หลายคนคงอยากใส่แฮชแท็ก #หมอสวยบอกต่อ เพราะคุณหมอที่เราจะพูดถึงคนนี้ หนุ่มๆ เห็นก็ต้องตกหลุมรัก เพราะความน่ารักสดใส การันตีได้จากยอดฟอลโลว์ในอินสตาแกรมหลายหมื่นคน ‘หมอนิ้ง-พญ.เพชรรัตน์ กิตตินุสรณ์’ แพทย์หญิงประจำโรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่

• ขอย้อนถามถึงก่อนมาเป็นหมอหน่อยค่ะ ทำไมถึงอยากเรียนหมอคะ
ตอนแรก นิ้งก็เป็นเหมือนเด็กมัธยมทั่วไปเลยค่ะ ไม่ได้เรียนเก่ง ไม่เคยคิดอยากเป็นหมอเลยด้วยซ้ำ แต่พออยู่มัธยมปลาย นิ้งขยันมากขึ้น ผลการเรียนดีขึ้น คุณแม่ก็เลยบอกให้เราลองเลือกคณะแพทย์ดู สมัยนั้นเป็นการสอบโควตานะคะ นิ้งเลือกคณะแพทย์กับทันตแพทย์ คิดไว้แล้วว่าถ้าสอบไม่ติด จะเรียนบัญชี เพราะนิ้งชอบวิชาคณิตศาสตร์มาก เรียกได้ว่าเป็นสายคำนวณเลยค่ะ
รองลงมาจะเป็นวิชาฟิสิกส์กับเคมี แต่นิ้งไม่ชอบวิชาชีวะ เพราะรู้สึกว่าจำอะไรไม่ได้ ส่วนวิชาภาษาไทยกับสังคม ยิ่งแย่เลยค่ะ คะแนนสอบโควตาจาก 100 ยังได้ไม่ถึง 40 เลย แต่คณิตศาสตร์ได้ 90 ภูมิใจมาก นิ้งเลยคิดว่าจะเรียนบัญชีหรือบริหารถ้าสอบไม่ติดหมอ อีกอาชีพที่อยากเป็นคือแอร์โฮสเตสค่ะ รู้สึกว่าอาชีพนี้เหมือนนางฟ้า เป็นอาชีพในฝันของเด็กผู้หญิงค่ะ แต่สุดท้าย ผลปรากฏว่าเราสอบติดคณะแพทย์ โครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท ได้เป็นนักเรียนทุนค่ะ
• ตอนแรกบอกว่าไม่อยากเป็นหมอ พอสอบติด ทำให้อยากเป็นอาชีพนี้ใช่ไหมคะ
ตรงๆ เลยนะคะ นิ้งค้นพบตัวเองหลังจากเรียนจบค่ะ คือเราได้เห็นคุณค่าหลังจากเรียนจบ ตอนแรกไม่รู้หรอกว่าเป็นหมอมันดียังไง ตอนเรียนก็เครียดมาก โทร.ไปบ่นกับคุณแม่แทบทุกวัน ไหนจะต้องอยู่เวรอีก บางทีอยู่เวร 2-3 วันติดกัน ไม่ได้นอนเลย เหนื่อยและท้อมากค่ะ แต่พอเรียนจบมาแล้ว เราถึงได้รู้ว่าเราเลือกไม่ผิด นิ้งรู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับที่เราทนเหนื่อยและอดทนมาตลอด ก็เลยได้เป็นหมอมาจนทุกวันนี้ ตอนนี้ก็ 2 ปีแล้วค่ะ

• พอได้มาเป็นหมอจริงๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง หน้าที่ของคุณหมอตอนนี้ทำอะไรบ้างคะ
หน้าที่หลักคือตรวจคนไข้ที่โรงพยาบาลค่ะ ก็จะมีบางวันที่อยู่เวร และตอนนี้ นิ้งเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับความงามด้วย บางคนอาจจะคิดว่าการเสริมความงามไม่ใช่การใช้ความรู้ทางการแพทย์เพื่อช่วยชีวิตคน แต่สำหรับนิ้ง นิ้งว่าการที่เราทำให้คนคนหนึ่งสวยขึ้นและมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น ก็ถือเป็นการรักษาอย่างหนึ่งค่ะ แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนมากกว่าค่ะ
