ถึงแม้เจ้าตัวจะยอมรับว่า ตนเองมิได้ถึงขั้นเป็น “นัมเบอร์วัน” ในสายโลจิสติกส์ แต่ด้วยความสำเร็จที่ทั้ง “แรง” และ “รวดเร็ว” ของธุรกิจที่ก่อร่างสร้างมา ก็ทำให้บรรดานักธุรกิจต่างต้องเหลียวมองและศึกษาเขาสำหรับการเป็น Case Study ที่จะนำไปต่อยอดสร้างทาง
โดยสถานะ “เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์” ดำรงตำแหน่งซีอีโอ บมจ.ลีโอ โกลบอลโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งถ้าจะว่าไป ก็คือบริษัทแห่งความสำเร็จที่เขาเริ่มต้นปั้นมากับมือ
แต่ก็อย่างที่เราจะรู้ ว่าคนที่สำเร็จ หาได้เกิดจากความฟลุคหรือโชคช่วย หากแต่มันผ่านการหล่อหลอมบ่มเพาะจนสุกงอม ดั่งต้นไม้ที่แตกหน่อ ต่อยอด ยืนต้นและเติบโต ตามลำดับขั้นตอน
ชีวิตของ “เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์” ก็คงไม่ต่างกัน เพราะเรื่องราวของเขา แทบจะกล่าวได้ว่า มีความแนบชิดสนิทกับ “ธุรกิจ” ราวกับเป็นดีเอ็นเอที่ฝังอยู่ในสายเลือด เขารัก รัก และรักการทำธุรกิจแบบลึกถึงหัวใจ
คำถามก็คือ เขาสร้างธุรกิจโลจิสติกส์ของเขาเอง ที่ใครๆ ต่างมองว่า น่าจะอยู่ในลิสต์นัมเบอร์ทรีของบิสซิเนสสายนี้มาอย่างไร เราพาไปเปิดใจ ทำความรู้จัก พร้อมทั้งเรียนรู้กลยุทธ์แห่งความสำเร็จของเขาไปพร้อมๆ กัน...
• เส้นทางกว่าจะมาจนถึงทุกวันนี้ พูดได้ว่าตั้งใจมาตั้งแต่เด็กๆ เลยว่าจะต้องทำธุรกิจ
ใช่ครับ แต่จริงๆ ทำไมเราถึงอยากทำธุรกิจ เหตุผลเรียบง่ายมากก็คือว่า ที่บ้านรวมถึงญาติพี่น้องส่วนใหญ่ทำธุรกิจ ก็เลยมุ่งมั่นมาตั้งแต่เรียนมัธยม คือตั้งเป้าไว้เลยว่า อยากจะเรียนทางสายธุรกิจ แล้วตอนนั้นก็ตั้งใจว่าต้องเรียน Abac เท่านั้น เพราะเราคิดว่าถ้าจะทำธุรกิจ ก็ต้องเก่งภาษาอังกฤษ และสมัยนั้น Abac ยังเป็นวิทาลัยอยู่ และเป็นวิทยาลัยเดียวในประเทศไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสอน เราก็เกิดความคิดว่า ถ้าไปเรียนที่นั่น จบออกมาก็จะได้ภาษาอังกฤษควบคู่มาด้วยเพราะฉะนั้นก็จะเป็นฐานที่ดีในการที่จะไปทำงานในบริษัทต่างๆ และสำหรับในอนาคตที่จะทำธุรกิจต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตอนผมจบมาแล้ว จริงๆ ก็ไม่ได้ทำงานทางสายธุรกิจนั้นโดยตรง ไปจับพลัดจับผลูในด้านของโลจิสติกส์ก่อน ซึ่งตามจริงก็ไปเป็นเซลล์ของสายเดินเรือก่อน ตอนนั้นที่ไปทำก็รู้สึกสนุกมาก และต้องบอกว่าตอนนั้นเป็นช่วงที่ธุรกิจสายเดินเรือยังบูมอยู่ ปัจจุบันไม่มีแล้ว งบแทบไม่มีแล้ว
ผมก็เข้าไปทำอยู่ประมาณ 3 ปี พอเข้าปีที่ 4 ทางบริษัทลีโอ เบอร์เนทท์ เขามีการเปิดรับสมัคร AE (เอเจนซี่โฆษณา) เราก็ไปสมัคร ... ก็ไปนั่งคิดว่าถ้าเราทำงานเอเจนซี่ แล้วต่อไปเราจะทำธุรกิจของเราได้ไหม จะเปิดเอเจนซี่แข่งกับเขาได้ไหม น่าจะยากนะ แต่ถ้าทำเทรดดิ้ง หรือเฟรทฟอร์เวิร์ดดิ้ง ที่เราติดต่อกัน น่าจะทำได้ง่ายกว่า เราจึงตัดสินใจไม่เอาดีกว่า ก็ไปบอกทางลีโอ เบอร์เนทท์ ว่าไม่ทำ เขาก็ถามว่าเพราะอะไร เงินเดือนน้อยไปหรือเปล่า เราก็บอกว่า ไม่ๆๆ โอเค ก็ตามนั้น ก็กลับมาทำในสายงานต่อไป แล้วหลังจากนั้นสักประมาณปีหนึ่งก็มาจอยกับธุรกิจเฟรทฟอร์เวิร์ดดิ้ง
