xs
xsm
sm
md
lg

วันนี้เมื่อ ๖๖ ปีก่อน เปิดม่าน “สงครามมหาเอเชียบูรพา”! คนไทยได้รับพิษสงของสงครามโลกครั้งแรก!!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค


คนรุ่นใหม่ยังไม่มีโอกาสได้รู้พิษสงของสงคราม แต่คนที่อายุราว ๗๐ ปีขึ้นไป คงจำกันได้ถึงความทุกข์ยากเมื่อครั้งไทยเราต้องเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ ๒ และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่กรุงรัตนโกสินทร์ถูกข้าศึกโจมตี ถูกถล่มด้วยระเบิดโดยอังกฤษ อเมริกา ยาวนานเกือบ ๔ ปี

แม้ไทยเราจะได้เคยเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ ๑ มาแล้ว แต่ครั้งนั้นสงครามเริ่มขึ้นที่ยุโรปในปี ๒๔๕๗ โดยมีเยอรมัน ออสเตรีย ฮังการี ฝ่ายหนึ่ง กับฝรั่งเศส อังกฤษ และรัสเซีย อีกฝ่ายหนึ่ง โดยต่างฝ่ายต่างก็มีผู้สมทบเข้าร่วมด้วยเรื่อยๆ เช่น ตุรกีเข้าข้างเยอรมันเมื่อ ๑๙ ตุลาคม ญี่ปุ่นเข้าข้างฝรั่งเศสอังกฤษเมื่อ ๒๓ สิงหาคม ต่อมาอีก ๓ ปี อเมริกาจึงเข้าร่วมกับฝรั่งเศสอังกฤษ เมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๑๔๖๐ ส่วนไทยเราประกาศเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๔๕๗ ว่าขอวางตัวเป็นกลาง แต่แล้วเมื่อล่วงเข้าวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๔๖๐ เพียงไม่กี่นาที พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงตัดสินพระทัยที่ทำให้ตกตะลึงกันไปทั่วประเทศ โดยประกาศสงครามกับเยอรมัน ออสเตรีย ฮังการี อย่างไม่มีใครคาดคิด ทำให้คนเยอรมัน ๒๐๐ กว่าคนในประเทศไทย และเป็นชาติที่คนไทยให้ความเป็นมิตรมากที่สุดในยุคนั้น ต้องตกเป็น “ศัตรูต่างประเทศ” ทันที

ไทยได้ส่งทหารบกและทหารอากาศไปร่วมรบที่ยุโรป ๑,๒๕๐ คน อันเป็นผลให้เกิด “อนุสาวรีย์ทหารอาสา” ที่สนามหลวง บรรจุอัฐิของทหารที่ตายในสงคราม และ “วงเวียน ๒๒ กรกฎา” กลางกรุงเทพฯ เป็นที่ระลึกวันประกาศสงคราม

สงครามโลกครั้งที่ ๑ จึงไม่มีผลต่อภายในประเทศไทย เพราะควันสงครามไม่ได้กระจายมาถึง นอกจากส่งทหารไปช่วยเขารบในยุโรปเท่านั้น

ส่วนสงครามโลกครั้งที่ ๒ ก็เริ่มมาจากยุโรปเช่นกัน โดยเยอรมันผู้แพ้สงครามถูกบีบคั้นอย่างหนักด้วยสนธิสัญญาแวร์ซายส์ ต้องชดใช้ค่าเสียหายสงคราม ถูกแบ่งแยกดินแดน ห้ามเกณฑ์ทหาร ห้ามมีเรือดำน้ำและเครื่องบินรบ ห้ามตั้งโรงงานผลิตอาวุธ ฯลฯ ซึ่งทำให้คนเยอรมันขมขื่นมาก โอกาสนี้ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อดีตสิบโทในสงครามโลกครั้งที่ ๑ หัวหน้าพรรคนาซี จึงปลุกเร้าคนเยอรมันด้วยลัทธิชาตินิยมเพื่อฟื้นฟูประเทศ บรรดานายทุนอุตสาหกรรมและนักการทหารพากันสนับสนุนฮิตเลอร์จนก้าวขึ้นเป็นผู้นำเผด็จการของเยอรมัน ครองอำนาจอย่างเด็ดขาด

