บัตรสนเท่ห์ ก็คือหนังสือที่ “ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม” ได้เขียนบอกกล่าวหรือใส่ความผู้หนึ่งผู้ใด โดยไม่ให้รู้ว่าใครเป็นคนเขียน เพราะกลัวว่าจะมีอันตรายมาถึงตัว
แม้บัตรสนเท่ห์บางฉบับจะเป็นการเปิดเผยความลับที่เป็นประโยชน์ แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะใส่ความฝ่ายตรงข้าม สร้างความเสียหายให้คนบริสุทธิ์มามากมาย โดยเฉพาะถ้าคนที่รับบัตรสนเท่ห์เป็น “คนหูเบา”
พงศาวดารกล่าวไว้ว่า ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ แห่งกรุงศรีอยุธยา ก็มีการทิ้งบัตรสนเท่ห์กันแล้ว ในครั้งนั้นปรากฏว่าขุนนางดีๆถูกฆ่าไปหลายคน ต่อมาภายหลังทราบความจริงจึงวางโทษไว้ว่า การทิ้งบัตรสนเท่ห์เป็นความผิดร้ายแรง
ทุกวันนี้ก็ยังถือว่าจะไม่รับพิจารณาหนังสือที่ไม่มีผู้ลงชื่อ ซึ่งก็คือบัตรสนเท่ห์ นั่นเอง
ในสมัยรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีการทิ้งบัตรสนเท่ห์อื้อฉาวเรื่องหนึ่ง เจ้าของบัตรสนเท่ห์เป็นถึงพระเจ้าน้องยาเธอ ใส่ความพระเจ้าลูกยาเธอองค์โปรด ซึ่งต่อมาก็คือรัชกาลที่ ๓
ครั้งนั้นในเดือน ๑๒ ปีชวด พ.ศ. ๒๓๕๙ ได้มีโจทก์ฟ้องว่า พระพุทธโฆษาจารย์ (บุญศรี) วัดมหาธาตุ รูป ๑ พระญาณสมโพธิ์ (เค็ม) วัดนาคกลาง รูป ๑ พระมงคลเทพมุนี (จีน) วัดหน้าพระเมรุกรุงเก่า รูป ๑ ทั้ง ๓ รูปนี้ประพฤติผิดพระวินัยบัญญัติข้อสำคัญ ต้องเมถุนปาราชิกมาช้านานจนมีบุตรหลายคน โปรดให้ พระน้องยาเธอกรมหมื่นรักษ์รณเรศ กับพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงพิจารณาไต่สวน ก็ได้ความเป็นความจริงตามคำฟ้อง จึงลงพระอาญาให้สึกผู้ทำผิดแล้วเอาไปจำคุก
หลังจากชำระความปาราชิกลงโทษผู้ทำผิดไปแล้ว ก็ปรากฏว่ามีผู้ทิ้งบัตรสนเท่ห์เป็นโคลงบท ๑ ว่า
ไกรสรพระเสด็จได้ สึกชี
กรมเจษฎาบดีเร่งไม้
พิเรนทรแม่นอเวจีไป่คลาส
อาจพลิกแผ่นดินได้แม่นแม้นเมืองทมิฬ
เมื่อได้ทรงทราบเรื่องบัตรสนเท่ห์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ก็ทรงเห็นว่า ผู้ที่แต่งโคลงบังอาจว่ากล่าวหยาบช้าตลอดจนถึงแผ่นดิน จึงโปรดให้สืบเอาตัวมาให้ได้
แม้ผู้ทิ้งบัตรสนเท่ห์จะไม่เปิดเผยตัว แต่ก็ไม่ยากสำหรับการสืบสวน เพราะมีเหตุผลหว่านล้อมที่จะชี้ได้ว่า เจ้าของบัตรสนเท่ห์รายนี้ก็คือ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศรีสุเรนทร
ทั้งนี้ด้วยเหตุผลที่ว่า กรมหมื่นศรีสุเรนทรเป็นจินตกวี ได้ทรงแต่งโคลงสมโภชพระอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมวงศ์ ในสมัยรัชกาลที่ ๑ ไว้เรื่องหนึ่ง กับฉันท์กล่อมช้างเผือกพลาย เมื่อคราวสมโภชพระยาเศวตกุญชรอีกเรื่อง ๑
เหตุผลที่ ๒ พระเจ้าน้องยาเธอผู้นี้เป็นศิษย์ของพระพุทธโฆษาจารย์บุญศรี
และหลักฐานที่สำคัญ ในโคลงบัตรสนเท่ห์ ใช้คำว่า “ไป่” แทน “ไม่” ซึ่งกรมหมื่นศรีสุเรนทร มักทรงใช้ในโคลงที่ทรงนิพนธ์แต่ก่อนๆ เสมอมา
ด้วยเหตุผล ๓ ประการนี้ จึงมีรับสั่งให้เอากรมหมื่นศรีสุเรนทรมาขังไว้ แต่เผอิญกรมหมื่นศรีฯประชวรสิ้นพระชนม์ในระหว่างที่ต้องขังอยู่นั้น จึงไม่ได้มีการตัดสิน ปิดคดีไป