ตอนนี้นิ้งเรียนเกี่ยวกับศัลยกรรมตกแต่งเพิ่ม และจะเรียนเกี่ยวกับการทำเลเซอร์ เป็นคอร์สระยะสั้น ซึ่งเราต้องนั่งเครื่องบินไปเรียนที่กรุงเทพฯ ทุกวันเสาร์ ที่นิ้งทำเป็นแล้วตอนนี้ก็จะมีเสริมจมูก เสริมคาง และเสริมหน้าอก เพราะนิ้งสนใจด้านนี้อยู่แล้วด้วยค่ะ

• เห็นว่าอาชีพนี้ต้องเสียสละพอสมควรเลย
ใช่ค่ะ อาชีพหมอเป็นอะไรที่ต้องเสียสละมากๆ ต้องเห็นประโยชน์ของผู้อื่นก่อนตัวเอง ต้องมีจิตใจที่อยากจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อยู่เสมอ นอกจากนี้ยังต้องมีความรับผิดชอบสูง เพราะเราทำงานกับชีวิตคน บางที สิ่งที่เราทำก็มีผลต่อชีวิตของคนทั้งชีวิต อย่างเช่น วันนี้เราอยู่เวรเหนื่อยมาก เพิ่งจะได้พักตอนตี 1 แต่คนไข้ประสบอุบัติเหตุขาขาดมาตอนตี 2 ต้องผ่าตัดด่วน ถ้าเราไม่สู้ คนไข้อาจจะต้องพิการไปตลอดชีวิต และอาจจะไม่ได้กระทบแค่ตัวคนไข้เพียงอย่างเดียว แต่อาจจะมีผลไปถึงครอบครัวของเขาด้วย ดังนั้น เราต้องอดทนและรับผิดชอบในหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุด
• แล้วช่วงที่ท้อแท้ คุณหมอฝ่าฟันมาได้ยังไงคะ
คำว่า “อุปสรรค” นิ้งว่ามันอยู่ที่ความคิดของเรานะคะ คุณแม่มักจะสอนให้นิ้งมองโลกในแง่ดี รู้จักปล่อยวาง ไม่ยึดติด อย่างตอนเป็นนักศึกษาแพทย์ปี 6 เราต้องอยู่เวรติดๆ กัน บางคนถามว่า ทนได้ยังไงกับชีวิตแบบนี้ สำหรับเรามันก็เหนื่อยค่ะ แต่พอได้นอนแล้วตื่นมา ความเหนื่อยมันก็หายไป เราสามารถกลับมาทำงานได้ใหม่ ก็เท่านั้นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับทัศนคติและมุมมองมากกว่า ถ้าเรามองว่ามันเป็นอุปสรรค มันก็เป็น แต่ถ้าคิดว่ามันเป็นอีกเรื่องที่เกิดขึ้น มันก็จะผ่านไปได้เองค่ะ
อย่างเวลาที่รู้สึกท้อ นิ้งจะคิดย้อนกลับไปว่า กว่าเราจะมาเป็นหมอได้อย่างทุกวันนี้ เราต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรมาบ้าง แล้ววันนี้เราจะมาท้อหรือยอมแพ้กับปัญหาเล็กๆ ไม่ได้ เรายังมีประโยชน์กับคนอีกเยอะ ก็ให้กำลังใจตัวเอง แล้วเราก็ได้กำลังใจจากครอบครัวด้วย แค่นี้ก็หายเหนื่อยแล้วค่ะ
นอกจากนี้ เวลาเครียดๆ นิ้งจะชอบทำขนมค่ะ เริ่มทำพวกเบเกอรี่ก่อน ลงทุนซื้ออุปกรณ์มาหมดเลย ใครเห็นก็นึกว่านิ้งจะเปิดร้าน แล้วนิ้งยังเคยบินไปเรียนทำขนมที่กรุงเทพฯ ด้วยนะคะ แบบไปเช้าเย็นกลับ เหนื่อยมากแต่สนุกค่ะ แรกๆ ยังไม่เก่ง ทำแล้วทิ้งหมดเลย แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ เริ่มจะกินได้บ้าง ตอนนี้กำลังเรียนทำขนมไทยค่ะ เพราะรู้สึกว่าขนมไทยมีเสน่ห์มาก ต้องใช้ความประณีต กลิ่นขนมไทยก็มีเอกลักษณ์ เร็วๆ นี้นิ้งจะเปิดร้านขนมไทยด้วย ตอนนี้ก็กำลังเริ่มสร้างอยู่ค่ะ

