โชเฟอร์และกระเป๋ารถเมล์สาย 140 เผยพฤติกรรมคนร้ายแก๊งกรีดกระเป๋า พบมากันเป็นกลุ่ม คนกรีด กรีดไป ที่เหลือยืนบังไม่ให้ถูกมอง พบคนร้ายใช้อุบาย ลงป้ายเดียวให้แบงก์ร้อย แถมตอนปิดประตูตีแมว พอพูดว่ามีใครของหาย เสียงโทรศัพท์ดังตุ๊บ ก่อนคนร้ายหยิบแล้วพูดว่า “ผมเก็บโทรศัพท์ได้” ก่อนลุกลี้ลุกลนขอลงจากรถ อ้างปวดท้อง สุดท้ายตำรวจจับได้
จากกรณีที่มีคลิปเหตุการณ์ที่พนักงานขับรถโดยสารประจำทาง ขสมก. สาย 140 อู่แสมดำ - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตัดสินใจปิดประตูไม่ให้ขึ้น - ลง จากรถ เพื่อจับกุมคนร้ายที่กรีดกระเป๋าเอาทรัพย์สินของผู้โดยสารไป ก่อนที่คนร้ายในคราบผู้โดยสารจะรีบขอลงจากรถ โดยอ้างว่าปวดท้อง แต่พนักงานขับรถยืนขวางบอกให้ใจเย็น กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท มาถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายรีบวิ่งลงจากรถ แต่มีพลเมืองดีช่วยกันล็อกตัวเอาไว้ได้ เหตุเกิดเมื่อเวลา 19.15 น. ของวันที่ 20 ธ.ค. ทราบชื่อคนร้ายคือ นายเอ๋ ศรีถวิล อายุ 42 ปี อ้างว่าทำครั้งแรก แต่ตำรวจ สน.พญาไท ไม่เชื่อว่าทำครั้งแรก แต่ทำมาแล้วหลายครั้ง และฝากประชาสัมพันธ์หากผู้ใดเคยพบชายคนนี้แล้วถูกกรีดกระเป๋า ของหายไปให้แจ้งความเพิ่มได้ที่ สน.พญาไท
อ่านประกอบ : แห่ชื่นชม “กระเป๋า-คนขับรถเมล์” ช่วยจับโจรกรีดกระเป๋า ด้วยไหวพริบ (ชมคลิป)
นางทุเรียน ชีวะธรรม พนักงานเก็บค่าโดยสารสาย 140 เปิดเผยผ่านรายการดีเบต ทางไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ระบุว่า ในวันเกิดเหตุคนร้ายขึ้นรถจากป้ายหยุดรถประจำทางหน้าศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ พลาซา ถนนเพชรบุรี ตนจำได้เพราะสังเกตหลายครั้งแล้วว่า พอชายคนดังกล่าวขึ้นรถ ผู้โดยสารคนอื่นๆ ของหายทุกครั้ง แต่ไม่มีโอกาสจับได้ โดยกลุ่มคนร้ายมากัน 4 คน ขึ้นรถจากป้ายพันธุ์ทิพย์ พลาซา ลงรถป้ายประตูน้ำ เพียงป้ายเดียว ขึ้นระยะสั้นๆ เพื่อมาขโมยของทุกครั้ง แต่บางครั้งก็จะเปลี่ยนคนมา ตัวเล็กบ้าง ตัวใหญ่บ้าง
ในวันเกิดเหตุซึ่งมีผู้โดยสารจำนวนมาก ตนเตรียมพร้อมว่าจะทำอย่างไร โดยทำทีเก็บค่าโดยสารตามปกติ แต่สายตามองว่าคนร้ายจะไปตรงไหน กลุ่มหนึ่งอยู่ข้างหนึ่ง อีกกลุ่มหนึ่งจะตามผู้โดยสารซึ่งเป็นผู้เสียหาย โดยจะปิดบังไม่ให้ใครเห็น เพราะถ้าไม่บัง ผู้โดยสารคนอื่นจะเห็นหมดว่ามีคนทำอะไร ซึ่งวันเกิดเหตุกลุ่มคนร้าย 3 คนแยกอยู่ข้างหลัง อีกคนหนึ่งอยู่กับผู้เสียหายไป ตนก็ต้องรีบเก็บเงิน พบว่าคนร้ายใช้กลอุบายโดยจ่ายค่าโดยสารเป็นธนบัตรใบละ 100 บาท ทั้งที่ค่าโดยสาร 11 บาท แล้วเขาก็รีบทอนเงิน ตนก็บอกผู้โดยสารที่เป็นเหยื่อว่าให้เดินในก่อน ผู้โดยสารที่เป็นเหยื่อก็มองหน้าแบบไม่พอใจ ทั้งที่เจตนาของตนก็คือต้องการให้หลบคนร้าย
