดนไทย
ฉากที่ 2 อาบูมากัรลูกหนัง
• หลังจากตั้งมั่นปณิธานใหม่แล้ว แต่เราไม่มีกำลังทรัพย์ในการสานต่อ เราทำอย่างไร
ก็กลับมาบ้านหลังจากที่มาแอบทำงานแบกหาม เพราะกลัวที่บ้านรู้ (หัวเราะ) เขายังคิดว่าเราทำงานที่เจริญโภคภัณฑ์อยู่ แต่หลายๆ เดือนเข้า เขาก็สงสัย ทำไมเงินที่ส่งไปที่บ้านน้อยลงกว่าเดิม เขาก็รู้ความจริง ท้ายที่สุดแล้วก็กลับบ้าน แต่ก็เป็นโชคดีอีก ช่วงที่ว่างงานตอนนั้น เราต้องละหมาด ก็ไปทำวามสะอาดมัสยิดประจำๆ ก็บังเอิญไปเจอ คุณอับดุลเหล๊าะ เลิศอริยะพงษ์กุล เขาทำงานที่เจริญโภคภัณฑ์ ตอนนั้นเขาเปิดโรงเพาะฟักลูกกุ้งที่อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ได้พูดคุยกัน เขาก็เลยรับเข้ามาทำงานที่นั้นอีกครั้ง
หลังจากนั้นก็ได้ย้ายไปจังหวัดปัตตานีตามความเหมาะสมของงาน พอไปปัตตานีชายแดนภาคใต้คือไม่เคยไปเลย พอไปปั๊บก็นั่งหงอย อยากเล่นฟุตบอล เพราะใจมันรัก คนเล่นฟุตบอลเย็นๆ ไม่เจอสนามฟุตบอลก็ไม่ได้ ทุกที่ที่ไปเนี่ย เล่นกันแต่ฟุตบอล แล้วหมู่บ้านที่นั้นมีแต่สนามฟุตบอล ชายหาดก็มี ใต้ต้นมะพร้าวก็เล่นกัน ก็ไปโดดเล่นกับเขาบ้าง จนได้เจอ นิแม นิเดร์ฮะ คนทำฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุด ทำเพื่อเยาวชนที่สุด ในจังหวัดปัตตานีรู้จักกันดี
• การเงินการงานแน่นคงตัว พร้อมที่จะลงล่าฝันใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ครับ…เราก็คุยเล่าความฝันความมุ่งหวัง มันก็ลงล็อคเชื่อมต่อกันพอดีระหว่างเราสองคนภาษาคนบอล ทีนี้จังหวะนั้นฟุตบอลดิวิชั่นสองกำลังเริ่มต้น ปี 2009 สโมสรปัตตานีเอฟซีตั้งขึ้น แล้ว รศ.ดร.ซุกรี หะยีสาแม ที่อยู่ในมหาวิยาลัยสงขลานครินทร์ วิยาเขตปัตตานี ก็เล่นฟุตบอลด้วยกัน ก็เลยชวนเข้ามาทำทีม และให้เราเป็นปฏิคมสมาคมกีฬาจังหวัดปัตตานี ก็เลยได้มีโอกาสสร้างเครือข่ายฟุตบอลในจังหวัดปัตตานีและจังหวัดชายแดนภาคใต้

• เกิดเป็นการสร้างโอกาส
เพราะต้องไปดูเด็ก ดูเยาวชนเพื่อจะคัดเลือก เป็นแมวมองมาเล่นในสโมสร โชคดีช่วงนั้นมันมีรายการไพร์มินิเตอร์คัพ เป็นรายการที่เด็กอายุ 12 ปี ชิงแชมป์ประเทศไทย เราส่งทีมเข้าร่วมแข่งขัน โดยมีโค้ชอัมรินทร์ หะยีแวดือเระ สนับสนุนดูแลเป็นอย่างดี จนกระทั่งเราได้แชมป์ประเทศไทย อัสสัมชัญธนบุรี 1 ประตูต่อ 0 ปีนั้นเลย จากนั้นเราก็เลยต่อยอดกันได้เรื่อยมา และก็อีกเหตุผลหนึ่งคือด้วยที่เราเป็นคนที่มีจิตใจอาสา เราไปทำทีมไม่รับรายได้ใดๆ จากสมโมสรทั้งสิ้น ด้วยความสำเร็จตรงนี้ทำให้ทุกๆ คนเห็นในความสำคัญ หลังซ้อมเสร็จมีแวะส่งเด็กๆ