• การรับมือกับคนไข้เป็นยังไง เคยเจอคนไข้ที่รับมือยากๆ บ้างไหม แก้ไขสถานการณ์ยังไงบ้างคะ
ทุกวันนี้ หมอโดนฟ้องร้องเยอะขึ้นนะคะ เราคงต้องมองย้อนกลับมาว่า เราทำตามคำสอนของพระบิดาที่ว่า “ให้ยึดประโยชน์ส่วนตัวเป็นกิจที่สอง ประโยชน์ส่วนรวมเป็นกิจที่หนึ่ง ลาภยศจะตกแก่ตัวท่านเอง ถ้าท่านดำรงคุณธรรมแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์” อย่างถ้าเจอคนไข้หงุดหงิดโวยวาย แล้วคุณหมอหงุดหงิดกลับไป โอเคว่า หมอก็เป็นคนเหมือนกัน แต่เมื่อคุณสวมบทบาทเป็นหน้าที่แพทย์ที่ต้องคอยดูแลเขา คุณควรจะโกรธตอบไหม ที่สำคัญ เราต้องตระหนักไว้ว่า เราเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาเสมอ ปัญหาแก้ได้ง่ายที่สุดคือแก้ที่ตัวเรา ไม่ใช่คนอื่น ถ้าเรามีทัศนคติที่ดี ไม่เอาเปรียบใคร ทุกอย่างก็จะดีเองค่ะ
• แบบนี้การทำงานมีอะไรน่าตื่นเต้นบ้างไหมคะ หรือมีเหตุการณ์อะไรที่ท้าทายบ้าง ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ
มีค่ะ สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ปีที่ 4 ซึ่งเป็นปีแรกที่ได้มาดูแลผู้ป่วยจริง ดูแลตั้งแต่ผู้ป่วยเด็ก ไปจนถึงผู้ป่วยไอซียู บางทีเดินตรวจอยู่ ผู้ป่วยเตียงข้างๆ ก็หัวใจหยุดเต้น ต้องรีบวิ่งไปปั๊มหัวใจ ชุลมุนวุ่นวายไปหมด หรือคนไข้จิตเวชที่บางวันก็ปกติดี บางวันก็คิดว่าเราจะไปทำร้ายเขา หนีจะกระโดดตึกก็มี แรกๆ เราก็ตกใจ ทำตัวไม่ถูก พอเจอเรื่อยๆ ก็เริ่มชินแล้วค่ะ

• แล้วหมอสวยขนาดนี้มีคนไข้หนุ่มๆ มาขายขนมจีบบ้างไหม ทำยังไงถ้าเจอเหตุการณ์แบบนั้น
ก็มีบ้างค่ะ ไม่เชิงว่ามาจีบนะคะ จะเป็นลักษณะแซวๆ มากกว่าค่ะ ฟังแล้วก็ขำๆ ตลกดีค่ะ อย่างตอนอยู่เวร เคยเจอทหารที่รถจักรยานยนต์ล้มแล้วต้องเย็บแผล พากันมาเป็นกองทัพเลย คนป่วยมีคนเดียว แต่กำลังใจนี่มาเป็นสิบๆ เลยค่ะ ตอนนิ้งเย็บแผล ก็แซวไปร้องเพลงไป เสียสมาธิเลย แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ จะได้ทำงานไม่เครียดมาก (หัวเราะ)

• ถามถึงจรรยาบรรณของอาชีพหมอหน่อยค่ะ “หมอที่ดี” ในความรู้สึกของหมอนิ้งต้องเป็นแบบไหน
นิ้งตัดสินไม่ได้หรอกค่ะว่าอะไรคือดีหรือไม่ดี คำว่าดีนั้นขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคนมากกว่า สำหรับนิ้ง แค่รู้สึกว่าการได้ช่วยเหลือคนไข้ รู้สึกดีที่เขาเดินออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม และกลับมาพร้อมกับคำว่าเขาดีขึ้น ขอบคุณหมอมากเลยที่ช่วยเขาในวันนั้น สิ่งเหล่านี้แหละค่ะที่ทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราตั้งใจทำ ภูมิใจและอยากทำต่อไป
