xs
xsm
sm
md
lg

ฮิตจริงดังจริง “ไปนามา” เปิดใจ “เกียรติ หนองโดน” เจ้าของเพลงแปลงแห่งปี!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ฮิตทั้งประเทศ! สำหรับเพลงคัฟเวอร์ “ไปนามา” ที่ดัดแปลงแผลงมาจากเพลง “ปานามา”... เราพาไปเปิดใจทำความรู้จักกับหนุ่มนักร้องนักดนตรีแห่งดินแดนดอกลำดวน “เกียรติ หนองโดน” เจ้าของเพลงคัฟเวอร์โดนๆ ที่โด่งดังไปทั่วฟ้าเมืองเมืองไทย...

กล่าวได้ว่า เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ยอดฮิตที่เปรี้ยงป้างขึ้นมาในช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองปีใหม่ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ว่าจะไปปักหลักอยู่ตรงไหน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน อย่างน้อยๆ ต้องได้ยินได้ฟังบทเพลงนี้ “ไปนามา” ซึ่งรังสรรค์ขึ้นโดยหนุ่มสมาชิกวง YES. OK. “ธกรกฤษ จตุภัทรกำชัย” หรือ “เกียรติ หนองโดน” คนดนตรีมากฝีมือแห่งหมู่บ้านหนองโดน ต.โพธิ์ศรี อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ...



• “ไปนามา” ไปๆ มาๆ เกิดขึ้นได้อย่างไร

มันเกิดจากการที่เราได้ทดลองเปลี่ยนแนวในการร้องเพลง และเกิดจากการที่เราผ่านช่วงเวลาทางดนตรีและชีวิตหลากหลาย จนสุดท้าย การที่เราเป็น เราก็จะทำมันออกมาได้ดี

สำหรับเพลง “ไปนามา” ที่เราแปลงมาจากเพลง “ปานามา” ที่กำลังฮิตกันอยู่ในตอนนี้ เราก็มาคิดว่าอะไรที่มันใกล้เคียงกับคำพ้องเสียงปานามาที่เราจะเอามาสอดแทรกในวิถีชีวิต วัฒนธรรมชาวอีสาน ก็ได้ “ไปนามา” คือคำว่าไปนามา มันเป็นคำบอกเหมือนกับที่เราต้องตอบต้องถามเวลาเจอหน้ากันว่าไปไหนมา ซึ่งทางบ้านเฮาส่วนใหญ่มีอาชีพทำนา เราก็มักจะพูดว่าไปนามา ก็ใช้โจทย์ตรงนี้ ซึ่งไปนามานอกจากอยู่ในวิถีอีสาน คำว่าไปนามายังเป็นคำที่เรามักตอบโกหก เช่น หนีภรรยาไปเที่ยว ก็บอกว่าไปนามา (ยิ้ม) เราก็รู้กัน ทั้งๆ ที่ไม่ได้เจออยู่แถวทุ่งนา

เหมือนกับว่า มันอยู่ในวิถีวัฒนธรรม การดำรงชีวิต มันจะมีความสุขของเขาอยู่ในช่วงๆ นั้น เราก็แปลงแล้วเอามาร้องบนเวที ลูกค้าก็ชอบ ก็เลยอัดออกมา ที่อัดไม่ได้มีเครื่องมืออะไร ใช้ไอแพดของน้อง คีย์บอร์ดในวงยืมเขามา ก็ทำพิถีพิถันที่สุดเท่าที่เราทำได้

• แสดงว่าก่อนหน้านั้นก็คร่ำหวอดในวงการดนตรี อยากให้เล่าชีวิตตั้งแต่เริ่มเส้นทางดนตรีโนเนมจนมามีชื่อเสียงให้ฟังหน่อย