คือเราได้สองอย่างเลย ตอนเช้าได้ทำงานดูแลลูกค้าที่เขาเลี้ยงกุ้งในฐานะนักวิชาการที่ปรึกษา พอห้าโมงเย็นเลิกงาน เราว่างแล้วในท้ายรถมีอุปกรณ์ลูกฟุตบอล เสื้อ รองเท้า เราก็แวะให้เด็กๆ ลูกๆ หลานๆ ของเขาที่เราทำงานซ้อมบอล พอซ้อมเสร็จก็พาส่งคนที่บ้านไกลๆ กิจวัตรก็จะเป็นอย่างนี้ประจำทุกวัน คือนอกจากเรื่องฟุตบอล เราก็สอนเด็กในเรื่องของชีวิตเรื่องของศาสนาไปด้วยในตัว กลุ่มเครือข่ายก็ค่อยๆ เติบโต ลูกหลานเขาก็ห่างไกลจากยาเสพติดซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในชายแดนภาคใต้สมัยนั้น หรือเรียกได้ว่าแทบจะทุกที่ของประเทศ เขาก็พร้อมที่จะยินดีช่วยมาสนับสนุนเราด้วย
ยกตัวอย่าง อย่างคุณ เรย์ แมคโดนัล กับคุณ อธิป นานา ยังมาตั้งสโมสรสันติภาพ เราก็สอนเด็กๆ ในสนามกีฬากลางจังหวัดปัตตานีทุกรุ่นอายุ ใครมาก็ได้ โดยพี่เสรี เบ็ญอาหมัด เป็นคนดูแลเด็กๆ ของสันติภาพเอฟซีอยู่ นิแมก็สอนอีกที่ แบเต๊ะ แบโอกี้ ก็สอนฟุตซอลบอลโต๊ะเล็ก มีเยอะมากทุกแห่งช่วยกัน จนกระทั่งว่าพาเด็กไปแข่งโกเทียคัพ ที่ประเทศสวีเดน คุณเรย์พาไป ประสบความสำเร็จ ผลผลิตชุดนี้ก็คือ อาร์ม ศุภชัย ใจเด็ด สโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เบอร์ 22 ทีมชาติ u21 เด็กๆ ซึ่งมาจากหลายกำปง ซึ่งจากกำปงที่มีความหมายว่า “หมูบ้าน” จนกลายเป็น “กำปงยูไนเต็ด” ชื่อเรียกติดปากโดยปริยายที่เป็นแคมป์ฝึก

• นอกจากฟุตบอล เรายังสอนในเรื่องของชีวิต ศาสนา การอยู่ร่วมในสังคม
ครับ... เพราะพอเรามีทรัพยากรที่มากแล้ว มีโอกาส ช่วงหลังๆ สโมสรบุรีรัมย์ก็มาคัดเด็ก ก็มีติดไปรอบสุดท้ายบ้าง ช่วงหนึ่งแอสไพร์ดรีม กาต้า ก็มีมาคัด ก็ติดไปสองคนในรอบระดับประเทศ คือนอกจากฝีเท้า เรายังฝึกฝีใจ เพราะโดยพื้นฐานของเราเป็นมุสลิม หลักการศาสนาหลักการปฏิบัติสำคัญมาก แล้วอีกย่างหนึ่ง โดยหลักของอิสลามคือหลังจากที่บิดารมารดาเราเสียชีวิตลง มีอยู่สามอย่างเท่านั้นที่เป็นผลบุญให้บิดามารดาของเราก็คือหนึ่ง ลูกที่ปฏิบัติดีขอพรให้ สองคือ ความรู้ที่เป็นประโยชน์ สามคือ การบริจาค เราก็ได้แนวคิด เราทำประโยชน์ เพราะอิสลามมีความเชื่อของในโลกหน้า(อาดีเราะห์) เราก็ปลูกฝังให้รู้จักหน้าที่ของตัวเอง เล่นกีฬาให้รับผิดชอบตัวเองให้ได้ สังคมให้ได้ เพราะว่าทายที่สุดแล้ว สงคม แด็กและเยาวชนก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่จะมาทดแทนเราในอนาคต ท้ายที่สุดแล้ว เราต้องตอบแทนแผ่นดินเกิดเราให้ได้ มาตุมิของเรา
• การทำกีฬาแบบนี้ เหมือนจะช่วยแก้ปัญหาอย่างอื่นๆ ได้ด้วย
กีฬาๆ เป็นยาวิเศษ รักษาได้ทุกโรค กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ ภาพยาเสพติดที่เยอะๆ ในตอนนั้น บางครั้งเข้าไปตามตำบลต่างๆ รูปร่างผอมโซ หน้าตาไม่มีสง่าราศี เราก็มองว่าเราอยู่ในสังคม เราเกิดมาแล้ว มันไม่ได้ เป็นอย่างนี้ไมได้ เพื่อนพี่หลายคนก็ตายคาเข็มจากเฮโรอีน เราก็อยากให้เขาห่างไกล ได้มีความรู้ ได้เล่นกีฬา เราไม่ปล่อยให้บางคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ขายยาเสพติดมันเป็นรายได้ที่งดงาม ฉวยโอกาสตรงนี้ที่มันเป็นการทำลายสังคม ทำลายสถาบันครอบครัว