เราต้องมองเห็นคุณค่าในตัวเอง ไม่ว่าอาชีพไหนก็ตาม ถ้าเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำ มันจะมีคุณค่าทั้งต่อตัวเองและต่อคนอื่น เราก็จะทำมันไปได้เรื่อยๆ สิ่งที่ได้รับจากการเป็นหมออาจจะไม่ใช่รายได้มากมายอย่างที่หลายๆ คนตั้งความหวังไว้ แต่สิ่งที่จะได้รับอย่างแน่นอนและสำคัญกว่ารายได้ คือความสุขจากการที่เราได้ช่วยเหลือผู้อื่นในทุกๆ วันที่เราทำงาน เราได้เห็นรอยยิ้มของคนไข้และญาติ เมื่อเราทำให้เขาดีขึ้น หรือแม้กระทั่งทำให้เขาจากไปโดยไม่ทุกข์ทรมาน มันเป็นเสน่ห์ของอาชีพหมอค่ะ
• แล้วมีมุมมองต่ออาชีพหมอและวงการแพทย์ในปัจจุบันนี้ยังไงบ้างคะ
หมอเป็นอาชีพที่ได้รับการยกย่องจากสังคม แต่ปัจจุบัน แนวโน้มที่ชัดเจนขึ้นคือ ความขัดแย้งระหว่างหมอกับคนไข้ มีการฟ้องร้องแพทย์มากขึ้นในทุกปี ความขัดแย้งส่วนหนึ่งเกิดจากความคิดของคนเปลี่ยนไป เวลาไปหาหมอ พวกเขาไม่รู้สึกว่ากำลังขอความช่วยเหลือ แต่รู้สึกเป็นสิทธิที่ตนจ่ายเงิน เมื่อผลการรักษาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง จึงไม่พอใจและเกิดการเรียกร้องสิทธิของตน
ในมุมมองของนิ้ง ปัญหานี้อาจจะเกิดมาตั้งแต่เราเป็นนักเรียนแพทย์ที่ถูกฝึกมาให้รักษาโรค สนใจแต่โรค ไม่ได้สนใจคน โดยที่เราไม่รู้เลยว่าคนไข้แต่ละคนมีเบื้องหลังต่างกัน หมอจึงควรเข้าใจและรักษาคนไข้ด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีมีผลต่อการรักษามาก เชื่อไหมคะว่ามีคนไข้ที่มาหาหมอเพื่ออยากพูดคุยกับหมอเฉยๆ พอได้พูดคุยแค่นี้ โรคเขาก็หายแล้ว เพราะเขาต้องการคนรับฟังเท่านั้นเองค่ะ หรือบางคนขายที่นาเพื่อมารักษาโรคมะเร็งระยะสุดท้าย สองเดือนต่อมาคนไข้เสียชีวิตและยังทิ้งภาระหนี้สินให้ครอบครัว เพราะเอาเงินมารักษาตัว ถ้าหมอบอกคนไข้ว่าโรคนี้ทุ่มสุดตัวก็รักษาไม่หาย คนไข้และครอบครัวอาจจะมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ก็ได้ค่ะ

• ถ้ามีน้องๆ วัยเรียนที่อยากจะเป็นหมอบ้าง มีคำแนะนำอย่างไรบ้างคะ
นิ้งอยากบอกน้องๆ ว่าอาชีพหมอเป็นอาชีพที่ทำงานหนัก ต้องเสียสละเพื่อผู้อื่น ต้องใช้ความอดทนและความพยายามเยอะมาก แต่มันก็มีความคุ้มค่าเกินกว่าจะบรรยายได้ ถ้าเรามีความชอบทางด้านนี้ก็ขอให้เชื่อว่าตนเองทำได้และทำออกมาให้ดีที่สุดอย่างที่เราตั้งใจไว้ ถ้าน้องคนไหนยังไม่มั่นใจว่าชอบอาชีพนี้ไหม การไปเข้าค่ายตามโรงเรียนแพทย์ต่างๆ ช่วยได้เยอะมาก เพราะน้องจะได้เห็นชีวิตการเรียนแพทย์จริงๆ ว่ามันเหมาะกับเราหรือไม่

Profile
ชื่อ สกุล : พญ.เพชรรัตน์ กิตตินุสรณ์
ชื่อเล่น : นิ้ง
อาชีพ : แพทย์ใช้ทุน โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข
คติประจำใจ : Life isn’t about finding yourself. Life is about creating yourself.







เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : อินสตาแกรม @Petcharat_nk
• ขอย้อนถามถึงก่อนมาเป็นหมอหน่อยค่ะ ทำไมถึงอยากเรียนหมอคะ
ตอนแรก นิ้งก็เป็นเหมือนเด็กมัธยมทั่วไปเลยค่ะ ไม่ได้เรียนเก่ง ไม่เคยคิดอยากเป็นหมอเลยด้วยซ้ำ แต่พออยู่มัธยมปลาย นิ้งขยันมากขึ้น ผลการเรียนดีขึ้น คุณแม่ก็เลยบอกให้เราลองเลือกคณะแพทย์ดู สมัยนั้นเป็นการสอบโควตานะคะ นิ้งเลือกคณะแพทย์กับทันตแพทย์ คิดไว้แล้วว่าถ้าสอบไม่ติด จะเรียนบัญชี เพราะนิ้งชอบวิชาคณิตศาสตร์มาก เรียกได้ว่าเป็นสายคำนวณเลยค่ะ
รองลงมาจะเป็นวิชาฟิสิกส์กับเคมี แต่นิ้งไม่ชอบวิชาชีวะ เพราะรู้สึกว่าจำอะไรไม่ได้ ส่วนวิชาภาษาไทยกับสังคม ยิ่งแย่เลยค่ะ คะแนนสอบโควตาจาก 100 ยังได้ไม่ถึง 40 เลย แต่คณิตศาสตร์ได้ 90 ภูมิใจมาก นิ้งเลยคิดว่าจะเรียนบัญชีหรือบริหารถ้าสอบไม่ติดหมอ อีกอาชีพที่อยากเป็นคือแอร์โฮสเตสค่ะ รู้สึกว่าอาชีพนี้เหมือนนางฟ้า เป็นอาชีพในฝันของเด็กผู้หญิงค่ะ แต่สุดท้าย ผลปรากฏว่าเราสอบติดคณะแพทย์ โครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท ได้เป็นนักเรียนทุนค่ะ
• ตอนแรกบอกว่าไม่อยากเป็นหมอ พอสอบติด ทำให้อยากเป็นอาชีพนี้ใช่ไหมคะ
ตรงๆ เลยนะคะ นิ้งค้นพบตัวเองหลังจากเรียนจบค่ะ คือเราได้เห็นคุณค่าหลังจากเรียนจบ ตอนแรกไม่รู้หรอกว่าเป็นหมอมันดียังไง ตอนเรียนก็เครียดมาก โทร.ไปบ่นกับคุณแม่แทบทุกวัน ไหนจะต้องอยู่เวรอีก บางทีอยู่เวร 2-3 วันติดกัน ไม่ได้นอนเลย เหนื่อยและท้อมากค่ะ แต่พอเรียนจบมาแล้ว เราถึงได้รู้ว่าเราเลือกไม่ผิด นิ้งรู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับที่เราทนเหนื่อยและอดทนมาตลอด ก็เลยได้เป็นหมอมาจนทุกวันนี้ ตอนนี้ก็ 2 ปีแล้วค่ะ
• พอได้มาเป็นหมอจริงๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง หน้าที่ของคุณหมอตอนนี้ทำอะไรบ้างคะ
หน้าที่หลักคือตรวจคนไข้ที่โรงพยาบาลค่ะ ก็จะมีบางวันที่อยู่เวร และตอนนี้ นิ้งเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับความงามด้วย บางคนอาจจะคิดว่าการเสริมความงามไม่ใช่การใช้ความรู้ทางการแพทย์เพื่อช่วยชีวิตคน แต่สำหรับนิ้ง นิ้งว่าการที่เราทำให้คนคนหนึ่งสวยขึ้นและมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น ก็ถือเป็นการรักษาอย่างหนึ่งค่ะ แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนมากกว่าค่ะ
ตอนนี้นิ้งเรียนเกี่ยวกับศัลยกรรมตกแต่งเพิ่ม และจะเรียนเกี่ยวกับการทำเลเซอร์ เป็นคอร์สระยะสั้น ซึ่งเราต้องนั่งเครื่องบินไปเรียนที่กรุงเทพฯ ทุกวันเสาร์ ที่นิ้งทำเป็นแล้วตอนนี้ก็จะมีเสริมจมูก เสริมคาง และเสริมหน้าอก เพราะนิ้งสนใจด้านนี้อยู่แล้วด้วยค่ะ
