เทรนเนอร์และนักกีฬาฟิตเนสหญิงรุ่นแรกของประเทศลาวที่ชิมลางการแข่งขัน Mr.LAO 2017 ในรุ่น Miss Fitness Laos นำโดย กินนาลอน นันทะลาด Miss Fitness คนแรกของประเทศลาว, ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ เทรนเนอร์เหล่านางงาม และเกียงคำ หมื่นดวง ซึ่งอนาคตอันใกล้นี้ พวกเธอยังจะร่วมการแข่งขัน Mr.& Missfitness Lao 2018 ที่จะจัดขึ้นโดยสหพันธ์เพาะกายแห่งชาติลาว LBBA ในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2561
ทั้งนี้พวกเธอยังมีวิวรดา หลวงโคตร เจ้าของยิม UP2U ประเทศลาว และ “เชอรี่” นนท์ณัฐดา อำมาตย์ Celebrity Trainer ผู้สอนดาราดัง อาทิ ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต, กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ, แอน ทองประสม, ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ ฯลฯ คอยสนับสนุนและอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

• ก่อนอื่นถามความเป็นมาก่อนว่า ครูเชอรี่ เทรนเนอร์จากประเทศไทยไปรู้จักกับเทรนเนอร์ฟิตเนส ทีม UP2U FITNESS จากประเทศลาวได้ยังไงคะ
ครูเชอรี่ : จริงๆ แล้วต้องเท้าความก่อนว่าเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว เชอรี่เคยไปทำงานที่เหมืองทอง เมืองเซโปน ประเทศลาว ดูแลในเรื่องของไลฟ์สไตล์ สุขภาพความป็นอยู่ของพนักงานในเหมือง และมีโอกาสได้กลับไปพักอยู่ที่เวียงจันทน์ตลอด จึงทำให้เชอรี่รู้จักกับนักเรียนหลายคนในนั้น เขาก็จะรู้จักเราในนามว่าเป็นครูฟิตเนส จนเมื่อปีที่แล้วมีงานประกวด Mr.Lao 2017 ครั้งแรกของประเทศลาว ที่มีการจัดรุ่นแข่งขัน ซึ่งมีรุ่น Miss Fitness ลาว เชอรี่ก็ได้เจอนักเรียนทั้ง 3 คนเข้าร่วมการแข่งขัน และได้ไปช่วยซัปพอร์ตในเรื่องของการแนะนำ การเตรียมการเป็นนักกีฬา การขึ้นบนเวทีว่าจะต้องโพสต์ยังไงให้สวย
จริงๆ แล้วสาวๆ 3 คนนี้ก็เป็นเทรนเนอร์ที่ลาวอยู่แล้ว เราก็กำลังมองหาคนที่ชอบในสิ่งที่เป็นไลฟ์สไตล์เดียวกัน เพราะเห็นเขาใส่ใจ เข้ามาถามเราแทบทุกวันว่า “กินยังไง” “เตรียมตัวยังไง” พอมีโอกาสไปที่นู่น เชอรี่ก็ได้เข้าไปที่ฟิตเนส UP2U ซึ่งแปลกใจมากที่ยิมนี้มีแต่เทรนเนอร์ที่เป็นผู้หญิงทั้งหมด เราแปลกใจเพราะคิดว่าจะไม่มีใครเป็นเหมือนเรา เพราะเทรนเนอร์ที่ลาวหายากมาก พอเข้าไปที่ฟิตเนสก็รู้สึกว่า “เออ! มันใช่” เราเข้ามาถูกที่แล้ว เราต้องการจะมาถ่ายทอดวิชาความรู้ และต้องการที่จะแนะนำ ซัปพอร์ต ไกด์ไลน์ ทุกอย่าง กับผู้หญิงที่ต้องการอยากจะเป็นนักกีฬาฟิตเนสเหมือนเราสมัยก่อน ก็เลยมีโอกาสได้คุยกันตลอด
ตรงนั้นทำให้เราเห็นว่าเขาใส่ใจที่จะต่อยอด พัฒนาอาชีพเทรนเนอร์ของเขา ซึ่งการเล่น Weight Training ใหม่มากสำหรับเขา ใหม่ยิ่งกว่าบ้านเราอีก ก็เลยเข้าไปซัปพอร์ตตรงนี้ และที่สำคัญเป็นครั้งแรกของบ้านเขาที่ต้องมีการเดินทางมาแข่งขันในประเทศไทย เชอรี่ก็เลยบอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวครูไปช่วยนะ เราก็เข้าใจนะว่าประเทศลาวการจะต้องใส่บิกินี่ เป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่มากสำหรับคนที่นั่นที่จะทำให้เขายอมรับ เราก็เลยมาช่วยซัปพอร์ตว่าต้องมั่นใจนะ อย่ากังวลนะ เดี๋ยวครูจะช่วย มันก็เลยกลับกลายเป็นว่าเราได้ผูกพันกันมาเรื่อยๆ

นอกจากนี้ ไม่ใช่เพียงแต่น้องๆ ในกลุ่ม UP2U FITNESS นะคะ แต่ยังมีนักกีฬาอีกหลายคนที่เข้าร่วมการแข่งขันปีที่ผ่านมา ประมาณ 10 กว่าคน ซึ่งเชอรี่ก็ช่วยสอน ช่วยแนะนำทุกอย่าง ซึ่งเชอรี่จะตามดูอยู่ตลอด ไม่ใช่แค่กลุ่มนี้ ก็จะตามดูทั้งนักกีฬาทุกคนที่เข้าแข่งขันในปีที่แล้วว่าแต่ละคนเป็นยังไง ทำยังไงให้เขาไม่ท้อ ไม่นอยด์ ให้กลับมาแข่งอีก
อย่างครั้งนี้เป็นการแข่งขันปีที่ 2 ของ Mr. & Mrs. 2018 ซึ่งจะจัดขึ้นในปีหน้า วันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2561 ที่สมาคมเพาะกายแห่งชาติลาวที่จัดขึ้น ซึ่งจะเป็นรุ่นที่พิเศษมากๆ ก็จะมีหลายรุ่นมาก มีเพาะกายครบทุกอย่าง มีรุ่น Miss Fitness ผู้หญิงก็จะเป็นผู้หญิงที่สวยสปอร์ต มีรุ่นที่ Open จากชาวต่างชาติเข้ามาแข่งได้ ปีนี้จะเป็นปีที่ยิ่งใหญ่มากๆ ของการแข่งขันค่ะ
สิ่งที่ประทับใจกับสาวๆ กลุ่มนี้คือ เขาเห็นเราเป็นแบบอย่างที่ดี เขามีความสนใจในอาชีพนี้เหมือนกับเราและอยากจะประสบความสำเร็จเหมือนเรา พวกเขากล้าที่จะก้าวออกมาทำในสิ่งที่ต่างจากคนอื่น เราจะคอยสังเกตตลอด ถึงสิ่งที่พวกเขาทำในสิ่งที่เราสื่อสารให้กับพวกเขา เลยรู้สึกว่า พวกเขาสามารถส่งต่อและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์กับใครๆ อีกหลายคน