เราก็พยายามเอาเรื่องกีฬา เรื่องอิสลามศึกษาไปให้เขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว ของเราจะยั่งยืน ยิ่งผลผลิตเราออกมาเท่าไหร่ เด็กประสบความสำเร็จในการเล่นกีฬาและเป็นคนที่มีการศึกษา สามารถรักษาอัตลักษณ์ของตัวเองในการเป็นอิสลาม เขาก็จะชักชวนกันมาตรงนี้ ยิ่งสมัยนี้ติดต่อสื่อสารกันง่าย เด็กๆ ก็ปลอดภัยจากสิ่งไม่ดี เดี๋ยวนี้ก็ลดน้อยลง คนในมุมมืดแทบจะไม่มีแล้ว เด็กๆ ก็แข็งแรงบึกบึน สูงใหญ่ มีรอยยิ้มแย้ม จิตใจดีกันตลอด

อนาคตของชาติ อยู่ในมือเราทุกคน
บทส่งท้ายกำปงยูไนเต็ด ทีมบ้านๆ ที่ใจเกินร้อย
“ตอนนี้ก็มีทั่วภาคใต้ ที่จังหวัดปราจีนบุรีก็มีกำลังประสานงานกัน ที่กรุงเทพฯ เองก็เช่นกัน เครือข่ายอาสาของเรามีหมด และมีอีกหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ ชาญวิทย์ ผลชีวิน นักฟุตบอลอาชีพ สโมสรต่างๆ ก็ให้โอกาสอย่างสโมสรบุรีรัมย์ สโมสรชลบุรี หากเด็กมีความสามารถก็ไปคัดตัวได้เลย
“ในอนาคตเราต้องทำตั้งเป็นมูลนิธิแล้วก็จดทะเบียนเพื่อจะให้เป็นรูปร่าง อาจจะผลิตสินค้าและก็ขายโดยรายได้ส่วนหนึ่งของสิ้นค้า 2.5 เปอร์เซ็นต์ นำมาซัพพอร์ตเด็กต่อไปเพื่อลูกหลานเราในชุมชน ซึ่งการบริหารจัดการสำคัญมาก เราก็ต้องมีการบริหารจัดการที่ดีเพื่อให้เกิดความยั่งยืนเนื่องจากเด็กๆ และเยาวชนเป็นอนาคตของชาติ
“เราโชคดีมากเกิดในประเทศไทย ไปที่ไหน เขาก็ให้การยอมรับ”
คือความรู้สึกของชายผู้นี้ ที่แม้ว่าฝันไม่ได้ด้วยตัวเอง ก็ยังทำฝันให้คนอื่น อย่างน้อยที่สุดก่อนตาย อยากจะไปโบกธงไทยในบอลโลกให้ได้

“และที่สำคัญที่สุด ให้ลูกๆ หลานๆ ของเราที่จะเติบโตมาเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคตมีชีวิตที่ดี ก็เดินกันมา 20 กว่าปี อนาคตก็จะมีกีฬาประเภทอื่นอีกด้วย เพราะเราสร้างคนให้มีกีฬาได้ ฉะนั้น เราก็สร้างคนให้มีระเบียบวินัยได้ เหมือนหมู่บ้าน เหมือนกำปง ภาพความสุขของเราในอดีต
“หากน้องๆ สนใจมีความรักความชอบกีฬาฟุตบอลก็สามารถติดต่อประสานได้ทาง เฟซบุ๊ก adul wansakul เราคนไทยทุกคนต้องช่วยกัน ขาดเหลืออะไรขอคำปรึกษาคำแนะนำ ทางเรายินดี เพราะไม่ใช่เราคนเดียว มีเพื่อนๆ ทีมงานอาสามากมาย ที่คอยสนับสนุนลูกหลานเราครับ”




เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : adul wansakul
Manager Online พาไปทำความรู้จักกับ “กัปตัน” โค้ชบ้านๆ ผู้สร้างเยาวชนคนแล้วคนเล่าให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีประสิทธิภาพ “บังดุล” หรือ “อดุล หวันสกุล” กุนซืออาสา ประจำทีมกำปงยูไนเต็ด และเครือข่ายกำปงยูไนเต็ด ที่มุ่งมั่นสานฝันให้กับเยาวชนไทยทั่วประเทศ
ปฐมบทโลกลูกหนัง “กำปงยูไนเต็ด”
