ลูกเด็กเล็กแดงต่างนับถือ...ยกมือไหว้
วัยรุ่นคนใหญ่ต่างยอมรับ...โค้งคำนับ
“เจมส์-วิทยา นิตย์แสวง” อดีตศิลปินวาดภาพและคุณครูสอนศิลปะ ที่ขณะนี้ใครต่อใครต่างรู้จักเขาในนาม “ตูน เซินเจิ้น” ผู้เป็นดั่งเงา ก๊อบปี้เกรดเอของร็อกเกอร์ชื่อดังอย่าง “ตูน บอดี้สแลม”
• ก่อนจะมาเป็น “ก๊อบปี้โชว์ ตูน บอดี้สแลม” ก่อนหน้านั้นเป็นใครอะไรยังไง
เป็นนายเจมส์ วิทยา นิตย์แสวง คนบ้านท่าล้อม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ไม่ไกลจากสุพรรณบุรีบ้านพี่ตูนมากนัก (ยิ้ม) ซึ่งก่อนหน้านี้ ชีวิตก็ค่อนข้างตรงกันข้ามกับที่ทำอยู่ในปัจจุบัน คือทำงานด้านศิลปะ วาดรูปเหมือน หลังจากจบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง แล้วก็มาเป็นครูสอนศิลปะที่บ้าน 2 ปี สอนระดับชั้นมัธยมศึกษากับระดับประถมศึกษา
มาจับพลัดจับผลูได้ลองก๊อบปี้พี่ตูนก็จากช่วงปิดเทอมที่ผมมักจะไปเดินสายกับพรรคพวกวาดรูป ตอนนั้นก็มาวาดรูปที่งานกาชาดที่กรุงเทพฯ ช่วงที่เด็กนักเรียนปิดภาคเรียน บังเอิญพี่บอม ก๊อบปี้โชว์พี่ตี๊ก ชิโร่ เดินมาเห็นแล้วเขารู้สึกว่าหน้าเรามีความคล้ายพี่ตูน เขาก็ถามเลยว่าเราพอจะร้องเพลงได้ไหม ก็บอกเขาไปว่าได้นิดหน่อย เขาก็บอกว่าเราเหมือนพี่ตูนเลย ไปออกงานทำงานกับพี่ไหม เราก็ตอบตกลงไป ณ ตอนนั้นเลย เพราะอยากลองว่างานเขาจะเป็นยังไง แล้วก็ได้ลองเล่นในงานกาชาดนั้นเลย
• รู้สึกแปลกใจบ้างไหมที่จู่ๆ มีคนทักบอกว่าเราหน้าคล้ายศิลปินชื่อดัง
ตอนนั้นเริ่มจะมีคนทักบ่อยขึ้นแล้ว แต่ครั้งแรกที่มีคนทัก คือตอนเรียน ม.3 มีเพื่อนคนหนึ่งเขาบอกว่าผมเหมือนพี่ตูน ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราเหมือนพี่ตูน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะตอนนั้นเราตัดผมนักเรียน สั้นๆ เกรียนๆ มันจะเหมือนได้ยังไง ยังหาว่าเพื่อนบ้าเลย แต่หลังๆ ก็มีคนทักเรื่อยๆ เพราะตอนนั้นพี่ๆ เขาก็ค่อยๆ เติบโตมีชื่อเสียง คนยังรู้จักน้อย ผมยอมรับเลย ไม่รู้จัก ได้ยินแต่เพลง แต่ใครร้องล่ะ ก็ฟังมาตลอด หลังๆ ก็ไปเสาะหาว่าคือใคร หน้าตาเป็นอย่างไร แต่ก็ยังรู้สึกส่วนตัวว่าไม่คล้ายกัน
ทีนี้ พอตามผลงานเขามาเรื่อยๆ พอมาเรียนศิลปะตามประสาคนทำงานศิลปะ สไตล์การแต่งตัวก็ไว้ผมยาว ไว้หนวดเครา คนก็ทักมากขึ้น ก็คงราวๆ เดียวกับที่พี่ตูนไว้ผมยาวตอนออกอัลบั้มยาพิษ จังหวะพอดีองค์ประกอบ ซึ่งเอาเข้าจริงก็มีบ้างที่ส่องกระจกแล้วนึกว่า เราคล้ายตรงไหนวะ (หัวเราะ) เป็นบางวันเป็นบางอารมณ์ บางวันก็คล้าย บางวันก็...คล้ายตรงไหน ไม่เห็นจะคล้ายเลย เพราะพี่ตูนเขาเป็นคนผิวดีและหล่อ แรกๆ ผมก็เลยไม่เหมือน คงจะมาเหมือนตอนช่วงนี้แหละที่พี่เขาผอมๆ ผิวคล้ำขึ้นเพราะตากแดดเล่นกีฬา ทำงานช่วยสังคม ก็เลยคล้าย พี่เขาแก่แล้วเราถึงคล้าย (ยิ้ม)
• ย้อนกลับไปงานแรกในการก๊อบปี้โชว์เป็นอย่างไรบ้าง
