xs
xsm
sm
md
lg

ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งรักเธอ!! "มาดามเดียร์" นางฟ้าลูกหนัง ทีมช้างศึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สาวสวยมากความสามารถดีกรีไม่ธรรมดาที่แม้ว่าจะอยู่ในบทบาทไหนเธอก็จะจริงจัง ทำเต็มที่จนถึงที่สุดเดียร์-วทันยา วงษ์โอภาสี หรือหลายคนเรียกสมญานามเธอว่า “มาดามเดียร์” ตามที่สื่อมวลชนได้ให้ฉายาไว้

จบการศึกษามาทางด้านศิลปศาสตร์ ภาษาอังกฤษและวรรณคดีภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยการเข้าสู่วงการโบรกเกอร์มาเป็นเวลา 2 ปี ก่อนจะมีโอกาสเข้ามาทำงานด้านมีเดียโดยดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) กระทั่งได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ให้เป็นผู้จัดการทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถมาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปีเต็มก่อนจะยุติบทบาทลง
        • ทราบมาว่าตอนนี้ยุติบทบาทในการเป็นผู้จัดการทีมชาติไปแล้ว

ใช่ค่ะ จริงๆ ต้องเรียนให้ทราบก่อนนะคะว่า ตอนแรกที่เดียร์เข้ามารับผิดชอบตำแหน่งในฐานะผู้จัดการทีมตรงนี้ เดียร์ได้รับภารกิจที่คุยกับทางสมาคมไว้ก็คือ “ซีเกมส์” ที่เป็นเป้าหมายหลัก ซึ่งเดียร์มองว่าเราจบภารกิจตรงนี้แล้ว เราทำหน้าที่ที่เราได้รับความไว้วางใจจากที่ผู้ใหญ่มอบหมายให้รับผิดชอบสำเร็จเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว

บางคนอาจจะมองว่าทำไมได้เหรียญทองแล้วเราถึงต้องขอลาออกยุติบทบาท ตรงนี้เดียร์ได้ปรึกษากับทางสมาคมแล้วก็คือเนื่องจากภารกิจที่หนองคายที่จะไปต่อจากนี้ในส่วนของปีหน้าจะเป็นภารกิจที่เป็นระดับเอเชียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขัน เอเอฟซี (AFC) ชิงแชมป์เอเชีย ซึ่งน้องจะเป็นชุดที่ต้องไปแข่งขันเอเชียนเกมส์ในส่วนของปีหน้าที่ประเทศอินโดนีเซียต่อ เราก็เลยได้มีโอกาสคุยกับทางสมาคมว่าอยากให้สมาคมลองดูในส่วนนี้ เพราะด้วยภารกิจที่ทีมจะต้องไปเจอไม่รู้ว่าจะการบริหารงานในรูปแบบไหน สิ่งนี้ก็น่าจะเหมาะสมที่สุดสำหรับการเตรียมตัวของน้องๆ สำหรับภารกิจครั้งหน้าที่เขาจะต้องไปเจอในปีหน้า

การไปเจอระดับเอเชีย มันเป็นความหวังของน้องๆ รวมถึงเป็นความหวังของเดียร์ด้วย และในฐานะที่เป็นผู้จัดการมา เดียร์มองว่านักฟุตบอลในฐานะชุดทีมชาติทุกคนอยากมีชื่อเป็นผู้เล่นตัวจริงของทีมชาติชุดใหญ่อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรามองน่าจะเกิดความต่อเนื่องและใกล้เคียงกับสิ่งที่ทางสมาคมมอง ซึ่งเราก็ได้คุยกับทางสมาคม อยากให้สมาคมลองตัดสินใจโดยไม่อยากให้ตัวเราไปเป็นอุปสรรคในการตัดสินใจ อยากให้สมาคมตัดสินใจบนความอิสระโดยไม่มีข้อจำกัด ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทีมค่ะ

        • ย้อนไปตอนที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่หน่อยค่ะ การเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลแรกๆ ของมาดามเดียร์เป็นยังไงบ้างคะ

แรกๆ เดียร์ว่าแฟนบอลอาจจะยังไม่ค่อยมั่นใจ เขาก็ยังงงๆ เพราะว่าบางคนก็ยังสงสัยว่าเราจะไหวไหม แต่เดียร์มองว่าคำพูดหรือข้อความต่างๆ เหล่านั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคกับเราเลยนะคะ เพราะยังไงแล้วสุดท้ายมันก็อยู่ที่ว่าเราตั้งใจทำงานและทุ่มเทกับมันเต็มที่แล้วหรือเปล่า เราเชื่อว่าถ้าเราลงมือทำอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยใจจริง ยังไงงานหรือผลลัพธ์ทุกอย่างมันก็จะออกมาจากสิ่งที่เราได้ทุ่มเทลงไป

