“เชฟตุ๋ย” เจ้าของร้านอาหารไทย “จิตรลดา” ในแอลเอ ทรุดหนักจากอาการมะเร็งปอดระยะสุดท้าย กัดฟันทนเจ็บไม่ขอฉีดมอร์ฟีน เพื่อให้มีสติสัมปชัญญะเต็มที่ ก่อนที่จะร้องขอบันทึกเทปกล่าวส่งเสด็จในหลวง ร.๙ สู่สวรรคาลัย จากนั้นได้สิ้นลมอย่างสงบในช่วงค่ำของวันเดียวกัน (18 ต.ค.)
วันนี้ (19 ต.ค.) ทางเว็บไซต์ www.siamtownus.com ได้เผยแพร่ข่าว นายสุทธิพร สังขมี หรือ เชฟตุ๋ย เจ้าของร้านอาหารไทย “จิตรลดา” ในแอลเอ ที่เจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ได้แสดงความจงรักภักดีต่อในหลวง ร.๙ เป็นครั้งสุดท้าย ด้วยการฝืนทนเจ็บ ไม่ยอมให้ฉีดมอร์ฟีนระงับปวด เพื่อให้มีสติสัมปชัญญะเต็มที่ ก่อนจะร้องขออัดเทปกล่าวส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย จากนั้นได้สิ้นลมในเวลาต่อมาของวันเดียวกัน
มีรายละเอียดว่า “เชฟตุ๋ย” สุทธิพร สังขมี แห่งร้านอาหาร “จิตรลดา” ในแอลเอ ทรุดหนักจากอาการมะเร็งปอดระยะสุดท้าย กัดฟันทนเจ็บ ร้องขอบันทึกเทปส่งเสด็จในหลวง ร.๙ สู่สวรรคาลัย ร่วมกับสยามทาวน์ยูเอส ก่อนแพทย์ให้มอร์ฟีน และสิ้นลมอย่างสงบในเวลาต่อมา
สืบเนื่องจากการที่ “เชฟตุ๋ย” สุทธิพร สังขมี วัย 66 ปี เชฟและเจ้าของร้านอาหารจิตรลดา ถนนซันเซ็ต ในนครลอสแองเจลิส ซึ่งถือเป็นเชฟอาหารไทยที่ได้รับการยอมรับสูงสุดคนหนึ่งในอเมริกา ได้ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งที่ปอดระยะสุดท้าย และได้เข้ารับการรักษาแบบเคมีบำบัดที่โรงพยาบาลไคเซอร์ (Kaiser Permanente Los Angeles Medical Center) ถนนซันเซ็ต มาตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา
และเมื่อวันอังคารที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา คุณวัชรเรศร วิวัชรวงศ์ หรือ ท่านอ้น ได้เดินทางมาเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจกับ เชฟตุ๋ย ถึงข้างเตียงคนไข้ หลังจากที่ได้ไปรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านจิตรลดา แล้วทราบว่าเชฟและเจ้าของร้านอยากพบ โดย “ท่านอ้น” ได้พูดคุยให้กำลังใจกับเชฟตุ๋ย รวมถึงญาติๆ อย่างอบอุ่น นำมาซึ่งความปีติยินดีให้กับเชฟชื่อดังจนถึงขั้นน้ำตาไหล
นางรัชนี สังขมี ภรรยาของเชฟตุ๋ย กล่าวกับสยามทาวน์ฯ ภายหลังว่า หลังจากได้รับกำลังใจจากบุคคลที่เชฟตุ๋ยรักและเคารพอย่างสูงดังกล่าวแล้ว เชฟชื่อดังมีท่าทีสดชื่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด สามารถรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้เอง หลังจากที่ต้องรับอาหารเหลวทางท่อมาเป็นเวลาหลายวัน อีกทั้งยังขับถ่ายได้เองอีกด้วย
และเมื่อทราบว่า ทางสยามทาวน์ฯ จะทำการถ่ายทอดสดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ในต่างประเทศ ของชาวไทยในลอสแองเจลิส (จากวัดไทย แอลเอ ในวันที่ 26 ตุลาคม) ผ่านทางเฟซบุ๊กของสยามทาวน์ฯ (และสถานีโทรทัศน์ ทีเอทีวี) และได้เชิญชวนหน่วยราชการ สมาคม ชมรม และธุรกิจต่างๆ ในลอส แองเจลิส มาร่วมกันบันทึกเทปการถวายอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อเผยแพร่ระหว่างการถ่ายทอดสดพิธีสำคัญดังกล่าวนั้น เชฟตุ๋ย ก็ได้แสดงความจำนงอยากจะมีโอกาสได้ส่งเสด็จในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่เชฟตุ๋ยรัก เคารพเทิดทูนเหนือเกล้า มาตลอดชีวิตด้วย
