MGR Online - ประกาศราชกิจจานุเบกษาวันที่ 10 พ.ย. เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ นายดิสธร วัชโรทัย ทั้งหมดหลังสำนักพระราชวังลงโทษไล่ออกจากราชการฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
วานนี้ (10 พ.ย.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศ ฉบับทะเบียนฐานันดรฯ เล่ม ๑๓๔ ตอน ๖๐ ข เรื่อง พระราชทานพระราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ นายดิสธร วัชโรทัย โดยมีรายละเอียดดังนี้
มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่ง นายดิสธร วัชโรทัย ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายพลเรือน ตำแหน่งประจำสำนักพระราชวังพิเศษ ระดับ ๑๐ สังกัดราชการบริหารส่วนกลาง สำนักพระราชวัง ได้รับพระราชทาน เนื่องจากถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตามคำสั่งสำนักพระราชวัง ที่ ๕๖๘/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เพราะเหตุกระทำผิดวินัย ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โดยมีกรณีความผิดกล่าว คือ นายดิสธร วัชโรทัย ซึ่งได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ อีกหน้าที่หนึ่ง ได้ใช้อำนาจของตนสั่งการให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ แสดงเอกสารรับรองว่าบุคคลภายนอกได้บริจาคเงินให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เป็นจำนวนเงินยี่สิบห้าล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าตามปกติ โดยไม่ได้มีการบริจาคเงินจำนวนดังกล่าวจริงแต่อย่างใด และ นายดิสธร วัชโรทัย ได้นำเอกสารรับรองการบริจาคดังกล่าวเสนอต่อกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เพื่อขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นทุติยดิเรกคุณาภรณ์ให้แก่บุคคลภายนอก อันเป็นการฉ้อโกงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และ นายดิสธร วัชโรทัย ในฐานะรองเลขาธิการพระราชวัง ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลกองพระราชพาหนะ ได้นำรถยนต์ในพระปรมาภิไธยไปใช้จนเกิดอุบัติเหตุ และแอบอ้างพระปรมาภิไธย เพื่อยกเว้นภาษีการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศแล้วนำรถยนต์ที่นำเข้าจากต่างประเทศไปใช้ทดแทนรถยนต์คันเดิมที่ประสบอุบัติเหตุ โดยไม่ปรากฏหลักฐานการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายรถยนต์คันใหม่และไม่มีหลักฐานการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์คันเดิมแต่อย่างใด นอกจากนี้ นายดิสธร วัชโรทัย ได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาของตนเอง เมื่อหญิงตั้งครรภ์กลับพาหญิงคนดังกล่าวไปทำแท้ง นอกจากนั้น เมื่อหญิงคนดังกล่าวตั้งครรภ์เป็นครั้งที่สอง นายดิสธร วัชโรทัย ก็ยังบังคับข่มขืนใจเพื่อให้ไปทำแท้งอีกครั้งแต่หญิงคนดังกล่าวไม่ยินยอม นายดิสธร วัชโรทัย จึงบังคับหญิงคนดังกล่าวให้แต่งงานกับชายอื่น ซึ่งไม่เคยมีความสัมพันธ์กัน อีกทั้ง นายดิสธร วัชโรทัย ได้นำดินที่ขุดทิ้งจากพื้นที่โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ ซึ่งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ขอรับบริจาคจากสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในกิจการของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ แต่ นายดิสธร วัชโรทัย กลับนำดินดังกล่าวไปขายให้แก่โครงการหมู่บ้านจัดสรรและยังนำดินส่วนหนึ่งไปถมในพื้นที่ของครอบครัวตนเอง ซึ่งมิได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ขอรับบริจาค พฤติกรรมดังกล่าวของ นายดิสธร วัชโรทัยเป็นการกระทำผิดราชสวัสดิ์และเป็นความผิดวินัยฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จึงเห็นสมควรได้รับโทษไล่ออกจากราชการ ซึ่งสำนักพระราชวังพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของ นายดิสธร วัชโรทัย เป็นความผิดวินัยฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จึงเห็นควรลงโทษไล่ออกจากราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๕ และมาตรา ๑๘ แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. ๒๕๖๐จึงลงโทษไล่ นายดิสธร วัชโรทัย ออกจากราชการและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซึ่งมีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ต้องเรียกคืนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประกอบด้วย ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก มหาวชิรมงกุฎ ประถมาภรณ์ช้างเผือกประถมาภรณ์มงกุฎไทย ปฐมดิเรกคุณาภรณ์ ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ทุติยจุลจอมเกล้า ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ตริตาภรณ์มงกุฎไทย เหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์ เหรียญจักรพรรดิมาลา และเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๙ ชั้นที่ ๕
ข่าวที่เกี่ยวข้อง >> สำนักพระราชวังสั่งไล่ออก “ดิสธร วัชโรทัย” ชี้ประพฤติชั่วร้ายแรง