xs
xsm
sm
md
lg

50 ยังแจ๋ว! “ป๊าทอมมี่” กล้ามเป็นมัดๆ!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ขาใหญ่วัยดึกยังซูฮก...ยกนิ้ว
เด็กหนุ่มคนรุ่นต้องหลีกหลบทางให้...ป๊า
ไม่นับรวมสาวน้อยใหญ่ ทั้งแท้ทั้งเทียม ที่ต่างเหลียวมอง เมื่อพานพบ
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะเขาเป็นผู้มากหลายด้วยบารมี หากแต่เกิดจากมัดกล้ามแน่นปึ้ก แม้ในวัยใกล้แซยิด
... “ประเสริฐศักดิ์ บุญเสริม” ชายวัย 50 ที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งในปฐพี!

เป็นหวัดบ่อย ก็หายขาด
ด้วยอานุภาพการออกกำลัง

“มันเริ่มจากตอนอายุ 30 กว่าๆ 40 ต้นๆ ผมป่วยบ่อยมาก เป็นไข้หวัดที ก็ 10 กว่าวัน กว่าจะหาย พอหายแล้วก็เป็นต่ออยู่อย่างนั้น ยิ่งช่วงหน้าฝน แค่ฝนโปรยหน่อยเดียว เราก็ทรุด ไม่สบายแล้ว นั่นคือจุดเริ่มต้น"

“ลุงต้อม” หรือ “ป๊าทอมมี่” เปิดฉากสนทนาถึงจุดเริ่มต้นบนเส้นทางสายนักกล้าม ผู้ที่ก่อนหน้านี้ ใครๆ ต่างก็มองเขาแบบแปลกใจ ทั้งๆ ที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ และไม่ใช่คนอ่อนแอขี้โรคตั้งแต่เด็กๆ แต่เมื่ออายุเลยหลักวัยรุ่น ร่างกายก็กลับกลายเป็นอย่างนั้น

“ใครๆ ก็เรียกว่าไอ้ขี้ยา ทั้งๆ ที่ผมไม่สูบบุรี่ ไม่ดื่มเหล้า แต่เขามองอย่างนั้น ก็ยังแปลกใจ จนคนที่รู้จักก็ทักว่าให้ไปออกกำลังกายบ้าง (หัวเราะ) ก็เลยไปออกกำลังกาย”

โดยเริ่มต้นจากเล็กๆ น้อยๆ ด้วยการซื้ออุปกรณ์ยกน้ำหนัก 1 คู่มาฟิตซ้อมร่างกายในบ้านพัก พอร่างกายเฟิร์มขึ้นก็เลยได้ใจ ทำเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ 10 กว่าปี

“คือหลังจากได้เหงื่อ วันสองวันแรก เราก็รู้สึกว่ามันแตกต่างจากแต่ก่อนที่ผ่านมาในชีวิต เราหายใจโล่งขึ้น ไม่รู้สึกหอบคล้ายๆ คนเป็นโรคหอบหืด จิตใจเราก็ผ่องใสขึ้น ก็เลยทำให้ตัดสินใจออกกำลังกายเรื่อยมา

“ทีนี้ จากแรกเริ่มที่แค่ซื้อดัมเบลมานั่งเล่นที่บ้านก่อน พอมีกล้ามเนื้อ ก็ขยับไปเล่นในสวนสาธารณะข้างๆ บ้าน สวนธนบุรีรมย์ หลังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ก็ลองผิดลองถูกจากวิธีการในอินเตอร์เน็ตว่าเขาออกกำลังกายกันอย่างไร เล่นร่างกายกันอย่างไร

“หรือเวลาเราไปเล่น แล้วบางทีเราไปเห็นคนเขาเล่นได้เฟิร์มกว่าเราทั้งๆ ที่กล้ามเขาเล็กกว่าเรา ก็เข้าไปสอบถามเขา ก็ใช่วิธีนี้ในตอนแรกๆ พอหลังจากนั้นหนึ่งปีก็รู้จักพรรคพวกมากขึ้น ก็มีเทรนเนอร์ ซึ่งจริงๆ ก็คือเพื่อนๆ กันนั่นแหล่ะ เพียงแต่ว่าเขาพอมีความรู้ ก็มาช่วยกัน ก็ทำให้เราฮึด เราอึดได้มากขึ้น กล้ามเนื้อก็ค่อยๆ สร้างเพิ่มขึ้น”

