เป็นเรื่อง! ต่อเนื่องเป็นแรงกระเพื่อมเข้าให้แล้ว หลังจาก อย.และ สคบ. โยนลูกกันไปมา กรณีมีคนไปร้องเรียนเรื่องยาลดความอ้วน ล่าสุดได้ เทียบเชิญ “จ่าพิชิต ขจัดพาลชน” เจ้าของเพจดัง Drama - Addict และ “หมอแล็บแพนด้า” เข้าไปหารือ เพื่อหาทางแก้ไข และจัดการกับพวกที่ขายยาเทวดาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ซึ่งหลังจากที่จ่าพิชิตได้เข้าไปประชุมมาแล้ว ก็ได้ให้สัมภาษณ์บอกข้อมูลกับรายการเป็นเรื่อง! ทางช่อง News 1
“คือทาง อย. เขาก็ชวนผมกับหมอแล็บฯ ไปคุย เกี่ยวกับเรื่องยาลดความอ้วน เขาก็อยากได้ข้อมูลเพื่อไปวิเคราะห์ว่าจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ในโลกโซเชียลยังไง จะทำยังไงดี เพราะถ้าเราสังเกต จะเห็นว่า เพจของ อย.ทุกวันนี้ ก็ยังเหมือนเพจของหน่วยงานรัฐทั่วไป ก็คือนำเสนอข้อมูลที่ค่อนข้างเป็นทางการ ไม่ค่อยจะมีอินเตอร์แอ็คทีฟกับคน หรือว่าไม่ค่อยน่าสนใจ หรือไม่สามารถทำให้เกิดกระแสในโซเชียลได้
“ผมอยากยกตัวอย่างหน่วยงานที่มีแนวโน้มดีมาก ก็คือ หน่วยงานกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งทำเพจสนุกสนาน ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์ เวลามีประเด็นเกี่ยวกับดราม่าเรื่องลิขสิทธิ์อะไรทำนองนั้น กรมทรัพย์สินทางปัญญาเขาจะเข้าไปแจม แล้วก็มีการทำคอนเทนท์ออกมานำเสนอเป็นระยะ อย่างทันท่วงที ดังนั้น มันก็ทำให้ประชาชนเขารู้ว่า เวลาที่ประชาชนเขาเจอเรื่องพวกนี้ เขาก็จะรู้ว่าเขาต้องไปปรึกษาใคร นี่คือแนวทางที่ทาง อย.เขาอยากได้ เขาก็เลยให้ผมกับหมอแล็บฯ ไปคุยกัน”
สำหรับกรณีที่ว่า ประชาชนไปร้อง สคบ. และ อย. แล้วไม่เกิดผลอะไร ทางจ่าพิชิติบอกว่า อย.จะไม่ให้เกิดกรณีแบบนั้นอีก เพื่อให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์มากที่สุด จะมีการประสานการทำงานกับ สคบ. และแจ้งให้ประชาชนรับทราบอย่างชัดเจน
ส่วนเรื่องเกี่ยวกับยาลดอ้วนที่ขายทางโซเชียลนั้น จ่าพิชิตแสดงความเห็นว่า “อย. ควรจะมีการดำเนินคดีกับบุคคลสาธารณะ อย่างพวกดาราและเน็ตไอดอลบางคนที่ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับยาลดความอ้วน หรือยาที่อ้างว่ารักษาได้สารพัดโรค ซึ่งพวกนั้นน่ะอันตราย เพราะคนเฒ่าคนแก่หรือใครก็ตาม เห็นพวกดารานักร้องเป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็หลงเชื่อว่ามันใช้ได้ จริงๆ แล้วมันใช้ไม่ได้ อย่างพวกยาที่บอกว่ารักษาตา มันอาจจะทำให้ตาบอดได้”
คลิกชมและฟังรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ในคลิปด้านล่าง >>>
“คือทาง อย. เขาก็ชวนผมกับหมอแล็บฯ ไปคุย เกี่ยวกับเรื่องยาลดความอ้วน เขาก็อยากได้ข้อมูลเพื่อไปวิเคราะห์ว่าจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ในโลกโซเชียลยังไง จะทำยังไงดี เพราะถ้าเราสังเกต จะเห็นว่า เพจของ อย.ทุกวันนี้ ก็ยังเหมือนเพจของหน่วยงานรัฐทั่วไป ก็คือนำเสนอข้อมูลที่ค่อนข้างเป็นทางการ ไม่ค่อยจะมีอินเตอร์แอ็คทีฟกับคน หรือว่าไม่ค่อยน่าสนใจ หรือไม่สามารถทำให้เกิดกระแสในโซเชียลได้
“ผมอยากยกตัวอย่างหน่วยงานที่มีแนวโน้มดีมาก ก็คือ หน่วยงานกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งทำเพจสนุกสนาน ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์ เวลามีประเด็นเกี่ยวกับดราม่าเรื่องลิขสิทธิ์อะไรทำนองนั้น กรมทรัพย์สินทางปัญญาเขาจะเข้าไปแจม แล้วก็มีการทำคอนเทนท์ออกมานำเสนอเป็นระยะ อย่างทันท่วงที ดังนั้น มันก็ทำให้ประชาชนเขารู้ว่า เวลาที่ประชาชนเขาเจอเรื่องพวกนี้ เขาก็จะรู้ว่าเขาต้องไปปรึกษาใคร นี่คือแนวทางที่ทาง อย.เขาอยากได้ เขาก็เลยให้ผมกับหมอแล็บฯ ไปคุยกัน”
สำหรับกรณีที่ว่า ประชาชนไปร้อง สคบ. และ อย. แล้วไม่เกิดผลอะไร ทางจ่าพิชิติบอกว่า อย.จะไม่ให้เกิดกรณีแบบนั้นอีก เพื่อให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์มากที่สุด จะมีการประสานการทำงานกับ สคบ. และแจ้งให้ประชาชนรับทราบอย่างชัดเจน
ส่วนเรื่องเกี่ยวกับยาลดอ้วนที่ขายทางโซเชียลนั้น จ่าพิชิตแสดงความเห็นว่า “อย. ควรจะมีการดำเนินคดีกับบุคคลสาธารณะ อย่างพวกดาราและเน็ตไอดอลบางคนที่ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับยาลดความอ้วน หรือยาที่อ้างว่ารักษาได้สารพัดโรค ซึ่งพวกนั้นน่ะอันตราย เพราะคนเฒ่าคนแก่หรือใครก็ตาม เห็นพวกดารานักร้องเป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็หลงเชื่อว่ามันใช้ได้ จริงๆ แล้วมันใช้ไม่ได้ อย่างพวกยาที่บอกว่ารักษาตา มันอาจจะทำให้ตาบอดได้”
คลิกชมและฟังรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ในคลิปด้านล่าง >>>