เจ้าของร้าน “เจ๊ไฝ ประตูผี” เผยกับสำนักข่าวต่างประเทศ คิดจะคืนรางวัล “มิชลิน 1 ดาว” หวังกลับสู่วิถีชีวิตแบบเดิม ระบุข้อเสียคือเหนื่อย รัฐบาลอยากให้โปรโมตประเทศ แถมต้องไปสอนนักเทนนิสทำไข่เจียวปู รู้สึกเหมือนไม่มีทางเลือก
วันนี้ (22 ธ.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นางสุพินยา จันสุตะ หรือ เจ๊ไฝ วัย 72 ปี เจ้าของร้านเจ๊ไฝ ประตูผี สี่แยกสำราญราษฎร์ ซึ่งเป็นร้านอาหารข้างทาง (สตรีทฟูด) ที่ได้รับมิชลิน 1 ดาว จากโครงการคู่มือร้านอาหารมิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ 2018 ซึ่งจัดทำโดย มิชลิน ผู้ผลิตยางรถยนต์ชื่อดัง ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การที่ได้รับรางวัลดาวมิชลินมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
“ข้อเสียก็คือมันเหนื่อย ... แล้วรัฐบาลก็อยากให้ฉันช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศไทย ฉันรู้สึกว่าฉันไม่มีทางเลือก” เจ๊ไฝ กล่าว
นางสุพินยา กล่าวว่า ตนยังมีกำหนดต้องไปสอนนักเทนนิสระดับโลกที่เข้าร่วมแข่งขันรายการ “อินเตอร์คอนติเนนตัล เวิลด์ เทนนิส ไทยแลนด์ แชมเปียนชิพ 2017” ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้ทำเมนูไข่เจียวปู กับต้มยำกุ้ง ทำให้เธอเปิดร้านไม่ได้ 2 วัน
นอกจากนี้ เจ๊ไฝยังเปรยกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ ด้วยว่า เธอคิดที่จะคืนรางวัลดาวมิชลิน เพื่อกลับไปสู่วิถีชีวิตแบบเดิม โดยระหว่างนั้นเธอสาดเครื่องปรุงและวัตถุดิบใส่กระทะ และว่า เธอไม่มีเวลาสำหรับการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. มิชลิน ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดตัวคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พัก “มิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ” เล่มแรกของประเทศไทย และเป็นประเทศที่ 30 ของโลก หนึ่งในนั้นคือ “ร้านเจ๊ไฝ ประตูผี” ได้รับรางวัลมิชลิน 1 ดาว ประเภทร้านอาหารข้างทาง (สตรีท ฟูด) ซึ่งก่อนหน้านี้มีชื่อเสียงในเรื่องเมนูที่มีราคาแพง เช่น ไข่เจียวปูจานละ 800 - 1,000 บาท ราดหน้าทะเลจานละ 400 บาท จนเป็นที่วิจารณ์ในโลกโซเชียล