ฮิตเลอร์ฟื้นฟูเศรษฐกิจเยอรมันขึ้นอย่างรวดเร็ว แอบสร้างอาวุธ ในที่สุดก็ฝ่าฝืนสนธิสัญญาแวร์ซายส์อย่างเปิดเผย ประกาศใช้กฎหมายเกณฑ์ทหาร ผลิตรถถัง เครื่องบิน และจัดตั้งกองทัพ ฝรั่งเศสและอังกฤษไม่คาดคิดว่าเยอรมันจะฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้ จึงเตรียมรับไม่ทัน

เยอรมันทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับอิตาลีและญี่ปุ่น แล้วต่างฝ่ายต่างก็รุกรานประเทศอื่นขยายอิทธิพลของตน อิตาลีโดยผู้เผด็จการ มุสโสลินี บุกเข้ายึดเอธิโอเปีย ญี่ปุ่นบุกเข้าจีน เยอรมันประกาศรวมประเทศกับออสเตรีย ซึ่งสนธิสัญญาแวร์ซายส์ห้ามไว้ บุกเข้ายึดเชคโกสโลวาเกียแล้วประกาศยุบประเทศนี้รวมกับเยอรมัน อังกฤษกับฝรั่งเศส พยายามยับยั้งโดยสันติวิธีแต่เยอรมันไม่สนใจ หันไปทำสัญญาไม่รุกรานกับรัสเซียแล้วบุกเข้ายึดโปแลนด์ อังกฤษกับฝรั่งเศสซึ่งประกาศไว้ก่อนแล้วว่าจะยืนอยู่ข้างโปแลนด์เลยต้องประกาศสงครามกับเยอรมันในวันที่ ๓ กันยายน ๒๔๘๒ อันเป็นวันเริ่มสงครามโลกครั้งที่ ๒

เยอรมันและรัสเซียต่างก็บุกยุโรปจนราบ เหลือแต่อังกฤษที่ยังยันไว้ได้ นายพลเดอโกลไปตั้งรัฐบาลฝรั่งเศสพลัดถิ่นอยู่ที่วีชี่ บนที่ราบสูงตอนกลางของฝรั่งเศส แต่แล้วเยอรมันก็เห็นว่าพันธมิตรรัสเซียเรียกร้องมากเกินไป ประกอบกับอยากได้แหล่งทรัพยากรของรัสเซียในรัฐยูเครน ฮิตเลอร์เลยหันไปบุกรัสเซีย ยึดแหล่งน้ำมันและทุ่งข้าวสาลีในรัฐยูเครนไว้ได้หมด รัสเซียโชคดีที่มีอากาศหนาวจัดซึ่งเคยทำให้จักรพรรดินโปเลียนพ่ายแพ้มาแล้ว ช่วยยับยั้งกองทัพเยอรมันไว้ได้ จึงหันไปร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรถล่มเยอรมัน

