xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 29 ต.ค.-4 พ.ย.2560

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

คลิกที่นี่เพื่อฟังสรุปข่าวฯ

1.วธ.ห้าม ปชช.ขึ้นชมชั้น 1-2 พระเมรุมาศ หลังพบเซลฟี่ไม่เหมาะสม ด้าน มท.ตั้ง คกก.สอบ “ผู้ว่าฯ ชลบุรี-นนทบุรี” จัดพิธีวางดอกไม้จันทน์ไม่เหมาะสม!
พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของบางคน เซลฟี่ชู 2 นิ้วหน้าพระเมรุมาศ และจับต้องประติมากรรม ในงานนิทรรศการฯ ระหว่างเข้าชมพระเมรุมาศเมื่อวันทดสอบระบบ 1 พ.ย.
บรรยากาศหลังพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถพิตร เมื่อวันที่ 26 ต.ค.และได้มีการอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิประดิษฐาน ณ พระวิมาน บนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ขณะที่พระบรมราชสรีรางคาร ได้แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งอัญเชิญไปประดิษฐานที่บริเวณฐานพระพุทธอังคีรส พระประธานในพระอุโบสถวัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม อีกส่วนหนึ่งอัญเชิญไปประดิษฐานที่ฐานพระพุทธชินสีห์ พระประธานในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น

ประชาชนได้ทยอยเข้ากราบสักการะพระบรมราชสรีรางคารทั้งที่พระอุโบสถวัดราชบพิตรฯ และวัดบวรนิเวศวิหารจำนวนมากทุกวัน ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเตรียมงาน กระทั่งการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสร็จสิ้นลง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชานุญาตให้จัดนิทรรศการพระเมรุมาศขึ้น ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง ตั้งแต่วันที่ 2-30 พ.ย. ก่อนจะมีการรื้อถอนออกไป รัฐบาลจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนไปชมนิทรรศการดังกล่าว

ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดนิทรรศการ “งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพรปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถพิตร” เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าพิธีเปิดนิทรรศการ 1 วัน เมื่อวันที่ 1 พ.ย. รัฐบาลโดยกระทรวงวัฒนธรรมได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการพระเมรุมาศ เพื่อเป็นการทดสอบระบบต่างๆ โดย พล.ธนะศักดดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดนิทรรศการครั้งนี้ กล่าวว่า ไม่ได้ห้ามถ่ายภาพเซลฟี่ แต่ต้องเซลฟี่ด้วยท่าทางสุภาพ เช่นเดียวกับการไลฟ์สด หากถ่ายด้วยกิริยาและมุมมองภาพที่เหมาะสม ก็สามารถทำได้ ตลอดจนการแต่งกายและพฤติกรรม ก็ขอให้สุภาพเหมาะสมกับการมาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หากพบความไม่เหมาะสม จะมีกติกาที่เข้มข้นต่อไป

เป็นที่น่าสังเกตว่า หลัง พล.อ.ธนะศักดิ์ให้สัมภาษณ์ว่า ประชาชนสามารถเซลฟี่ได้หากทำด้วยความสุภาพเหมาะสม ปรากฏว่า ให้หลังไม่นาน เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้ประชาชนที่เข้าชมพระเมรุมาศได้รับทราบว่า ห้ามเซลฟี่และถ่ายทอดสดทุกชนิด ขณะที่บางจุดนิทรรศการ เจ้าหน้าที่ประกาศว่า สามารถถ่ายภาพและเซลฟี่ได้ แต่ห้ามไลฟ์สด นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้แจ้งข้อปฏิบัติในการเข้าชมนิทรรศการ โดยนอกจากผู้เข้าชมต้องแต่งกายสุภาพแล้ว ยังได้ขอความร่วมมือผู้เข้าชมไม่แตะต้องหรือสัมผัสพระเมรุมาศ ตลอดจนสิ่งที่นำมาจัดแสดง ไม่ดึง เด็ด เหยียบ หรือสร้างความเสียหายแก่ไม้ดอก และพันธุ์พืชในงาน ถ่ายรูปในพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น และทิ้งขยะในบริเวณที่จัดให้