อย่างคนที่ 1 “วิวรดา หลวงโคตร” คนนี้เป็นเจ้าของยิม เป็นหัวเรือใหญ่ หัวเรือหลัก เขาจะเป็นผู้จัดการทีม คนที่ซัปพอร์ตทุกคน ต้องบอกก่อนว่ากีฬาชนิดนี้ถ้าไม่มีคนซัปพอร์ตนี่ยากมาก เพราะฉะนั้น พอได้คุยกัน เราก็คิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่เข้าใจว่านักกีฬาจะไปได้ไกลต้องมีคนซัปพอร์ต มีสปอนเซอร์ เขาเลยจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับนักกีฬา ให้กับสาวๆ ดูแลสาวๆ ที่เข้ามาใหม่ที่อยากจะเล่นกีฬาชนิดนี้
คนที่ 2 “กินนาลอน นันทะลาด” ปีที่แล้วเขาได้เป็น Miss Fitness คนแรกของประเทศลาว และเขาก็จะเป็นเทรนเนอร์ เทรนเซเลบริตีของประเทศลาว ก็มีลูกศิษย์หลายคน ซึ่งเขาก็จะหาประสบการณ์โดยการออกมาแข่งขันต่างประเทศ เพราะวันหนึ่งเขาอาจจะปั้นลูกศิษย์ของตัวเองออกมาแข่งบ้าง
คนที่ 3 “ทิพภาพร เพ็งสวรรค์” คนนี้ครั้งแรกที่เจอบนเวทีปีที่แล้วเชอรี่เป็นกรรมการ เรารู้สึกชอบเขา เขามีกิมมิกที่จะเป็น Miss Fitness ซึ่งตอนนั้นเขาเป็นเทรนเนอร์เฉยๆ ไม่ได้มาฟิตซ้อม เพื่อการแข่งขัน ก็เลยบอกหัวเรือใหญ่เจ้าของยิม UP2U ว่าเอามาซ้อมดูไหม ซึ่งตอนนี้เขาก็เป็นเทรนเนอร์ให้กับนางงามประเทศลาวด้วย อย่าง Miss World ลาว Miss Universe ลาว Miss International ลาว ฯลฯ ลูกศิษย์ก็จะเป็นพวกนางงามส่วนใหญ่ค่ะ
คนที่ 4 “เกียงคำ หมื่นดวง” หรือ “อีแม่นักกล้าม” คนนี้อาจจะแหวกแนวไปหน่อย เพราะเขาแข่งรุ่น “คุณแม่ยังแจ๋ว” แล้วเขาก็มาแข่งในประเทศไทย ซึ่งถามว่า รุ่นคุณแม่ยังแจ๋วสายแข็ง แข็งมาก แต่อีแม่นักกล้ามคนนี้มาแข่งปีแรกแล้วก็ได้รางวัลรอบชนะเลิศเลยค่ะ วันแรกที่มา ได้ติด Top 5 ก็ดีใจแล้ว คิดว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่พอมาขึ้นเวที โพสต์ดี โพสต์สวย เตรียมตัวมาดี ซ้อมหนักมาก มุ่งมั่นมาก ก็ประสบความสำเร็จในรุ่นคุณแม่ยังแจ๋วไป ซึ่งแฮชแท็กประจำตัวก็คือ #อีแม่นักกล้าม ค่ะ
ที่เชอรี่เล่ามา แต่ละคนก็มีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกัน แต่เชอรี่ก็อยากบอกว่าเรา ก็อยากจะสร้างนักกีฬาชนิดนี้อีกหลายๆ คน เรายินดีมากๆ ที่จะแนะนำ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ไม่ต้องเป็นเทรนเนอร์ เป็นคนธรรมดาก็ได้ที่สนใจกีฬาชนิดนี้ จะติดต่อผ่านมาทาง UP2U Fitness ก็ได้ เราอยากให้วงการฟิตเนสเข้าถึงผู้หญิงให้มากขึ้นและส่งเสริมให้กีฬานี้เติบโตเป็นกีฬาสากลสำหรับสาวๆ ที่ประเทศลาว ซึ่งตอนนี้เป็นอะไรที่ยังใหม่มาก และเชอรี่เชื่อว่า มันคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ดีสำหรับสาวๆ ที่นั่น คือเราต้องการจะขยายให้กีฬาชนิดนี้เป็นกีฬาสากลให้กับคนประเทศลาว ถ้าเราขยายได้ เชอรี่เชื่อว่าฟิตเนสจะสามารถสร้างอะไรดีๆ ให้กับสาวๆ ได้อีกเยอะค่ะ

• ขอถามเทรนเนอร์จากฝั่งลาวบ้างค่ะว่ามีแรงบันดาลใจอะไรที่ทำให้แต่ละคนหันมาสนใจในกีฬาฟิตเนสคะ
วิวรดา หลวงโคตร : ต้องบอกก่อนว่ากีฬาประเภทนี้เพิ่งจะเข้ามาในประเทศลาวเพราะส่วนใหญ่ที่ลาวยังไม่นิยมเล่นกันค่ะ ตอนแรกที่มาสนใจในกีฬาฟิตเนสเพราะเรารู้จักกัน เป็นเพื่อนกันมาก่อนอยู่แล้ว แล้วก็ได้มาคุยกันว่าเรามีแผนอยากจะเปิดยิมนะ แต่จะเป็นยิมเฉพาะเทรนเนอร์ผู้หญิง ตั้งแต่นั้นมาเราก็เลยเกาะกลุ่มกัน ชวนกันมาเล่นเป็นเรื่องเป็นราว เป็นเทรนเนอร์กันเลย ซึ่งแต่ละคนก็มีแววเป็นนักกีฬาอยู่แล้ว เหมาะกับการเป็นเทรนเนอร์ ก็เริ่มจากมาเรียนฝึกพื้นฐานก่อน แล้วเราก็ไปเรียนเป็นคอร์ส มีเรียนที่ประเทศไทย เรียนจากสถาบันต่างๆ เพื่อที่จะเอาใบเซอร์ ตอนนี้ก็มีใบเซอร์กันทุกคน ก็เลยกลายมาเป็นเทรนเนอร์ หลังจากเป็นเทรนเนอร์ก็ส่งไปเป็นนักกีฬาฟิตเนสค่ะ
ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ : ส่วนตัวเราเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลอยู่แล้วกับกินนาลอน นันทะลาด ก็เลยสนใจมาเล่นกีฬาฟิตเนส ก็เริ่มมาจากจับกลุ่มกันเล่นเลยค่ะ ตอนนี้ก็เล่นมาเกือบๆ 2 ปีแล้ว
เกียงคำ หมื่นดวง : ทีแรกเริ่มต้นมาจากลดน้ำหนักก่อนค่ะ เมื่อก่อนส่วนตัวจะเป็นคนอ้วน เลยเลือกที่จะเข้ายิมเพื่อลดน้ำหนัก ตอนแรกเราหนัก 62 กิโลกรัม เป็นคุณแม่ลูก 3 ชอบดื่ม และเคยลดน้ำหนักแบบผิดๆ อดอาหารมาก่อน จะไม่ทานอะไรเลยนอกจากผัก ตอนหลังๆ ออกกำลังกายหนักด้วย เล่นไป 3 เดือน ลด 17 กิโลกรัม ทำให้เนื้อย้วยเหมือนขาดสารอาหาร แต่พอหลังๆ ก็เลยมารู้ว่าเราทำผิดวิธี เพราะเรามีโค้ช ได้รู้จักวิธีการกิน การเล่น แบบไหนทำให้แขนเล็ก แบบไหนสะโพกสวย ก็เริ่มดีขึ้น เราก็เลยมีความตั้งใจ ชอบ พอเล่นไปเรื่อยๆ เรามีบอดี้ที่ดีขึ้นมา มันกลายเป็นรักไปเลย เป็นนักเพาะกายไปเลยค่ะ ตอนนี้ก็อยู่ในวงการนี้มา 3 ปีแล้ว แต่เพิ่งมาเล่น มาแข่งเอาจริงเอาจังได้ประมาณ 1 ปีค่ะ

• เห็นว่าที่ประเทศลาวก่อนหน้านี้กีฬาฟิตเนสยังไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่? แล้วพอมีนักกีฬาเพาะกายหญิงเกิดขึ้นเป็นปีแรก เขาให้ความสนใจกันมากขึ้นไหมคะ
ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ : กีฬาฟิตเนสมีในลาวตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 นะคะ แต่ตอนนั้นไม่มีผู้หญิงเล่นเลยค่ะ จนกระทั่งปี ค.ศ. 2017 จึงมีรุ่นผู้หญิงเกิดขึ้นเป็นปีแรก เราเป็นรุ่นแรก เป็นรุ่นบุกเบิกที่คนให้ความสนใจ ซึ่งไฮไลต์ของงานคือผู้หญิง คนก็จะให้ความสนใจกันเยอะมาก เปลี่ยนจากแต่ก่อนที่คนไม่ดูเพาะกายเลยนะคะ เพราะว่าเขาไม่มีความรู้ มีแต่ผู้ชายแข่ง
ความคิดของคนลาวแรกๆ คือ พวกกล้ามใหญ่น่ากลัว ไม่ไปดูหรอก หรือแต่ก่อน คนจะชอบคิดว่าต้องมีกล้ามใหญ่เท่านั้นถึงจะขึ้นประกวดได้ ทำให้คนไม่กล้าเล่นฟิตเนส ไม่กล้าเล่นกล้ามกัน แต่พอมีผู้หญิงเข้าไปก็ดูซอฟต์ลง อย่างปีนี้คนก็ติดตามมากขึ้น ส่วนตัวเราได้ออกมาแข่งที่ประเทศไทยด้วยก็เลยเป็นกระแสว่า ไม่ใช่แค่กล้ามใหญ่อย่างเดียวแล้วนะถึงจะไปประกวดได้ เพราะของเราเป็นรุ่นโมเดล ที่ผ่านมาเป็น Angle Model คนที่ผอม ไม่มีไขมัน ไม่มีกล้ามเยอะ ก็ขึ้นประกวดได้ คนลาวก็เลยเริ่มสนใจ เริ่มติดตาม
แต่ก็ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังมองว่าเราแปลก น่ากลัว เรากล้ามใหญ่อยู่ค่ะ เราก็ต้องพยายามปรับความคิดให้เขา ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาเทรนจะบอกว่าไม่เล่นหนักนะ กลัวแขนใหญ่ ไม่ยกเวต ยังมีค่านิยมนั้นอยู่ เราก็พยายามอธิบาย ค่อยๆ ปรับความคิดเขาว่าเราเล่นมาเป็นปี กล้ามมันก็ไม่ใหญ่สักทีเลย เป้าหมายหลักๆ คือเราอยากทำให้เห็นว่าการเพาะกายไม่ใช่การเล่นกล้าม แต่เราจะทำให้ทุกคนเห็นว่าเราก็ทำได้ เริ่มเหอะ ถ้าเราทำถูกวิธี เราก็จะได้หุ่นที่ดี เขาก็เริ่มเปิดใจ ให้ความสนใจเยอะขึ้น เดี๋ยวนี้ความคิดของคนลาวก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว เพราะมีการประกวดค่ะ

• พอมาจริงจังแล้วเริ่มไปประกวดได้ยังไง ได้รางวัลอะไรมาบ้าง
เกียงคำ หมื่นดวง : ปีนี้เป็นปีแรกที่มีผู้หญิงประกวด แล้วเราก็ชอบอยู่แล้วด้วย ก็เลยลองดู ก็ประกวดที่ประเทศลาวก่อนค่ะ ไปแข่งงานแรก Mr.LAO 2017 ในรุ่น Miss Fitness Laos ได้เข้ารอบ 6 คน หลังจากนั้นครูเชอรี่ก็มาบอกว่ามีประกวดที่ จ.ขอนแก่น ประเทศไทย เป็นงาน E-san Classic 2017 เราก็เลยได้มาประกวดรุ่นคุณแม่ยังแจ๋วในรุ่นอายุ 35 ปีขึ้นไป ได้รางวัลชนะเลิศอันดับ 2
กินนาลอน นันทะลาด : เคยได้รางวัลชนะเลิศ งาน Mr.LAO 2017 ในรุ่น Miss Fitness Laos แล้วก็ได้เข้ามาประกวดในประเทศไทยในงาน Thailand International Sport Expo 2017 ได้เข้ารอบ 10 คน และงาน Latchford Classic 2017 ค่ะ
ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ : แข่งปีแรกที่ Mr.LAO 2017 ในรุ่น Miss Fitness Laos ได้อันดับที่ 5 ค่ะ รายการที่ 2 คืองาน Thailand International Sport Expo 2017 ได้เข้ารอบ 10 คน และรายการที่ 3 งาน Latchford Classic 2017 ได้เข้าอยู่ในรอบรวม รอบราตรีค่ะ
• ผลงานครั้งไหนภูมิใจที่สุดคะ
เกียงคำ หมื่นดวง : การแข่งขันแต่ละครั้งมันเป็นความภูมิใจนะคะ ที่ประทับใจมากๆ เลยก็คือ เราทำให้ทุกคนเห็นว่ากีฬาประเภทนี้เป็นกีฬาที่สวยงาม ซึ่งที่ลาวเขาจะมีแข่งรุ่นเดียวก็คือ รุ่นโมเดล รุ่นความสวยงาม เน้นบอดี้ที่สวยไม่เอาใหญ่หรือเล็กเกินไป ให้ไขมันน้อยที่สุด ดูดีที่สุด ดูสุขภาพดี อะไรประมาณนี้ค่ะ เราอยากให้คนลาวมองว่าการโชว์กล้ามเนื้อหรือการโชว์ร่างกายแบบนี้ หรือว่าการที่มีกีฬานี้เข้าไป มันดีที่สุดแล้ว เพราะมันเป็นกีฬาที่สวยงาม ได้เห็นหุ่น เห็นบอดี้ อยากให้คนลาวหลายๆ คนได้รับรู้ค่ะ
ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ : ภูมิใจที่สุดคือเราชนะใจตัวเองในการขึ้นแข่งขันนี่แหละค่ะ เพราะเกิดมาไม่เคยขึ้นแข่งขันอะไรมาก่อนเลย อีกอย่าง เราได้มาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ประเทศไทย อย่างอยู่ที่ลาว เราจะไม่ได้ลงบิกินี่ พอมาอยู่ที่ไทย เราได้ลง มันเลยเป็นความกล้าอย่างหนึ่งที่เราเอาออกมาให้คนเห็นว่าเรากล้าที่จะทำนะ

• แล้วการเตรียมตัวก่อนที่จะประกวดเป็นยังไง เราต้องดูแลหรือต้องทำอะไรเป็นพิเศษไหมคะ
ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ : เราจะมีช่วงเวลาที่ต้องเก็บตัวประมาณ 3-5 เดือน บางคนก็เพิ่มน้ำหนักก่อน อาหารจะสำคัญมากค่ะ ต้องเคร่ง เราจะต้องกินอาหารเพื่อสุขภาพ กินคลีน ใกล้ถึงวันแข่งก็จะต้องลดพวกโซเดียม ทานอาหารให้ครบ 5หมู่ คาร์โบไฮเดรต ต้องกินตามในปริมาณที่โค้ชสั่ง โปรตีนก็เหมือนกัน ต้องในโปรแกรม ในช่วงใกล้แข่งส่วนใหญ่จะเน้นโปรตีน เพราะโปรตีนเป็นส่วนที่ไปสร้างกล้ามเนื้อ คือหลังจากเราซ้อมเสร็จ เราจะต้องกิน แล้วก็ต้องนอนให้พอ พักผ่อนวันละ 8 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นร่างกายจะโทรม ช่วงไดเอต 3 เดือน ระเบียบวินัยต้องเข้ม อาหารต้องเป๊ะทุกอย่าง ถึงแม้ว่าเราจะเป็นนักกีฬามาก่อนแต่ก็ต้องบอกว่ายากพอสมควรนะคะ เพราะมันคนละแบบกัน เล่นบาสกับเล่นฟิตเนสมันเหนื่อยคนละแบบ เราก็ค่อยๆ มาปรับ ทำไปเรื่อยๆ