งานแรกที่ไปก๊อบปี้โชว์ ก็ขึ้นไปโชว์ร้องเพลง ซึ่งมันเป็นจุดเปลี่ยนเลย เพราะว่าเงินที่ได้จากการแสดงก๊อบปี้โชว์เยอะกว่าที่ผมวาดรูปเยอะเลย วันหนึ่งต้องวาด 5 รูปถึงจะได้เท่างานแสดงก๊อบปี้โชว์ จากนั้นก็เลยเริ่มทำทางด้านนี้ (ยิ้ม) หาอะไรที่เกี่ยวกับพี่ตูนมาทำกับเราดูว่าโอเคไหม แล้วก็ให้พี่ๆ ก๊อบปี้โชว์เขาช่วยเทรนให้
ถ้าถามว่าหลักในการก๊อบปี้โชว์ต้องเริ่มจากอะไร ขั้นแรกเราก็ต้องศึกษาน้ำเสียง นี่คือยากสุดๆ ก็ต้องฝึกไปเรื่อยๆ จากนั้นก็เป็นเรื่องกิริยาท่าทาง ก็ดูจากคลิปคอนเสิร์ตเวลาเขาเล่น เขาเล่นอย่างไร บางทีก็ต้องตามไปดูคอนเสิร์ตบ้างเพื่อให้ทันแอกติ้งใหม่ๆ ที่เวลาพี่เขามีอินเนอร์ในบางสิ่งบางอย่าง ก็ต้องหัดต้องซ้อม แล้วก็ไปออกงานเรื่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ผสมกับเล่นมุกฝึกการเอนเตอร์เทน ณ วันนี้ก็ 5 ปีที่ทำก๊อบปี้พี่ตูน
• ในระหว่างที่ก๊อบปี้ ย่อมมีการซึมซับ เราได้อะไรจากชายที่ชื่อตูน บอดี้สแลม บ้าง
หลายสิ่งอย่างครับ คือทุกครั้งที่โชว์ร้องเพลง ก็จะนึกถึงพี่เขาตลอด อย่างเช่นในเรื่องของความหมายเพลง เพลงเขาจะสอน เขาร้องให้คนฟังสนุกสนานมีความสุขก็จริง แต่เนื้อหาของเพลงมันก็สอนให้คนสู้ชีวิต อยากให้ทุกคนเอามาเป็นกำลังใจให้กับตัวเอง หรืออย่างปัจจุบัน เรื่องที่วิ่งโครงการก้าวคนละก้าว มันก็เป็นอะไรที่เป็นปริศนาซ่อนธรรม น้อยคนถึงจะทำแบบนี้ เราก็อยากจะทำตาม ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ คือการติดตามเขาตลอด จากการที่เราใช้ชีวิตธรรมดาทั่วไป คนก็มองเราปกติธรรมดาทั่วไป แต่ตอนนี้ ไปไหนก็มีแต่คนทัก ขอถ่ายรูป ทักทาย มันใช้ชีวิตคนละแบบ
นอกจากเพลงที่เขาสอนทำให้เรามีข้อคิดนำมาปรับใช้ ก็เปลี่ยนสิ่งดีๆ ด้วย สิ่งที่พี่ตูนทำเป็นตัวอย่าง ทำให้ผมมองอะไรหลายๆ อย่างเยอะมากขึ้น เช่น เห็นคนที่เขาลำบาก เดินเก็บขยะ ก็ซื้อของกินไปให้ เพราะผมดูแล้วว่า เราทำงานสบายกว่าเขาอีก ทำไมเขายังสู้ขนาดนี้เลย จากส่วนตัวที่ชอบช่วยเหลืออยู่แล้ว ก็ยิ่งอยากจะช่วยเหลือขึ้นไปอีก ถ้าเรามีกำลังทำไหว ก็พัฒนาเรื่อยๆ ทั้งคุณธรรม จริยธรรม
• รู้สึกเกร็งบ้างไหมกับภาพลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้
ผมว่ามันดีนะ มันเป็นการฝึกนิสัยผมด้วย มันเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับผม คือคนอื่นอาจจะมองว่าอาศัยชื่อเสียงคนอื่นทำมาหากินหรือเปล่า ไม่เห็นดีเลย ก๊อบปี้เขา ไม่มีผลงานเป็นของตัวเอง แต่ผมชอบปล่อยไปตามธรรมชาติมากกว่า ไม่อยากจะฝืนโชคชะตานำพามาให้ทำตรงนี้ ผมไม่ได้เดือดร้อนและไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ตรงกันข้าม กลับเป็นเรื่องที่ดี ผมเห็นคนมีรอยยิ้มเวลาไปแสดงโชว์ ผมก็รู้สึกอยากทำตรงนี้ต่อเพราะทุกคนมีความสุข เราช่วยให้เขามีรอยยิ้ม มีกำลังใจกลับไปสู้ต่อกับสิ่งที่เขาต้องพบเจอ
• ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากต้นตำรับ ส่วนตัวมีโอกาสเจอะเจอพี่ตูน พี่เขาพูดอะไรกับเราบ้างไหม