การรักชอบดนตรีมันมาจากวัฒนธรรมชอบร้องรำทำเพลงของทางภาคเราอยู่แล้ว ช่วงมัธยมก็เริ่มเล่นดนตรี แต่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่นักร้อง เป็นมือกลอง อาจารย์ กิจจา ครูดนตรีท่านเป็นคนสอนก็เล่นให้กับทางโรงเรียน และข้างนอก เล่นเพลงแนวพื้นบ้านหมอลำอีสาน เพลงสตริงทั่วไป (ยิ้ม)

กระทั่งจบชั้นมัธยม ก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ด้วยความฝันของคนดนตรี อยากมาเป็นนักดนตรีอาชีพ แรกๆ ก็มาทำงานเป็นหนุ่มโรงงานและก็ฝึกเล่นดนตรีของเราพร้อมๆ กับแสวงหาร้านเล่น หาพื้นที่ได้โชว์ฝีมือตามประสา กระทั่งได้รู้จักกับพี่รอย วง students ugly (ธนบดี บุ่นวรรณา) ตอนนั้นคือทำวงกับพี่รอย เราทำเพลงซ้อมเพลงกันที่พระโขนง แต่เราไม่ได้ไปต่อ มีเหตุต้องกลับบ้านก่อน ในช่วงที่เขากำลังจะเสนอ ก็เลยเปลี่ยนมือกลองเป็นพี่สอ รุ่นพี่ที่รู้จักกันที่บ้านปรางค์กู่ ตอนนั้นใช้ชื่อ สุริยพงศ์ เตียนสิงห์ ก็มีชื่ออยู่ในอัลบั้มชุดประชดในปกเทปซีดี

• กลับมาอยู่บ้าน ทำงานดนตรีต่อเลยหรือไม่

ไม่ๆ กลับบ้านสักพักหนึ่งก็ไปทำงานที่บ้าน ทำไร่ทำนา ทีนี้ เขามีประกาษหามือกลอง เป็นวงดนตรีในกรมทหาร เป็นวง กอ.รมน. เล่นตามหมู่บ้านห่างไกล ชายแดน เพื่อให้กำลังใจชาวบ้าน เป็นงานจิตอาสา ครูกิจจาซึ่งรู้จักกับทางวง แกเห็นว่าเรากลับมาอยู่บ้าน ก็มาชักชวน แกก็บอกว่าเขาขาดมือกลอง จะลองเล่นไหม เราก็ไป จึงได้กลับมาเล่นดนตรีเหมือนเดิม เพราะอยู่บ้าน รายได้มันไม่ค่อยมี มีงานให้ทำบ้างไม่มีบ้าง

เล่นอยู่ในวงนั้นประมาณ 3 ปี ทีนี้ช่วงวันหยุด เราก็ไปหาเพลงนั่งฟังตามประสาคนรักดนตรี ก็ได้ไปเข้าผับ เราก็อยากเล่นในผับบ้าง เพราะไปเห็นวง Hot Dog ไมเคิล ตั๋ง ที่โคราช เล่นที่ร้านอิลีท 2002 เราก็ไปดู หลังจากนั้น ด้วยความที่เราเป็นมือปืนรับจ้างเสริมด้วยก็ได้มีโอกาสมาเล่นกับวงร็อคแสลง ตั้งแต่ชุดมอเตอร์ไซค์ฮ้างชุดแรกไล่มาชุดที่สองและสาม ควบคู่กับการเล่นดนตรีที่ผับ ก็ทำให้มีเพื่อนๆ มีพี่ เขาก็ชักชวนไปประเทศสิงคโปร์กับวงเขา ก็ไปตีกลอง 6 เดือน จุดเปลี่ยนอยู่ที่ตรงนี้ที่ทำให้มีโอกาสได้ร้องเพลง (หัวเราะ)