เกียงคำ หมื่นดวง : การออกกำลังกายก็ต้องดูพิเศษค่ะ ถ้าเรามีจุดด้อยจุดไหน เราก็ต้องโฟกัสจุดนั้น แต่ละคนมีบอดี้ไม่เหมือนกัน การซ้อม การกินก็จะไม่เหมือนกัน แต่หลักๆ คือวินัย ต้องมาอันดับหนึ่ง ต้องเก็บตัว มีวินัยในการกิน และทุกอย่าง แต่เราต้องทำด้วยความรัก ทำแล้วมีความสุข ไม่ต้องไปซีเรียส เพราะถ้าเราไปซีเรียส มันก็ไม่ได้ผลอะไร
ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ : กว่าจะผ่านมาได้ก็มีช่วงหนึ่งที่ท้อนะคะ แต่ทุกคนจะให้กำลังใจกันหมด มันมีช่วงที่วูบขึ้นมาในความคิดนิดหนึ่ง แต่ว่ามันผ่านมาได้ เพราะทุกคนอยู่ด้วยกัน และให้กำลังใจกัน ก็ซ้อมๆ ไป แต่ว่าผลลัพธ์ที่ได้มา ทำให้เรามีกำลังใจสู้ต่อไปค่ะ

• อนาคตจะมีประกวดอะไรอีกบ้างไหมคะ มีเป้าหมายกับกีฬาฟิตเนสต่อไปยังไงบ้าง
กินนาลอน นันทะลาด : พวกเราก็จะทำให้ดีที่สุด จะดูว่ามันผิดหรือบกพร่องตรงไหน จุดเด่น จุดด้อยของตัวเองอยู่ตรงไหน ก็จะเอาไปพัฒนาและไปให้ถึงที่สุดค่ะ คือเราอยากจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อเอาไปพัฒนาตัวเอง เพื่อไประดับเอเชีย ระดับทีมชาติ อันนี้คือเป้าหมายสำคัญ
ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ : ส่วนเราก็แข่งขันและพัฒนาไปเรื่อยๆ สมมติว่าได้ที่ 5 แล้วเราก็อยากพัฒนาขึ้นไปที่ 3 2 หรือที่ 1 ไปเรื่อยๆ จะไม่หยุดค่ะ
เกียงคำ หมื่นดวง : อยากจะฝากผลงานประกวดคราวหน้าในงาน Mr.& Miss Fitness Lao 2018 ที่จัดขึ้นโดยสหพันธ์เพาะกายแห่งประเทศลาวค่ะ ซึ่งเป็นปีที่ 2 ที่มีรุ่นผู้หญิง ปีนี้ก็เป็นปีพิเศษที่จะมีการเปิดให้ผู้ชายแข่งด้วย น้ำหนัก 75-85 กิโลกรัม เปิดให้คนต่างประเทศร่วมแข่งขันได้ ซึ่งมีรางวัลรวมกว่า 200,000 บาท ก็อยากจะให้ออกมาดีที่สุด อยากให้ทุกคนติดตามดู และเป็นกำลังใจให้กันในวันที่ 7 เมษายน 2018

• ท้ายนี้ ในฐานะที่เป็นเทรนเนอร์และนักกีฬาฟิตเนส ถ้ามีคนอยากเริ่มต้นออกกำลังกายหรืออยากมีสุขภาพดีแบบนี้บ้าง พอจะมีเคล็ดลับหรือมีอะไรแนะนำบ้างไหมคะ
เกียงคำ หมื่นดวง : อยากแนะนำโดยเฉพาะรุ่นคุณแม่ด้วยกันค่ะว่า 1. อย่าใช้คำว่าไม่มีเวลา ทุกคนมีเวลาเท่ากัน ส่วนมากคือคิดแล้วไม่ทำ 80% ที่คิดแล้วทำมีแค่ 20% เท่านั้น 2.อย่าใช้คำว่าทำไม่ได้ อายุเป็นเพียงตัวเลข ใจต้องสู้และใจต้องเชื่อว่าเราต้องทำได้ ส่วนตัวเราลูก 3 คน อายุ 38 ปีแล้วนะ เรายังทำได้เลย ทุกคนก็สามารถทำได้ เราจะบอกกับตัวเองเสมอว่า ต้องทำได้ ต้องไม่ท้อ 3. งดแอลกอฮอล์ ถ้างดไม่ได้ก็ลดลงก่อน สักสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ให้ดื่มครั้งหนึ่งก็ได้ 4. อาหาร ให้ลดการกินของทอด ของมัน ของหวาน ห้ามอดอาหาร เพียงแต่ให้คุมอาหาร ทุกอย่างเรากินเข้าไปได้แต่เราต้องเอาออกด้วย 5. ออกกำลังกาย การออกกำลังกายมันไม่ใช่เรื่องยาก ใช้เวลาแค่ 1-2 ชั่วโมง เพื่อมาออกกำลังกาย หันมารักตัวเองเถอะค่ะ อยากให้รักตัวเอง ก่อนจะรักคนอื่นให้รักตัวเราก่อน นี่แหละคือจุดหลักๆ ที่สำคัญที่อยากจะบอกค่ะ
อย่างที่เราเทรนให้จะเป็นรุ่นคุณแม่เยอะมาก นอกจากนั้นก็จะมีรุ่นคนทำงาน เด็กๆ อายุ 15 ปีขึ้นไปก็มีค่ะ เราจะสอนทั้งวัน อยู่ยิมทั้งวัน ซึ่งหลักการง่ายๆ คนที่มาเทรนกับเรา ต้องมีใจรักก่อน แต่เวลาที่มาเล่น เราจะไม่กดดันเขา เริ่มแรก เราจะดูอาการเขาก่อนว่าสุขภาพเขาเป็นยังไง เขาเล่นได้ไหม ไม่ใช่เขามาหาเราแล้วเราไปกดดันว่าไม่ให้กินนู่นกินนี่นะ แต่เราแนะนำเขาทุกอย่าง ให้เขากินตามนี้ เขาก็จะมีความสุข ตอนนี้สาวที่ลาวเขาติดยิม ติดเทรนเนอร์ เพราะเล่นแล้วได้ผล
กินนาลอน นันทะลาด : ต้องมีวินัยและความอดทนมาเป็นหลัก นอกจากนี้ก็ต้องคุมเรื่องอาหาร กินพอประมาณ กินอาหารคลีน ออกกำลังกาย ทำแบบนี้ 2-3 เดือนก็เห็นผลแล้วค่ะ
ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ : อยากฝากบอกว่า “ไม่ต้องคิด ทำเลย” คนส่วนมากชอบคิดว่าจะไปออกกำลังกายแต่ไม่ไป กลัวนู่นกลัวนี่ กลัวไม่มีเวลา กลัวทำไม่ได้ กลัวไม่ได้กินอย่างที่ชอบ กลัวเข้ามาในยิมแล้วจ้างเทรนเนอร์ เทรนเนอร์จะบอกว่าหยุดกินนะ คืออย่าไปกลัวค่ะ อยากให้คิดแล้วทำเลย อยากให้คิดว่าเหนื่อยก็เพื่อสุขภาพตัวเอง ถ้าคิดอย่างนี้ได้ เดี๋ยวมันจะมาเอง
ส่วนตัวเราก็เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน ก็ชอบกิน ชอบดื่ม ชอบเที่ยว ยังเปลี่ยนได้ถึงขนาดนี้ หลักๆ ต้องคิดถึงสุขภาพเป็นอันดับหนึ่ง เพราะว่าสุขภาพต้องดีก่อน อย่ามัวแต่คิด ให้มาทำเลย ไม่ต้องเล่นให้มีกล้ามสวยก็ได้ แต่เล่นให้มีสุขภาพดีก่อน เข้าใจว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน ก็ต้องพยายามปรับความคิด ความคิดสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งถ้าใครมาเป็นนักเรียนของเรา เราจะให้เขามาด้วยใจก่อน เราจะไม่คาดหวัง ไม่กดดัน แต่จะให้กำลังใจ เขาจะได้ทำสำเร็จค่ะ




