xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องราวซึ้งๆ ! “พี่ตูน” วิ่งย้อนกลับเกือบ 10 เมตร มาหาผู้ป่วยมาลาเรียที่นั่งวีลแชร์รอต้อนรับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เรื่องราวสุดซึ้ง ! “ตูน บอดี้สแลม” วิ่งย้อนกลับเกือบ 10 เมตร ทั้งที่วิ่งเลยไปแล้ว เพื่อทักทายผู้ป่วยมาลาเรีย ที่นั่งวีลแชร์ออกมารอต้อนรับหน้าโรงพยาบาลธารโต ต่างพูดคุยให้กำลังใจกันและกัน

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. นายภาคภูมิ ประทุมเจริญ ผู้ดำเนินรายการ “หัวใจไม่แพ้” ช่องทรูโฟร์ยู หมายเลข 24 ได้โพสต์เฟซบุ๊กเล่าเรื่องราวประทับใจของ นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม ในขณะวิ่งในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ว่า ...

“คำสัญญาลูกผู้ชาย” ที่หน้าโรงพยาบาลธารโต

ผู้ป่วยรายหนึ่งทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล ว่า พี่ตูนและคณะกำลังจะวิ่งผ่านหน้าโรงพยาบาลธารโต ในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แม้ในขณะนั้นเขากำลังนอนพักรักษาตัวจากอาการป่วยโดยโรคมาลาเรียก็ตาม แต่ในวินาทีนั้นเขาขออนุญาตคุณหมอเพื่อออกมาเฝ้ารอ เพื่อได้เจอพี่ตูนสักครั้งในชีวิต เพื่อขอบคุณในสิ่งที่พี่ตูนได้ลงมือทำ เพื่อนและพยาบาลช่วยกันเข็นรถวีลแชร์ขึ้นมาเฝ้ารออยู่ริมทางหน้าโรงพยาบาล ถึงแดดจะร้อนและเหงื่อก็ไหลออกมาทั่วใบหน้า...แต่เขาก็ไม่มีสีหน้าถอดใจ ตรงกันข้าม ยิ่งเขาเห็นขบวนวิ่งอยู่ไม่ไกล สายตาจับจ้องมองหาผู้ชายที่ชื่อ ตูน อย่างไม่กะพริบตา

ผมเฝ้ารอดูถึงภาพตรงหน้า....ในเวลานั้นคนมาเฝ้ารอเป็นจำนวนมากที่หน้าโรงพยาบาล พี่ตูนวิ่งผ่านด้านหลังของคนป่วยเข้าไปในฝูงชน ไปไกลเกือบ 10 เมตร ดูเหมือนความฝันจะพังทลาย.. พี่ตูนวิ่งผ่านไป...และไม่อาจจะรู้เลยว่า โอกาสที่จะได้ให้กำลังใจกันแบบนี้จะมีอีกไหม... เขานั่งนิ่ง มองไปที่หัวขบวน ผมไม่รู้ว่า ในความคิดเขารู้สึกอย่างไร แต่ถ้าเป็นผม นอกจากความเข้าใจ อาจจะแอบเสียใจที่ไม่ได้มีโอกาสพบเจอ แล้วรีบเข็นวีลแชร์ไปหลบแดด นอนพักรักษาตัว

เสียงตะโกนจากทีมงาน... “พี่ตูนวิ่งกลับมาข้างหลังครับ แจ้งว่าวิ่งไปหาคนป่วยที่นั่งวีลแชร์ครับ”

คนป่วยทั้งให้กำลังใจและขอบคุณที่กลับมา เวลาตอนนั้นดูเหมือนจะหยุดลง ทั้งโผลใส่เข้าหากันเพื่อเติมพลังให้กันและกัน

“เสียดายครับ ผมซ้อมวิ่งมาหลายวัน ดันมาป่วยเป็นโรคมาลาเรีย เลยอดวิ่งกับพี่เลย” คนป่วยบอกกับพี่ตูน

“ไม่เป็นไร เราเป็นกำลังใจให้กันและกัน...ขอให้หายไวไว แล้วออกมาร่วมกันนะครับ ผมจะรอ” พี่ตูนพูดเสร็จพร้อมกับยื่นแขนไปข้างหน้าเพื่อขอจับมือมิตรสหายริมทางท่านนี้ ก่อนจากกันทั้งคู่กำมือกันแน่นขนัด แม้ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้ แต่สายตาทั้งสองกำลังสื่อสารภาษาเดียวกัน แม้จะเป็นเพียงไม่กี่วินาที และไม่ได้ก้าวเท้าไปด้วยกันบนถนน แต่ผมว่าคนสองคนจะไม่มีทางลืมช่วงเวลาดีดีที่เจอกัน”





กำลังโหลดความคิดเห็น