โอกาสจากพี่สู่น้องปักษ์ใต้รูเมาะฮ์กีตอ
“จริงๆ ผมไม่ใช่ชาวปัตตานี ผมอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพี่น้อง 10 คน ผมเป็นคนที่สอง ทีนี้ประกอบอาชีพประมง ทำให้ที่บ้านก็มีฐานะไม่สู้ดี ที่อำเภอหัวไทรเขามีชื่อเสียงเรื่องมวยไทย พ่อแม่ก็อยากจะให้มีชีวิตที่ดีกว่าพวกท่าน ต่อยอดไปการศึกษาที่สูงขึ้นเหมือนรุ่นพี่ในหมู่บ้านที่ต่อยมวยจนได้ไปอยู่กรุงเทพฯ ได้ไปต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่าง ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ญาติทางฝ่ายพ่อที่ประสบความสำเร็จด้านการศึกษาจนได้ดิบได้ดี ซึ่งกีฬาก็จะนำพาเราไปสู่การศึกษา ท่านก็เลยสนับสนุนทางด้านนี้
“เราก็ซ้อมมวย ได้มีโอกาสขึ้นชก 2 - 3 ครั้ง แต่เรารู้สึกว่าไม่ชอบ มันต้องซ้อมหนัก ต้องวิ่งเป็น 10 กิโลเมตร เราก็มองว่าไม่ไหว แล้วช่วงนั้นฟุตบอลไทยดังมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นโค้ชเฮง วิทยา เลาหกุล หรือ พี่ตุ๊ก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน พี่น้องคนใต้เรา เราเหมือนกับยักษ์ใหญ่ น้องๆ คนใต้เราชอบมาก ก็หันเหมาเล่นฟุตบอลแทน ก็เล่นกีฬาของกลุ่มโรงเรียนทะเลหลวง ในอำเภอหัวไทร มีฟุตบอลแข่งประจำทุกปี”
มีเพียงรองเท้าสีดำคล้ายรองเท้าใส่ตัดยาง เสาประตูทำจากเศษไม้ แต่มิอาจขัดขวางความรักความชอบที่ค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัวภายในจิตใจ และกระแสความคลั่งไคล้อันโด่งดังในยุคสมัยนั้นได้
“เรารู้สึกว่าเวลาแข่งฟุตบอล จะมีคนมาดูเยอะในหมู่บ้าน เพราะช่วงนั้นทีมชาติเราเป็นพี่เบิ้มแห่งเอเชีย ชื่อเสียงฟุตบอลไทยสมัยนั้นเทียบเท่ากับญี่ปุ่นในปัจจุบันที่ไม่เป็นสองรองใครในเอเชีย ด้วยความที่เราชอบ ถ้ามีบอลแข่งต้องไปดูให้ได้เลย ที่บ้านคนที่มีทีวีก็อยู่ไม่ไกล เพราะชุมชนชาวประมงบ้านจะอยู่ติดๆ กัน แต่มีแค่หลังเดียว คุณอัจญี เส้น ศรีปาน ผมจำชื่อคุณอาได้แม่น เขาก็ซื้อให้เด็กดู มีการสนับสนุนกันในชุมชน
“เราก็เป็นตัวแทนของโรงเรียนชั้นประถม เล่นตำแหน่งประตู เพราะรูปร่างสูงใหญ่ แต่ตอนหลัง เกิดอุบัติเหตุเจ็บมือ ก็ขยับมาล่นกองหลัง จากนั้นมาเรียนที่มัธยมหัวไทรบำรุงราษฎร์ ก็เป็นตัวแทนโรงเรียนได้แข่งในระดับอำเภอจนเรียนจบก็ไปต่อที่วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ที่จังหวัดสงขลา ซึ่งเปิดใหม่ เนื่องจากบ้านเราประกอบอาชีพประมงอยู่แล้วก็เรียนทางด้านนี้ เพราะอย่างน้อยที่สุด คิดว่าน่าจะจบไปต่อยอดที่บ้าน หรือรับราชการ ทำงานบริษัทได้ เพราะช่วงนั้นเริ่มมีนากุ้งเข้ามาแพร่หลายในโซนชายฝั่งทะเล
“แต่พอเรียนจบ เราก็ต้องพักเรื่องบอลเรื่องความฝันเรา เนื่องจากช่วงนั้นน้องๆ กำลังเรียนหนังสือ สิบคนพี่น้อง ก็ตัดสินใจทำงานก่อน ก็เลยสมัครกับบริษัทเจริญโภคภัณฑ์และรับการคัดเลือกไปทำงานฟาร์มกุ้งที่จังหวัดชุมพร”