คือเนื่องจากตอนไปเล่นไปตีกลอง มันจะมีช่วงพักวง ก็จะมีแดนเซอร์ขึ้นมาเต้น เราก็คิดว่าไหนๆ ก็ไหนๆ ได้มีโอกาสออกนอกประเทศแล้ว มีโอกาสก็อยากทำทุกอย่างเต็มที่ เราไปหาเงินก็เต็มที่ ช่วงแดนเซอร์ที่เต้นเราก็แต่งตัวตลกๆ ออกมา ลูกค้าเขาก็ชอบ แฮปปี้กัน พอหมดสัญญากลับมาเมืองไทย เจ้าของเขาก็โทรตามเลย บอกว่า ยูๆ มาอีกได้ไหม เราก็บอกว่าผมไม่มีวงแล้ว เขาก็บอกว่าไม่ต้องมาตีกลอง ยูมาร้องเพลงและเป็นตัวประหลาดๆ อย่างที่ทำ คือร้องเพลงได้บ้างไม่ได้บ้างไม่เป็นไร แต่งตัวตลกๆ แล้วก็เล่น เพราะลูกค้าเรียกร้อง ก็กลับไปเล่นอีกทีหนึ่ง กลับมาเมืองไทยรอบที่สองก็มาร้องเพลงเลยทีนี้ ช่วงปี 2012-2013

• กลายเป็นไปนามาเวอร์ชันไทยอีสาน

ใช่…ครับ เพราะวัฒนธรรมบ้านเรามันหล่อหลอมมาจากจุดที่เราเริ่มเล่น ก็ดนตรีอีสานพื้นบ้านเรา แต่แรกๆ กลับมาก็ยังทำเพลงธรรมดาทั่วไป แต่ก็ไม่ดังเพราะเราตีกลองมา จู่ๆ มาร้องเพลง มันก็ไม่เพราะเหมือนกับคนอื่นเขา เพลงช้าๆ ซึ้งๆ ก็ร้องไม่ถึงอารมณ์ ก็อาศัยร้องเพลงตลกโปกฮา ทำตลกๆ บนเวที จากนั้นก็ค่อยๆ หยิบเอาเพลงนี้มาแปลงบ้าง ดัดบ้าง เพื่อให้เข้ากับสไตล์เรา ทีนี้เขาก็ชอบ เพราะอย่างที่บอกแถวๆ ต่างจังหวัดเขตอีสานเราวัฒนธรรมเดียวกัน ก็ตระเวนเล่น หลังจากนั้นก็ทำวงกับพี่ๆ น้องๆ ชื่อวง “Yes. Ok.” ด้วยกัน

คือจากตอนแรกเพื่อเอนเตอร์เทน เพลงไหนดังมา เราก็เอามาเปลี่ยนนิดหนึ่งให้ฮาๆ บนเวทีเป็นท่อนๆ แต่เราไม่ได้เอาออกไปสู่โลกออนไลน์ เล่นก็เล่นแค่อยู่บนเวที ลูกค้าฟังก็ชอบ เนื่องจากเพลงเป็นวิถีของคนอีสานอย่างที่กล่าวไป จนตอนหลังเอาลงก็ได้กระแสตอบรับที่ดี ทั้งก่อนเพลง ปานามา ก็มีเพลง ต๊ะตุนตวง เวอร์ชัน ปลาแดกต่วง

มันเหมือนกับเราลองผิดลองถูกมาทุกอย่าง แต่สุดท้ายมันก็กลับมาสู่แนวที่เราถนัดแนวที่เราคุ้นเคย เราก็จะทำมันออกมาได้ดี ก็ดีใจมาก ตกใจเราวางไปเมื่อคืนวันที่ 19 เข้าสู่วันที่ 20 ธันวาคม ตอน 00.40 นาฬิกา จำได้แม่นโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวัง แรกๆ ก็หลักร้อย เราก็ภูมิใจแล้ว แต่ทีนี้มันไหลไปหลักแสนหลังหนึ่งชั่วโมงผ่านไปก็ตกใจ ทว่ายิ่งตกใจกว่าหลังจากนั้นตื่นมา เป็นหลักล้าน แถมออกข่าวด้วยอะไรด้วย ก็ดีใจมา ก็นั่นแหละ พอเรากลับมาสู่สิ่งที่เราเป็นมันก็จะทำได้ดี