แต่แล้ว ก็ได้เกิดภาพและพฤติกรรมไม่เหมาะสมของบุคคลบางคนในการเข้าชมนิทรรศการวันทดสอบระบบ เช่น ภาพนักศึกษา 2 คนถ่ายเซลฟี่หน้าพระเมรุมาศ พร้อมชู 2 นิ้ว ขณะที่บางคนมีการแตะต้องประติมากรรมในงาน บางคนถึงกับนำก้อนดิน ก้อนหิน ดอกไม้ หรือสิ่งของบางอย่างในงานกลับบ้าน ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ซึ่งต่อมา(2 พ.ย.) นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เผยว่า ทางคณะกรรมการฝ่ายจัดการนิทรรศการฯ ได้ประชุมเพื่อพิจารณาผลการทดลองให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าชมนิทรรศการจำนวน 3 รอบ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมาแล้ว ที่ประชุมได้มีมติไม่อนุญาตให้ประชาชนขึ้นชมพระเมรุมาศบนบริเวณชั้น 1 และชั้น 2 ดังที่เปิดให้ขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย. โดยให้ประชาชนเดินชมความงดงามได้โดยรอบพระเมรุมาศ และอาคารประกอบต่างๆ เท่านั้น เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และทุกคนสามารถถ่ายภาพได้ตามความเหมาะสม

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถเข้าชมนิทรรศการพระเมรุมาศได้ระหว่างวันที่ 2-30 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 07.00-22.00 น. โดยการเข้าชมจะใช้เวลารอบละ 45 นาที-1 ชั่วโมง ผู้ที่เข้าชมต้องผ่านจุดคัดกรองซึ่งมี 5 จุด คือ บริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์, ท่าช้าง, หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และหลังกระทรวงกลาโหม

เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เกิดกระแสข่าวการจัดพิธีวางดอกไม้จันทน์ที่พระเมรุมาศจำลองในบางจังหวัดอย่างไม่เหมาะสม ไม่สมพระเกียรติ และไม่มีการวางแผน ส่งผลให้ประชาชนในจังหวัดนั้นไม่พอใจ เพราะหลายคนรอคิวนานและไม่ได้เข้าวางดอกไม้จันทน์ ได้แก่ จ.ชลบุรี ซึ่งจัดขึ้นที่ศาลากลางจังหวัด และ จ.นนทบุรี ซึ่งจัดขึ้นที่วัดบัวขวัญ พระอารามหลวง โดยที่ชลบุรี มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ประชาชนต้องรอคิวเพื่อวางดอกไม้จันทน์นานมาก นานขนาดประชาชนแทบไม่ได้วางดอกไม้จันทน์ ขณะเดียวกันก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการให้ข้าราชการวางดอกไม้จันทน์ก่อน มีเรื่องของบัตรวีไอพี มีการใช้งบที่รัฐบาลให้เพื่อจัดพิธีวางดอกไม้จันทน์ไม่เหมาะสม เพราะมีการใช้ป้ายไวนิลภาพต้นดาวเรืองแทนต้นจริง ส่งผลให้ประชาชนหลายร้อยคนไม่พอใจ ไปชุมนุมที่หน้าศาลากลางฯ เรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชี้แจง รวมทั้งเรียกร้องให้ผู้ว่าฯ ลาออก

ซึ่งต่อมา นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าฯ ชลบุรี ชี้แจงว่า การจัดพิธีดังกล่าว มีผู้ประกอบการใน จ.ชลบุรีเสนอให้จัดพิธีให้สมพระเกียรติ โดยจัดให้เหมือนที่ท้องสนามหลวง จึงได้ตอบไปว่า อยากให้จัดแบบพอเพียงมากกว่า จะได้ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ ส่วนที่ประชาชนต้องเข้าแถวนานกว่าจะได้วางดอกไม้จันทน์นั้น เรื่องนี้ได้ปฏิบัติตามคำสั่งที่กำหนดให้ทุกจังหวัดปฏิบัติให้เหมือนกัน เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม นายภัครธรณ์ได้ขอโทษชาวชลบุรีด้วยที่ไม่ได้รับความสะดวก