“เดี๋ยวนี้ไม่รู้เลยว่าหวัดคืออะไร” ป๊าทอมมี่เผย ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนที่เป็นบ่อยจนน่ารำคาญ ร่างกายผอมแห้ง แรงก็น้อย ทำอะไรก็ไม่กระตือรือร้น แต่หลังจากนั้น นอกจากสุขภาพ จิตใจอะไรต่างๆ ก็ดีขึ้น หน้าที่การงานก็ทำได้อย่างเต็มที่

ไอ้ขี้ยาในสายตาใครต่อใคร ก็กระโดดขึ้นมากลายเป็นผู้ก่อร่างสร้างให้เกิดสมาคมชุมชนเพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายที่สวนธนบุรีรมย์ “ประเสริฐศักดิ์ บุญเสริม” จึงไม่ใช่แค่อาจารย์โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานครฯ เขตบางมด หรือ “ลุงต้อม” “ลุงทอม” ที่รอวันชราวัย ทว่าใครต่อใครต่างก็เรียกขานเขาว่า “ป๊าทอมมี่”

“ยารักษาโรคที่ดีที่สุด ก็คือการออกกำลังกาย พอผมตระหนักรู้อย่างนั้นจุดเป้าหมายของการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพร่างกายของเราเพียงอย่างเดียวก็เปลี่ยนไปเองโดยอัตโนมัติ เรารู้จักเพื่อนเพิ่ม รู้จักคนโน้นคนนี้ เราก็ไม่อยากให้เขาเป็นแบบเดียวกับเราเมื่อตอนอายุ 30 ที่ป่วยออดๆ แอดๆ ก็เลยไปบุกเบิกตั้งสมาชิกจัดชมรมที่สวนธนบุรีรมย์ขึ้น ทุกวันนี้ก็เป็นชมรมใหญ่ ก็พากันลงขันกันซื้ออุปกรณ์โน่นนี่นั่นจากที่ยกเป็นปูน ตอนนี้มีของครบวงจร ใครๆ ก็เล่นได้เล่นฟรี”

เป้าหมายต้องชัด
แม้อึดอัด แต่ถ้าผ่านได้ "มันเท่มาก”

“ถ้าถามว่าวันนั้นที่ออกกำลังกายวันแรกรู้สึกอย่างไร จากคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย คำแรกเลยที่จะตอบคือ มีความรู้สึกว่าเหมือนเราได้ยาวิเศษ เหมือนเราได้อะไรสักอย่างหนึ่งที่ทำให้เรามีความสุขขึ้น”
ป๊าทอมมี่กล่าว ก่อนจะขยายถึงเส้นทางการบ่มเพาะกล้ามจนล่ำเท่

“ผมเคยท้าพนันกับตัวเองโดยการนอนดูหนังยันตี 3 ตี 4 ดูว่าสุขภาพของผมเป็นอย่างไรตอนออกกำลังกายแล้ว ผลสรุปคือสุขภาพผมก็ไม่เป็นอะไรเลย มีกำลังฟิตปกติ ตื่น 8 โมงตอนเช้า มาทำงานสบาย แต่ถ้าเป็นสมัยก่อน อดนอนอย่างนี้ไม่ไหวเลย น็อกทันที ก็เลยรู้สึกว่าได้ยาวิเศษ (ยิ้ม) การออกกำลังกายก็คือยาวิเศษ”

และคำว่าวิเศษในความหมายนั้นก็ไม่ใช่แค่ร่างกายที่ขยับลี้หนีโรคภัยเพียงอย่างเดียว ทว่ายังส่งเสริมมายังจิตใจ ความคิด แผ่ไปถึงหน้าที่การงาน รวมกระทั่งสาวๆ อีกด้วย