• ดูลักษณะแล้ว คือแน่วแน่มากๆ ว่าไม่ว่าจะเรียนหรือทำงานจะต้องซัพพอร์ตความฝันหรือความตั้งใจเอาไว้หรือต้องมีธุรกิจ แล้วทำอยู่นานไหม กว่าจะมาตั้งเป็นบริษัทของตัวเอง
ก็ทำสายเดินเรืออยู่ประมาณ 4 ปีแล้วก็ไม่ทำธุรกิจที่เป็นเฟรทฟอร์เวิร์ดเดอร์ จริงๆ ตอนนั้นคิดง่ายๆ แค่ว่า เราเริ่มตั้งแต่ตอนอายุยังน้อยน้อย ถ้าไม่ประสบความสำเร็จ ก็กลับไปเป็นลูกจ้างเขาเหมือนเดิมได้ ก็เริ่มในจุดที่เราคิดว่าเราพอที่จะพร้อม แล้วก็ลองดู
• วันนั้นเป็น Leo Global เลยหรือเปล่า
ไม่ใช่ครับ ตอนนั้นจะเป็นลีโอ ทรานสปอร์ต คอร์ปอเรชั่น ตราบใดที่มนุษย์ในโลกนี้ยังต้องซื้อกินหรือซื้อของมาใช้นะครับ ธุรกิจโลจิสติกส์ก็จะยังคงอยู่คู่โลกนี้ต่อไป เพราะเมื่อคนผลิตสินค้าขึ้นมาแล้วก็ต้องมีคนมาขนส่งไปเพื่อจัดจำหน่าย ธุรกิจนี้ยังอยู่คู่โลกได้แน่นอน เพราะฉะนั้น อยู่ที่เราแล้วแหละว่าเราจะ Position ตัวเราเองยังไงในธุรกิจนี้เพื่อให้เติบโต
• ปีแรกที่เริ่มทำ อายุ 28 ทำกี่คน ใช้เงิน ทุนเท่าไหร่
จริงๆ ตอนเริ่มต้น เราคิดว่าเราจะเริ่มจากเล็กๆ ก็มีพนักงานอยู่ประมาณ 15 คน ส่วนทุนก็จัดเตรียมไว้ประมาณ 3 ล้าน 5 แสน ถ้าจำไม่ผิดนะ สิ้นปีนั้นก็มีพนักงานอยู่ 40 คน จากนั้นธุรกิจก็เริ่มขยาย
• อะไรที่ทำให้ลูกค้าเลือกที่จะใช้บริการของเรา จนทำให้เราค่อนข้างที่จะเติบโตเร็วมาก
ประการที่หนึ่งต้องเรียนว่า ช่วงนั้นการแข่งขันในตลาดเดียวไม่มากเท่าปัจจุบัน ประการที่สองคือเราอาจจะโชคดีตรงที่ว่า เราคัฟเวอร์เป็นแพ็คเกจได้ เปิดปุ๊บ เราให้บริการเป็นคัฟเวอร์หมดเลย เอเชียก็ได้ ยุโรปก็ได้ อเมริกาก็ได้ โทรมาปุ๊บทีเดียวก็หมดเลย ก็เลยทำให้ประสบความสำเร็จในรวดเร็วและติดตลาด
• แน่นอนว่าต้องมีอุปสรรคเข้ามา ทั้งหมดนี้ใช้หลักการบริหารพนักงานยังไง
ผมเน้นเรื่องการมอบอำนาจ มอบความไว้วางใจ ทำให้เขารู้สึกมีความเป็นส่วนร่วมในองค์กร ถ้าเราอยากให้พนักงานของเราให้บริการที่ดีกับลูกค้า เราก็ต้องให้ความรู้เขาให้มากที่สุด ให้สามารถแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้ทันท่วงทีได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความเป็นมืออาชีพ ลูกค้าจะให้ความไว้เนื้อเชื่อใจเรา
• จากการที่เขารู้ทั้งระบบเลย กลัวไหมว่าเขาอาจจะออกไปตั้งบริษัทเอง
เยอะแยะ บริษัทที่เป็นศิษย์เก่าของลีโอฯ มีมากกว่า 20 บริษัท ผมก็เป็นลูกจ้างมาก่อน ผมก็จะบอกพนักงานผมเสมอนะ เพราะว่าผมเป็นลูกจ้างมาก่อน ผมรู้ว่าทุกคนมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าของกิจการ วันหนึ่งวันใด คุณอยากจะไป ไม่ต้องไปหาคนอื่น มาคุยกับผม ถ้าคุณเก่งจริงๆ คุณทำได้จริง เราพร้อมให้การสนับสนุนเขา
• สุดท้าย มาสู่การก่อตั้ง Self Storage นี้มีที่มาที่ไปอะไรยังไง