เจอครั้งแรกตอนไปขอเซลฟี่ถ่ายรูปคู่กับพี่เขา เขาก็หันมา... โห่ นึกว่าส่องกระจก (หัวเราะ) แค่นั้น เพราะคนที่ก๊อบปี้พี่ตูนหลายคนแล้ว พี่ตูนแกก็เป็นคนไม่ค่อยพูด ถ้าใครที่เขาชอบจริงๆ หรือรู้สึกว่าทำอะไรได้ เขาก็จะให้ไปช่วยงาน อย่างเดี่ยวพี่โน้ส (อุดม แต้พานิช) เขาก็ให้ผมไปร่วมโชว์ มันเข้ากับคอนเซ็ปต์ที่จะเล่นด้วย นอกนั้นก็จะมีคำหนึ่งที่พูดกับผมตอนกินข้าวด้วยกัน แกบอกว่า เจมส์ ทำไปเลยนะ เหมือนให้ผมทำไปตรงนี้ ทำไปเต็มที่ ก๊อปก็ก๊อปไปเลย ให้ทำงานตรงนี้
แต่เกรงใจแกอยู่เรื่องหนึ่ง คือบางคนในอินเทอร์เน็ต เข้าใจผิดคิดว่ารูปผมเป็นรูปพี่ตูน เขาก็เอารูปผมไปใช้ อย่างงานวิ่งนี้ ก็เอารูปผมไปใช้ พี่เขาวิ่งผ่าน ก็พยายามจะบอกว่ารูปนั้นไม่ใช่รูปผม ผมอยากจะบอกว่ารู้สึกไม่ดีเลยตรงนี้ แต่ในหน้าที่การงาน ผมตระหนักตรงนี้อยู่แล้ว
เรื่องวิ่ง จากที่พี่เขาเริ่มวิ่งได้ 4 - 5 วัน ผมก็เริ่มทำแล้วอยากจะช่วยพี่เขา เวลาไปโชว์ตามงานต่างๆ ที่ผมรับงานโดยการร้องเพลงไปด้วยแล้วก็รับเงินบริจาคไปด้วย แล้วเงินนี้ก็จะบอกทุกคนที่มาดูโชว์ว่าจะไปส่งมอบพี่ตูนด้วยมือตัวเอง ใครอยากจะส่งผ่านผมก็บริจาคเดี๋ยวผมส่งให้ ก็เลยกลายเป็นไปร่วมวิ่งด้วยเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม เพราะจะเอาเงินไปบริจาคให้แก ส่วนวันที่ 5 ธันวาคม ก็เช่นเดียวกัน เพราะพี่ตูนแกวิ่งผ่านกรุงเทพฯ เราสะดวกในช่วงบริเวณนั้นพอดี ก็เป็นยอดเงินทั้งหมด 6 หมื่นกว่าบาทก้อนแรก
• โครงการก้าวคนละก้าว เรามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นยังไงบ้าง
ผมมองว่าสิ่งที่แกกำลังทำแกมองเห็นปัญหาของเมืองไทยเรา คือจุดอ่อนเมืองไทยตอนนี้คนป่วยมากขึ้นจริงๆ แล้วเขาก็แก้ถูกจุดในความรู้สึกผม เพราะว่าเราอยากจะบริจาคอยากจะทำบุญด้วยกันทั้งนั้น แต่ว่ามันกระจายกัน ไม่เป็นก้อน แต่ตรงนี้มันชัดเจนมากกว่า และมันถึง ก็รู้สึกว่าเป็นโครงการที่ดี ก็อยากจะร่วมช่วยด้วย หลังจากปรากฏการณ์นี้ก็ยิ่งอยากจะทำให้เรารู้สึกทำความดีเพิ่มขึ้น มากขึ้นไปเรื่อยๆ
เพราะวันที่ไปวิ่ง ที่ไปสัมผัส ยิ่งกว่าขนลุกอีกครับ แทบไม่เคยมีในประเทศไทย มันยิ่งใหญ่มาก มันเป็นเหตุการณ์ที่โลกต้องจดจำว่าชายที่ชื่อตูน เขาได้ทำสิ่งนี้ไว้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันไม่ง่ายจริงๆ มันยากมาก ผมแค่ไปวิ่งแป๊บๆ 2 เซต แต่เหนื่อยจริงๆ วิ่งไปหยุดไป ตอนรอบวิ่งกำลังเดิน วิ่งแล้วหยุดถ่ายรูปมันเป็นยังไง หัวใจเราเป็นแบบไหน เหนื่อยมากครับ นานๆ ไป มันไม่ดีต่อร่างกาย ก็อยากจะขอให้ช่วยกันทำตามคำแนะนำเพื่อช่วยเซฟพี่ตูนไม่ให้บาดเจ็บ
• อาทิวราห์ คงมาลัย ชื่อนี้สำหรับเรา ส่วนตัวรู้สึกอย่างไร
ชื่อนี้มันกลายเป็นชื่อที่ไปที่ไหนมีแต่คนรู้จัก อาทิวราห์ แปลว่าหมูป่า สัญชาตญาณของหมูป่าคือมีความกล้าหาญ แข็งแกร่ง นำครอบครัว นำบุคคลรอบข้าง เป็นแบบอย่างให้ก้าวเดินตาม ผมก็ว่าอธิบายทุกอย่างของพี่เขาหมดแล้ว ซึ่งในตอนนี้ผมก็วางแพลนในเรื่องจิตอาสาเอาไว้จะเป็นในเรื่องของรูปแบบกีฬา มีคนที่ติดต่อให้ไปช่วยวิ่ง ช่วยเตะฟุตบอล เราก็จะมุ่งทำจิตอาสาในแนวทางนี้
