พ่ออดีต นตท. ถูก 6 รุ่นพี่บังคับดื่มน้ำ 40 ลิตร จนเสียชีวิตเมื่อ 11 ปีก่อน เผย โรงเรียนลงโทษไล่ออก 1 คน ซ้ำชั้น 2 คน ตัดคะแนน 3 คน ทุกวันนี้ 5 คน คงเป็นทหาร - ตำรวจขั้นร้อยเอกกันหมดแล้ว ส่วนคดีอาญาสู้ยาวนานเกือบ 4 ปี จนสุดท้ายต้องขอแถลงปิดคดีเอง เหตุสงสารภรรยาต้องมานั่งฟังเหตุการณ์ลูกตายซ้ำๆ สุดท้ายศาลตัดสินรอลงอาญา 5 ปี บอกสืบทราบมาว่าพวกรุ่นพี่ลุแก่อำนาจก็มาจากคนที่เคยโดนซ่อมหนักมาก่อนทั้งนั้น พร้อมแนะกรณี “น้องเมย” ทุกฝ่ายต้องหยุดวิจารณ์กันไปมา แล้วคุยกันร่วมหาทางออก
วันนี้ ( 27 พฤศจิกายน) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 พ.ต.อ.ณธีพัฒน์ อัครพงศ์ธิติ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งเคยสูญเสียบุตรชาย คือ นตท.กรัณฑ์ อรชร นักเรียนเตรียมทหาร ชั้นปีที่ 2 ที่ถูกรุ่นพี่ธำรงวินัยด้วยการบังคับให้ดื่มน้ำ 40 ลิตร จนนำท่วมปอดกับสมองเสียชีวิต เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2550 ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีดังกล่าว ว่า ลูกชายตนได้ตายในโรงเรียนเตรียมทหาร โดยถูกรุ่นพี่ 6 คน ร่วมกันธำรงวินัย จนถึงแก่ความตาย ซึ่งเห็นผลตรงนั้นเลยว่าเกิดจากการซ่อมแน่นอน เพราะโดนซ่อมตอนเที่ยงคืน ตี 4 ถูกนำส่งโรงพยาบาล จปร. เช้ารุ่งขึ้นไปพบก็เสียชีวิตแล้ว
ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ของครอบครัว ตอนนั้นตนไม่ได้ทำร้ายโรงเรียนเตรียมทหารเลย ไม่ได้ออกมาวิจารณ์ ซ้ำเติมโจมตี เพราะเข้าใจ ถือว่าทำตามหน้าที่ โรงเรียนเตรียมหทารก็ทำตามหน้าที่ไป ตนในฐานะพ่อก็ทำตามหน้าที่ของเราไป โดยได้ฟ้องดำเนินคดีกับโรงเรียนเตรียมทหาร และรุ่นพี่ทั้ง 6 คน ผลคือหัวหน้าที่ทำการซ่อมถูกให้ออก 1 คน ซ้ำชั้น 2 คน และตัดคะแนน 3 คน แล้วก็เรียนต่อ
“เข้าใจว่าทั้ง 5 คน เวลานี้ 11 ปี คงจะเป็นนายทหาร นายตำรวจ ยศร้อยตำรวจเอกแล้ว ส่วนผมก็ฟ้องร้องดำเนินคดีอาญากับนักเรียนอยู่ประมาณ 3 ปี 6 เดือน จนสุดท้ายดูแล้วไม่ไหว เพราะเวลามันนาน แล้วที่ศาลนครนายกจะมีเรื่องการไกล่เกลี่ยคดีอาญาเข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกครั้งที่ไปศาล นักเรียน พ่อแม่ โรงเรียน ก็จะเข้ามาขอโทษอะไรต่าง ๆ เวลานานเข้า ก็พอคิดได้ว่าอะไรเป็นอะไร จนสุดท้ายก็ขึ้นศาลแล้วเรียนศาลว่าขอปิดคดี ไม่ติดใจทั้งแพ่งและอาญา ไม่อยากดำเนินการต่อ เพราะสงสารภรรยาและลูกอีกคน ที่แม่เขาต้องไปนั่งฟังว่าเจ้า 6 คนเนี่ยทำอะไรให้ลูกเขาตาย ผมก็ถือว่าเอาคนที่เป็นไว้ดีกว่า ก็เลยขอปิดคดี ศาลจังหวัดนครนายกก็ลงโทษ ให้รอลงอาญา 5 ปี แล้วก็จบตั้งแต่วันนั้น ผมก็ไม่เคยไปอะไรกับทางโรงเรียนอีกเลย” พ.ต.อ.ณธีพัฒน์ ระบุ
พ.ต.อ.ณธีพัฒน์ ได้กล่าวอีกว่า ตอนลูกตนเสียชีวิต บอกทางโรงเรียนว่าระบบการซ่อมมันต้องมีอยู่แล้ว แต่มันหมายถึงว่าคุณภาพหรือคนที่ดำเนินการ เพราะทุกครั้งที่เกิดเหตุ ไม่ใช่ผู้หมวด ผู้กอง หรือนักเรียนผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นพี่ที่ลุแก่อำนาจ ที่คิดว่ากูเนี่ยเป็นรุ่นพี่ ก็จะรวมหัวรวมตัวกันสักกลุ่มหนึ่ง ไว้คอยจวกรุ่นน้อง ซึ่งพอไปเทียบดูแล้วปรากฎว่ารุ่นพี่พวกนี้ก็โดนซ่อมมาหนัก ๆ ด้วยการที่อาจจะไม่มีวินัยหรืออะไรก็แล้วแต่ ของตนสืบทราบมาว่าหัวโจกที่ซ่อมลูกตน อยู่กองแพทย์ตลอด เวลาฝึกอะไรก็ไม่ไหว นอนกองแพทย์ตลอด ก็เลยไม่รู้ว่าลิมิตในการซ่อมมีแค่ไหน ถ้าทุกคนซ่อมอยู่ในระบบ อยู่ในระเบียบ ก็ไม่น่าจะมีเหตุร้ายขึ้น
สุดท้าย พ.ต.อ.ณธีพัฒน์ ฝากถึงกรณีน้องเมย ว่า ตอนนี้ทุกคนต้องหยุด ไม่ว่าทางพ่อแม่ผู้ปกครอง โรงเรียน ผู้บังคับบัญชา ต้องหยุดแล้วมาคุยกัน ว่าในเมื่อเกิดแบบนี้ขึ้นมาแล้วจะหาทางออกจะแก้ไขหรือทำยังไง ไม่ใช่ต่างคนต่างพูด ต่างคิด ต่างออกมาวิจารณ์ เมื่อไหร่มันก็ไม่จบ