xs
xsm
sm
md
lg

เอานักรัฐศาสตร์มาคุมกระดูกสันหลังชาติ “กฤษฎา บุญราช” สงสัยคุม “ม็อบเกษตรกร”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผิดฝาผิดตัวจริงหรือ? เอา “กฤษฎา บุญราช” อดีตปลัดมหาดไทยมาเป็น รมว.เกษตรฯ ทั้งที่เชี่ยวชาญรัฐศาสตร์-นิติศาสตร์-การเมืองการปกครองมากกว่า อีกทั้งครอบครัวเลี้ยงหมูอยู่แปดริ้ว สะพัดสงสัยจะเอามาคุมม็อบเกษตรกร

... รายงาน

แม้จะไม่พลิกโผ แต่ก็งงเป็นไก่ตาแตก สำหรับ “กฤษฎา บุญราช” หลังเกษียณจากปลัดกระทรวงมหาดไทยมาหมาดๆ ยังไม่ถึงสองเดือน ก็ได้รับเก้าอี้เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ แทน “บิ๊กฉัตร” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ที่โยกไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี

ขณะที่คนที่มีความรู้เรื่องเกษตรโดยตรง หรือเข้าใจเกษตรกรอย่างดี เฉกเช่น “อาจารย์ยักษ์” วิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และ ลักษณ์ วจนานวัช อดีตผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กลับให้มานั่งเป็นแค่ “รัฐมนตรีช่วย”

แม้จะยังงงอยู่ว่า จบรัฐศาสตร์ เอามาคุมชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ ไม่ต่างไปจาก “ม.มหิดลคอนเนกชั่น” เอาหมอมาคุมกระทรวงศึกษาธิการ จนครูทั้งประเทศด่ากันขรมเพราะไม่มีผลงานชัดเจน แถมยังจะแก้ระเบียบให้ “ใครก็ได้ - อะไรก็ได้” ที่ไม่ได้จบศึกษาศาสตร์ หรือคุรุศาสตร์ ที่ตรากตรำเรียนมา 5 ปีมาเป็นครูสอนนักเรียน ทำเอาบัณฑิตนับหมื่นที่เตะฝุ่นไม่พอใจยิ่ง

แต่เมื่อพิจารณาโปร์ไฟล์แล้ว ย่อมสะท้อนให้เห็นอะไรบางอย่าง ที่ลึกๆ แล้วน่าค้นหาอย่างยิ่ง

กฤษฎา กล่าวว่า ช่วงนี้ยังไม่ขอพูดในเรื่องนโยบายแนวทางพัฒนาภาคเกษตรและเกษตรกร จนกว่าจะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว จะแถลงอย่างชัดเจน ในระหว่างนี้เท่าที่ดูกระแสความเห็นจากฝ่ายต่างๆ ล้วนคาดหวังกับการทำงานของกระทรวงเกษตรฯ กันมากในเรื่องแก้ไขปัญหาปากท้องเกษตรกร แก้ไขปัญหาหนี้สินและความยากจน

“ยืนยันว่า ผมเข้าใจหัวอกหัวใจเกษตรกรไทยอย่างดี เพราะพ่อแม่เป็นเกษตรกร ทำอาชีพเลี้ยงสุกร อยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ในส่วนของผมก็ช่วยเลี้ยงด้วย จึงได้เห็นปัญหาของด้านเกษตรมาตลอด อย่างไรก็ตาม ขอให้มั่นใจว่า ผมมีนโยบายด้านเกษตรแบบเด็ดๆ แน่นอน"

ไม่รู้ว่าของจริงจะเด็ดแค่ไหน แต่ก็คงจะไม่ง่าย หากเทียบเท่าเวลาที่ภาครัฐ หรือหน่วยงานด้านความมั่นคง เด็ดหัวเกษตรกร ม็อบชาวนา ม็อบชาวสวนยาวพารา และอีกสารพัดม็อบปากท้อง ใช้แค่กำลังตำรวจอารักขาและควบคุมฝูงชน หนักหน่อยก็ใช้ทหารสักกองร้อย สองกองร้อย ก็เด็ดง่ายยิ่งกว่ามะยม!