และที่นี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของ “กำปงยูไนเต็ด” ที่ก่อร่างสร้างขึ้นจากน้ำไม้น้ำมือชาวปักษ์ใต้รูเมาะฮ์กีตอโดยที่เขานั้นไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“พอเราได้ไปทำงานที่นั่น มันเหมือนเปิดโลกทัศน์จากบอลระดับอำเภอ เราได้เล่นระดับจังหวัด ก็ส่งทีมเขาไปแข่งหลายรายการ แล้วพอวันหยุด เรากลับไปสงขลา ก็ไปเจอเพื่อนๆ ที่เล่นบอลด้วยกัน เพื่อนๆ ที่เล่นบอลด้วยกันที่รู้จักส่วนใหญ่แล้วเขาจะขึ้นไปเล่นฟุตบอลที่กรุงเทพฯ ไปเรียนหนังสือด้วย ก็ค่อนข้างจะสนิทกับบังซบ ศิริศักดิ์ ขะเดหรี กัปตันดรีมทีมในช่วงนั้นเล่นตำแหน่งกองหลัง ก็คุยกัน สรุปว่าตัดสินใจลาออกเลย ทั้งๆ ที่ทำงานมา 3 ปี โดยไม่บอกกล่าวใครที่บ้านเลย เพราะคิดว่าตัวเองก็มีศักยภาพพอที่จะเล่นฟุตบอลได้ ก็จะขอคัดทีมชาติ อยากติดทีมชาติ
“ขึ้นรถมากรุงเทพฯ ก็ไปที่ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่เลย เพราะว่าบังซบเล่นให้สโมสรธนาคารกรุงเทพ ก็ไปถามว่าจะมาเล่นฟุตบอลต้องทำอย่างไรบ้าง เราไปแบบไม่รู้อะไร ยกมือไหว้หน้าเคาน์เตอร์ด้านล่างเลย (หัวเราะ) เขาก็บกว่าไปซ้อมที่สนามบางนาตราด ก็ไปเจอพี่ๆ น้องๆ ไปซ้อม ทีนี้ก็ได้มีโอกาส คือช่วงนั้นดรีมทีมเริ่มเก็บตัว มีบิ๊กหอย วนัสธนา สัจจกุล (ชื่อเดิม ธวัชชัย) เป็นผู้จัดการทีม แคมป์เก็บตัวอยู่ตรงเดอะมอลล์บางกะปิ พอเขาไปซ้อมหน้าสนาม กกท. (การกีฬาแห่งประเทศไทย) เราก็ไปซ้อมด้วย ระหว่างที่ซ้อมๆ ไป หัวเข่าดันบวมเฉยๆ ก็เลยพลาดโอกาสที่จะได้ลุ้นได้เข้าไปตรงนั้น
“ล้มพับพลาดผิดหวัง แต่ไม่กล้ากลับบ้าน มาแอบทำงานแบกหามและอาศัยเพื่อนๆ แถวชุมชนมัสยิดรี่ยาดิ๊สสุนัน จังหวัดนนทบุรี ไปอยู่กับพรรคพวกทีมงานเพื่อนๆ ก็กลายเป็นโชคดี เราไปรู้จักทีมงานเพื่อนๆ อีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นมุสลิมที่เล่นฟุตบอล เราก็ได้คิดในใจว่าเราไม่ติดทีมชาติก็ไม่เป็นไร สงสัยต้องวางแผนใหม่แล้ว เพราะภาพเพื่อนๆ เรื่องที่เพื่อนๆ ประสบความสำเร็จมันเกิดขึ้น เราเสียโอกาส แต่น้องๆ เด็กๆ เขายังมีโอกาส เราก็ต้องสนับสนุนเด็กๆ และเยาวชนดีกว่า เนื่องจากเราได้รับโอกาสตรงนั้นจากที่บ้านมาตลอด เราเคยได้รับมา ทั้งการฝึกซ้อม สนาม ลูกฟุตบอล แม้กระทั่งทีวีที่ให้เราดูบอลไทยแข่ง หลายๆ เรื่อง หลายๆ อย่าง
“และโดยพื้นฐานของชาวประมง คนทะเล เราช่วยเหลือกันไม่ต่างจากลงแขกเกี่ยวข้าวของภาคอีสานเวลาฤดูนา ภาคใต้ชุมชนประมงขนาดเล็ก พอเวลาเรือประมงจะขึ้นฝั่งหรือลงฝั่งก็ใช้แรงงานคนทั้งหมดเลยในหมู่บ้าน อีกอย่างทะเลมันกว้าง ทรัพยากรในทะเลมันเยอะมาก มีอะไรก็แบ่งปันกันกิน ชุมชนประมงที่นั้นจะเป็นอย่างนี้หมด กระทั่งมาอยู่ตรงจุดที่เราล้มเขาช่วยเหลือเราทุกอย่าง ลูกชาวเลใจกว้างอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ ตรงนี้มันก็หล่อหลอม ที่สำคัญพอมาเล่นบอล มันเป็นกีฬาประเภททีมก็เกิดความรักความผูกพัน สามัคคี