ส่วนพิธีวางดอกไม้จันทน์ที่วัดบัวขวัญ จ.นนทบุรีนั้น มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประชาชนรอคิวหลายชั่วโมงและพบว่า มีข้าราชการลัดคิวประชาชนด้วย รวมถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของจิตอาสา ซึ่งในเวลาต่อมา นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ได้เผยแพร่ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียทำนองโอ้อวดว่า นนทบุรีเป็นจังหวัดที่มีประชาชนมาร่วมวางดอกไม้จันทน์มากถึง 498,000 คน พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วน และยังทิ้งท้ายด้วยว่า “การใดที่เป็นความบกพร่อง ความไม่สะดวก ผมกราบขออภัย และขอรับไปแก้ไขในโอกาสต่อไปครับ”

ทั้งนี้ คำชี้แจงของผู้ว่าฯ นนทบุรี ส่งผลให้ประชาชนไม่พอใจ พร้อมถามกลับว่า ปรับปรุงแก้ไขในโอกาสต่อไปนั้น งานใดไม่ทราบ และงานระดับชาติพลาดได้ขนาดนี้ ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่มีคราวหน้าให้แก้ไขแล้ว

หลังเกิดกระแสไม่พอใจต่อผู้ว่าฯ ชลบุรีและนนทบุรีในการจัดพิธีวางดอกไม้จันทน์ดังกล่าว ส่งผลให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต้องสั่งให้นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทยตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงทั้ง 2 กรณีดังกล่าว และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พล.อ.อนุพงษ์ ยืนยันด้วยว่า ที่มีข่าวว่า มีงบประมาณลงไปที่ จ.ชลบุรี 20 ล้านบาทเพื่อจัดพิธีวางดอกไม้จันทน์นั้น ไม่เป็นความจริง ไม่มีการจัดงบประมาณใดๆ ลงไปในพื้นที่แน่นอน ส่วนที่มีการระบุว่า ผู้ว่าฯ ชลบุรี มาร่วมงานสายนั้น จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้ว่าฯ เข้าพื้นที่ตั้งแต่ช่วงเช้า และที่มีการระบุว่ามีการปล่อยให้ข้าราชการวางดอกไม้จันทน์ก่อนประชาชนนั้น พล.อ.อนุพงษ์ ยืนยันว่า เป็นขั้นตอนที่ปฏิบัติเหมือนกันทุกจังหวัด ส่วนปัญหาการแซงคิวที่วัดบัวขวัญ จ.นนทบุรีนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า อยู่ที่การบริหารจัดการ ต้องยอมรับว่าประชาชนเดินทางไปวางดอกไม้จันทน์จำนวนมาก จนอาจเกิดปัญหาในการจัดระเบียบบ้าง ซึ่งน่าจะเป็นเกือบทุกที่ ต้องขออภัยประชาชนด้วย

2.กต.ถอนพาสปอร์ต “ยิ่งลักษณ์” ทั้ง 4 เล่มแล้ว ยันอังกฤษปัดให้สถานะผู้ลี้ภัย!
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นักโทษหนีคดีที่ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา คดีไม่ระงับยับยั้งทุจริตจำนำข้าว
เมื่อวันที่ 30 ต.ค. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นักโทษคดีไม่ระงับยับยั้งทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา ที่ศาลสั่งออกหมายจับเพื่อนำตัวมารับโทษตามคำพิพากษาว่า จนถึงขณะนี้ตำรวจยังคงติดตามเบาะแสของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสอบถามไปยังตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้าทุก 7 วัน แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ยังไม่มีประเทศใดตอบกลับมาว่า พบเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ใด และจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีข้อมูลการขอลี้ภัยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย

ส่วนการยกเลิกหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตของ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์เผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ(กต.) และกระทรวงการต่างประเทศได้ยกเลิกหนังสือเดินทางไปแล้ว 4 เล่ม ประกอบด้วย 1.หนังสือเดินทางทูต เลขที่ CD1000101 2.หนังสือเดินทางทูต เลขที่ CD1002731 3.หนังสือเดินทางบุคคลทั่วไป เลขที่ AA3085997 และ 4.หนังสือเดินทางบุคคลทั่วไป เลขที่ AA4522382 เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ยื่นอุทธรณ์ หรือขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปหลังครบกำหนด 30 วัน เมื่อวันที่ 27 ต.ค.นั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า เป็นเรื่องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตำรวจดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องไปหมดแล้ว

วันต่อมา(31 ต.ค.) นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกมายืนยันว่า ได้ยกเลิกพาสปอร์ตทุกเล่มของ น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว ส่วนขั้นตอนการประสานขอตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ในประเทศใด เพราะจากการข่าวทราบว่าได้เดินทางไปยังนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเดินทางไปสหภาพยุโรป แต่เป็นเมืองใดยังไม่ทราบ แต่ตามกระแสข่าว คือ ในแถบยุโรป หรือประเทศอังกฤษ แต่ไม่ทราบว่าอยู่ส่วนไหน ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับอัยการสูงสุดว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะเพิ่งผ่านวันที่ 27 ตค. ซึ่งครบ 30 วันในการยื่นอุทธรณ์คดี เมื่อไม่มีการยื่นอุทธรณ์ ถือว่าคดีเป็นที่สิ้นสุด

ส่วนภายหลังถอนพาสปอร์ต น.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องขอลี้ภัยทางการเมืองหรือไม่นั้น นายดอน กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวต้องไปสอบถามกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่การลี้ภัยทางการเมืองต้องเป็นไปตามกฏหมายและขั้นตอนของประเทศนั้นๆ ซึ่งทางอังกฤษได้ยืนยันกับไทยว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์จะอยู่ที่อังกฤษ จะไม่ใช่สถานะผู้ลี้ภัย แต่เป็นการพักอาศัยตามกฎหมายของอังกฤษว่าจะอยู่ได้กี่วัน

ส่วนการขอสัญชาติใหม่เช่นเดียวกับนายทักษิณนั้น นายดอนกล่าวว่า ต้องถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะแต่ละประเทศมีกฎหมายในการขอสัญชาติของตัวเองในเรื่องนี้

ขณะที่บีบีซีไทยรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดนายทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคำพิพากษาศาลฎีกาฯ จำคุก 2 ปีคดีซื้อขายที่ดินย่านรัชดาฯ ว่า คาดไว้แล้วว่า การยกเลิกหนังสือเดินทางจะเกิดขึ้น และได้เตรียมการไว้แล้ว และว่า ขณะนี้มีหลายประเทศที่พร้อมมอบหนังสือเดินทางให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์

3.“พล.อ.ศิริชัย” ไขก๊อกเก้าอี้ รมว.แรงงาน หลัง “บิ๊กตู่” ใช้ ม.44 เด้งอธิบดีกรมการจัดงาน!
(บน) พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน (ล่าง) นายทหารเข้าไปเก็บของของ พล.อ.ศิริชัย ที่กระทรวงแรงงาน หลัง พล.อ.ศิริชัย ลาออก
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ออกคำสั่ง เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง โดยให้นายวรานนท์ ปีติวรรณ พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมการจัดหางาน และให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมทั้งให้นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ พ้นจากตำแหน่งรองปลัดกระทรวงแรงงาน และให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการจัดหางาน โดยให้มีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป จนกว่าจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ซึ่งคำสั่งดังกล่าว ให้เหตุผลในการโยกย้ายครั้งนี้ว่า เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการกระทรวงแรงงานและการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินให้มีประสิทธิภาพและความเหมาะสมยิ่งขึ้น