ชื่อของ “กฤษฎา บุญราช” ในวัย 61 ปี เคยเป็นที่ฮือฮากันมาแล้วเมื่อปี 2558 เพราะเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนแรก ที่มาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือฉายา “สิงห์ทอง” เพราะก่อนหน้านี้ตำแหน่งดังกล่าวมักจะเป็นของ “สิงห์แดง” มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือไม่ก็ “สิงห์ดำ” จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รู้ๆ กันอยู่ว่าในยุครัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กฤษฎาเป็นสายตรงของ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นับตั้งแต่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และ พล.อ.อนุพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. เกิดเหตุระเบิดในเวลาตีสอง ก็ลงพื้นที่ร่วมกัน แถมยังสนิทชิดเชื้อกับบรรดานายทหารใน คสช. อีก

ไม่นับรวมในช่วงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ในช่วงที่กฤษฎาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เขาออกมาร่วมนำมวลชนชาวสงขลามุ่งหน้าสู่ศาลากลางจังหวัดด้วยตัวเอง เพื่อเจรจาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งดูแลความสงบเรียบร้อยให้ออกจากพื้นที่ จะได้ขนมวลชนเข้าไปชุมนุมในศาลากลางอีกด้วย

ถึงขนาดที่ว่าเป็นสายตรงของ “เทพเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ผู้ซึ่งยุคนี้หันมาเชียร์ คสช. สุดลิ่มทิ่มประตู!

แม้โปร์ไฟล์การศึกษาจะจบแค่รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ทั้งชีวิตทำงานกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่นายอำเภอ ผู้ตรวจราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด อธิบดี ปลัด ดูเหมือนว่าแทบจะเกี่ยวกับเกษตรกรน้อยมาก อีกทั้งครอบครัวก็ทำอาชีพเลี้ยงสุกร ซึ่งมีบทบาทเป็นสินค้าการเมืองน้อย เมื่อเทียบกับข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง

แต่เมื่อเขาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดมาก่อน ย่อมเข้าใจบริบทชาวบ้าน เกษตรกร โดยเฉพาะภาคใต้ที่เคยปฏิบัติหน้าที่ ย่อมรู้ดีว่าชาวสวนยางเป็นอย่างไร เป้าหมายหลักคงไม่ใช่เรื่องปากท้อง หากแต่นำมาเป็น “ไม้กันหมา” ใช้ทักษะเจรจากับเกษตรกร เพื่อไม่ให้ต้องถึงมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เสียมากกว่า

เพราะถ้าอย่างหลังแล้วงานเข้า ล่าสุด เอาแค่ ครม. สัญจรภาคใต้ ชาวประมงปัตตานีไปร้องเรียนต่อนายกฯ กลับถูกตวาดใส่แทบจะกระเจิง ไม่นับรวมม็ฮบชาวสวนยางถูกบล็อกจากตำรวจและทหารเต็มอัตราศึก ไม่ให้ประชิดไปถึงนายกฯ และ ครม. แบบยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ปิดจมูกไม่ให้ได้กลิ่น ปิดหูไม่ให้ได้ยินเสียงใคร

น่าจับตาเป็นพิเศษกับชาวสวนยางพารา ที่ทุกวันนี้แม้ผ่านรัฐบาลเลือกตั้งไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ราคายางพาราตกต่ำอยู่ดี ทุกวันนี้ราคายางแผ่นดิบ กิโลกรัมละ “ไม่ถึงสองโลร้อย” ด้วยซ้ำ แถมยังเจอปัญหาไม่โปร่งใสภายใน “การยางแห่งประเทศไทย” ท่ามกลางแกนนำชาวสวนยางออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง

ปัญหาแบบนี้ หากใช้หลักรัฐศาสตร์แก้ปัญหาอย่างเดียว ก็คงไม่ต่างไปจากซุกขยะไว้ใต้พรม ต้องดูว่าการทำงานร่วมกันของรัฐมนตรีจะมีอะไรให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้บ้าง หรือสุดท้ายในยุคที่ “ความมั่นคง” เป็นใหญ่ เกษตรกรร้องเรียนแล้ว รัฐบาลทำอะไรไม่ได้ นอกจากรับผลแห่งโชคชะตาเพียงอย่างเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น