• ทำไมต้องช่วยเหลือส่งต่อขนาดนั้น เมื่อเราไม่ใช่ตัวจริง
เหนื่อยขึ้น หนักขึ้น เวลาหาเงินก็น้อยลง ทำไมต้องทำ ถ้าถามอย่างนี้ทำไมถึงต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำ มันเหมือนเราขาดอะไรไป ระหว่างที่เราซึมซับเราได้หลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งการงานและชีวิต และสิ่งที่เราทำมันเป็นสิ่งที่เล็กน้อยมากถ้าเทียบกับสิ่งที่พี่เขาทำ เรามีต้นแบบที่เราอยากจะทำตามอยู่แล้วและเป็นทางด้านดีด้วย ทำไมเราถึงจะไม่ทำ เราทำมันเล็กน้อยมาก ความเหนื่อยลืมไปได้เลย ของเราคือเศษเล็กๆ ของเขา
พี่เขาจุดประกายให้ทุกคนช่วยกันทำมากกว่า โครงกรก้าวคนละก้าวเป็นโครงการนำร่องอยู่แล้ว การให้เราลำบาก ถามว่าทำทำไม แต่เวลาเราให้ สิ่งที่เราได้ตอบแทนคือรอยยิ้ม มันมีความสุข อธิบายไม่ได้อย่างที่เขาบอกกัน ต้องทำถึงจะรู้ ให้ไม่หวังผลตอบแทนอยู่แล้วว่าเราจะต้องยิ่งใหญ่ เราจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดัง มันเป็นอย่างไร อย่างที่พี่ตูนเคยพูดไว้ว่าบางคนเขามีโอกาสเจอแค่ครั้งเดียวในชีวิต ซึ่งจริงๆ แล้วเขาดูทีวี โอนเงินบริจาคก็ได้ แต่ทำไมเขาถึงมากัน เราก็รู้สึกดีไปด้วย จะเห็นพี่เขายิ้มตลอด ผมก็ยิ้มตลอด เพราะพี่น้องเขายิ้มส่งตอบเป็นกำลังใจมาให้เรา เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ไม่มีอะไรมีค่าวัดได้ รอยยิ้มสามารถทำให้เรามีแรงทำอย่างอื่นมากมาย คนคนหนึ่งที่ยิ้มให้เรา มันรู้สึกดีกับเราแค่ไหน
• แม้ว่าคนจะจดจำเราเพียงเงา ก็คุ้มค่าที่อยู่ท่ามกลางแสงสว่าง
ก็ภูมิใจที่ส่วนหนึ่งมีความคล้ายกับยอดคนอย่างพี่เขา ต่อให้คนจะจำผิดเรียกผิด ส่วนของการทำงานผมก็ทำโชว์เต็มที่ ถ้าเจอกันข้างนอกที่ต่างๆ ก็แล้วแต่เขาจะเรียก แต่เราก็จะบอกเสมอว่าเราไม่ใช่พี่เขา เราเป็นเงา เราเป็นก๊อบปี้ เราชื่อนี้ๆ หน้าเราอย่างนี้ จะให้ไปเรียกใคร ถ้าเขาอยากจะรู้จักเรา เขาก็ถามเราเองว่าเราเป็นใคร อย่างนั่งแท็กซี่วันนี้ พี่เขาถามว่าที่เราไปออกรายการโชว์เงาเสียงใช่ไหม เราก็บอกว่าใช่ เขาจะถามเอง ถ้าจะเรียกพี่ตูน ก็ให้เขาเรียก ก็จะแก้บอกตลอด
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ต้องแก้ คือการทำความดีแบบพี่เขา แถมยิ่งต้องทำ ทำตลอด ไม่ควรที่จะลังเลด้วยซ้ำ เรามีผู้จุดประกายที่ดี ต้นแบบที่ควรเดินเป็นแบบอย่าง เราจะเลือกเดินอีกทางที่ไม่ดีเพื่อแตกต่างไปทำไม ความดีคือสิ่งที่ต้องทำและร่วมด้วยช่วยกัน ไม่ใช่สิ่งที่ใครยึดติดเป็นของตนเอง อย่างที่พี่ตูนกล่าวไว้ “เรารู้ตัวเราดีอยู่ว่าเราเป็นแบบไหน ทำอะไร ไม่ทำอะไร คนที่เขาไม่ชอบ เขาก็ไม่ชอบเราอยู่ดี พยายามเท่าไรให้เขามาชอบ ก็ไม่มีประโยชน์ ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารักและรักเราดีกว่า ชีวิตนี้อีกไม่นานก็ต้องตายจากกัน คิดดีทำดีกันเข้าไว้ สนุกจะตาย”
เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : Vitthaya toon bodymirror nitsawag