เรื่อง : วรัญญา งามขำ, เพ็ญญาเรีย บุญประเสริฐ
ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ
ทั้งนี้พวกเธอยังมีวิวรดา หลวงโคตร เจ้าของยิม UP2U ประเทศลาว และ “เชอรี่” นนท์ณัฐดา อำมาตย์ Celebrity Trainer ผู้สอนดาราดัง อาทิ ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต, กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ, แอน ทองประสม, ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ ฯลฯ คอยสนับสนุนและอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ
• ก่อนอื่นถามความเป็นมาก่อนว่า ครูเชอรี่ เทรนเนอร์จากประเทศไทยไปรู้จักกับเทรนเนอร์ฟิตเนส ทีม UP2U FITNESS จากประเทศลาวได้ยังไงคะ
ครูเชอรี่ : จริงๆ แล้วต้องเท้าความก่อนว่าเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว เชอรี่เคยไปทำงานที่เหมืองทอง เมืองเซโปน ประเทศลาว ดูแลในเรื่องของไลฟ์สไตล์ สุขภาพความป็นอยู่ของพนักงานในเหมือง และมีโอกาสได้กลับไปพักอยู่ที่เวียงจันทน์ตลอด จึงทำให้เชอรี่รู้จักกับนักเรียนหลายคนในนั้น เขาก็จะรู้จักเราในนามว่าเป็นครูฟิตเนส จนเมื่อปีที่แล้วมีงานประกวด Mr.Lao 2017 ครั้งแรกของประเทศลาว ที่มีการจัดรุ่นแข่งขัน ซึ่งมีรุ่น Miss Fitness ลาว เชอรี่ก็ได้เจอนักเรียนทั้ง 3 คนเข้าร่วมการแข่งขัน และได้ไปช่วยซัปพอร์ตในเรื่องของการแนะนำ การเตรียมการเป็นนักกีฬา การขึ้นบนเวทีว่าจะต้องโพสต์ยังไงให้สวย
จริงๆ แล้วสาวๆ 3 คนนี้ก็เป็นเทรนเนอร์ที่ลาวอยู่แล้ว เราก็กำลังมองหาคนที่ชอบในสิ่งที่เป็นไลฟ์สไตล์เดียวกัน เพราะเห็นเขาใส่ใจ เข้ามาถามเราแทบทุกวันว่า “กินยังไง” “เตรียมตัวยังไง” พอมีโอกาสไปที่นู่น เชอรี่ก็ได้เข้าไปที่ฟิตเนส UP2U ซึ่งแปลกใจมากที่ยิมนี้มีแต่เทรนเนอร์ที่เป็นผู้หญิงทั้งหมด เราแปลกใจเพราะคิดว่าจะไม่มีใครเป็นเหมือนเรา เพราะเทรนเนอร์ที่ลาวหายากมาก พอเข้าไปที่ฟิตเนสก็รู้สึกว่า “เออ! มันใช่” เราเข้ามาถูกที่แล้ว เราต้องการจะมาถ่ายทอดวิชาความรู้ และต้องการที่จะแนะนำ ซัปพอร์ต ไกด์ไลน์ ทุกอย่าง กับผู้หญิงที่ต้องการอยากจะเป็นนักกีฬาฟิตเนสเหมือนเราสมัยก่อน ก็เลยมีโอกาสได้คุยกันตลอด
ตรงนั้นทำให้เราเห็นว่าเขาใส่ใจที่จะต่อยอด พัฒนาอาชีพเทรนเนอร์ของเขา ซึ่งการเล่น Weight Training ใหม่มากสำหรับเขา ใหม่ยิ่งกว่าบ้านเราอีก ก็เลยเข้าไปซัปพอร์ตตรงนี้ และที่สำคัญเป็นครั้งแรกของบ้านเขาที่ต้องมีการเดินทางมาแข่งขันในประเทศไทย เชอรี่ก็เลยบอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวครูไปช่วยนะ เราก็เข้าใจนะว่าประเทศลาวการจะต้องใส่บิกินี่ เป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่มากสำหรับคนที่นั่นที่จะทำให้เขายอมรับ เราก็เลยมาช่วยซัปพอร์ตว่าต้องมั่นใจนะ อย่ากังวลนะ เดี๋ยวครูจะช่วย มันก็เลยกลับกลายเป็นว่าเราได้ผูกพันกันมาเรื่อยๆ
นอกจากนี้ ไม่ใช่เพียงแต่น้องๆ ในกลุ่ม UP2U FITNESS นะคะ แต่ยังมีนักกีฬาอีกหลายคนที่เข้าร่วมการแข่งขันปีที่ผ่านมา ประมาณ 10 กว่าคน ซึ่งเชอรี่ก็ช่วยสอน ช่วยแนะนำทุกอย่าง ซึ่งเชอรี่จะตามดูอยู่ตลอด ไม่ใช่แค่กลุ่มนี้ ก็จะตามดูทั้งนักกีฬาทุกคนที่เข้าแข่งขันในปีที่แล้วว่าแต่ละคนเป็นยังไง ทำยังไงให้เขาไม่ท้อ ไม่นอยด์ ให้กลับมาแข่งอีก
อย่างครั้งนี้เป็นการแข่งขันปีที่ 2 ของ Mr. & Mrs. 2018 ซึ่งจะจัดขึ้นในปีหน้า วันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2561 ที่สมาคมเพาะกายแห่งชาติลาวที่จัดขึ้น ซึ่งจะเป็นรุ่นที่พิเศษมากๆ ก็จะมีหลายรุ่นมาก มีเพาะกายครบทุกอย่าง มีรุ่น Miss Fitness ผู้หญิงก็จะเป็นผู้หญิงที่สวยสปอร์ต มีรุ่นที่ Open จากชาวต่างชาติเข้ามาแข่งได้ ปีนี้จะเป็นปีที่ยิ่งใหญ่มากๆ ของการแข่งขันค่ะ
สิ่งที่ประทับใจกับสาวๆ กลุ่มนี้คือ เขาเห็นเราเป็นแบบอย่างที่ดี เขามีความสนใจในอาชีพนี้เหมือนกับเราและอยากจะประสบความสำเร็จเหมือนเรา พวกเขากล้าที่จะก้าวออกมาทำในสิ่งที่ต่างจากคนอื่น เราจะคอยสังเกตตลอด ถึงสิ่งที่พวกเขาทำในสิ่งที่เราสื่อสารให้กับพวกเขา เลยรู้สึกว่า พวกเขาสามารถส่งต่อและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์กับใครๆ อีกหลายคน
อย่างคนที่ 1 “วิวรดา หลวงโคตร” คนนี้เป็นเจ้าของยิม เป็นหัวเรือใหญ่ หัวเรือหลัก เขาจะเป็นผู้จัดการทีม คนที่ซัปพอร์ตทุกคน ต้องบอกก่อนว่ากีฬาชนิดนี้ถ้าไม่มีคนซัปพอร์ตนี่ยากมาก เพราะฉะนั้น พอได้คุยกัน เราก็คิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่เข้าใจว่านักกีฬาจะไปได้ไกลต้องมีคนซัปพอร์ต มีสปอนเซอร์ เขาเลยจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับนักกีฬา ให้กับสาวๆ ดูแลสาวๆ ที่เข้ามาใหม่ที่อยากจะเล่นกีฬาชนิดนี้