หลังมีคำสั่งดังกล่าว นายวรานนท์ ปีติวรรณ กล่าวถึงกรณีที่ถูกสั่งย้ายครั้งนี้ว่า ไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง แต่เข้าใจว่าผู้บังคับบัญชาคงเห็นว่าเหนื่อยจากการทำงาน เกรงว่าจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ จึงอยากให้พักและไปทำงานดูภาพรวมในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมากกว่า ยืนยันว่า การทำงานช่วง 8 เดือน โดยเฉพาะการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว ไม่ล่าช้าเหมือนที่ถูกวิจารณ์ ส่วนบางเรื่องอาจล่าช้า เป็นปัญหาของประเทศต้นทาง ไม่ใช่ของไทย “ผมรู้สึกเฉยๆ กับการโยกย้าย มีแต่สื่อที่ตกใจ... จากนี้ไปผมคงจะได้พักบ้าง เพราะการทำงานในตำแหน่งอธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นงานหนัก ทุกวันนี้ต้องกินยาเป็นกำๆ ไม่ให้ความดันโลหิตสูงกำเริบ นายจึงอาจอยากให้พักผ่อน เพราะเรื่องอื่นผมไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีเรื่องใต้โต๊ะ ผมตรงไปตรงมา ทำงานเหยียบคันเร่ง”

เป็นที่น่าสังเกตว่า หลัง พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งย้ายสลับตำแหน่งระหว่างอธิบดีกรมการจัดหางานกับรองปลัดกระทรวงแรงงาน ปรากฏว่า พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันเดียวกัน โดยมีรายงานว่า พล.อ.ศิริชัย ได้แจ้งเรื่องการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่อนายกฯ จากนั้นได้ยื่นหนังสือลาออกกับ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ถามนายกฯ ถึงกระแสข่าว พล.อ.ศิริชัยลาออก พล.อ.ประยุทธ์ ตอบสั้นๆ ว่า “ไม่เห็น”

นอกจากนี้ วันเดียวกัน พล.อ.เจริญ นพสุวรรณ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ยื่นหนังสือลาออกตำแหน่งเช่นกัน

และช่วงเย็นวันเดียวกัน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า โดยไม่มีการนัดหมาย หลังหารือประมาณ 20 นาที นายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับออกไป โดย พล.อ.ฉัตรชัยยังคงหารือต่อกับ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ

วันต่อมา(2 พ.ย.) ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศสำนักนายกฯ เรื่อง รัฐมนตรีลาออก โดยระบุว่า พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2560 จากนั้น ช่วงบ่ายวันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวในกระทรวงแรงงาน โดยมีทหารประมาณ 5-6 นายเดินทางมาขนข้าวของเครื่องใช้ เครื่องออกกำลังกาย และเอกสารต่างๆ ของ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นำขึ้นรถบรรทุกของทหารออกไป โดย พล.อ.ศิริชัย ไม่ได้เดินทางเข้ามายังกระทรวงแต่อย่างใด

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กล่าววันเดียวกันถึงการลาออกของ พล.อ.ศิริชัยว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ท่านลาออกไปประกอบธุรกิจของท่าน ทุกคนก็ต้องออกตามอยู่แล้ว พวกผู้ช่วยรัฐมนตรีอะไรต่างๆ ไม่ต้องมาถามผม และมีคนทำงาน มีคนรับผิดชอบอยู่แล้ว เป็นไปตามกฎหมายในการรักษาการของกระทรวง ไม่ต้องกังวล ทุกกระทรวงผมสั่งหมด สื่อมีปัญหาอะไรอีกหรือไม่ ไม่ต้องมาหาเรื่องอีก”

พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการลาออกของ พล.อ.ศิริชัย และกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ประยุทธ์ 5 ว่า มีรักษาการอยู่ จะปรับหรือไม่ค่อยว่ากันอีกที ไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้ยังสามารถทำงานได้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเรื่องปรับ ครม.กำลังคิดอยู่ ส่วนจะปรับเล็กหรือใหญ่ยังไม่รู้เลย กำลังคิดอยู่ ส่วนจะมีรัฐมนตรีอื่นลาออกอีกหรือไม่นั้น ไม่ทราบ

4.“ผู้กองเหน่ง” นอนคุก หลังศาลไม่ให้ประกัน ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มฆ่า-ซ่อนเร้นอำพรางศพ “ผอ.อ้อย”!
(บน) ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง นายทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย (ล่าง) นายบุญเลิศ และนางแหลม อุ่นอ่อน พ่อแม่ของ ผอ.อ้อย
ความคืบหน้ากรณี น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย ผู้อำนวยการกองการศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ หายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำเป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้ว ต่อมา เมื่อวันที่ 23 ต.ค.พ่อแม่ของ ผอ.อ้อย ได้เดินทางไปค้นหาศพของลูกสาวบริเวณพงป่าข้างถนนสายโดมประดิษฐ์ ฐานอนุพงศ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ตามที่ลูกสาวมาเข้าฝัน กระทั่งพบกะโหลกศีรษะและกระดูกบางส่วน รวมทั้งเสื้อผ้า เข็มขัด และนาฬิกา ซึ่งพ่อแม่ยืนยันว่าเป็นของ ผอ.อ้อยจริง แต่รอผลพิสูจน์ดีเอ็นเออีกครั้ง ในที่สุดผลพิสูจน์ดีเอ็นเอยืนยันว่าเป็นศพของ ผอ.อ้อยจริง ตำรวจจึงได้เตรียมตั้งข้อหาเพิ่ม ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง นายทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ผู้ต้องหาคดีนี้

ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ร.อ.ศุภชัยได้เข้าพบพนักงานสอบสวน ที่ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยมีนายทหารพระธรรมนูญมาร่วมรับทราบการสอบปากคำและการแจ้งข้อหาด้วย

ต่อมา พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เผยว่า ได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่ ร.อ.ศุภชัย 2 ข้อหา คือ ฆ่าคนตายโดยเจตนาและซ่อนเร้นอำพรางศพ ส่วนข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียเสรีภาพ ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาไปก่อนแล้ว รวมขณะนี้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับ ร.อ.ศุภชัย 10 ข้อหา และเตรียมนำตัว ร.อ.ศุภชัย ไปฝากขังผัดที่ 2 ที่ศาลจังหวัดกันทรลักษณ์ต่อไป โดยพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว

เป็นที่น่าสังเกตว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่นำตัว ร.อ.ศุภชัยขึ้นรถเพื่อนำตัวไปฝากขัง ญาติๆ ของ ผอ.อ้อยได้กรูเข้าหา ร.อ.ศุภชัย พร้อมตะโกนถามว่า “ฆ่า ผอ.อ้อยทำไม” และขอให้ศาลลงโทษ

ซึ่งต่อมา หลังพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอฝากขัง ร.อ.ศุภชัย ต่อศาลจังหวัดกันทรลักษ์ พร้อมคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวแล้ว ศาลได้อนุญาตให้ฝากขังเพิ่มเติม และไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่า เป็นคดีอุกฉกรรจ์และเกรงจะหลบหนี จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว ร.อ.ศุภชัย ขึ้นรถผู้ต้องขังไปเรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ทันที