วัยรุ่นคนใหญ่ต่างยอมรับ...โค้งคำนับ
“เจมส์-วิทยา นิตย์แสวง” อดีตศิลปินวาดภาพและคุณครูสอนศิลปะ ที่ขณะนี้ใครต่อใครต่างรู้จักเขาในนาม “ตูน เซินเจิ้น” ผู้เป็นดั่งเงา ก๊อบปี้เกรดเอของร็อกเกอร์ชื่อดังอย่าง “ตูน บอดี้สแลม”
• ก่อนจะมาเป็น “ก๊อบปี้โชว์ ตูน บอดี้สแลม” ก่อนหน้านั้นเป็นใครอะไรยังไง
เป็นนายเจมส์ วิทยา นิตย์แสวง คนบ้านท่าล้อม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ไม่ไกลจากสุพรรณบุรีบ้านพี่ตูนมากนัก (ยิ้ม) ซึ่งก่อนหน้านี้ ชีวิตก็ค่อนข้างตรงกันข้ามกับที่ทำอยู่ในปัจจุบัน คือทำงานด้านศิลปะ วาดรูปเหมือน หลังจากจบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง แล้วก็มาเป็นครูสอนศิลปะที่บ้าน 2 ปี สอนระดับชั้นมัธยมศึกษากับระดับประถมศึกษา
มาจับพลัดจับผลูได้ลองก๊อบปี้พี่ตูนก็จากช่วงปิดเทอมที่ผมมักจะไปเดินสายกับพรรคพวกวาดรูป ตอนนั้นก็มาวาดรูปที่งานกาชาดที่กรุงเทพฯ ช่วงที่เด็กนักเรียนปิดภาคเรียน บังเอิญพี่บอม ก๊อบปี้โชว์พี่ตี๊ก ชิโร่ เดินมาเห็นแล้วเขารู้สึกว่าหน้าเรามีความคล้ายพี่ตูน เขาก็ถามเลยว่าเราพอจะร้องเพลงได้ไหม ก็บอกเขาไปว่าได้นิดหน่อย เขาก็บอกว่าเราเหมือนพี่ตูนเลย ไปออกงานทำงานกับพี่ไหม เราก็ตอบตกลงไป ณ ตอนนั้นเลย เพราะอยากลองว่างานเขาจะเป็นยังไง แล้วก็ได้ลองเล่นในงานกาชาดนั้นเลย
• รู้สึกแปลกใจบ้างไหมที่จู่ๆ มีคนทักบอกว่าเราหน้าคล้ายศิลปินชื่อดัง
ตอนนั้นเริ่มจะมีคนทักบ่อยขึ้นแล้ว แต่ครั้งแรกที่มีคนทัก คือตอนเรียน ม.3 มีเพื่อนคนหนึ่งเขาบอกว่าผมเหมือนพี่ตูน ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราเหมือนพี่ตูน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะตอนนั้นเราตัดผมนักเรียน สั้นๆ เกรียนๆ มันจะเหมือนได้ยังไง ยังหาว่าเพื่อนบ้าเลย แต่หลังๆ ก็มีคนทักเรื่อยๆ เพราะตอนนั้นพี่ๆ เขาก็ค่อยๆ เติบโตมีชื่อเสียง คนยังรู้จักน้อย ผมยอมรับเลย ไม่รู้จัก ได้ยินแต่เพลง แต่ใครร้องล่ะ ก็ฟังมาตลอด หลังๆ ก็ไปเสาะหาว่าคือใคร หน้าตาเป็นอย่างไร แต่ก็ยังรู้สึกส่วนตัวว่าไม่คล้ายกัน
ทีนี้ พอตามผลงานเขามาเรื่อยๆ พอมาเรียนศิลปะตามประสาคนทำงานศิลปะ สไตล์การแต่งตัวก็ไว้ผมยาว ไว้หนวดเครา คนก็ทักมากขึ้น ก็คงราวๆ เดียวกับที่พี่ตูนไว้ผมยาวตอนออกอัลบั้มยาพิษ จังหวะพอดีองค์ประกอบ ซึ่งเอาเข้าจริงก็มีบ้างที่ส่องกระจกแล้วนึกว่า เราคล้ายตรงไหนวะ (หัวเราะ) เป็นบางวันเป็นบางอารมณ์ บางวันก็คล้าย บางวันก็...คล้ายตรงไหน ไม่เห็นจะคล้ายเลย เพราะพี่ตูนเขาเป็นคนผิวดีและหล่อ แรกๆ ผมก็เลยไม่เหมือน คงจะมาเหมือนตอนช่วงนี้แหละที่พี่เขาผอมๆ ผิวคล้ำขึ้นเพราะตากแดดเล่นกีฬา ทำงานช่วยสังคม ก็เลยคล้าย พี่เขาแก่แล้วเราถึงคล้าย (ยิ้ม)
• ย้อนกลับไปงานแรกในการก๊อบปี้โชว์เป็นอย่างไรบ้าง