คนที่ 2 “กินนาลอน นันทะลาด” ปีที่แล้วเขาได้เป็น Miss Fitness คนแรกของประเทศลาว และเขาก็จะเป็นเทรนเนอร์ เทรนเซเลบริตีของประเทศลาว ก็มีลูกศิษย์หลายคน ซึ่งเขาก็จะหาประสบการณ์โดยการออกมาแข่งขันต่างประเทศ เพราะวันหนึ่งเขาอาจจะปั้นลูกศิษย์ของตัวเองออกมาแข่งบ้าง
คนที่ 3 “ทิพภาพร เพ็งสวรรค์” คนนี้ครั้งแรกที่เจอบนเวทีปีที่แล้วเชอรี่เป็นกรรมการ เรารู้สึกชอบเขา เขามีกิมมิกที่จะเป็น Miss Fitness ซึ่งตอนนั้นเขาเป็นเทรนเนอร์เฉยๆ ไม่ได้มาฟิตซ้อม เพื่อการแข่งขัน ก็เลยบอกหัวเรือใหญ่เจ้าของยิม UP2U ว่าเอามาซ้อมดูไหม ซึ่งตอนนี้เขาก็เป็นเทรนเนอร์ให้กับนางงามประเทศลาวด้วย อย่าง Miss World ลาว Miss Universe ลาว Miss International ลาว ฯลฯ ลูกศิษย์ก็จะเป็นพวกนางงามส่วนใหญ่ค่ะ
คนที่ 4 “เกียงคำ หมื่นดวง” หรือ “อีแม่นักกล้าม” คนนี้อาจจะแหวกแนวไปหน่อย เพราะเขาแข่งรุ่น “คุณแม่ยังแจ๋ว” แล้วเขาก็มาแข่งในประเทศไทย ซึ่งถามว่า รุ่นคุณแม่ยังแจ๋วสายแข็ง แข็งมาก แต่อีแม่นักกล้ามคนนี้มาแข่งปีแรกแล้วก็ได้รางวัลรอบชนะเลิศเลยค่ะ วันแรกที่มา ได้ติด Top 5 ก็ดีใจแล้ว คิดว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่พอมาขึ้นเวที โพสต์ดี โพสต์สวย เตรียมตัวมาดี ซ้อมหนักมาก มุ่งมั่นมาก ก็ประสบความสำเร็จในรุ่นคุณแม่ยังแจ๋วไป ซึ่งแฮชแท็กประจำตัวก็คือ #อีแม่นักกล้าม ค่ะ
ที่เชอรี่เล่ามา แต่ละคนก็มีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกัน แต่เชอรี่ก็อยากบอกว่าเรา ก็อยากจะสร้างนักกีฬาชนิดนี้อีกหลายๆ คน เรายินดีมากๆ ที่จะแนะนำ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ไม่ต้องเป็นเทรนเนอร์ เป็นคนธรรมดาก็ได้ที่สนใจกีฬาชนิดนี้ จะติดต่อผ่านมาทาง UP2U Fitness ก็ได้ เราอยากให้วงการฟิตเนสเข้าถึงผู้หญิงให้มากขึ้นและส่งเสริมให้กีฬานี้เติบโตเป็นกีฬาสากลสำหรับสาวๆ ที่ประเทศลาว ซึ่งตอนนี้เป็นอะไรที่ยังใหม่มาก และเชอรี่เชื่อว่า มันคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ดีสำหรับสาวๆ ที่นั่น คือเราต้องการจะขยายให้กีฬาชนิดนี้เป็นกีฬาสากลให้กับคนประเทศลาว ถ้าเราขยายได้ เชอรี่เชื่อว่าฟิตเนสจะสามารถสร้างอะไรดีๆ ให้กับสาวๆ ได้อีกเยอะค่ะ
• ขอถามเทรนเนอร์จากฝั่งลาวบ้างค่ะว่ามีแรงบันดาลใจอะไรที่ทำให้แต่ละคนหันมาสนใจในกีฬาฟิตเนสคะ
วิวรดา หลวงโคตร : ต้องบอกก่อนว่ากีฬาประเภทนี้เพิ่งจะเข้ามาในประเทศลาวเพราะส่วนใหญ่ที่ลาวยังไม่นิยมเล่นกันค่ะ ตอนแรกที่มาสนใจในกีฬาฟิตเนสเพราะเรารู้จักกัน เป็นเพื่อนกันมาก่อนอยู่แล้ว แล้วก็ได้มาคุยกันว่าเรามีแผนอยากจะเปิดยิมนะ แต่จะเป็นยิมเฉพาะเทรนเนอร์ผู้หญิง ตั้งแต่นั้นมาเราก็เลยเกาะกลุ่มกัน ชวนกันมาเล่นเป็นเรื่องเป็นราว เป็นเทรนเนอร์กันเลย ซึ่งแต่ละคนก็มีแววเป็นนักกีฬาอยู่แล้ว เหมาะกับการเป็นเทรนเนอร์ ก็เริ่มจากมาเรียนฝึกพื้นฐานก่อน แล้วเราก็ไปเรียนเป็นคอร์ส มีเรียนที่ประเทศไทย เรียนจากสถาบันต่างๆ เพื่อที่จะเอาใบเซอร์ ตอนนี้ก็มีใบเซอร์กันทุกคน ก็เลยกลายมาเป็นเทรนเนอร์ หลังจากเป็นเทรนเนอร์ก็ส่งไปเป็นนักกีฬาฟิตเนสค่ะ
ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ : ส่วนตัวเราเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลอยู่แล้วกับกินนาลอน นันทะลาด ก็เลยสนใจมาเล่นกีฬาฟิตเนส ก็เริ่มมาจากจับกลุ่มกันเล่นเลยค่ะ ตอนนี้ก็เล่นมาเกือบๆ 2 ปีแล้ว
เกียงคำ หมื่นดวง : ทีแรกเริ่มต้นมาจากลดน้ำหนักก่อนค่ะ เมื่อก่อนส่วนตัวจะเป็นคนอ้วน เลยเลือกที่จะเข้ายิมเพื่อลดน้ำหนัก ตอนแรกเราหนัก 62 กิโลกรัม เป็นคุณแม่ลูก 3 ชอบดื่ม และเคยลดน้ำหนักแบบผิดๆ อดอาหารมาก่อน จะไม่ทานอะไรเลยนอกจากผัก ตอนหลังๆ ออกกำลังกายหนักด้วย เล่นไป 3 เดือน ลด 17 กิโลกรัม ทำให้เนื้อย้วยเหมือนขาดสารอาหาร แต่พอหลังๆ ก็เลยมารู้ว่าเราทำผิดวิธี เพราะเรามีโค้ช ได้รู้จักวิธีการกิน การเล่น แบบไหนทำให้แขนเล็ก แบบไหนสะโพกสวย ก็เริ่มดีขึ้น เราก็เลยมีความตั้งใจ ชอบ พอเล่นไปเรื่อยๆ เรามีบอดี้ที่ดีขึ้นมา มันกลายเป็นรักไปเลย เป็นนักเพาะกายไปเลยค่ะ ตอนนี้ก็อยู่ในวงการนี้มา 3 ปีแล้ว แต่เพิ่งมาเล่น มาแข่งเอาจริงเอาจังได้ประมาณ 1 ปีค่ะ
• เห็นว่าที่ประเทศลาวก่อนหน้านี้กีฬาฟิตเนสยังไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่? แล้วพอมีนักกีฬาเพาะกายหญิงเกิดขึ้นเป็นปีแรก เขาให้ความสนใจกันมากขึ้นไหมคะ
ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ : กีฬาฟิตเนสมีในลาวตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 นะคะ แต่ตอนนั้นไม่มีผู้หญิงเล่นเลยค่ะ จนกระทั่งปี ค.ศ. 2017 จึงมีรุ่นผู้หญิงเกิดขึ้นเป็นปีแรก เราเป็นรุ่นแรก เป็นรุ่นบุกเบิกที่คนให้ความสนใจ ซึ่งไฮไลต์ของงานคือผู้หญิง คนก็จะให้ความสนใจกันเยอะมาก เปลี่ยนจากแต่ก่อนที่คนไม่ดูเพาะกายเลยนะคะ เพราะว่าเขาไม่มีความรู้ มีแต่ผู้ชายแข่ง