ทางด้านเอเซีย ญี่ปุ่นซึ่งกำลังก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม ต้องการแหล่งวัตถุดิบและระบายสินค้า จึงหวังที่จะเข้ายึดครองอาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศสในเอเชียแทน ขับไล่ชาวยุโรปทั้งหมดออกจากเอเซีย แล้วสถาปนา “วงไพบูลย์ร่วมกันแห่งมหาเอเซียบูรพา” เริ่มด้วยส่งทหารเข้าไปในอินโดจีนของฝรั่งเศสโดยอ้างว่าจะขอเข้าไปยันจีนทางด้านเหนือของเวียดนาม ฝรั่งเศสไม่อาจต่อกรกับญี่ปุ่นได้เพราะเมืองแม่ก็แตกไปแล้ว เลยได้แต่มองตาปริบๆ และกลัวว่าไทยจะถือโอกาสแก้แค้นที่ถูกโกงดินแดนไป จึงขอทำสัญญาไม่รุกรานต่อกัน ไทยบอกจะทำก็ได้แต่ขอเจรจาเรื่องเส้นแบ่งปันเขตแดนในแม่น้ำโขงก่อน โดยฝรั่งเศสถือว่าลำน้ำโขงเป็นของฝรั่งเศส เกาะที่ติดอยู่กับฝั่งไทยยังต้องเป็นของฝรั่งเศส ไทยเราก้าวลงจากตลิ่งไปไม่ได้เลย จึงขอให้ใช้ร่องน้ำลึกเป็นเส้นแบ่งเขตแดนตามหลักสากล แต่ฝรั่งเศสไม่ยอมเจรจา เร่งรัดจะให้เซ็นสัญญาไม่รุกรานกันลูกเดียว ไทยเราจึงไม่ยอมเซ็น ฝรั่งเศสเลยส่งทหารมายั่วยุตามชายแดนหวังจะข่มขู่ นิสิตจุฬาและนักศึกษาธรรมศาสตร์จึงเดินขบวนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๔๘๔ สนับสนุนให้ตอบโต้ฝรั่งเศสโดยทวงดินแดนคืนทั้งหมด ไม่ใช่แค่ร่องน้ำ จนการเดินขบวนกระจายไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ

เมื่อคนไทยฮึกเหิม จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนั้นยังมียศเป็นพลตรี จึงรับลูก ส่งทหารลุยเข้าไปในอินโดจีน ด้วยเกรงว่าฝรั่งเศสจะยกอินโดจีนให้ญี่ปุ่นหมด และได้กล่าวใน ครม.ว่า

“ถ้าฝรั่งเศสยอมยกอินโดจีนให้ญี่ปุ่น และไทยเรามิได้แสดงหน้าที่สนใจเกี่ยวกับดินแดนของเราที่เสียไป รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบต่ออนุชนรุ่นหลังในฐานที่เพิกเฉย”

ฝรั่งเศสส่งแต่ทหารเขมร ทหารญวนมารบ ไม่กล้าแม้จะใช้ทหารลาว เพราะกลัวมาเข้ากับคนไทย ส่วนทหารฝรั่งเศสเป็นผู้บังคับบัญชาแอบอยู่ข้างหลัง ถูกทหารไทยตีกระเจิงหมดทุกแนว จับนายทหารฝรั่งเศสและยึดรถถังได้หลายคัน ในที่สุดฝรั่งเศสก็ขอให้ญี่ปุ่นช่วยเจรจาสงบศึก ยอมคืนดินแดนทั้งในลาวและเขมรให้ไทย พลตรีหลวงพิบูลสงคราม กลายเป็นวีรบุรุษของชาติ เลื่อนยศจากพลตรีกระโดดขึ้นเป็นจอมพลทันที

ญี่ปุ่นคาดว่าอังกฤษคงทานเยอรมันไม่ได้แน่ จึงคิดยึดเอเซียทั้งหมด นอกจากจะเข้ายึดครองแมนจูเรียและเกาหลีแล้ว ยังวางแผนยกพลบุกอินโดเนเซียของเนเธอร์แลนด์ มลายูและพม่าของอังกฤษ รวมทั้งไทยที่จำเป็นต้องใช้เป็นทางผ่าน ในที่ประชุมซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิเป็นประธาน ทรงคัดค้านการบุกไทยซึ่งเป็นชาติอิสระที่ประกาศเป็นกลาง ฝ่ายทหารอ้างว่าจำเป็นเพราะต้องใช้ไทยเป็นทางผ่าน แต่จะส่งทหารเข้าไทยก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากไทยก่อน สมเด็จพระจักรพรรดิจึงทรงอนุมัติ แต่ญี่ปุ่นจะบอกเรื่องนี้กับไทยล่วงหน้าก็ไม่ได้กลัวความแตก กำหนดจะเจรจาในวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๔๘๗ ในเวลา ๑๘,๐๐ น. และให้ไทยตอบก่อนเที่ยงคืนก่อนล่วงเข้าวันที่ ๘ ธันวาคม