“ฉะนั้นเราพลาดเราล้ม แต่คนอื่นยังมีโอกาส เราก็ต้องมอบคืนกลับในสิ่งที่เราเคยได้รับ”
กาเซะห์กันละห์ เราเกิดร่วมแดนไทย
ฉากที่ 2 อาบูมากัรลูกหนัง
• หลังจากตั้งมั่นปณิธานใหม่แล้ว แต่เราไม่มีกำลังทรัพย์ในการสานต่อ เราทำอย่างไร
ก็กลับมาบ้านหลังจากที่มาแอบทำงานแบกหาม เพราะกลัวที่บ้านรู้ (หัวเราะ) เขายังคิดว่าเราทำงานที่เจริญโภคภัณฑ์อยู่ แต่หลายๆ เดือนเข้า เขาก็สงสัย ทำไมเงินที่ส่งไปที่บ้านน้อยลงกว่าเดิม เขาก็รู้ความจริง ท้ายที่สุดแล้วก็กลับบ้าน แต่ก็เป็นโชคดีอีก ช่วงที่ว่างงานตอนนั้น เราต้องละหมาด ก็ไปทำวามสะอาดมัสยิดประจำๆ ก็บังเอิญไปเจอ คุณอับดุลเหล๊าะ เลิศอริยะพงษ์กุล เขาทำงานที่เจริญโภคภัณฑ์ ตอนนั้นเขาเปิดโรงเพาะฟักลูกกุ้งที่อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ได้พูดคุยกัน เขาก็เลยรับเข้ามาทำงานที่นั้นอีกครั้ง
หลังจากนั้นก็ได้ย้ายไปจังหวัดปัตตานีตามความเหมาะสมของงาน พอไปปัตตานีชายแดนภาคใต้คือไม่เคยไปเลย พอไปปั๊บก็นั่งหงอย อยากเล่นฟุตบอล เพราะใจมันรัก คนเล่นฟุตบอลเย็นๆ ไม่เจอสนามฟุตบอลก็ไม่ได้ ทุกที่ที่ไปเนี่ย เล่นกันแต่ฟุตบอล แล้วหมู่บ้านที่นั้นมีแต่สนามฟุตบอล ชายหาดก็มี ใต้ต้นมะพร้าวก็เล่นกัน ก็ไปโดดเล่นกับเขาบ้าง จนได้เจอ นิแม นิเดร์ฮะ คนทำฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุด ทำเพื่อเยาวชนที่สุด ในจังหวัดปัตตานีรู้จักกันดี
• การเงินการงานแน่นคงตัว พร้อมที่จะลงล่าฝันใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ครับ…เราก็คุยเล่าความฝันความมุ่งหวัง มันก็ลงล็อคเชื่อมต่อกันพอดีระหว่างเราสองคนภาษาคนบอล ทีนี้จังหวะนั้นฟุตบอลดิวิชั่นสองกำลังเริ่มต้น ปี 2009 สโมสรปัตตานีเอฟซีตั้งขึ้น แล้ว รศ.ดร.ซุกรี หะยีสาแม ที่อยู่ในมหาวิยาลัยสงขลานครินทร์ วิยาเขตปัตตานี ก็เล่นฟุตบอลด้วยกัน ก็เลยชวนเข้ามาทำทีม และให้เราเป็นปฏิคมสมาคมกีฬาจังหวัดปัตตานี ก็เลยได้มีโอกาสสร้างเครือข่ายฟุตบอลในจังหวัดปัตตานีและจังหวัดชายแดนภาคใต้
• เกิดเป็นการสร้างโอกาส
เพราะต้องไปดูเด็ก ดูเยาวชนเพื่อจะคัดเลือก เป็นแมวมองมาเล่นในสโมสร โชคดีช่วงนั้นมันมีรายการไพร์มินิเตอร์คัพ เป็นรายการที่เด็กอายุ 12 ปี ชิงแชมป์ประเทศไทย เราส่งทีมเข้าร่วมแข่งขัน โดยมีโค้ชอัมรินทร์ หะยีแวดือเระ สนับสนุนดูแลเป็นอย่างดี จนกระทั่งเราได้แชมป์ประเทศไทย อัสสัมชัญธนบุรี 1 ประตูต่อ 0 ปีนั้นเลย จากนั้นเราก็เลยต่อยอดกันได้เรื่อยมา และก็อีกเหตุผลหนึ่งคือด้วยที่เราเป็นคนที่มีจิตใจอาสา เราไปทำทีมไม่รับรายได้ใดๆ จากสมโมสรทั้งสิ้น ด้วยความสำเร็จตรงนี้ทำให้ทุกๆ คนเห็นในความสำคัญ หลังซ้อมเสร็จมีแวะส่งเด็กๆ
