“แบมุส” กลับบ้านพบครอบครัวแล้ว แจงโดนทำร้ายและได้ยินเจ้าหน้าที่สั่งจับให้หมด จึงต้องหลบหนีหาที่ปลอดภัยอยู่ แถมมือถือหายจึงติดต่อใครไม่ได้ หลังจากนั้นได้เข้าร้านเน็ตติดตามสถานการณ์ เห็นว่ายังไม่พร้อมปรากฏตัว แต่ได้ส่งข่าวให้ครอบครัวแล้ว ยันหนีไปอยู่คนเดียว ไม่ได้อยู่กับหญิงอื่น
จากกรณีที่ มุสตาร์ซีดีน วาบา หรือ แบมุส ผู้ร่วมคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ได้หายตัวไปและติดต่อไม่ได้ ระหว่างการชุมนุมยื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรีในระหว่างประชุม ครม. สัญจรที่ จ.สงขลา และเกิดเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา จนกระทั่งปรากฏเป็นข่าวใหญ่โต เนื่องจาก พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเทียบกับอีกกรณีว่าอาจหนีไปเที่ยวกับผู้หญิงที่ไม่ใช่ครอบครัว
ล่าสุด วันนี้ (1 ธ.ค.) ฐาปนีย์ เอียดศรีชัย ผู้ประกาศข่าวภาคสนามชื่อดังของไทยทีวีสีช่อง 3 ได้โพสต์คลิปการให้สัมภาษณ์ของแบมุส ผ่านทางเฟซบุ๊ก “Thapanee Ietsrichai” พร้อมระบุว่า
“ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 พ.ย. แบมุส ได้พบกับครอบครัว อ.สุไรนี สายนุ้ย ภรรยาพร้อมลูก 2 คน เพื่อเดินทางกลับบ้านแล้ว
แบมุส เปิดเผยว่า ดีใจที่ได้เจอกับครอบครัว ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุเมื่อ 27 พ.ย. ได้หายไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย เหตุที่ออกไปเพราะถูกทำร้าย จึงต้องไปหาที่ปลอดภัยและโทรศัพท์มือถือหาย จึงต้องไปหาร้านคอม เพื่อใช้เน็ตเปิดเฟซบุ๊ก และส่งข่าวบอกครอบครัวว่าปลอดภัย จึงยืนยันว่าไม่ได้หายไปอยู่ผู้หญิงอย่างที่ตั้งข้อสงสัย
แบมุส ชี้แจงถึงภาพข่าวที่ถูกตำรวจจับตัวหิ้วปีกเหมือนถูกจับกุมแล้วแบมุสหายไปจากที่เกิดเหตุได้อย่างไร ซึ่งแบมุสอธิบายนี้ว่า
“เหตุการณ์ตอนนั้น พวกเรามาถึงที่หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา มีเจ้าหน้าที่มาขวาง พวกเราจึงหยุดประชุมกันว่าจะทำยังไง พี่น้องบอกจะเดินไปนอนรอ จากนั้นผมก็โดนหิ้ว และโทรศัพท์หายไปตอนที่เกิดปะทะ ไม่รู้ว่าโดนเตะตรงไหนบ้าง แต่มารู้สึกเจ็บที่เข่า จึงบอกเจ้าหน้าที่ว่าเจ็บ เดินไม่ไหว เจ้าหน้าที่จึงปล่อยตัว แล้วผมจึงไปหาพี่น้องที่ไปกินข้าวที่ รพ.จิตเวชสงขลา ซึ่งผมตามมาเป็นคนสุดท้ายแล้ว นั่งรถพี่น้องคนหนึ่งมาที่เจอกันที่ทานข้าว” แบมุสเล่าถึงเหตุการณ์หลังมีภาพตำรวจหิ้วปีก
ส่วนที่หายไปก่อนเกิดปะทะรอบสอง แบมุส เล่าว่า “เมื่อมาถึงที่ทานข้าว และหลัง อ.ดิเรก ให้สัมภาษณ์ ผมก็ยืนอยู่ข้างหลังก็พยายามคิดว่าจะทำอย่างไรกัน ผมอยากให้พี่น้องได้ละหมาด แต่ตอนนั้นผมเห็นตำรวจมาเยอะมาก ผมได้ยินเจ้าหน้าที่พูดกัน จึงคิดว่าเราต้องไปแล้ว พวกเขามากันแล้ว ตำรวจมีรถผู้ต้องขัง เขามากันเยอะมาก ได้ยินเจ้าหน้าที่บอกว่า จับให้หมด ผมจึงคิดว่าต้องหาที่ปลอดภัย
แบมุส เปิดเผยว่า การที่ไม่แสดงตัว เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวเยอะมาก จึงต้องอยู่ในที่ปลอดภัย ส่วนการมาร่วมเดินเทใจให้เทพา เพราะติดตามข่าวจากสื่อว่ามีการคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จึงมาร่วมตั้งแต่ปี 2558 เพื่อร่วมปกป้องชุมชนและสิ่งแวดล้อม เพราะส่วนตัวทำงานร่วมกันเครือข่ายประชาชนปกปัองสิ่งแวดล้อมและสันติภาพ และได้ฟังจากนักวิชาการ ว่า ถ่านหินจะมีผลกระทบเยอะมาก ไม่คุ้มจะเอาสิ่งดีๆ ที่มี เช่น อ่าวปัตตานีไปสร้างโรงไฟฟ้า จึงฝากไปถึงพี่น้องทุกคนร่วมเดิน จะทำงานกันต่อไปเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม
สำหรับแบมุส หรือ นายมุสตารซีดีน วาบา เป็นครูโรงเรียนดรุณศาสน์วิทยา อ.สายบุรี จ.ปัตตานี มาร่วมกับเครือข่ายคัดค้านสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เพราะสนใจการปกป้องสิ่งแวดล้อมเพื่อชุมชน และร่วมเดินเทใจให้เทพาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.”