ด้านนายบุญเลิศ อุ่นอ่อน พ่อ ผอ.อ้อย กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับความยุติธรรม สมกับความยากลำบากและเหน็ดเหนื่อยของครอบครัว หลังญาติพี่น้องทุกคนต้องเดินลุยป่าค้นหาร่าง ผอ.อ้อย จนกระทั่งพบศพอย่างน่าเวทนา โดยขอประกาศตรงนี้ว่า จะยังไม่เผาศพ ผอ.อ้อย เนื่องจากเกรงเป็นการทำลายพยานหลักฐานที่มีอยู่ จะเก็บศพ ผอ.อ้อยไว้ เมื่อคดีนี้ถึงที่สุดแล้วและผู้กองเหน่งได้รับโทษตามกฎหมาย จึงจะประกอบพิธีฌาปนกิจ ผอ.อ้อย ต่อไป

5.โลกโซเชียลสวดยับ “นายแบบหนุ่ม” ใช้ชีวิตติดหรู โพสต์โชว์ได้บัตรคนจน ด้านคลังตรวจสอบเบื้องต้นเข้าข่ายได้รับสิทธิ์!
นายวัชรินทร์ ตันกุรานันท์ โพสต์เฟซบุ๊กโชว์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือที่เรียกกันว่าบัตรคนจน ที่ได้มา ซึ่งสวนทางกับชีวิตที่กินอยู่อย่างหรูหราตามภาพที่เจ้าตัวโพสต์ในเฟซบุ๊ก
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. กระแสในโซเชียลมีเดียต่างวิพากษ์วิจารณ์นายวัชรินทร์ ตันกุรานันท์ นายแบบหนุ่มคนหนึ่ง ที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตหรูหรา แต่กลับโพสต์อวดว่าตนเองได้บัตรคนจน หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่มองว่าไม่เหมาะสม เป็นการเบียดบังคนจน

ทั้งนี้ นายวัชรินทร์ได้โพสต์เฟซบุ๊ก โชว์บัตรคนจนที่ตนเองได้มา โดยในภาพนอกจากบัตรคนจนแล้ว ยังมีโทรศัพท์มือถือ นาฬิกา วางอยู่บนโต๊ะซึ่งเป็นร้านกาแฟแห่งหนึ่ง พร้อมกับโพสต์ข้อความว่า “ได้บัตรแล้ว เปลี่ยนสถานะไหม่แล้วนะครับ จนจริงอะไรจริง”

ซึ่งปรากฏว่า ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นและตำหนิการได้บัตรคนจนของนายแบบดังกล่าว เนื่องจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รัฐบาลจะออกให้สำหรับผู้มีรายได้น้อยเท่านั้น แต่นายแบบดังกล่าว ไม่น่าจะใช่คนจน เพราะมีการโพสต์ภาพการใช้ชีวิตที่หรูหรา มีการใช้ของแบรนด์เนม มีรถบิ๊กไบค์ ดื่มกาแฟหรู

หลังเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ สื่อมวลชนได้สอบถามนายวัชรินทร์ถึงฐานะและการได้บัตรคนจนดังกล่าว เจ้าตัวได้ออกมาชี้แจงว่า ได้บัตรคนจนมา รู้สึกตื่นเต้น จึงโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ไม่คิดว่าจะมีกระแสตำหนิมากขนาดนี้ ยืนยันว่า ตนฐานะยากจน ไม่มีหลักทรัพย์ ไม่มีแม้กระทั่งรถยนต์หรือบ้าน ปัจจุบันอาศัยอยู่กับพี่ และยินดีให้ตรวจสอบเรื่องการเงิน และว่า ปัจจุบันมีอาชีพรีวิวสินค้า รายได้ต่อเดือนไม่แน่นอน และว่า ของใช้ที่ดูหรูหรา เพื่อนซื้อให้ อาหารราคาแพง ก็เพื่อนชวนไปกิน ส่วนโทรศัพท์ไอโฟน นายวัชรินทร์ยอมรับว่าตนซื้อเอง โดยซื้อมาหลายปีแล้ว ราคาตอนซื้อ 3 หมื่นกว่าบาท