“ก็มีสาวๆ ทั้งแท้และไม่แท้ทักแชทไลน์มาเยอะมาก มาคุยทักทาย ก็ภูมิใจอายุ 50 กว่าแล้ว แต่เขายังเล็งเห็นเราที่ไม่ใช่ลุงแก่ๆ ขี้ยา ไม่ค่อยอยากทักทายอะไรกับเรา เราก็เลยกลายเป็นคนที่สังคมมองว่าเราเป็นโรคอะไรหรือเปล่า ก็โอเค เราขายออก (หัวเราะ) แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือชีวิตเราดีขึ้น นอกจากไม่ป่วย แข็งแรง มันยังส่งผลต่อจิตใจรวมไปถึงหน้าที่การงาน คือหลังจากที่สุขภาพดี ไม่ผอมแห้ง ทำอะไรไม่กระตือรือร้น มาสอนหนังสือร่างกายไม่กระปี้กระเป่าให้พลังงานกับนักเรียนได้ไม่เต็มที่ ก็เปลี่ยนไปหมด

“หลังจากที่ออกกำลัง ร่างกายมันเฟิร์มขึ้น ถึงหน้าเหี่ยวแห้งก็เถอะ แต่ทุกวันนี้สอนตั้งแต่เช้ายันสองทุ่มไม่พักก็ได้เลย กลางวงกลางวันนักเรียนมาปรึกษาเรื่องเรียน เรานั่งที่โต๊ะรอเต็มที่ คือสุขภาพร่างกายข้างในเรามันกระตุ้นตลอดเวลา เราแข็งแรงตลอดเวลา สุขภาพดีอะไรก็ดี ทนได้รับได้ทุกอย่าง จิตใจก็เปลี่ยนไปอยู่แล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ สุขภาพดีจิตใจมันก็สดชื่น คิดอะไรมันก็ปุ๊บปั๊บ ไม่ต้องมานั่งคำนวณอะไรมากมาย ตัดสินใจอะไรก็กระฉับกระเฉงขึ้น ใจดีขึ้น มากกว่าแต่ก่อน จิตใจสบายขึ้น ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ตารางการออกกำลังกายฉบับลุงต้อมหรือป๊าทอมมี่ มีด้วยกันทั้งหมด 5 วัน คือจันทร์ถึงศุกร์ เริ่มต้นจากตอนเช้าตื่น ตี 5 กินผลไม้ เช่น กล้วย และนม เพื่อเตรียมการออกกำลงกายตอน 6 โมง โดยเริ่มจากวิ่งเบาๆ 15 นาทีเป็นการวอร์มอัพร่างกายเป็นอย่างน้อย ก่อนจะโหนบาร์เบลเสริมความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเซตละ 20 ครั้ง ครั้งละ 10 เซต จากนั้นก็เลือกสรรในส่วนที่ต้องการจะเล่น เช่น ไหล่ หลัง ปีก ฯลฯ เบ็ดเสร็จ 2 ชั่วโมง ทุกเช้าและเย็น เว้นวันเสาร์กับอาทิตย์

“เพราะรถยังต้องเติมน้ำมัน ฉะนั้นเราต้องเติมน้ำมันชีวิตเราด้วย ให้ความสุขกับร่างกายเราบ้าง ให้รางวัลตัวเอง ไปสอนพิเศษ ไปเที่ยวตรงนั้นนี้ ไปเติมพลังให้ชีวิต รีแลกซ์ร่างกาย ไม่ต้องเคร่งมากขนาดนั้น อย่าไปซีเรียส กล้ามเนื้อมันจะมา มันมาเอง เน้นจุดที่ต้องการ เพราะเราไปออกกำลังกาย เหมือนเราทรมานร่างกายตัวเราเอง เราต้องพักเขาบ้าง

“เราสุขแค่ไหนเราก็เล่นแค่นั้น ไม่ใช่เห็นเขายกหนัก ไปยกตามเขา ไม่ได้ เอาเท่าที่เราทำได้ ตามสภาพร่างกายของเราเท่านั้น และอย่าลืม สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการจัดระบบ กำหนดวัตถุประสงค์ของเราก่อนว่าเล่นว่าออกกำลังกายเพื่ออะไร และคิดในใจเสมอว่าเราต้องมุ่งมั่น หลังจากนั้นทุกอย่างมันขยับดีขึ้น มันจะเป็นกำลังใจให้เราสู้ ไม่ยกเลิกกลางคันแน่นอน”