งานแรกที่ไปก๊อบปี้โชว์ ก็ขึ้นไปโชว์ร้องเพลง ซึ่งมันเป็นจุดเปลี่ยนเลย เพราะว่าเงินที่ได้จากการแสดงก๊อบปี้โชว์เยอะกว่าที่ผมวาดรูปเยอะเลย วันหนึ่งต้องวาด 5 รูปถึงจะได้เท่างานแสดงก๊อบปี้โชว์ จากนั้นก็เลยเริ่มทำทางด้านนี้ (ยิ้ม) หาอะไรที่เกี่ยวกับพี่ตูนมาทำกับเราดูว่าโอเคไหม แล้วก็ให้พี่ๆ ก๊อบปี้โชว์เขาช่วยเทรนให้
ถ้าถามว่าหลักในการก๊อบปี้โชว์ต้องเริ่มจากอะไร ขั้นแรกเราก็ต้องศึกษาน้ำเสียง นี่คือยากสุดๆ ก็ต้องฝึกไปเรื่อยๆ จากนั้นก็เป็นเรื่องกิริยาท่าทาง ก็ดูจากคลิปคอนเสิร์ตเวลาเขาเล่น เขาเล่นอย่างไร บางทีก็ต้องตามไปดูคอนเสิร์ตบ้างเพื่อให้ทันแอกติ้งใหม่ๆ ที่เวลาพี่เขามีอินเนอร์ในบางสิ่งบางอย่าง ก็ต้องหัดต้องซ้อม แล้วก็ไปออกงานเรื่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ผสมกับเล่นมุกฝึกการเอนเตอร์เทน ณ วันนี้ก็ 5 ปีที่ทำก๊อบปี้พี่ตูน
• ในระหว่างที่ก๊อบปี้ ย่อมมีการซึมซับ เราได้อะไรจากชายที่ชื่อตูน บอดี้สแลม บ้าง
หลายสิ่งอย่างครับ คือทุกครั้งที่โชว์ร้องเพลง ก็จะนึกถึงพี่เขาตลอด อย่างเช่นในเรื่องของความหมายเพลง เพลงเขาจะสอน เขาร้องให้คนฟังสนุกสนานมีความสุขก็จริง แต่เนื้อหาของเพลงมันก็สอนให้คนสู้ชีวิต อยากให้ทุกคนเอามาเป็นกำลังใจให้กับตัวเอง หรืออย่างปัจจุบัน เรื่องที่วิ่งโครงการก้าวคนละก้าว มันก็เป็นอะไรที่เป็นปริศนาซ่อนธรรม น้อยคนถึงจะทำแบบนี้ เราก็อยากจะทำตาม ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ คือการติดตามเขาตลอด จากการที่เราใช้ชีวิตธรรมดาทั่วไป คนก็มองเราปกติธรรมดาทั่วไป แต่ตอนนี้ ไปไหนก็มีแต่คนทัก ขอถ่ายรูป ทักทาย มันใช้ชีวิตคนละแบบ
นอกจากเพลงที่เขาสอนทำให้เรามีข้อคิดนำมาปรับใช้ ก็เปลี่ยนสิ่งดีๆ ด้วย สิ่งที่พี่ตูนทำเป็นตัวอย่าง ทำให้ผมมองอะไรหลายๆ อย่างเยอะมากขึ้น เช่น เห็นคนที่เขาลำบาก เดินเก็บขยะ ก็ซื้อของกินไปให้ เพราะผมดูแล้วว่า เราทำงานสบายกว่าเขาอีก ทำไมเขายังสู้ขนาดนี้เลย จากส่วนตัวที่ชอบช่วยเหลืออยู่แล้ว ก็ยิ่งอยากจะช่วยเหลือขึ้นไปอีก ถ้าเรามีกำลังทำไหว ก็พัฒนาเรื่อยๆ ทั้งคุณธรรม จริยธรรม
• รู้สึกเกร็งบ้างไหมกับภาพลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้
ผมว่ามันดีนะ มันเป็นการฝึกนิสัยผมด้วย มันเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับผม คือคนอื่นอาจจะมองว่าอาศัยชื่อเสียงคนอื่นทำมาหากินหรือเปล่า ไม่เห็นดีเลย ก๊อบปี้เขา ไม่มีผลงานเป็นของตัวเอง แต่ผมชอบปล่อยไปตามธรรมชาติมากกว่า ไม่อยากจะฝืนโชคชะตานำพามาให้ทำตรงนี้ ผมไม่ได้เดือดร้อนและไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ตรงกันข้าม กลับเป็นเรื่องที่ดี ผมเห็นคนมีรอยยิ้มเวลาไปแสดงโชว์ ผมก็รู้สึกอยากทำตรงนี้ต่อเพราะทุกคนมีความสุข เราช่วยให้เขามีรอยยิ้ม มีกำลังใจกลับไปสู้ต่อกับสิ่งที่เขาต้องพบเจอ
• ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากต้นตำรับ ส่วนตัวมีโอกาสเจอะเจอพี่ตูน พี่เขาพูดอะไรกับเราบ้างไหม