คือเราได้สองอย่างเลย ตอนเช้าได้ทำงานดูแลลูกค้าที่เขาเลี้ยงกุ้งในฐานะนักวิชาการที่ปรึกษา พอห้าโมงเย็นเลิกงาน เราว่างแล้วในท้ายรถมีอุปกรณ์ลูกฟุตบอล เสื้อ รองเท้า เราก็แวะให้เด็กๆ ลูกๆ หลานๆ ของเขาที่เราทำงานซ้อมบอล พอซ้อมเสร็จก็พาส่งคนที่บ้านไกลๆ กิจวัตรก็จะเป็นอย่างนี้ประจำทุกวัน คือนอกจากเรื่องฟุตบอล เราก็สอนเด็กในเรื่องของชีวิตเรื่องของศาสนาไปด้วยในตัว กลุ่มเครือข่ายก็ค่อยๆ เติบโต ลูกหลานเขาก็ห่างไกลจากยาเสพติดซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในชายแดนภาคใต้สมัยนั้น หรือเรียกได้ว่าแทบจะทุกที่ของประเทศ เขาก็พร้อมที่จะยินดีช่วยมาสนับสนุนเราด้วย
ยกตัวอย่าง อย่างคุณ เรย์ แมคโดนัล กับคุณ อธิป นานา ยังมาตั้งสโมสรสันติภาพ เราก็สอนเด็กๆ ในสนามกีฬากลางจังหวัดปัตตานีทุกรุ่นอายุ ใครมาก็ได้ โดยพี่เสรี เบ็ญอาหมัด เป็นคนดูแลเด็กๆ ของสันติภาพเอฟซีอยู่ นิแมก็สอนอีกที่ แบเต๊ะ แบโอกี้ ก็สอนฟุตซอลบอลโต๊ะเล็ก มีเยอะมากทุกแห่งช่วยกัน จนกระทั่งว่าพาเด็กไปแข่งโกเทียคัพ ที่ประเทศสวีเดน คุณเรย์พาไป ประสบความสำเร็จ ผลผลิตชุดนี้ก็คือ อาร์ม ศุภชัย ใจเด็ด สโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เบอร์ 22 ทีมชาติ u21 เด็กๆ ซึ่งมาจากหลายกำปง ซึ่งจากกำปงที่มีความหมายว่า “หมูบ้าน” จนกลายเป็น “กำปงยูไนเต็ด” ชื่อเรียกติดปากโดยปริยายที่เป็นแคมป์ฝึก
• นอกจากฟุตบอล เรายังสอนในเรื่องของชีวิต ศาสนา การอยู่ร่วมในสังคม
ครับ... เพราะพอเรามีทรัพยากรที่มากแล้ว มีโอกาส ช่วงหลังๆ สโมสรบุรีรัมย์ก็มาคัดเด็ก ก็มีติดไปรอบสุดท้ายบ้าง ช่วงหนึ่งแอสไพร์ดรีม กาต้า ก็มีมาคัด ก็ติดไปสองคนในรอบระดับประเทศ คือนอกจากฝีเท้า เรายังฝึกฝีใจ เพราะโดยพื้นฐานของเราเป็นมุสลิม หลักการศาสนาหลักการปฏิบัติสำคัญมาก แล้วอีกย่างหนึ่ง โดยหลักของอิสลามคือหลังจากที่บิดารมารดาเราเสียชีวิตลง มีอยู่สามอย่างเท่านั้นที่เป็นผลบุญให้บิดามารดาของเราก็คือหนึ่ง ลูกที่ปฏิบัติดีขอพรให้ สองคือ ความรู้ที่เป็นประโยชน์ สามคือ การบริจาค เราก็ได้แนวคิด เราทำประโยชน์ เพราะอิสลามมีความเชื่อของในโลกหน้า(อาดีเราะห์) เราก็ปลูกฝังให้รู้จักหน้าที่ของตัวเอง เล่นกีฬาให้รับผิดชอบตัวเองให้ได้ สังคมให้ได้ เพราะว่าทายที่สุดแล้ว สงคม แด็กและเยาวชนก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่จะมาทดแทนเราในอนาคต ท้ายที่สุดแล้ว เราต้องตอบแทนแผ่นดินเกิดเราให้ได้ มาตุมิของเรา
• การทำกีฬาแบบนี้ เหมือนจะช่วยแก้ปัญหาอย่างอื่นๆ ได้ด้วย