อายุเป็นเพียงตัวเลข
หลักยิ่งเยอะ คุณภาพยิ่งคับแก้ว

หลังจากปวดหัวตัวร้อน ไม่สบาย 10 กว่าวัน ณ ขณะนี้หากมีอาการผิดปรกติของร่างกายก็ใช้เวลาพักแค่ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น ก็หายเป็นปลิดทิ้ง มิหนำซ้ำยังกลายมาเป็นหนุ่มใหญ่นักล้ามดีกรี เจ้าของรองแชมป์รายการงานประกวดนักกล้ามอายุ 50 ปีขึ้นไป และล่าสุดขึ้นแท่นขวัญใจเน็ตไอดอลคนใหม่ ทั้งหมดทั้งมวลเกิดขึ้นก็คงไม่ต่างไปจากที่บอกเล่าว่าเมื่อร่างกายดี จิตใจดี สิ่งดีๆ ก็ก่อเกิดขึ้นอีกภายหลังมากมาย อย่างเช่นการเป็นจิตอาสาช่วยเหลือสังคมโดยการออกบริการตัดผมให้นักเรียนและผู้ป่วยสถานสงเคราะห์

“เรามีความรู้สึกว่าตอนที่เราออดๆ แอดๆ เราทำอะไรก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ มีอุปสรรคตลอด แต่พอร่างกายเราแข็งแรงแล้วทำอะไรก็รู้สึกมีความสุข เราก็เลยอยากจะแบ่งปั่นให้คนอื่นบ้าง ความแข็งแรงของเราเอาไปทำอะไรก็ได้ให้สังคม

“จากที่ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพเราอย่างเดียว พอมันดีขึ้น ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป ร่างกายเราเปลี่ยนไป แนวความคิดเราก็เปลี่ยนไปด้วย เราแข็งแรงแล้ว เราควรจะทำตรงนี้เพิ่มเติม มันต้องมีผลอยู่แล้ว เป็นผลที่ดีๆ ทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเริ่มต้นจากสุขภาพร่างกายก่อน พอร่างกายแข็งแรง จิตใจก็เปลี่ยนไป แข็งแกร่งขึ้น ทุกคนที่ออกกำลัง จะรู้สึกได้”

สถานสงเคราะห์กลุ่มสะแกจังหวัดเพชรบุรี สถานสงเคราะห์คนพิการและทุพพลภาพพระประแดง รวมไปถึงโรงเรียนต่างๆ ย่านเขต 7 ทุ่งครุ เขตบางขุนเทียน จึงเป็นอีกกิจกรรมอาสาที่ใครๆ ต่างพบเห็นเขาเป็นประจำ

“อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องที่ไปประกวดเมื่อปีที่แล้วก็เพื่ออยากเป็นแบบอย่าง ได้รางวัลหรือไม่ได้ ไม่เป็นไร แต่เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับคนที่มีอายุเยอะๆ อายุเป็นเพียงตัวเลข อยู่ที่เรา

“คนที่สูงอายุไม่จำเป็นต้องเอาผมเป็นตัวอย่างก็ได้ แต่อย่างน้อยแกว่งแขน ไปเดิน ไปวิ่ง เล่นฟิตเนสเบาๆ ร่างกายคุณก็แข็งแรง คุณก็จะมีความสุข และเมื่อสุข คุณก็สามารถไปแบ่งแจกจ่ายความสุขแก่คนอื่นๆ การอออกกำลังกายเป็นยาวิเศษ ไม่ว่าจะรุ่นไหน ก็ขอย้ำฝากบอกพ่อแม่พี่น้องว่า สุขภาพดีไม่มีขาย ออกกำลังกายอะไรก็แล้วแต่ นิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี เพราะนอกจากทำให้มีความสุขแล้ว เรายังจะได้รับสิ่งอื่นๆ ที่ดีตามมาอีกด้วย”




เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ :เฟซบุ๊กเพจ ป๊าทอมมี่

กำลังโหลดความคิดเห็น