• เห็นว่าอาชีพนี้ต้องเสียสละพอสมควรเลย
ใช่ค่ะ อาชีพหมอเป็นอะไรที่ต้องเสียสละมากๆ ต้องเห็นประโยชน์ของผู้อื่นก่อนตัวเอง ต้องมีจิตใจที่อยากจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อยู่เสมอ นอกจากนี้ยังต้องมีความรับผิดชอบสูง เพราะเราทำงานกับชีวิตคน บางที สิ่งที่เราทำก็มีผลต่อชีวิตของคนทั้งชีวิต อย่างเช่น วันนี้เราอยู่เวรเหนื่อยมาก เพิ่งจะได้พักตอนตี 1 แต่คนไข้ประสบอุบัติเหตุขาขาดมาตอนตี 2 ต้องผ่าตัดด่วน ถ้าเราไม่สู้ คนไข้อาจจะต้องพิการไปตลอดชีวิต และอาจจะไม่ได้กระทบแค่ตัวคนไข้เพียงอย่างเดียว แต่อาจจะมีผลไปถึงครอบครัวของเขาด้วย ดังนั้น เราต้องอดทนและรับผิดชอบในหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุด
• แล้วช่วงที่ท้อแท้ คุณหมอฝ่าฟันมาได้ยังไงคะ
คำว่า “อุปสรรค” นิ้งว่ามันอยู่ที่ความคิดของเรานะคะ คุณแม่มักจะสอนให้นิ้งมองโลกในแง่ดี รู้จักปล่อยวาง ไม่ยึดติด อย่างตอนเป็นนักศึกษาแพทย์ปี 6 เราต้องอยู่เวรติดๆ กัน บางคนถามว่า ทนได้ยังไงกับชีวิตแบบนี้ สำหรับเรามันก็เหนื่อยค่ะ แต่พอได้นอนแล้วตื่นมา ความเหนื่อยมันก็หายไป เราสามารถกลับมาทำงานได้ใหม่ ก็เท่านั้นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับทัศนคติและมุมมองมากกว่า ถ้าเรามองว่ามันเป็นอุปสรรค มันก็เป็น แต่ถ้าคิดว่ามันเป็นอีกเรื่องที่เกิดขึ้น มันก็จะผ่านไปได้เองค่ะ
อย่างเวลาที่รู้สึกท้อ นิ้งจะคิดย้อนกลับไปว่า กว่าเราจะมาเป็นหมอได้อย่างทุกวันนี้ เราต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรมาบ้าง แล้ววันนี้เราจะมาท้อหรือยอมแพ้กับปัญหาเล็กๆ ไม่ได้ เรายังมีประโยชน์กับคนอีกเยอะ ก็ให้กำลังใจตัวเอง แล้วเราก็ได้กำลังใจจากครอบครัวด้วย แค่นี้ก็หายเหนื่อยแล้วค่ะ
นอกจากนี้ เวลาเครียดๆ นิ้งจะชอบทำขนมค่ะ เริ่มทำพวกเบเกอรี่ก่อน ลงทุนซื้ออุปกรณ์มาหมดเลย ใครเห็นก็นึกว่านิ้งจะเปิดร้าน แล้วนิ้งยังเคยบินไปเรียนทำขนมที่กรุงเทพฯ ด้วยนะคะ แบบไปเช้าเย็นกลับ เหนื่อยมากแต่สนุกค่ะ แรกๆ ยังไม่เก่ง ทำแล้วทิ้งหมดเลย แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ เริ่มจะกินได้บ้าง ตอนนี้กำลังเรียนทำขนมไทยค่ะ เพราะรู้สึกว่าขนมไทยมีเสน่ห์มาก ต้องใช้ความประณีต กลิ่นขนมไทยก็มีเอกลักษณ์ เร็วๆ นี้นิ้งจะเปิดร้านขนมไทยด้วย ตอนนี้ก็กำลังเริ่มสร้างอยู่ค่ะ
• การรับมือกับคนไข้เป็นยังไง เคยเจอคนไข้ที่รับมือยากๆ บ้างไหม แก้ไขสถานการณ์ยังไงบ้างคะ
