บรรยากาศประชาชนทยอยเดินทางมาถวายสักการะดอกไม้สด ที่ซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ถนนหน้าพระลาน หน้าพระบรมราชวัง ตลอด 24 ชม. ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (18 ต.ค.) บรรยากาศที่ซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณหน้ากำแพงพระบรมมหาราชวัง ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างประตูวิเศษไชยศรี และ ประตูนพรัตน์ ตั้งแต่เช้าตรู่ที่ผ่านมา มีพสกนิกรเดินทางมาถวายพวงมาลัย - ดอกไม้สด และกราบสักการะที่เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ อย่างเนืองแน่นด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
หลังถวายพวงมาลัยแล้ว นาวาโทหญิง สุปราณี วิชัยคำมาตย์ อตีดข้าราชการประจำกรมแผนที่ อายุ 69 ปี เดินทางมาจากบ้านพักย่านวงศ์สว่าง กล่าวว่า เคยได้เข้าไปกราบสักการะพระบรมศพด้านในพระที่นั่งดุสิตฯ 1 ครั้ง ตอนนั้นคนเยอะและรอนานมาก ป้าเองมีโรคประจำตัวแทบจะถอดใจ จึงตั้งจิตอธิษฐานขอพรพระองค์ท่านว่าขอให้ตัวเองมีโอกาสได้เข้าไปกราบสักครั้ง สักพักก็มีลมพัดมาให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น ยิ่งเมื่อได้ขึ้นไปกราบพระองค์ท่านเบื้องหน้าพระบรมโกศรู้สึกว่าหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
“เมื่อสมัยที่ป้ายังสาว อายุประมาณ 20 กว่าๆ พระองค์ท่านเคยเสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์มาที่กรมแผนที่ พระองค์ท่านเดินขึ้นบันไดมาแล้วถามหาเจ้ากรมฯ ด้วยความที่ตกตะลึงเลยไม่ได้ตอบกลับไป ซึ่งก็ยังนึกโมโหตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้ และเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยังจำได้มาตลอด ส่วนวันนี้เมื่อตอนเช้าป้าตื่นขึ้นมาใส่บาตร แล้วนึกถึงพระองค์ท่านขึ้นมา เลยตั้งใจว่าจะต้องมากราบพระองค์ท่านอีกสักครั้ง จึงรีบออกจากบ้านพักแล้วตรงมาที่นี่ทันที เพราะในวันพระราชพิธีพระบรมศพวันที่ 26 ตุลาคม คงไม่มีโอกาสได้มาร่วมพิธีที่นี่ ตั้งใจว่าจะไปวางดอกไม้จันทน์ที่วัดมัชฌันติการาม แถวพระราม 7” ข้าราชการวัยเกษียณ กล่าว
ด้าน นางสาวพันธุ์วิจิตร พรหมขัติแก้ว อายุ 50 ปี คุณครูสอนภาษาไทยและอังกฤษ ซึ่งเดินทางมาจากย่านสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องมากราบในหลวงรัชกาล ๙ ให้ได้ 3 ครั้ง โดยก่อนหน้านี้ได้กราบพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทแล้ว 2 ครั้ง ในวันนี้จึงถือเป็นครั้งที่ 3 อย่างที่ตั้งใจ และถือว่าใกล้ช่วงเวลาถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้วด้วย ยิ่งเรียกว่าใกล้โอกาสสุดท้ายเข้าไปทุกที เมื่อได้กราบแล้วทุกๆ ครั้ง เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ที่ผ่านมาได้ติดตามพระราชกรณียกิจของพระองค์ตลอดมา ยังจดจำภาพที่พระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จฯมาทรงงานด้วยกันตลอด รวมถึงภาพทรงงานต่างๆ โดยเฉพาะพระบรมฉายาลักษณ์ที่พระองค์ทรงโน้มพระวรกายหายายท่านหนึ่ง เป็นภาพที่งดงามซึ่งได้เก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือ ไว้มองยามที่คิดถึงพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงถือเป็นกำลังใจให้สู้ชีวิต ไม่ย่อท้อ เพราะพระองค์ทรงงานหนักยิ่งกว่าเรา “เราเป็นครูสอนภาษาไทยให้กับคนต่างชาติ ช่วงเวลาที่พระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อปีที่แล้ว ต่างชาติก็ต่างเข้ามาสอบถามและร้องไห้ไปกับเรา ซึ่งดีใจที่ชาวต่างชาติสนใจและรักในพระองค์ทุกคน ทำให้พวกเขาอยากจะอยู่เมืองไทย ทุกวันนี้แม้ผ่านมาแล้วนับปี ก็ยังรู้สึกเศร้า ใจหาย ยิ่งใกล้ถึงวันยิ่งรู้สึกเศร้า แต่ก็ได้สวดมนต์ ตักบาตร นั่งสมาธิ ถวายเป็นพระราชกุศลพระองค์เสมอ” นางสาวพันธุ์จิตร กล่าว