ตรงนี้ต้องบอกว่าทั้งทีมงานนำไอเดียมาเสนอ ซึ่งก็ตรงกับสิ่งที่ผมเคยคิดว่าอยากจะทำอยู่แล้ว แต่ไม่มีทีมงาน ผมเคยบอกให้พวกเราเสนอ ผมว่าธุรกิจนี้มันน่าสนใจ เพราะว่าก่อนหน้านี้ เคยเห็นผู้ประกอบการรายอื่นเขาโฆษณาแล้วก็สนใจแล้วก็ไปลองเช็คอัตราค่าบริการดู เป็นอัตราที่น่าสนใจมากก็เลยไปลองศึกษาดูว่าเป็นยังไง ทุกวันนี้ สังคมของคนกรุงเทพฯ เป็นสังคมคนเมือง คนอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมเยอะ เพราะฉะนั้น พื้นที่ในการใช้สอยก็ค่อนข้างจำกัด ก็เลยเป็นที่มาของการตั้ง Leo Self Storage
• ซึ่งก็คือห้องให้เช่าสำหรับเก็บของอย่างเดียวเลย
เก็บของอย่างเดียวเลย ... นั่นเป็นเพราะว่าในอดีต ผมเชื่อว่าหลายคนไม่มีทางเลือกนี้ ก็ต้องไปเช่าห้องแถว แล้วก็ต้องมานั่งกลัวนั่งกังวลอีกว่าเขารักษาความปลอดภัยดีไหม ปลวกแมลงถ้ามี จะทำยังไง เราเลยตั้งขึ้นมาให้เป็นห้องเก็บของแบบมาตรฐานสากล เรามีบริการเรื่องของการดูแลความปลอดภัย 24 ชั่วโมง มี CCTV ระบบการเข้าก็เป็นคีย์การ์ด ทุกคนจะมีคีย์การ์ดของตัวเอง และเข้ามาที่นี่มี 4 ชั้น เวลาจะขึ้นลิฟต์ คีย์การ์ดนี้ก็จะพาไปที่ชั้นของตัวเองเท่านั้น ไม่จอดที่ชั้นอื่น แล้วลูกค้าก็มาใช้บริการได้ 24 ชั่วโมง
ผมว่า Self Storage จะตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ในอดีตจะต้องไปเช่าห้องแถวไว้เก็บของแล้วก็ต้องไปนั่งดูแล แต่ตอนนี้มาเก็บไว้ที่นี่สบายใจ เรามีเรื่องของการดูแลเรื่องของปลวกอะไรอย่างดี ดูแลรักษาความสะอาด มีลูกค้าหลายรายมาบอกว่าไม่เคยเห็น คือเขาจะเรียกว่าเป็นโกดัง แต่ว่าอย่าเรียกว่าโกดัง เราเรียกว่าห้องเก็บของแล้วกัน บอกว่าไม่เคยเห็นที่เก็บของที่ไหนสะอาดเหมือนที่นี่มาก่อนเลย อากาศก็ถ่ายเทมาก ผมกล้าการันตี ผมไปมาหลายแห่งแล้วนะที่เป็น Self Storage ผมว่าที่นี่เดินเข้ามาแล้วอากาศสบาย ไม่ร้อน แล้วก็อยู่ได้ มีพัดลมทำงานตลอด อยากให้ลูกค้าความรู้สึกว่าเข้ามาแล้วเขาอยู่ได้นานๆ อยากจะเก็บของเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
ในอนาคต เราก็ตั้งใจว่าจะมี Self Storage แบบนี้กระจายไปตามเมืองต่างๆ ที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพราะว่าลูกค้าก็จะได้รับความสะดวก ไม่ใช่ว่าอยู่ที่อื่นแล้วต้องมาที่นี่ ตอนนี้เรามีที่พระราม 3 เราก็ตั้งใจว่าเราอยากจะบริการลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่แถวนี้ โดยความตั้งใจ ในกรุงเทพฯ เราอยากจะให้มีอย่างน้อย 5 แห่ง ก็เปิดปีละแห่ง ตามหัวเมืองต่างๆ ที่มีกลุ่มลูกค้า SME แล้วก็ลูกค้าที่มีอาศัยตามคอนโดมิเนียมเยอะๆ
• อยากถามเรื่องเงื่อนไขหน่อยว่า มีข้อกำหนดอย่างไรไว้ไหม
จริงๆ แล้วได้หมดเลย อะไรยังไงได้ทั้งนั้น ยกเว้นอย่างเดียวคือห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้ามา ห้ามนำสินค้าพวกอันตรายหรือพวกที่มีประกายไฟเข้ามาเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น ง่ายๆ คือ ติดต่อเข้ามา เลือกห้องที่ชอบ ทำสัญญา แล้วก็นำสินค้าหรือสิ่งของของคุณมาฝากไว้ได้เลย แต่ที่สำคัญคือห้ามมานอน