ทุกวันนี้ หมอโดนฟ้องร้องเยอะขึ้นนะคะ เราคงต้องมองย้อนกลับมาว่า เราทำตามคำสอนของพระบิดาที่ว่า “ให้ยึดประโยชน์ส่วนตัวเป็นกิจที่สอง ประโยชน์ส่วนรวมเป็นกิจที่หนึ่ง ลาภยศจะตกแก่ตัวท่านเอง ถ้าท่านดำรงคุณธรรมแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์” อย่างถ้าเจอคนไข้หงุดหงิดโวยวาย แล้วคุณหมอหงุดหงิดกลับไป โอเคว่า หมอก็เป็นคนเหมือนกัน แต่เมื่อคุณสวมบทบาทเป็นหน้าที่แพทย์ที่ต้องคอยดูแลเขา คุณควรจะโกรธตอบไหม ที่สำคัญ เราต้องตระหนักไว้ว่า เราเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาเสมอ ปัญหาแก้ได้ง่ายที่สุดคือแก้ที่ตัวเรา ไม่ใช่คนอื่น ถ้าเรามีทัศนคติที่ดี ไม่เอาเปรียบใคร ทุกอย่างก็จะดีเองค่ะ
• แบบนี้การทำงานมีอะไรน่าตื่นเต้นบ้างไหมคะ หรือมีเหตุการณ์อะไรที่ท้าทายบ้าง ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยค่ะ
มีค่ะ สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ปีที่ 4 ซึ่งเป็นปีแรกที่ได้มาดูแลผู้ป่วยจริง ดูแลตั้งแต่ผู้ป่วยเด็ก ไปจนถึงผู้ป่วยไอซียู บางทีเดินตรวจอยู่ ผู้ป่วยเตียงข้างๆ ก็หัวใจหยุดเต้น ต้องรีบวิ่งไปปั๊มหัวใจ ชุลมุนวุ่นวายไปหมด หรือคนไข้จิตเวชที่บางวันก็ปกติดี บางวันก็คิดว่าเราจะไปทำร้ายเขา หนีจะกระโดดตึกก็มี แรกๆ เราก็ตกใจ ทำตัวไม่ถูก พอเจอเรื่อยๆ ก็เริ่มชินแล้วค่ะ
• แล้วหมอสวยขนาดนี้มีคนไข้หนุ่มๆ มาขายขนมจีบบ้างไหม ทำยังไงถ้าเจอเหตุการณ์แบบนั้น
ก็มีบ้างค่ะ ไม่เชิงว่ามาจีบนะคะ จะเป็นลักษณะแซวๆ มากกว่าค่ะ ฟังแล้วก็ขำๆ ตลกดีค่ะ อย่างตอนอยู่เวร เคยเจอทหารที่รถจักรยานยนต์ล้มแล้วต้องเย็บแผล พากันมาเป็นกองทัพเลย คนป่วยมีคนเดียว แต่กำลังใจนี่มาเป็นสิบๆ เลยค่ะ ตอนนิ้งเย็บแผล ก็แซวไปร้องเพลงไป เสียสมาธิเลย แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ จะได้ทำงานไม่เครียดมาก (หัวเราะ)
• ถามถึงจรรยาบรรณของอาชีพหมอหน่อยค่ะ “หมอที่ดี” ในความรู้สึกของหมอนิ้งต้องเป็นแบบไหน
นิ้งตัดสินไม่ได้หรอกค่ะว่าอะไรคือดีหรือไม่ดี คำว่าดีนั้นขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคนมากกว่า สำหรับนิ้ง แค่รู้สึกว่าการได้ช่วยเหลือคนไข้ รู้สึกดีที่เขาเดินออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม และกลับมาพร้อมกับคำว่าเขาดีขึ้น ขอบคุณหมอมากเลยที่ช่วยเขาในวันนั้น สิ่งเหล่านี้แหละค่ะที่ทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราตั้งใจทำ ภูมิใจและอยากทำต่อไป