จากนั้นตนก็ห่วงผู้โดยสารอีกคนหนึ่ง จึงจะเดินไปบอก แต่เห็นว่าคนร้ายกำลังจะเอามีดกรีดกระเป๋า พอเหลือบไปมอง คนร้ายก็ซ่อนใบมีดใส่กระเป๋า ตนก็เดินไปหาผู้โดยสาร บอกให้เดินชิดใน ผู้โดยสารก็เดินเข้าไป จากนั้นจึงไปตั้งหลักที่หน้ารถ บอกนายสิทธิพร พนักงานขับรถว่ามีคนร้ายกรีดกระเป๋า อย่าเปิดประตูหลัง นายสิทธิพรก็บอกว่า ไปเก็บค่าโดยสารคนอื่นก่อน ถามว่ากลัวไหม ก็กลัว แต่หน้าที่เรารับผิดชอบ เราต้องดูแลผู้โดยสารให้ปลอดภัย แม้จะเสี่ยงก็ต้องยอม เมื่อถึงป้ายประตูน้ำ ตนก็ลงไปหาสายตรวจที่อยู่ด้านล่าง
ส่วน นายสิทธิพร เหลี่ยมมุกดา พนักงานขับรถประจำทางสาย 140 กล่าวว่า เมื่อนางทุเรียนบอกแล้ว คิดว่ายังไงก็ต้องจับคนร้ายแน่นอน เพราะป้ายหน้าซึ่งเป็นป้ายใหญ่ พนักงานสายตรวจด้านล่างก็มีอยู่ เราจะต้องลองดูก่อนว่ามีจริงหรือเปล่า จึงตัดสินใจเข้าเกียร์ว่าง ดึงเบรกมือไม่ให้คนข้างล่างขึ้น ลุกจากที่นั่งก่อนแล้วประกาศว่า ขออนุญาตนะครับ บนรถมีการกรีดกระเป๋ากัน กรุณาเช็กสิ่งของตัวเอง กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ หายไหม หลังสิ้นเสียงประกาศพบว่าคนร้ายทิ้งโทรศัพท์มือถือที่ได้จากผู้เสียหายลงพื้น ก่อนก็บอกว่า "ผมเก็บโทรศัพท์ใครได้" ตนก็บอกว่า โทรศัพท์อย่าเพิ่งไปสนใจ สนใจในตัวเราก่อนว่ามีอะไรหายบ้าง แล้วดูว่ากระเป๋ามีใครโดนกรีดบ้าง พบว่ามีผู้โดยสารรายหนึ่งบอกว่ากระเป๋าถูกกรีด จึงได้กล่าวว่า ขออนุญาตไม่เปิดให้ผู้โดยสารขึ้นและลง รอเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเดียว
ขณะที่คนร้ายพยายามจะขอลงจากรถ อ้างว่าปวดท้อง พนักงานขับรถยืนยันว่าจะยังไม่เปิดให้ลง เพราะไม่รู้ว่ามีความเสียหายอย่างไรบ้าง เมื่อสายตรวจขึ้นมาบนรถ บรรยากาศเริ่มวุ่นวาย คนร้ายโวยวายว่าปวดท้อง แสดงอาการอยู่คนเดียว ส่วนผู้โดยสารคนอื่นนั่งเงียบ มองอยู่ ตนก็บอกว่าให้ใจเย็นๆ ถ้าไม่ได้กระทำผิดอย่ากระต่ายตื่นตูม ทุกคนยังอยู่ได้เลย คนร้ายพยายามจะเปิดประตู ตนยืนขวางประตู บอกว่า จะเปิดทำไม รอตัวรจแปล็บหนึ่ง ใจเย็นๆ เมื่อตำรวจมาถึงเปิดประตูให้ตำรวจขึ้นมา คนร้ายเดินเลาะประตูแล้ววิ่งสวนลงไปเลย ผู้โดยสารอีกรายหนึ่งวิ่งตามผลักไปท้ายรถแล้วล็อกตัว ก่อนที่ตำรวจจะควบคุมตัวไป ที่ผ่านมา พนักงาน ขสมก. จะฝึกอบรมจากสำนักงานใหญ่ และอบรมหน้างานตลอดทุก 1 เดือน และทุกๆ วัน ทุกอย่างปฏิบัติตามที่ได้รับการอบรมมา การกระพริบไฟเรียกสายตรวจก็เป็นเทคนิคหนึ่ง
นางทุเรียน กล่าวว่า นับตั้งแต่ทำงานเป็นพนักงานเก็บค่าโดยสารมานานถึง 27 ปี เจอคนร้ายนับครั้งไม่ถ้วน ครั้งหนึ่งมีคนร้ายควักอวัยวะเพศโชว์ผู้โดยสารหญิงบนรถเมล์ ตนใช้วิธีโวยวายว่า "ทำอะไร" คนร้ายทำทีเป็นว่าเปล่า ตนก็บอกว่าเห็นนะ ก่อนจะถามว่า ทำมากี่ครั้งแล้ว เขากล่าวว่า ทำมาครั้งแรก ตนก็กล่าวว่า ให้อภัย เพื่อปลอบใจ เพื่อให้คนร้ายรู้สึกไม่ทุรนทุราย รั้งไว้ก่อนจะเรียกตำรวจมาตรวจสอบ