• ในเรื่องความเป็นอีสานอย่างที่แต่ง เมื่อก่อนกับปัจจุบันเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน

ในบางพื้นที่ก็อาจจะเปลี่ยน แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเดิม การทำงานก็ยังอยู่ เปลี่ยนไปก็ในเรื่องของเทคโนโลยีการสื่อสาร ก็ตามยุคสมัย เรื่องวิถีชีวิตเหมือนเดิมยังมีอยู่ เรายังสัมผัสได้ เพราะว่าเพลงนี้พอไปถึงแม้จะไม่ใช่คนอีสานที่อยู่ที่ถิ่น คนที่จากมาทำงานในตัวเมืองหรือแฟนของคนอีสาน คำว่าไปนามา เขาจะรู้เลยโดยอัตโนมัติถึงความหมายแสลงของมัน ที่สำคัญมีคนขอเยอะมาก เหมือนกับศิลปินดังในคอนเสิร์ตเล่นเสร็จเขามารอดู รอยกกล้องขึ้นถ่าย (หัวเราะ) ตรงนี้ก็คืออีกหนึ่งเครื่องยืนยันว่ายังคงมีวิถีของบ้านเฮาอยู่

• ณ วันนี้ เพียงไม่กี่สัปดาห์ทะยานขึ้นสู่หลายล้านวิว อนาคตวางแผนไว้อย่างไรในเรื่องของงานเพลง

ตอนนี้ก็ร้องเพลงประจำอยู่ที่ขอนแก่นอยู่แล้ว ที่ร้าน Believe แล้วก็ทำงานกับน้องๆ วง Yes. Ok. อนาคตกระแสตอบรับมากขนาดนี้ก็เหมือนจุดประกายให้เราต้องทำงานแนวนี้เพราะมีคนรอฟังเราอยู่ ก็กำลังทำกันต่อไป คิดๆ ว่าจะทำอัลบั้ม แต่เราไม่มีสังกัด เราก็ทำเองหมดทุกอย่าง ก็พยายามจะทำให้ออกมาดีที่สุด ต้องใช้ระยะเวลา

วัตถุประสงค์ในการทำเพลงก็ยังเป็นกลิ่นอายอย่างนี้ เป็นอีสาน เพราะเราเริ่มต้นจากตรงนี้ ที่สำคัญมันเป็นความภาคภูมิใจของเรา เป็นรากเหง้า ทำเพลงล้อเพลงเชิงฮาๆ เล่าวิถีชีวิต มีลูกเล่นฮาๆ หยอกล้อผัวเมียกันบ้าง เรื่องเธอใหญ่ฉันเล็ก เธอเล็กฉันใหญ่ หมอลำกลอนแบบอีสาน เราก็ต้องสานต่อ เพราะวิถีอีสาน ยังไงก็เป็นความสุขของเรา

เรามีความสุขกับสิ่งที่เราได้ทำและสิ่งที่เรารัก ยิ่งเป็นรากเป็นพื้นของเรา เรารู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นหมู่เฮา คือในมุมของผม สุดท้ายจริงๆ บางคนที่ยังไม่เห็นคุณค่าตรงนี้ ก็ลองทบทวนว่านี่เป็นสิ่งที่เป็นเราที่สุด ทำมันออกมาได้ดีที่สุด บ้านเราเป็นสิ่งที่สวยงามมาก ทุกพื้นที่ ทุกอย่างมีคุณค่า อยู่ที่ว่าคุณมองเห็นและหยิบมันมาทำแค่นั้นเอง




เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : เฟซบุ๊ก เกียรติ หนองโดน



กำลังโหลดความคิดเห็น