ที่นี่ นอกเหนือจากระบบคอนโทรลแล้ว คนที่ดูแลเขามี Mobile Application สามารถดูทุกอย่างบนมือถือได้ ไม่ใช่ดูที่นี่ได้อย่างเดียว อยู่ที่ไหนบนโลกนี้ก็สามารถดูได้ว่ามีใครเข้าออกยังไง สั่งเปิดปิดไฟอะไรต่างๆ จาก Mobile Application ทุกคนที่มาใช้ ก็จะได้มีความมั่นใจว่าของรักของหวงหรือสินค้าของตนเองได้รับการดูแลอย่างดี
• สุดท้าย อยากถามว่าสิ่งที่ Leo Global Logistics ให้ความสำคัญมากที่สุดคืออะไรในแง่ของการทำธุรกิจ
การพัฒนาบุคลากรครับ (ตอบเร็ว) เพราะเรามองว่าบุคลากรของเราเป็น Human Capital หรือทรัพยากรบุคคลที่สำคัญ นอกจากนั้นก็ให้ความสำคัญในการให้การพัฒนา การเทรนนิ่งบุคลากรของเราเพื่อให้เขาเติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพและสามารถให้บริการกับลูกค้าของเราได้อย่างมีคุณภาพ มีความเป็นมืออาชีพ และอีกอย่างหนึ่ง เราเชื่อว่าการให้เอ็มพาวเวอร์เมนท์กับบุคลากรของเรา จะทำให้องค์กรเราเติบโตไปอย่างยั่งยืน
ในจุดนี้ ผมในฐานะที่เป็นนายกสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ก็กำลังจะมีโครงการเรื่องของ Human Capital ร่วมกับสถาบันโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ในการที่จะผลิตบัณฑิตสายวิชาชีพโลจิสติกส์ ที่เกี่ยวกับพานิชนาวีขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของสังคมไทย โดยผู้ประกอบการจะเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนนักศึกษาในการเรียนต่อระยะเวลา 3.5 ปี แล้วก็ให้สถานที่ฝึกงานในช่วงเวลา 3.5 ปี เพราะฉะนั้น นักศึกษาที่จบปริญญาตรีก็จะมีทั้งความรู้แล้วก็ประสบการณ์ที่สามารถตอบสนองให้ผู้ประกอบการในธุรกิจโลจิสติกส์ได้อย่างตรงความต้องการ
อยากจะเชิญชวนน้องๆ ที่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเลือกเรียนสายไหนดี ผมบอกเลยได้เลยว่าโลจิสติกส์มีการเติบโตอีกมากมายแน่นอน โดยเฉพาะโครงการอีสเทิร์น อีโคโนมิก คอริดอร์ ของรัฐบาลที่จะทำให้ประเทศไทยเป็น Logistics และเป็นศูนย์รวมการผลิตในภูมิภาคนี้ จะทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากนะครับ ก็ขอให้ติดต่อมาที่ทางบริษัทลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ หรือทางสถาบันโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยสวนสุนันทาได้เลยนะครับ
ขณะเดียวกันก็อยากจะเชิญชวนผู้ประกอบการ นักธุรกิจที่อยากจะพัฒนาบุคลากรของตัวเอง ใกล้ๆ กับองค์กรชั้นนำของประเทศใช้เช่น CP ALL, 7-11, MK ซึ่งเขาไม่กล้าลงทุนพัฒนาร่วมกับสถาบันอื่นๆ ก็มีโครงการของ TIFFA ตัวนี้ขึ้นมา ช่วยผู้ประกอบการ SME คุณไม่ต้องไปจัดคอร์สของบริษัทคุณโดยตรง เพียงมาร่วมกันให้ทุน เป็นการช่วยสังคมแล้วก็สร้างสรรค์ทำให้เด็กที่ด้อยโอกาสไม่มีโอกาสที่จะเรียนได้มีโอกาสเรียนแล้วก็จะขึ้นมาสนับสนุนเขตเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป
(ข้อมูลจากรายการ “คนล่าฝัน” ทางช่อง News 1)
โดยสถานะ “เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์” ดำรงตำแหน่งซีอีโอ บมจ.ลีโอ โกลบอลโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งถ้าจะว่าไป ก็คือบริษัทแห่งความสำเร็จที่เขาเริ่มต้นปั้นมากับมือ
แต่ก็อย่างที่เราจะรู้ ว่าคนที่สำเร็จ หาได้เกิดจากความฟลุคหรือโชคช่วย หากแต่มันผ่านการหล่อหลอมบ่มเพาะจนสุกงอม ดั่งต้นไม้ที่แตกหน่อ ต่อยอด ยืนต้นและเติบโต ตามลำดับขั้นตอน
ชีวิตของ “เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์” ก็คงไม่ต่างกัน เพราะเรื่องราวของเขา แทบจะกล่าวได้ว่า มีความแนบชิดสนิทกับ “ธุรกิจ” ราวกับเป็นดีเอ็นเอที่ฝังอยู่ในสายเลือด เขารัก รัก และรักการทำธุรกิจแบบลึกถึงหัวใจ
คำถามก็คือ เขาสร้างธุรกิจโลจิสติกส์ของเขาเอง ที่ใครๆ ต่างมองว่า น่าจะอยู่ในลิสต์นัมเบอร์ทรีของบิสซิเนสสายนี้มาอย่างไร เราพาไปเปิดใจ ทำความรู้จัก พร้อมทั้งเรียนรู้กลยุทธ์แห่งความสำเร็จของเขาไปพร้อมๆ กัน...
• เส้นทางกว่าจะมาจนถึงทุกวันนี้ พูดได้ว่าตั้งใจมาตั้งแต่เด็กๆ เลยว่าจะต้องทำธุรกิจ
ใช่ครับ แต่จริงๆ ทำไมเราถึงอยากทำธุรกิจ เหตุผลเรียบง่ายมากก็คือว่า ที่บ้านรวมถึงญาติพี่น้องส่วนใหญ่ทำธุรกิจ ก็เลยมุ่งมั่นมาตั้งแต่เรียนมัธยม คือตั้งเป้าไว้เลยว่า อยากจะเรียนทางสายธุรกิจ แล้วตอนนั้นก็ตั้งใจว่าต้องเรียน Abac เท่านั้น เพราะเราคิดว่าถ้าจะทำธุรกิจ ก็ต้องเก่งภาษาอังกฤษ และสมัยนั้น Abac ยังเป็นวิทาลัยอยู่ และเป็นวิทยาลัยเดียวในประเทศไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสอน เราก็เกิดความคิดว่า ถ้าไปเรียนที่นั่น จบออกมาก็จะได้ภาษาอังกฤษควบคู่มาด้วยเพราะฉะนั้นก็จะเป็นฐานที่ดีในการที่จะไปทำงานในบริษัทต่างๆ และสำหรับในอนาคตที่จะทำธุรกิจต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตอนผมจบมาแล้ว จริงๆ ก็ไม่ได้ทำงานทางสายธุรกิจนั้นโดยตรง ไปจับพลัดจับผลูในด้านของโลจิสติกส์ก่อน ซึ่งตามจริงก็ไปเป็นเซลล์ของสายเดินเรือก่อน ตอนนั้นที่ไปทำก็รู้สึกสนุกมาก และต้องบอกว่าตอนนั้นเป็นช่วงที่ธุรกิจสายเดินเรือยังบูมอยู่ ปัจจุบันไม่มีแล้ว งบแทบไม่มีแล้ว
ผมก็เข้าไปทำอยู่ประมาณ 3 ปี พอเข้าปีที่ 4 ทางบริษัทลีโอ เบอร์เนทท์ เขามีการเปิดรับสมัคร AE (เอเจนซี่โฆษณา) เราก็ไปสมัคร ... ก็ไปนั่งคิดว่าถ้าเราทำงานเอเจนซี่ แล้วต่อไปเราจะทำธุรกิจของเราได้ไหม จะเปิดเอเจนซี่แข่งกับเขาได้ไหม น่าจะยากนะ แต่ถ้าทำเทรดดิ้ง หรือเฟรทฟอร์เวิร์ดดิ้ง ที่เราติดต่อกัน น่าจะทำได้ง่ายกว่า เราจึงตัดสินใจไม่เอาดีกว่า ก็ไปบอกทางลีโอ เบอร์เนทท์ ว่าไม่ทำ เขาก็ถามว่าเพราะอะไร เงินเดือนน้อยไปหรือเปล่า เราก็บอกว่า ไม่ๆๆ โอเค ก็ตามนั้น ก็กลับมาทำในสายงานต่อไป แล้วหลังจากนั้นสักประมาณปีหนึ่งก็มาจอยกับธุรกิจเฟรทฟอร์เวิร์ดดิ้ง