ทีมงานของสยามทาวน์ฯ ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลไคเซอร์ เพื่อทำการบันทึกเทปตามความประสงค์ของเชฟตุ๋ย เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันอังคารที่ 17 ตุลาคม แต่ในวันดังกล่าว อาการของเชฟตุ๋ยทรุดหนักลง มีอาการเหนื่อยหอบ ไม่สามารถพูดเสียงดังได้ แต่ยังมีสติสัมปชัญญะแจ่มใส และบอกกับทีมงานของสยามทาวน์ฯ ว่า “เอาไว้อาทิตย์หน้าค่อยทำ ให้พี่หายก่อนนะ”
อย่างไรก็ดี ในช่วงสายของวันรุ่งขึ้น (วันพุธที่ 18 ตุลาคม) เชฟตุ๋ย ได้ให้น้องสาว คือ นางศรินทิพย์ สิงห์สนอง ติดต่อมายังสยามทาวน์ฯ ขอให้รีบเดินทางไปทำการบันทึกเทปโดยด่วน ทั้งนี้ เพราะอาการของเชฟตุ๋ยเริ่มทรุด มีอาการเจ็บปวดรุนแรง และแพทย์แนะนำให้ฉีดมอร์ฟีน (morphine drip) เพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวด แต่มอร์ฟีนจะทำให้สติสัมปชัญญะและการรับรู้ต่างๆ หย่อนสมรรถภาพไป ดังนั้นเชฟตุ๋ยจึงขอประวิงเวลาออกไปให้นานที่สุด เพื่อจะได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
โดยการบันทึกเทปการส่งเสด็จในหลวงรัชกาลที่ ๙ สู่สวรรคาลัยของเชฟตุ๋ย มีขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. หลังจากที่ลูกๆ ได้เช็ดหน้า หวีผม จัดแต่งเสื้อผ้า รวมถึงปรับหัวเตียงให้ยกสูงขึ้น มีภรรยา คือนางรัชนี สังขมี ประคองเครื่องราชอิสริยาภรณ์จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ ที่เชฟตุ๋ย ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2557 อยู่ใกล้ทรวงอก มีสมาชิกในครอบครัวอยู่เคียงข้างพร้อมหน้าพร้อมตา โดยเชฟตุ๋ย ยกมือซึ่งมีสายยางสำหรับให้เลือด ยา และน้ำเกลือระโยงระยางขึ้นพนมระดับอก และกล่าวเสียงดังฟังชัดว่า
“ขอน้อมส่งเสด็จพระองค์เป็นครั้งสุดท้ายสู่สวรรคลาลัย ข้าพระพุทธเจ้า นายสุทธิพร สังขมี ชาวอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าของร้านจิตรลดา ในนครลอส แองเจลิส ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้”
หลังเสร็จการบันทึกเทป แม้จะมีเหน็ดเหนื่อย และหายใจหอบ แต่เชฟตุ๋ย ก็ทักทายและขอบคุณเพื่อนฝูง และผู้ที่เคารพนับถือ ที่เมื่อทราบข่าวก็พากันไปเยี่ยมกันเป็นจำนวนมาก ด้วยท่าทีที่เห็นได้ชัดว่ามีความสุขที่ได้อยู่ท่ามกลางครอบครัว ญาติมิตร และเพื่อนฝูงที่รักใคร่
“ใจผมน่ะสู้ แต่ร่างกายมันไม่ไหวแล้ว” เชฟชื่อดังพูดกับเพื่อนคนหนึ่ง รวมถึงฝากผ่านสยามทาวน์ยูเอส ไปยังเพื่อนคนไทยที่มาทำงานอยู่ที่อเมริกา ให้หมั่นดูแลสุขภาพ อย่ามัวทำแต่งานเหมือนเขา
“ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ พี่น้องทุกคนที่รู้จักผมและให้กำลังใจตลอดเวลาระยะที่ผมป่วย เลยจะฝากขอบคุณผู้หลักผู้ใหญ่ทุกท่านที่ให้กำลังใจผมมาตลอดเวลา ก็อยากจะให้ทุกคนเวลาทำงาน หาเวลาพักผ่อนเยอะๆ จะได้ไม่มีโรคเบียดเบียนแทรกแซงเข้ามาเพราะว่าทำงานมากเกินไป ทุกคนที่มาอยู่ในเมืองนางฟ้านี้ ทำแต่งาน ทำมาหากิน จนหาเวลาพักผ่อนไม่ได้ ก็ทำให้ร่างกายอ่อนแอ อาจจะมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ก็ขอให้ทุกคนพักผ่อนให้เยอะๆ ผมขอบคุณท่านกงสุลใหญ่ฯ (ธานี แสงรัตน์) และภรรยาที่มาให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลา ขอบคุณท่านทูตเจษฎา กตเวทิน ที่ส่งกำลังใจมาให้กระผม และผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไม่ได้กล่าวนามอีกหลายท่าน ก็ขอขอบคุณทุกท่านไว้ ณ โอกาสนี้ หวังว่าเราคงได้เจอกันอีก ก็ขอให้ทุกคนมีความสุข ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ขอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุ้มครองให้ท่านมีแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป ขอบารมีองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ รัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ขอจงทรงพระเจริญ... สาธุ”
นางศรินทิพย์ สิงห์สนอง หรือ เชฟแจ๊ส น้องสาวของเชฟตุ๋ย ได้บอกกับสยามทาวน์ฯ ว่า คณะแพทย์ได้เข้ามาสรุปสถานการณ์ให้เชฟตุ๋ยและครอบครัวฟังตั้งแต่เช้า ว่า ขณะนี้อาการของเชฟตุ๋ยทรุดหนักจนสุดความสามารถของแพทย์ที่จะเยียวยาแล้ว แนะนำให้ใช้ยามอร์ฟีน เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด ให้ร่างกายผ่อนคลาย ก่อนจะวาระสุดท้าย
“แต่พี่ตุ๋ยเขาไม่ยอมให้ฉีดมอร์ฟีน รีบให้พี่โทร.ตามสยามทาวน์ฯ มาอัดเทปก่อน เพราะอยากจะส่งเสด็จมาก ให้ตามคนที่อยากเจอ มาเจอเป็นครั้งสุดท้าย ก็อย่างที่เห็น พี่เขาแจ่มใสมาก เขามีสติทุกอย่าง แล้วก็สั่งเสียเรื่องหลังหมดแล้ว พี่ตุ๋ยเขาพร้อมแล้ว ลูกเต้าพี่น้องก็มาอยู่กันพร้อมหน้า” เชฟแจ๊ส ผู้เป็นน้องสาวกล่าวเสียงเครือ และขอบคุณสยามทาวน์ยูเอส ที่ได้ทำให้ความต้องการสุดท้าย ในการมีส่วนร่วมกับคนไทยในลอส แอนเจลิส ทำการส่งเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่เก้า สู่สวรรคาลัย เป็นจริงขึ้นมา
นางศรินทิพย์ สิงห์สนอง บอกด้วยว่า โจนาธาน โกลด์ นักวิจารณ์อาหารระดับรางวัลพูลิตเซอร์ ของลอส แองเจลิส ไทมส์ ซึ่งชื่นชมอาหารปักษ์ใต้ของเชฟตุ๋ยหลายชนิด โดยเฉพาะแกงไตปลา ที่เขาระบุว่า เป็นหนึ่งในอาหาร 99 จานในแอลเอ ที่จะต้องชิมก่อนตาย (99 Things to Eat in LA Before You Die) ได้โทรศัพท์มาพูดคุยเป็นการร่ำลาเชฟตุ๋ยทันทีที่ทราบข่าว
“เขาชื่นชมพี่ตุ๋ยมาก บอกว่า พี่ตุ๋ยเป็น great contribution ของลอส แอนเจลิส เป็นมาตลอดเลย แล้วครอบครัวของเขารักพี่ตุ๋ยมาก”
ทั้งนี้ เชฟตุ๋ย หรือ นายสุทธิพร สังขมี ปฏิเสธที่จะใช้เครื่องช่วยหายใจ ดังนั้น เมื่อทนความเจ็บปวดไม่ไหว และต้องรับมอร์ฟีนในช่วงเย็นของวันเดียวกัน (18 ตุลาคม) ทำให้เชฟตุ๋ยผ่อนคลาย หลับและตื่นขึ้นมาทักทายแขกที่มาเยี่ยมเป็นระยะ ก่อนจะสิ้นลมอย่างสงบในเวลา 23.20 น.