ประชาชนทยอยเดินทางมาถวายพวงมาลัย - ดอกไม้สด เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยเสื้อผ้าโทนสีสุภาพ หลังรัฐบาลประกาศออกทุกข์เป็นวันแรก ด้านนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาชมวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเปิดเป็นวันแรกเช่นเดียวกัน ผ่านจุดคัดกรองจำนวน 5 จุด
ตามที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาต ให้สำนักพระราชวังจัดทำซุ้มประดิษฐาน พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร บริเวณริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง ระหว่างประตูวิเศษไชยศรี และประตูมณีนพรัตน์สำหรับให้ประชาชนได้ถวายสักการะต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นประจำทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
วันนี้ (30 ต.ค.) หลังจบงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตลอดทั้งวันได้มีประชาชนเป็นจำนวนมากทยอยเดินทางมาถวายพวงมาลัย ดอกไม้สด ที่เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ด้วยเสื้อผ้าโทนสีสุภาพ หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศให้วันนี้เป็นวันออกทุกข์เป็นวันแรก
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวัง ซึ่ง สำนักพระราชวังได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเป็นวันแรกเช่นเดียวกัน โดยได้เปิดจุดคัดกรองจำนวน 5 จุดด้วยกัน เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามายังพระบรมมหาราชวัง ประกอบด้วย จุดคัดกรองพระแม่ธรณีบีบมวยผม สะพานช้างโรงสี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ท่าช้าง และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นางอุไรวรรณ อินจันทร์ อายุ 53 ปี ประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ ที่มาพักอาศัยและทำงานที่ย่านพระราม 2 กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ส่วนตัวยังทำใจไม่ได้ รวดเร็วเหลือเกิน ที่ผ่านมา เข้าคิวเพื่อกราบพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง 2 ครั้ง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ และวันนี้ไม่ได้นำดอกไม้ หรือพวงมาลัยมากราบพระองค์ แต่ตั้งใจมากราบด้วยความระลึกถึงพระองค์ท่าน
“ทราบดีว่ารัฐบาลได้ประกาศออกทุกข์แล้ว แต่ยังทำใจไม่ได้ อยากให้ขยายวันออกทุกข์ เพราะยังอยู่รู้สึกเศร้าเสียใจ และพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพเพิ่งจะผ่านพ้นไปเพียงข้ามคืนเท่านั้น ส่วนตัวคิดว่าคงจะอีกหลายวันจะลดสีเสื้อผ้าจากสีดำลงมา ที่ผ่านมา ได้น้อมนำในสิ่งที่ในหลวง ร.๙ ทำ ในเรื่องของการรู้จักตัวตนของตนเอง รู้จักพอเพียง ถ้าเราไม่รู้จักพอดีก็จะทำให้เราทำผิดได้ และจะบอกต่อลูกหลานต่อไปด้วย” นางอุไรวรรณ
ด้าน นางสาวทัศนีย์ ผลวุฒิ อายุ 43 ปี พื้นเพชาวลพบุรีแต่ไปใช้ชีวิตออยู่ประเทศออสเตรเลีย 3 ปี และเดินทางมาร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพด้วยความรักในหลวง รัชกาลที่ ๙ สุดหัวใจกล่าวว่า เดินทางกลับมาร่วมงานพระราชพิธีฯ ตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. โดยมารอเข้าในพื้นที่ตั้งแต่ตี 4 ของวันที่ 24 ต.ค. ได้ปักหลักอยู่บริเวณหน้าสวนสราญรมย์ ได้เห็นริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศจนจบ แล้วอยู่ต่อจนถึงเช้าวันที่ 27 ต.ค. ที่มีพระราชพิธีเก็บพระบรมอัฐิแล้วอัญเชิญเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง จากนั้นเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ก็ได้ไปรอรับเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เสด็จฯ ไปทรงบรรจุพระบรมราชสรีรางคารที่วัดบวรนิเวศวิหาร รู้สึกตื้นตันใจพร้อมกับความโศกเศร้าอาลัยในหลวง รัชกาลที่ ๙ แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป วันนี้จึงตั้งใจนำพวงมาลัยดอกดาวเรืองมากราบสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์เป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นจะไปกราบสักการะที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารที่วัดราชบพิตรสถิตมหาสีรามราม และก่อนกลับออสเตรเลียในวันที่ 2 พ.ย. จะเดินทางมาเข้าชมพระเมรุมาศที่เปิดให้เข้าชมเป็นวันแรก พร้อมตั้งจิตจะทำดีถวายเป็นพระราชกุศลต่อไป