เจอครั้งแรกตอนไปขอเซลฟี่ถ่ายรูปคู่กับพี่เขา เขาก็หันมา... โห่ นึกว่าส่องกระจก (หัวเราะ) แค่นั้น เพราะคนที่ก๊อบปี้พี่ตูนหลายคนแล้ว พี่ตูนแกก็เป็นคนไม่ค่อยพูด ถ้าใครที่เขาชอบจริงๆ หรือรู้สึกว่าทำอะไรได้ เขาก็จะให้ไปช่วยงาน อย่างเดี่ยวพี่โน้ส (อุดม แต้พานิช) เขาก็ให้ผมไปร่วมโชว์ มันเข้ากับคอนเซ็ปต์ที่จะเล่นด้วย นอกนั้นก็จะมีคำหนึ่งที่พูดกับผมตอนกินข้าวด้วยกัน แกบอกว่า เจมส์ ทำไปเลยนะ เหมือนให้ผมทำไปตรงนี้ ทำไปเต็มที่ ก๊อปก็ก๊อปไปเลย ให้ทำงานตรงนี้
แต่เกรงใจแกอยู่เรื่องหนึ่ง คือบางคนในอินเทอร์เน็ต เข้าใจผิดคิดว่ารูปผมเป็นรูปพี่ตูน เขาก็เอารูปผมไปใช้ อย่างงานวิ่งนี้ ก็เอารูปผมไปใช้ พี่เขาวิ่งผ่าน ก็พยายามจะบอกว่ารูปนั้นไม่ใช่รูปผม ผมอยากจะบอกว่ารู้สึกไม่ดีเลยตรงนี้ แต่ในหน้าที่การงาน ผมตระหนักตรงนี้อยู่แล้ว
เรื่องวิ่ง จากที่พี่เขาเริ่มวิ่งได้ 4 - 5 วัน ผมก็เริ่มทำแล้วอยากจะช่วยพี่เขา เวลาไปโชว์ตามงานต่างๆ ที่ผมรับงานโดยการร้องเพลงไปด้วยแล้วก็รับเงินบริจาคไปด้วย แล้วเงินนี้ก็จะบอกทุกคนที่มาดูโชว์ว่าจะไปส่งมอบพี่ตูนด้วยมือตัวเอง ใครอยากจะส่งผ่านผมก็บริจาคเดี๋ยวผมส่งให้ ก็เลยกลายเป็นไปร่วมวิ่งด้วยเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม เพราะจะเอาเงินไปบริจาคให้แก ส่วนวันที่ 5 ธันวาคม ก็เช่นเดียวกัน เพราะพี่ตูนแกวิ่งผ่านกรุงเทพฯ เราสะดวกในช่วงบริเวณนั้นพอดี ก็เป็นยอดเงินทั้งหมด 6 หมื่นกว่าบาทก้อนแรก
• โครงการก้าวคนละก้าว เรามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นยังไงบ้าง
ผมมองว่าสิ่งที่แกกำลังทำแกมองเห็นปัญหาของเมืองไทยเรา คือจุดอ่อนเมืองไทยตอนนี้คนป่วยมากขึ้นจริงๆ แล้วเขาก็แก้ถูกจุดในความรู้สึกผม เพราะว่าเราอยากจะบริจาคอยากจะทำบุญด้วยกันทั้งนั้น แต่ว่ามันกระจายกัน ไม่เป็นก้อน แต่ตรงนี้มันชัดเจนมากกว่า และมันถึง ก็รู้สึกว่าเป็นโครงการที่ดี ก็อยากจะร่วมช่วยด้วย หลังจากปรากฏการณ์นี้ก็ยิ่งอยากจะทำให้เรารู้สึกทำความดีเพิ่มขึ้น มากขึ้นไปเรื่อยๆ
เพราะวันที่ไปวิ่ง ที่ไปสัมผัส ยิ่งกว่าขนลุกอีกครับ แทบไม่เคยมีในประเทศไทย มันยิ่งใหญ่มาก มันเป็นเหตุการณ์ที่โลกต้องจดจำว่าชายที่ชื่อตูน เขาได้ทำสิ่งนี้ไว้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันไม่ง่ายจริงๆ มันยากมาก ผมแค่ไปวิ่งแป๊บๆ 2 เซต แต่เหนื่อยจริงๆ วิ่งไปหยุดไป ตอนรอบวิ่งกำลังเดิน วิ่งแล้วหยุดถ่ายรูปมันเป็นยังไง หัวใจเราเป็นแบบไหน เหนื่อยมากครับ นานๆ ไป มันไม่ดีต่อร่างกาย ก็อยากจะขอให้ช่วยกันทำตามคำแนะนำเพื่อช่วยเซฟพี่ตูนไม่ให้บาดเจ็บ
• อาทิวราห์ คงมาลัย ชื่อนี้สำหรับเรา ส่วนตัวรู้สึกอย่างไร
ชื่อนี้มันกลายเป็นชื่อที่ไปที่ไหนมีแต่คนรู้จัก อาทิวราห์ แปลว่าหมูป่า สัญชาตญาณของหมูป่าคือมีความกล้าหาญ แข็งแกร่ง นำครอบครัว นำบุคคลรอบข้าง เป็นแบบอย่างให้ก้าวเดินตาม ผมก็ว่าอธิบายทุกอย่างของพี่เขาหมดแล้ว ซึ่งในตอนนี้ผมก็วางแพลนในเรื่องจิตอาสาเอาไว้จะเป็นในเรื่องของรูปแบบกีฬา มีคนที่ติดต่อให้ไปช่วยวิ่ง ช่วยเตะฟุตบอล เราก็จะมุ่งทำจิตอาสาในแนวทางนี้