กีฬาๆ เป็นยาวิเศษ รักษาได้ทุกโรค กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ ภาพยาเสพติดที่เยอะๆ ในตอนนั้น บางครั้งเข้าไปตามตำบลต่างๆ รูปร่างผอมโซ หน้าตาไม่มีสง่าราศี เราก็มองว่าเราอยู่ในสังคม เราเกิดมาแล้ว มันไม่ได้ เป็นอย่างนี้ไมได้ เพื่อนพี่หลายคนก็ตายคาเข็มจากเฮโรอีน เราก็อยากให้เขาห่างไกล ได้มีความรู้ ได้เล่นกีฬา เราไม่ปล่อยให้บางคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ขายยาเสพติดมันเป็นรายได้ที่งดงาม ฉวยโอกาสตรงนี้ที่มันเป็นการทำลายสังคม ทำลายสถาบันครอบครัว
เราก็พยายามเอาเรื่องกีฬา เรื่องอิสลามศึกษาไปให้เขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว ของเราจะยั่งยืน ยิ่งผลผลิตเราออกมาเท่าไหร่ เด็กประสบความสำเร็จในการเล่นกีฬาและเป็นคนที่มีการศึกษา สามารถรักษาอัตลักษณ์ของตัวเองในการเป็นอิสลาม เขาก็จะชักชวนกันมาตรงนี้ ยิ่งสมัยนี้ติดต่อสื่อสารกันง่าย เด็กๆ ก็ปลอดภัยจากสิ่งไม่ดี เดี๋ยวนี้ก็ลดน้อยลง คนในมุมมืดแทบจะไม่มีแล้ว เด็กๆ ก็แข็งแรงบึกบึน สูงใหญ่ มีรอยยิ้มแย้ม จิตใจดีกันตลอด
อนาคตของชาติ อยู่ในมือเราทุกคน
บทส่งท้ายกำปงยูไนเต็ด ทีมบ้านๆ ที่ใจเกินร้อย
“ตอนนี้ก็มีทั่วภาคใต้ ที่จังหวัดปราจีนบุรีก็มีกำลังประสานงานกัน ที่กรุงเทพฯ เองก็เช่นกัน เครือข่ายอาสาของเรามีหมด และมีอีกหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ ชาญวิทย์ ผลชีวิน นักฟุตบอลอาชีพ สโมสรต่างๆ ก็ให้โอกาสอย่างสโมสรบุรีรัมย์ สโมสรชลบุรี หากเด็กมีความสามารถก็ไปคัดตัวได้เลย
“ในอนาคตเราต้องทำตั้งเป็นมูลนิธิแล้วก็จดทะเบียนเพื่อจะให้เป็นรูปร่าง อาจจะผลิตสินค้าและก็ขายโดยรายได้ส่วนหนึ่งของสิ้นค้า 2.5 เปอร์เซ็นต์ นำมาซัพพอร์ตเด็กต่อไปเพื่อลูกหลานเราในชุมชน ซึ่งการบริหารจัดการสำคัญมาก เราก็ต้องมีการบริหารจัดการที่ดีเพื่อให้เกิดความยั่งยืนเนื่องจากเด็กๆ และเยาวชนเป็นอนาคตของชาติ
“เราโชคดีมากเกิดในประเทศไทย ไปที่ไหน เขาก็ให้การยอมรับ”
คือความรู้สึกของชายผู้นี้ ที่แม้ว่าฝันไม่ได้ด้วยตัวเอง ก็ยังทำฝันให้คนอื่น อย่างน้อยที่สุดก่อนตาย อยากจะไปโบกธงไทยในบอลโลกให้ได้
“และที่สำคัญที่สุด ให้ลูกๆ หลานๆ ของเราที่จะเติบโตมาเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคตมีชีวิตที่ดี ก็เดินกันมา 20 กว่าปี อนาคตก็จะมีกีฬาประเภทอื่นอีกด้วย เพราะเราสร้างคนให้มีกีฬาได้ ฉะนั้น เราก็สร้างคนให้มีระเบียบวินัยได้ เหมือนหมู่บ้าน เหมือนกำปง ภาพความสุขของเราในอดีต
“หากน้องๆ สนใจมีความรักความชอบกีฬาฟุตบอลก็สามารถติดต่อประสานได้ทาง เฟซบุ๊ก adul wansakul เราคนไทยทุกคนต้องช่วยกัน ขาดเหลืออะไรขอคำปรึกษาคำแนะนำ ทางเรายินดี เพราะไม่ใช่เราคนเดียว มีเพื่อนๆ ทีมงานอาสามากมาย ที่คอยสนับสนุนลูกหลานเราครับ”
เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : adul wansakul