ความคิดของคนลาวแรกๆ คือ พวกกล้ามใหญ่น่ากลัว ไม่ไปดูหรอก หรือแต่ก่อน คนจะชอบคิดว่าต้องมีกล้ามใหญ่เท่านั้นถึงจะขึ้นประกวดได้ ทำให้คนไม่กล้าเล่นฟิตเนส ไม่กล้าเล่นกล้ามกัน แต่พอมีผู้หญิงเข้าไปก็ดูซอฟต์ลง อย่างปีนี้คนก็ติดตามมากขึ้น ส่วนตัวเราได้ออกมาแข่งที่ประเทศไทยด้วยก็เลยเป็นกระแสว่า ไม่ใช่แค่กล้ามใหญ่อย่างเดียวแล้วนะถึงจะไปประกวดได้ เพราะของเราเป็นรุ่นโมเดล ที่ผ่านมาเป็น Angle Model คนที่ผอม ไม่มีไขมัน ไม่มีกล้ามเยอะ ก็ขึ้นประกวดได้ คนลาวก็เลยเริ่มสนใจ เริ่มติดตาม
แต่ก็ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังมองว่าเราแปลก น่ากลัว เรากล้ามใหญ่อยู่ค่ะ เราก็ต้องพยายามปรับความคิดให้เขา ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาเทรนจะบอกว่าไม่เล่นหนักนะ กลัวแขนใหญ่ ไม่ยกเวต ยังมีค่านิยมนั้นอยู่ เราก็พยายามอธิบาย ค่อยๆ ปรับความคิดเขาว่าเราเล่นมาเป็นปี กล้ามมันก็ไม่ใหญ่สักทีเลย เป้าหมายหลักๆ คือเราอยากทำให้เห็นว่าการเพาะกายไม่ใช่การเล่นกล้าม แต่เราจะทำให้ทุกคนเห็นว่าเราก็ทำได้ เริ่มเหอะ ถ้าเราทำถูกวิธี เราก็จะได้หุ่นที่ดี เขาก็เริ่มเปิดใจ ให้ความสนใจเยอะขึ้น เดี๋ยวนี้ความคิดของคนลาวก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว เพราะมีการประกวดค่ะ
• พอมาจริงจังแล้วเริ่มไปประกวดได้ยังไง ได้รางวัลอะไรมาบ้าง
เกียงคำ หมื่นดวง : ปีนี้เป็นปีแรกที่มีผู้หญิงประกวด แล้วเราก็ชอบอยู่แล้วด้วย ก็เลยลองดู ก็ประกวดที่ประเทศลาวก่อนค่ะ ไปแข่งงานแรก Mr.LAO 2017 ในรุ่น Miss Fitness Laos ได้เข้ารอบ 6 คน หลังจากนั้นครูเชอรี่ก็มาบอกว่ามีประกวดที่ จ.ขอนแก่น ประเทศไทย เป็นงาน E-san Classic 2017 เราก็เลยได้มาประกวดรุ่นคุณแม่ยังแจ๋วในรุ่นอายุ 35 ปีขึ้นไป ได้รางวัลชนะเลิศอันดับ 2
กินนาลอน นันทะลาด : เคยได้รางวัลชนะเลิศ งาน Mr.LAO 2017 ในรุ่น Miss Fitness Laos แล้วก็ได้เข้ามาประกวดในประเทศไทยในงาน Thailand International Sport Expo 2017 ได้เข้ารอบ 10 คน และงาน Latchford Classic 2017 ค่ะ
ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ : แข่งปีแรกที่ Mr.LAO 2017 ในรุ่น Miss Fitness Laos ได้อันดับที่ 5 ค่ะ รายการที่ 2 คืองาน Thailand International Sport Expo 2017 ได้เข้ารอบ 10 คน และรายการที่ 3 งาน Latchford Classic 2017 ได้เข้าอยู่ในรอบรวม รอบราตรีค่ะ
• ผลงานครั้งไหนภูมิใจที่สุดคะ
เกียงคำ หมื่นดวง : การแข่งขันแต่ละครั้งมันเป็นความภูมิใจนะคะ ที่ประทับใจมากๆ เลยก็คือ เราทำให้ทุกคนเห็นว่ากีฬาประเภทนี้เป็นกีฬาที่สวยงาม ซึ่งที่ลาวเขาจะมีแข่งรุ่นเดียวก็คือ รุ่นโมเดล รุ่นความสวยงาม เน้นบอดี้ที่สวยไม่เอาใหญ่หรือเล็กเกินไป ให้ไขมันน้อยที่สุด ดูดีที่สุด ดูสุขภาพดี อะไรประมาณนี้ค่ะ เราอยากให้คนลาวมองว่าการโชว์กล้ามเนื้อหรือการโชว์ร่างกายแบบนี้ หรือว่าการที่มีกีฬานี้เข้าไป มันดีที่สุดแล้ว เพราะมันเป็นกีฬาที่สวยงาม ได้เห็นหุ่น เห็นบอดี้ อยากให้คนลาวหลายๆ คนได้รับรู้ค่ะ
ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ : ภูมิใจที่สุดคือเราชนะใจตัวเองในการขึ้นแข่งขันนี่แหละค่ะ เพราะเกิดมาไม่เคยขึ้นแข่งขันอะไรมาก่อนเลย อีกอย่าง เราได้มาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ประเทศไทย อย่างอยู่ที่ลาว เราจะไม่ได้ลงบิกินี่ พอมาอยู่ที่ไทย เราได้ลง มันเลยเป็นความกล้าอย่างหนึ่งที่เราเอาออกมาให้คนเห็นว่าเรากล้าที่จะทำนะ
• แล้วการเตรียมตัวก่อนที่จะประกวดเป็นยังไง เราต้องดูแลหรือต้องทำอะไรเป็นพิเศษไหมคะ
ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ : เราจะมีช่วงเวลาที่ต้องเก็บตัวประมาณ 3-5 เดือน บางคนก็เพิ่มน้ำหนักก่อน อาหารจะสำคัญมากค่ะ ต้องเคร่ง เราจะต้องกินอาหารเพื่อสุขภาพ กินคลีน ใกล้ถึงวันแข่งก็จะต้องลดพวกโซเดียม ทานอาหารให้ครบ 5หมู่ คาร์โบไฮเดรต ต้องกินตามในปริมาณที่โค้ชสั่ง โปรตีนก็เหมือนกัน ต้องในโปรแกรม ในช่วงใกล้แข่งส่วนใหญ่จะเน้นโปรตีน เพราะโปรตีนเป็นส่วนที่ไปสร้างกล้ามเนื้อ คือหลังจากเราซ้อมเสร็จ เราจะต้องกิน แล้วก็ต้องนอนให้พอ พักผ่อนวันละ 8 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นร่างกายจะโทรม ช่วงไดเอต 3 เดือน ระเบียบวินัยต้องเข้ม อาหารต้องเป๊ะทุกอย่าง ถึงแม้ว่าเราจะเป็นนักกีฬามาก่อนแต่ก็ต้องบอกว่ายากพอสมควรนะคะ เพราะมันคนละแบบกัน เล่นบาสกับเล่นฟิตเนสมันเหนื่อยคนละแบบ เราก็ค่อยๆ มาปรับ ทำไปเรื่อยๆ