• ดูลักษณะแล้ว คือแน่วแน่มากๆ ว่าไม่ว่าจะเรียนหรือทำงานจะต้องซัพพอร์ตความฝันหรือความตั้งใจเอาไว้หรือต้องมีธุรกิจ แล้วทำอยู่นานไหม กว่าจะมาตั้งเป็นบริษัทของตัวเอง
ก็ทำสายเดินเรืออยู่ประมาณ 4 ปีแล้วก็ไม่ทำธุรกิจที่เป็นเฟรทฟอร์เวิร์ดเดอร์ จริงๆ ตอนนั้นคิดง่ายๆ แค่ว่า เราเริ่มตั้งแต่ตอนอายุยังน้อยน้อย ถ้าไม่ประสบความสำเร็จ ก็กลับไปเป็นลูกจ้างเขาเหมือนเดิมได้ ก็เริ่มในจุดที่เราคิดว่าเราพอที่จะพร้อม แล้วก็ลองดู
• วันนั้นเป็น Leo Global เลยหรือเปล่า
ไม่ใช่ครับ ตอนนั้นจะเป็นลีโอ ทรานสปอร์ต คอร์ปอเรชั่น ตราบใดที่มนุษย์ในโลกนี้ยังต้องซื้อกินหรือซื้อของมาใช้นะครับ ธุรกิจโลจิสติกส์ก็จะยังคงอยู่คู่โลกนี้ต่อไป เพราะเมื่อคนผลิตสินค้าขึ้นมาแล้วก็ต้องมีคนมาขนส่งไปเพื่อจัดจำหน่าย ธุรกิจนี้ยังอยู่คู่โลกได้แน่นอน เพราะฉะนั้น อยู่ที่เราแล้วแหละว่าเราจะ Position ตัวเราเองยังไงในธุรกิจนี้เพื่อให้เติบโต
• ปีแรกที่เริ่มทำ อายุ 28 ทำกี่คน ใช้เงิน ทุนเท่าไหร่
จริงๆ ตอนเริ่มต้น เราคิดว่าเราจะเริ่มจากเล็กๆ ก็มีพนักงานอยู่ประมาณ 15 คน ส่วนทุนก็จัดเตรียมไว้ประมาณ 3 ล้าน 5 แสน ถ้าจำไม่ผิดนะ สิ้นปีนั้นก็มีพนักงานอยู่ 40 คน จากนั้นธุรกิจก็เริ่มขยาย
• อะไรที่ทำให้ลูกค้าเลือกที่จะใช้บริการของเรา จนทำให้เราค่อนข้างที่จะเติบโตเร็วมาก
ประการที่หนึ่งต้องเรียนว่า ช่วงนั้นการแข่งขันในตลาดเดียวไม่มากเท่าปัจจุบัน ประการที่สองคือเราอาจจะโชคดีตรงที่ว่า เราคัฟเวอร์เป็นแพ็คเกจได้ เปิดปุ๊บ เราให้บริการเป็นคัฟเวอร์หมดเลย เอเชียก็ได้ ยุโรปก็ได้ อเมริกาก็ได้ โทรมาปุ๊บทีเดียวก็หมดเลย ก็เลยทำให้ประสบความสำเร็จในรวดเร็วและติดตลาด
• แน่นอนว่าต้องมีอุปสรรคเข้ามา ทั้งหมดนี้ใช้หลักการบริหารพนักงานยังไง
ผมเน้นเรื่องการมอบอำนาจ มอบความไว้วางใจ ทำให้เขารู้สึกมีความเป็นส่วนร่วมในองค์กร ถ้าเราอยากให้พนักงานของเราให้บริการที่ดีกับลูกค้า เราก็ต้องให้ความรู้เขาให้มากที่สุด ให้สามารถแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้ทันท่วงทีได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความเป็นมืออาชีพ ลูกค้าจะให้ความไว้เนื้อเชื่อใจเรา
• จากการที่เขารู้ทั้งระบบเลย กลัวไหมว่าเขาอาจจะออกไปตั้งบริษัทเอง
เยอะแยะ บริษัทที่เป็นศิษย์เก่าของลีโอฯ มีมากกว่า 20 บริษัท ผมก็เป็นลูกจ้างมาก่อน ผมก็จะบอกพนักงานผมเสมอนะ เพราะว่าผมเป็นลูกจ้างมาก่อน ผมรู้ว่าทุกคนมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าของกิจการ วันหนึ่งวันใด คุณอยากจะไป ไม่ต้องไปหาคนอื่น มาคุยกับผม ถ้าคุณเก่งจริงๆ คุณทำได้จริง เราพร้อมให้การสนับสนุนเขา
• สุดท้าย มาสู่การก่อตั้ง Self Storage นี้มีที่มาที่ไปอะไรยังไง