ทางด้านสหรัฐอเมริกาซึ่งยังวางตัวเป็นกลาง สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นที่จะคุกคามเอเซีย จึงหาทางบีบญี่ปุ่นโดยขอยกเลิกสัญญาการพาณิชย์และการเดินเรือระหว่างสหรัฐอเมริกากับญี่ปุ่น ห้ามส่งน้ำมันให้ญี่ปุ่น ทั้งยังเคลื่อนกำลังทางเรือมายังมหาสมุทรแปซิฟิก จัดซ้อมรบขึ้นที่หมู่เกาะฮาวาย ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นไม่พอใจ อเมริกาเสริมสร้างฐานทัพเรือที่เพิร์ลฮาร์เบอร์อย่างแข็งแกร่ง ทั้งยังสั่งห้ามส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันและโลหะออกนอกประเทศ ทำให้ญี่ปุ่นกระทบกระเทือนอย่างหนัก สั่งอายัดทรัพย์สินของคนญี่ปุ่นในอเมริกาด้วย ญี่ปุ่นพยายามเจรจาทางการทูตเพื่อให้อเมริกาตายใจ หน่วงเหนี่ยวเวลาไว้ จนถึงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๘๔ ญี่ปุ่นก็พร้อมสำหรับการเปิดม่าน “สงครามมหาเอเซียบูรพา”

๐๗.๕๕ น. ของวันที่ ๘ ธันวาคม ฝูงบินญี่ปุ่นจากเรือบันทุกเครื่องบินได้เข้าโจมตีฐานทัพเรือของสหรัฐอเมริกาที่เพิร์ลฮาร์เบอร์โดยไม่ประกาศสงครามให้รู้ตัวล่วงหน้า พร้อมทั้งยกพลขึ้นบกที่มลายูของอังกฤษ เคลื่อนกำลังเข้าไทย บุกฮ่องกง เกาะกวม เกาะเวก ยิงถล่มเกาะมิดเวย์ และในวันที่ ๑๐ ธันวาคม ได้ยกพลขึ้นบกทางเหนือของเกาะลูซอน ในฟิลิปปินส์

เป็นการเปิดฉากสงครามมหาเอเซียบูรพา เพื่อสร้าง “วงไพบูลย์ร่วมกันแห่งมหาเอเซียบูรพา” โดยมีคำขวัญล่อใจว่า “เอเซียเพื่อคนเอเซีย” ทำให้คนไทยได้รับรู้พิษสงของสงครามเป็นครั้งแรก แม้จะไม่ถูกถล่มอย่างหนักเหมือนที่อื่นๆ แต่ก็ลำบากยากแค้นกันไปทุกอย่าง ยามนั้นไทยเรายังผลิตของใช้ได้ไม่มากนัก ส่วนใหญ่ต้องสั่งมาจากต่างประเทศ ซ้ำยังโดนญี่ปุ่นมหามิตรกว้านซื้อไปใช้ในกองทัพและส่งไปเลี้ยงคนญี่ปุ่นในประเทศ ทั้งข้าวสาร เนื้อวัว แม้แต่จอบ เสียม เกลี้ยงตลาด พ่อค้าก็กักตุนไว้ขายญี่ปุ่นได้ราคาดีกว่า ขนาดขี้เถ้าในเตาไฟยังต้องกวาดออกมาแช่เป็นน้ำด่างไว้ซักผ้า เพราะสบู่ก็เป็นของหายาก รัฐบาลคาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้วจึงรณรงค์ให้ทุกบ้านปลูกผักทำสวนครัวไว้ คนที่ทำตามก็พอช่วยได้

สถานการณ์โลกยามนี้ สงครามโลกครั้งที่ ๓ อาจเกิดได้ทุกเมื่อ และจะแผ่กว้างมากกว่าทุกครั้ง ไทยเราก็คงไม่พ้น เตรียมใจ เตรียมตัวกันไว้บ้างก็ดี เศรษฐกิจพอเพียง และศาสตร์พระราชา จะทำให้เราพึ่งตัวเองได้มากกว่าสงครามโลกครั้งที่แล้วแน่
กำลังโหลดความคิดเห็น