เกียงคำ หมื่นดวง : การออกกำลังกายก็ต้องดูพิเศษค่ะ ถ้าเรามีจุดด้อยจุดไหน เราก็ต้องโฟกัสจุดนั้น แต่ละคนมีบอดี้ไม่เหมือนกัน การซ้อม การกินก็จะไม่เหมือนกัน แต่หลักๆ คือวินัย ต้องมาอันดับหนึ่ง ต้องเก็บตัว มีวินัยในการกิน และทุกอย่าง แต่เราต้องทำด้วยความรัก ทำแล้วมีความสุข ไม่ต้องไปซีเรียส เพราะถ้าเราไปซีเรียส มันก็ไม่ได้ผลอะไร
ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ : กว่าจะผ่านมาได้ก็มีช่วงหนึ่งที่ท้อนะคะ แต่ทุกคนจะให้กำลังใจกันหมด มันมีช่วงที่วูบขึ้นมาในความคิดนิดหนึ่ง แต่ว่ามันผ่านมาได้ เพราะทุกคนอยู่ด้วยกัน และให้กำลังใจกัน ก็ซ้อมๆ ไป แต่ว่าผลลัพธ์ที่ได้มา ทำให้เรามีกำลังใจสู้ต่อไปค่ะ
• อนาคตจะมีประกวดอะไรอีกบ้างไหมคะ มีเป้าหมายกับกีฬาฟิตเนสต่อไปยังไงบ้าง
กินนาลอน นันทะลาด : พวกเราก็จะทำให้ดีที่สุด จะดูว่ามันผิดหรือบกพร่องตรงไหน จุดเด่น จุดด้อยของตัวเองอยู่ตรงไหน ก็จะเอาไปพัฒนาและไปให้ถึงที่สุดค่ะ คือเราอยากจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อเอาไปพัฒนาตัวเอง เพื่อไประดับเอเชีย ระดับทีมชาติ อันนี้คือเป้าหมายสำคัญ
ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ : ส่วนเราก็แข่งขันและพัฒนาไปเรื่อยๆ สมมติว่าได้ที่ 5 แล้วเราก็อยากพัฒนาขึ้นไปที่ 3 2 หรือที่ 1 ไปเรื่อยๆ จะไม่หยุดค่ะ
เกียงคำ หมื่นดวง : อยากจะฝากผลงานประกวดคราวหน้าในงาน Mr.& Miss Fitness Lao 2018 ที่จัดขึ้นโดยสหพันธ์เพาะกายแห่งประเทศลาวค่ะ ซึ่งเป็นปีที่ 2 ที่มีรุ่นผู้หญิง ปีนี้ก็เป็นปีพิเศษที่จะมีการเปิดให้ผู้ชายแข่งด้วย น้ำหนัก 75-85 กิโลกรัม เปิดให้คนต่างประเทศร่วมแข่งขันได้ ซึ่งมีรางวัลรวมกว่า 200,000 บาท ก็อยากจะให้ออกมาดีที่สุด อยากให้ทุกคนติดตามดู และเป็นกำลังใจให้กันในวันที่ 7 เมษายน 2018
• ท้ายนี้ ในฐานะที่เป็นเทรนเนอร์และนักกีฬาฟิตเนส ถ้ามีคนอยากเริ่มต้นออกกำลังกายหรืออยากมีสุขภาพดีแบบนี้บ้าง พอจะมีเคล็ดลับหรือมีอะไรแนะนำบ้างไหมคะ
เกียงคำ หมื่นดวง : อยากแนะนำโดยเฉพาะรุ่นคุณแม่ด้วยกันค่ะว่า 1. อย่าใช้คำว่าไม่มีเวลา ทุกคนมีเวลาเท่ากัน ส่วนมากคือคิดแล้วไม่ทำ 80% ที่คิดแล้วทำมีแค่ 20% เท่านั้น 2.อย่าใช้คำว่าทำไม่ได้ อายุเป็นเพียงตัวเลข ใจต้องสู้และใจต้องเชื่อว่าเราต้องทำได้ ส่วนตัวเราลูก 3 คน อายุ 38 ปีแล้วนะ เรายังทำได้เลย ทุกคนก็สามารถทำได้ เราจะบอกกับตัวเองเสมอว่า ต้องทำได้ ต้องไม่ท้อ 3. งดแอลกอฮอล์ ถ้างดไม่ได้ก็ลดลงก่อน สักสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ให้ดื่มครั้งหนึ่งก็ได้ 4. อาหาร ให้ลดการกินของทอด ของมัน ของหวาน ห้ามอดอาหาร เพียงแต่ให้คุมอาหาร ทุกอย่างเรากินเข้าไปได้แต่เราต้องเอาออกด้วย 5. ออกกำลังกาย การออกกำลังกายมันไม่ใช่เรื่องยาก ใช้เวลาแค่ 1-2 ชั่วโมง เพื่อมาออกกำลังกาย หันมารักตัวเองเถอะค่ะ อยากให้รักตัวเอง ก่อนจะรักคนอื่นให้รักตัวเราก่อน นี่แหละคือจุดหลักๆ ที่สำคัญที่อยากจะบอกค่ะ
อย่างที่เราเทรนให้จะเป็นรุ่นคุณแม่เยอะมาก นอกจากนั้นก็จะมีรุ่นคนทำงาน เด็กๆ อายุ 15 ปีขึ้นไปก็มีค่ะ เราจะสอนทั้งวัน อยู่ยิมทั้งวัน ซึ่งหลักการง่ายๆ คนที่มาเทรนกับเรา ต้องมีใจรักก่อน แต่เวลาที่มาเล่น เราจะไม่กดดันเขา เริ่มแรก เราจะดูอาการเขาก่อนว่าสุขภาพเขาเป็นยังไง เขาเล่นได้ไหม ไม่ใช่เขามาหาเราแล้วเราไปกดดันว่าไม่ให้กินนู่นกินนี่นะ แต่เราแนะนำเขาทุกอย่าง ให้เขากินตามนี้ เขาก็จะมีความสุข ตอนนี้สาวที่ลาวเขาติดยิม ติดเทรนเนอร์ เพราะเล่นแล้วได้ผล
กินนาลอน นันทะลาด : ต้องมีวินัยและความอดทนมาเป็นหลัก นอกจากนี้ก็ต้องคุมเรื่องอาหาร กินพอประมาณ กินอาหารคลีน ออกกำลังกาย ทำแบบนี้ 2-3 เดือนก็เห็นผลแล้วค่ะ
ทิพภาพร เพ็งสวรรค์ : อยากฝากบอกว่า “ไม่ต้องคิด ทำเลย” คนส่วนมากชอบคิดว่าจะไปออกกำลังกายแต่ไม่ไป กลัวนู่นกลัวนี่ กลัวไม่มีเวลา กลัวทำไม่ได้ กลัวไม่ได้กินอย่างที่ชอบ กลัวเข้ามาในยิมแล้วจ้างเทรนเนอร์ เทรนเนอร์จะบอกว่าหยุดกินนะ คืออย่าไปกลัวค่ะ อยากให้คิดแล้วทำเลย อยากให้คิดว่าเหนื่อยก็เพื่อสุขภาพตัวเอง ถ้าคิดอย่างนี้ได้ เดี๋ยวมันจะมาเอง
ส่วนตัวเราก็เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน ก็ชอบกิน ชอบดื่ม ชอบเที่ยว ยังเปลี่ยนได้ถึงขนาดนี้ หลักๆ ต้องคิดถึงสุขภาพเป็นอันดับหนึ่ง เพราะว่าสุขภาพต้องดีก่อน อย่ามัวแต่คิด ให้มาทำเลย ไม่ต้องเล่นให้มีกล้ามสวยก็ได้ แต่เล่นให้มีสุขภาพดีก่อน เข้าใจว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน ก็ต้องพยายามปรับความคิด ความคิดสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งถ้าใครมาเป็นนักเรียนของเรา เราจะให้เขามาด้วยใจก่อน เราจะไม่คาดหวัง ไม่กดดัน แต่จะให้กำลังใจ เขาจะได้ทำสำเร็จค่ะ
เรื่อง : วรัญญา งามขำ, เพ็ญญาเรีย บุญประเสริฐ
ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