ตรงนี้ต้องบอกว่าทั้งทีมงานนำไอเดียมาเสนอ ซึ่งก็ตรงกับสิ่งที่ผมเคยคิดว่าอยากจะทำอยู่แล้ว แต่ไม่มีทีมงาน ผมเคยบอกให้พวกเราเสนอ ผมว่าธุรกิจนี้มันน่าสนใจ เพราะว่าก่อนหน้านี้ เคยเห็นผู้ประกอบการรายอื่นเขาโฆษณาแล้วก็สนใจแล้วก็ไปลองเช็คอัตราค่าบริการดู เป็นอัตราที่น่าสนใจมากก็เลยไปลองศึกษาดูว่าเป็นยังไง ทุกวันนี้ สังคมของคนกรุงเทพฯ เป็นสังคมคนเมือง คนอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมเยอะ เพราะฉะนั้น พื้นที่ในการใช้สอยก็ค่อนข้างจำกัด ก็เลยเป็นที่มาของการตั้ง Leo Self Storage
• ซึ่งก็คือห้องให้เช่าสำหรับเก็บของอย่างเดียวเลย
เก็บของอย่างเดียวเลย ... นั่นเป็นเพราะว่าในอดีต ผมเชื่อว่าหลายคนไม่มีทางเลือกนี้ ก็ต้องไปเช่าห้องแถว แล้วก็ต้องมานั่งกลัวนั่งกังวลอีกว่าเขารักษาความปลอดภัยดีไหม ปลวกแมลงถ้ามี จะทำยังไง เราเลยตั้งขึ้นมาให้เป็นห้องเก็บของแบบมาตรฐานสากล เรามีบริการเรื่องของการดูแลความปลอดภัย 24 ชั่วโมง มี CCTV ระบบการเข้าก็เป็นคีย์การ์ด ทุกคนจะมีคีย์การ์ดของตัวเอง และเข้ามาที่นี่มี 4 ชั้น เวลาจะขึ้นลิฟต์ คีย์การ์ดนี้ก็จะพาไปที่ชั้นของตัวเองเท่านั้น ไม่จอดที่ชั้นอื่น แล้วลูกค้าก็มาใช้บริการได้ 24 ชั่วโมง
ผมว่า Self Storage จะตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ในอดีตจะต้องไปเช่าห้องแถวไว้เก็บของแล้วก็ต้องไปนั่งดูแล แต่ตอนนี้มาเก็บไว้ที่นี่สบายใจ เรามีเรื่องของการดูแลเรื่องของปลวกอะไรอย่างดี ดูแลรักษาความสะอาด มีลูกค้าหลายรายมาบอกว่าไม่เคยเห็น คือเขาจะเรียกว่าเป็นโกดัง แต่ว่าอย่าเรียกว่าโกดัง เราเรียกว่าห้องเก็บของแล้วกัน บอกว่าไม่เคยเห็นที่เก็บของที่ไหนสะอาดเหมือนที่นี่มาก่อนเลย อากาศก็ถ่ายเทมาก ผมกล้าการันตี ผมไปมาหลายแห่งแล้วนะที่เป็น Self Storage ผมว่าที่นี่เดินเข้ามาแล้วอากาศสบาย ไม่ร้อน แล้วก็อยู่ได้ มีพัดลมทำงานตลอด อยากให้ลูกค้าความรู้สึกว่าเข้ามาแล้วเขาอยู่ได้นานๆ อยากจะเก็บของเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
ในอนาคต เราก็ตั้งใจว่าจะมี Self Storage แบบนี้กระจายไปตามเมืองต่างๆ ที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพราะว่าลูกค้าก็จะได้รับความสะดวก ไม่ใช่ว่าอยู่ที่อื่นแล้วต้องมาที่นี่ ตอนนี้เรามีที่พระราม 3 เราก็ตั้งใจว่าเราอยากจะบริการลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่แถวนี้ โดยความตั้งใจ ในกรุงเทพฯ เราอยากจะให้มีอย่างน้อย 5 แห่ง ก็เปิดปีละแห่ง ตามหัวเมืองต่างๆ ที่มีกลุ่มลูกค้า SME แล้วก็ลูกค้าที่มีอาศัยตามคอนโดมิเนียมเยอะๆ
• อยากถามเรื่องเงื่อนไขหน่อยว่า มีข้อกำหนดอย่างไรไว้ไหม
จริงๆ แล้วได้หมดเลย อะไรยังไงได้ทั้งนั้น ยกเว้นอย่างเดียวคือห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้ามา ห้ามนำสินค้าพวกอันตรายหรือพวกที่มีประกายไฟเข้ามาเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น ง่ายๆ คือ ติดต่อเข้ามา เลือกห้องที่ชอบ ทำสัญญา แล้วก็นำสินค้าหรือสิ่งของของคุณมาฝากไว้ได้เลย แต่ที่สำคัญคือห้ามมานอน