ขณะที่หลายฝ่ายฟังคำชี้แจงของนายแบบดังกล่าวแล้ว ส่วนใหญ่ไม่เชื่่อว่าจนจริง ด้าน น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่าบุคคลดังกล่าวไม่เข้าข่ายที่จะได้รับการช่วยเหลือ กรมฯ จะระงับสิทธิต่างๆ ที่ให้ไว้ในบัตรทันที ซึ่งเบื้องต้นจะประสานไปยังสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ให้เร่งตรวจสอบคุณสมบัตินายวัชรินทร์ และสั่งการมาที่กรมบัญชีกลางว่า จะให้ดำเนินการอย่างไร

สำหรับเงื่อนไขผู้ที่มีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องมีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป เป็นผู้ว่างงาน หรือมีรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี หรือเฉลี่ยประมาณเดือนละ 8,300 บาท ไม่มีทรัพย์สินทางการเงิน หรือถ้ามี ต้องไม่เกิน 1 แสนบาท รวมทั้งไม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมาย

ต่อมา(31 ต.ค.) นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เบื้องต้นตรวจสอบแล้วพบว่า นายแบบดังกล่าวอยูในเกณฑ์ที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เนื่องจากมีเงินฝากต่ำ มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ไม่มี อย่างไรก็ตาม เมื่อพิธีกรถามว่า ดูอาชีพนายแบบหนุ่มแล้ว น่าจะมีรายได้เกินเกณฑ์ หรืออาจไม่ได้เปิดเผยหรือไม่ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า ไม่แน่ใจ เนื่องจากรายได้ของนายแบบไม่ได้อยู่ในระบบภาษี เป็นการจ่ายตรงของผู้ว่าจ้าง ดังนั้นจะมีการตรวจสอบเชิงลึกต่อไป

เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังกระทรวงการคลังตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รายได้ของนายวัชรินทร์ ในระบบภาษี อยู่ในเกณฑ์ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปรากฏว่า นายรอบคอบ สินธุแสง พ่อบุญธรรมที่เลี้ยงนายวัชรินทร์มาตั้งแต่อายุ 17 ปี ได้ออกมาเผยความรู้สึกว่า ดีใจมากหายเครียด และสบายใจมากขึ้น ส่วนลูกชายยังมีอาการเครียดอยู่บ้าง และไม่ได้ติดต่อกับใคร อย่างไรก็ตาม นายรอบคอบกล่าวว่า ตนอยากตัดปัญหาด้วยการให้ลูกชายไปยกเลิกบัตรคนจน โดยลูกชายได้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อขอยกเลิกบัตรดังกล่าวแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ตอบมาว่า ไม่สามารถยกเลิกได้

นายรอบคอบ ยังเผยด้วยว่า ลูกชายมีชีวิตที่น่าสงสาร เนื่องจากเป็นคนซื่อ ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนอื่น ทุกวันลูกชายจะออกไปข้างนอก แค่เล่นฟิตเนสเท่านั้น หากวันไหน ตนเดินทางออกไปนอกบ้าน ลูกชายก็จะขอติดตามไปด้วยเสมอ หากต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ลูกชายจะให้เพื่อนชายคนสนิท ที่คบหากันมานานกว่า 4 ปี มาขับรถให้ตนเองนั่ง และว่า ลูกชายมักจะยืมของเพื่อนชายคนสนิทใช้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า หรือเสื้อผ้า รวมถึงการกินอาหารที่หรูหรา ก็เพื่อนชายคนสนิทจ่าย พร้อมยอมรับว่า เพื่อนชายคนสนิทได้ให้เงินและครีมลูกชายใช้ แต่ไม่รู้ว่าให้เงินเท่าใด พร้อมปฏิเสธว่า ลูกชายไม่ได้ถ่ายนู้ด แต่ที่มีภาพหวิวออกมา ลูกชายแค่ถ่ายเล่นเท่านั้น สำหรับเรื่องคอนโดฯ ที่อยู่อาศัยในปัจจุบันเป็นคอนโดฯ ของญาติลูกชาย
กำลังโหลดความคิดเห็น