เราต้องมองเห็นคุณค่าในตัวเอง ไม่ว่าอาชีพไหนก็ตาม ถ้าเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำ มันจะมีคุณค่าทั้งต่อตัวเองและต่อคนอื่น เราก็จะทำมันไปได้เรื่อยๆ สิ่งที่ได้รับจากการเป็นหมออาจจะไม่ใช่รายได้มากมายอย่างที่หลายๆ คนตั้งความหวังไว้ แต่สิ่งที่จะได้รับอย่างแน่นอนและสำคัญกว่ารายได้ คือความสุขจากการที่เราได้ช่วยเหลือผู้อื่นในทุกๆ วันที่เราทำงาน เราได้เห็นรอยยิ้มของคนไข้และญาติ เมื่อเราทำให้เขาดีขึ้น หรือแม้กระทั่งทำให้เขาจากไปโดยไม่ทุกข์ทรมาน มันเป็นเสน่ห์ของอาชีพหมอค่ะ
• แล้วมีมุมมองต่ออาชีพหมอและวงการแพทย์ในปัจจุบันนี้ยังไงบ้างคะ
หมอเป็นอาชีพที่ได้รับการยกย่องจากสังคม แต่ปัจจุบัน แนวโน้มที่ชัดเจนขึ้นคือ ความขัดแย้งระหว่างหมอกับคนไข้ มีการฟ้องร้องแพทย์มากขึ้นในทุกปี ความขัดแย้งส่วนหนึ่งเกิดจากความคิดของคนเปลี่ยนไป เวลาไปหาหมอ พวกเขาไม่รู้สึกว่ากำลังขอความช่วยเหลือ แต่รู้สึกเป็นสิทธิที่ตนจ่ายเงิน เมื่อผลการรักษาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง จึงไม่พอใจและเกิดการเรียกร้องสิทธิของตน
ในมุมมองของนิ้ง ปัญหานี้อาจจะเกิดมาตั้งแต่เราเป็นนักเรียนแพทย์ที่ถูกฝึกมาให้รักษาโรค สนใจแต่โรค ไม่ได้สนใจคน โดยที่เราไม่รู้เลยว่าคนไข้แต่ละคนมีเบื้องหลังต่างกัน หมอจึงควรเข้าใจและรักษาคนไข้ด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีมีผลต่อการรักษามาก เชื่อไหมคะว่ามีคนไข้ที่มาหาหมอเพื่ออยากพูดคุยกับหมอเฉยๆ พอได้พูดคุยแค่นี้ โรคเขาก็หายแล้ว เพราะเขาต้องการคนรับฟังเท่านั้นเองค่ะ หรือบางคนขายที่นาเพื่อมารักษาโรคมะเร็งระยะสุดท้าย สองเดือนต่อมาคนไข้เสียชีวิตและยังทิ้งภาระหนี้สินให้ครอบครัว เพราะเอาเงินมารักษาตัว ถ้าหมอบอกคนไข้ว่าโรคนี้ทุ่มสุดตัวก็รักษาไม่หาย คนไข้และครอบครัวอาจจะมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ก็ได้ค่ะ
• ถ้ามีน้องๆ วัยเรียนที่อยากจะเป็นหมอบ้าง มีคำแนะนำอย่างไรบ้างคะ
นิ้งอยากบอกน้องๆ ว่าอาชีพหมอเป็นอาชีพที่ทำงานหนัก ต้องเสียสละเพื่อผู้อื่น ต้องใช้ความอดทนและความพยายามเยอะมาก แต่มันก็มีความคุ้มค่าเกินกว่าจะบรรยายได้ ถ้าเรามีความชอบทางด้านนี้ก็ขอให้เชื่อว่าตนเองทำได้และทำออกมาให้ดีที่สุดอย่างที่เราตั้งใจไว้ ถ้าน้องคนไหนยังไม่มั่นใจว่าชอบอาชีพนี้ไหม การไปเข้าค่ายตามโรงเรียนแพทย์ต่างๆ ช่วยได้เยอะมาก เพราะน้องจะได้เห็นชีวิตการเรียนแพทย์จริงๆ ว่ามันเหมาะกับเราหรือไม่
Profile
ชื่อ สกุล : พญ.เพชรรัตน์ กิตตินุสรณ์
ชื่อเล่น : นิ้ง
อาชีพ : แพทย์ใช้ทุน โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข
คติประจำใจ : Life isn’t about finding yourself. Life is about creating yourself.
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : อินสตาแกรม @Petcharat_nk