ที่นี่ นอกเหนือจากระบบคอนโทรลแล้ว คนที่ดูแลเขามี Mobile Application สามารถดูทุกอย่างบนมือถือได้ ไม่ใช่ดูที่นี่ได้อย่างเดียว อยู่ที่ไหนบนโลกนี้ก็สามารถดูได้ว่ามีใครเข้าออกยังไง สั่งเปิดปิดไฟอะไรต่างๆ จาก Mobile Application ทุกคนที่มาใช้ ก็จะได้มีความมั่นใจว่าของรักของหวงหรือสินค้าของตนเองได้รับการดูแลอย่างดี
• สุดท้าย อยากถามว่าสิ่งที่ Leo Global Logistics ให้ความสำคัญมากที่สุดคืออะไรในแง่ของการทำธุรกิจ
การพัฒนาบุคลากรครับ (ตอบเร็ว) เพราะเรามองว่าบุคลากรของเราเป็น Human Capital หรือทรัพยากรบุคคลที่สำคัญ นอกจากนั้นก็ให้ความสำคัญในการให้การพัฒนา การเทรนนิ่งบุคลากรของเราเพื่อให้เขาเติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพและสามารถให้บริการกับลูกค้าของเราได้อย่างมีคุณภาพ มีความเป็นมืออาชีพ และอีกอย่างหนึ่ง เราเชื่อว่าการให้เอ็มพาวเวอร์เมนท์กับบุคลากรของเรา จะทำให้องค์กรเราเติบโตไปอย่างยั่งยืน
ในจุดนี้ ผมในฐานะที่เป็นนายกสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ก็กำลังจะมีโครงการเรื่องของ Human Capital ร่วมกับสถาบันโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ในการที่จะผลิตบัณฑิตสายวิชาชีพโลจิสติกส์ ที่เกี่ยวกับพานิชนาวีขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของสังคมไทย โดยผู้ประกอบการจะเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนนักศึกษาในการเรียนต่อระยะเวลา 3.5 ปี แล้วก็ให้สถานที่ฝึกงานในช่วงเวลา 3.5 ปี เพราะฉะนั้น นักศึกษาที่จบปริญญาตรีก็จะมีทั้งความรู้แล้วก็ประสบการณ์ที่สามารถตอบสนองให้ผู้ประกอบการในธุรกิจโลจิสติกส์ได้อย่างตรงความต้องการ
อยากจะเชิญชวนน้องๆ ที่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเลือกเรียนสายไหนดี ผมบอกเลยได้เลยว่าโลจิสติกส์มีการเติบโตอีกมากมายแน่นอน โดยเฉพาะโครงการอีสเทิร์น อีโคโนมิก คอริดอร์ ของรัฐบาลที่จะทำให้ประเทศไทยเป็น Logistics และเป็นศูนย์รวมการผลิตในภูมิภาคนี้ จะทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากนะครับ ก็ขอให้ติดต่อมาที่ทางบริษัทลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ หรือทางสถาบันโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยสวนสุนันทาได้เลยนะครับ
ขณะเดียวกันก็อยากจะเชิญชวนผู้ประกอบการ นักธุรกิจที่อยากจะพัฒนาบุคลากรของตัวเอง ใกล้ๆ กับองค์กรชั้นนำของประเทศใช้เช่น CP ALL, 7-11, MK ซึ่งเขาไม่กล้าลงทุนพัฒนาร่วมกับสถาบันอื่นๆ ก็มีโครงการของ TIFFA ตัวนี้ขึ้นมา ช่วยผู้ประกอบการ SME คุณไม่ต้องไปจัดคอร์สของบริษัทคุณโดยตรง เพียงมาร่วมกันให้ทุน เป็นการช่วยสังคมแล้วก็สร้างสรรค์ทำให้เด็กที่ด้อยโอกาสไม่มีโอกาสที่จะเรียนได้มีโอกาสเรียนแล้วก็จะขึ้นมาสนับสนุนเขตเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป
(ข้อมูลจากรายการ “คนล่าฝัน” ทางช่อง News 1)