• ทำไมต้องช่วยเหลือส่งต่อขนาดนั้น เมื่อเราไม่ใช่ตัวจริง
เหนื่อยขึ้น หนักขึ้น เวลาหาเงินก็น้อยลง ทำไมต้องทำ ถ้าถามอย่างนี้ทำไมถึงต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำ มันเหมือนเราขาดอะไรไป ระหว่างที่เราซึมซับเราได้หลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งการงานและชีวิต และสิ่งที่เราทำมันเป็นสิ่งที่เล็กน้อยมากถ้าเทียบกับสิ่งที่พี่เขาทำ เรามีต้นแบบที่เราอยากจะทำตามอยู่แล้วและเป็นทางด้านดีด้วย ทำไมเราถึงจะไม่ทำ เราทำมันเล็กน้อยมาก ความเหนื่อยลืมไปได้เลย ของเราคือเศษเล็กๆ ของเขา
พี่เขาจุดประกายให้ทุกคนช่วยกันทำมากกว่า โครงกรก้าวคนละก้าวเป็นโครงการนำร่องอยู่แล้ว การให้เราลำบาก ถามว่าทำทำไม แต่เวลาเราให้ สิ่งที่เราได้ตอบแทนคือรอยยิ้ม มันมีความสุข อธิบายไม่ได้อย่างที่เขาบอกกัน ต้องทำถึงจะรู้ ให้ไม่หวังผลตอบแทนอยู่แล้วว่าเราจะต้องยิ่งใหญ่ เราจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดัง มันเป็นอย่างไร อย่างที่พี่ตูนเคยพูดไว้ว่าบางคนเขามีโอกาสเจอแค่ครั้งเดียวในชีวิต ซึ่งจริงๆ แล้วเขาดูทีวี โอนเงินบริจาคก็ได้ แต่ทำไมเขาถึงมากัน เราก็รู้สึกดีไปด้วย จะเห็นพี่เขายิ้มตลอด ผมก็ยิ้มตลอด เพราะพี่น้องเขายิ้มส่งตอบเป็นกำลังใจมาให้เรา เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ไม่มีอะไรมีค่าวัดได้ รอยยิ้มสามารถทำให้เรามีแรงทำอย่างอื่นมากมาย คนคนหนึ่งที่ยิ้มให้เรา มันรู้สึกดีกับเราแค่ไหน
• แม้ว่าคนจะจดจำเราเพียงเงา ก็คุ้มค่าที่อยู่ท่ามกลางแสงสว่าง
ก็ภูมิใจที่ส่วนหนึ่งมีความคล้ายกับยอดคนอย่างพี่เขา ต่อให้คนจะจำผิดเรียกผิด ส่วนของการทำงานผมก็ทำโชว์เต็มที่ ถ้าเจอกันข้างนอกที่ต่างๆ ก็แล้วแต่เขาจะเรียก แต่เราก็จะบอกเสมอว่าเราไม่ใช่พี่เขา เราเป็นเงา เราเป็นก๊อบปี้ เราชื่อนี้ๆ หน้าเราอย่างนี้ จะให้ไปเรียกใคร ถ้าเขาอยากจะรู้จักเรา เขาก็ถามเราเองว่าเราเป็นใคร อย่างนั่งแท็กซี่วันนี้ พี่เขาถามว่าที่เราไปออกรายการโชว์เงาเสียงใช่ไหม เราก็บอกว่าใช่ เขาจะถามเอง ถ้าจะเรียกพี่ตูน ก็ให้เขาเรียก ก็จะแก้บอกตลอด
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ต้องแก้ คือการทำความดีแบบพี่เขา แถมยิ่งต้องทำ ทำตลอด ไม่ควรที่จะลังเลด้วยซ้ำ เรามีผู้จุดประกายที่ดี ต้นแบบที่ควรเดินเป็นแบบอย่าง เราจะเลือกเดินอีกทางที่ไม่ดีเพื่อแตกต่างไปทำไม ความดีคือสิ่งที่ต้องทำและร่วมด้วยช่วยกัน ไม่ใช่สิ่งที่ใครยึดติดเป็นของตนเอง อย่างที่พี่ตูนกล่าวไว้ “เรารู้ตัวเราดีอยู่ว่าเราเป็นแบบไหน ทำอะไร ไม่ทำอะไร คนที่เขาไม่ชอบ เขาก็ไม่ชอบเราอยู่ดี พยายามเท่าไรให้เขามาชอบ ก็ไม่มีประโยชน์ ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารักและรักเราดีกว่า ชีวิตนี้อีกไม่นานก็ต้องตายจากกัน คิดดีทำดีกันเข้าไว้ สนุกจะตาย”
เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : Vitthaya toon bodymirror nitsawag