ไม่ใช่แค่แฟนบอลที่กังวลเพราะอย่างตอนที่ไปซีเกมส์ คณะกรรมการโอลิมปิกประชุมแนวทางผู้ใหญ่บางท่านก็แสดงความกังวลอยู่เหมือนกัน เพราะว่าฟุตบอลชาย คนมาเลเซียเขาก็จะใช้คำว่า mother of goad คือเหมือนว่าถ้าได้เหรียญทองไหนก็ไม่สำคัญเท่าเหรียญทองฟุตบอลชาย และอาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งเราเป็นผู้หญิงด้วย ซึ่งในวงการฟุตบอลคนส่วนใหญ่จะมองดูว่าต้องเป็นผู้ชายแข็งแรง ตรงนี้ก็เลยทำให้ผู้ใหญ่หลายคนมีความกังวลแสดงความห่วงใยกับเราพอสมควรค่ะ

        • แต่เราก็พิสูจน์ด้วยผลงานที่ค่อนข้างจะไม่ธรรมดาเลย

ทัวร์นาเมนต์แรกเลยก็ได้ไปแข่งขันเนชั่นส์คัพที่ประเทศมาเลเซีย แล้วครั้งนั้นต้องบอกเลยว่าจริงๆ ไม่ได้เป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ก็เข้าใจว่าทัวร์นาเมนต์นั้นเกิดจากที่ทางเจ้าภาพเขาทำขึ้นมาโดยที่อยากจะ scout ทีมที่จะต้องเตรียมไปซีเกมส์ แต่ว่ามันก็เป็นทัวร์นาเมนต์แรกตั้งแต่ที่เราได้รับตำแหน่ง เรียกว่าไม่ใช่แค่ตัวเดียร์ ทั้งโค้ชโย่ง วรวุฒิ ศรีมะฆะ ทั้งสตาฟฟ์โค้ชก็เหมือนกัน เพราะเป็นครั้งแรกที่เราทุกคนได้มารวมตัวกัน เขาก็ถือว่าเป็นที่ทัวร์นาเมนต์สำคัญ แต่เราก็สามารถที่จะนำชัยชนะ คว้าแชมป์ในส่วนของเนชั่นส์คัพเมื่อปี 2559 ที่ประเทศมาเลเซีย กลับมาได้

ผลงานหลังจากนั้นก็คือเป็นแชมป์ดูไบคัพ การชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีที่ประเทศจีน แล้วก็ล่าสุดคือผลงานการรักษาแชมป์เหรียญทองในซีเกมส์ 2017 ที่ประเทศมาเลเซียค่ะ

        • ทำงานมา 1 ปีเต็ม ประทับใจอะไรในหน้าที่ตรงนี้บ้างคะ

ทุกครั้งที่เวลาเราไปในฐานะตัวแทนทีมชาติ มันเป็นความภูมิใจ เพราะตอนที่เดียร์ได้รับแต่งตั้งจากทางสมาคม 1 สัปดาห์ถัดมาก็ต้องเรียกเก็บตัวน้องๆ เราก็ต้องเตรียมตัวบินไปแข่งขันเนชั่นคัพส์ ที่ประเทศมาเลเซียเลย

เดียร์จำได้วันที่เดียร์ต้องขึ้นรถบัสแล้วออกจากโรงแรมเพื่อไปแข่งขันนัดแรกในชีวิต ภาพแรกที่ประทับใจคือตอนที่น้องๆ ร้องเพลงสดุดีมหาราชาในรถ มันเป็นบรรยากาศที่ทำให้น้ำตาคลอ ตื้นตัน และสิ่งที่เราภูมิใจมากที่สุดเลยก็คือเราร้องเพลงชาติไทยแล้วเขาอัญเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาในฐานะที่เราได้แชมป์เหรียญทองซีเกมส์ ขณะที่เราก็ยืนอยู่ในสนามด้วย สิ่งนี้เป็นโมเมนต์ที่ประทับใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเลยค่ะ

        • กว่าจะผ่านมาได้เห็นว่าก็หนักเอาการเหมือนกัน เรารับมือกับปัญหาต่างๆ ให้ก้าวผ่านมาได้ยังไง

มันมีความกดดันในทุกการแข่งขันไม่ใช่แค่ซีเกมส์นะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือตอนการแข่งขันรอบคัดเลือกชิงแชมป์เอเชียที่เราแข่งกันที่สนามศุภชลาศัย ประเทศไทย ภารกิจหลักที่เราทำให้กับทีมมาตลอด 1 ปีมันเป็นเรื่องของความคาดหวังไว้ เป็นเรื่องของความรับผิดชอบ ในฐานะที่เราเป็นผู้จัดการทีมเราต้องบอกกับตัวเองว่าเราท้อไม่ได้เพราะว่าถ้าเราท้อแน่นอนเราอาจจะไม่ได้พูดกับน้อง แต่ด้วยอากัปกิริยา สายตาทุกอย่างที่ออกมามันจะมองรู้ เดียร์เชื่อว่ามันเป็นรังสีบางอย่างที่มันจะแทรกซึมออกไป เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่เราต้องคอยพยายามควบคุม และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องให้กำลังใจให้ความเชื่อมั่นกับน้องๆ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่พยายามประคับประคองมาโดยตลอดตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย อย่างเรื่องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นในระหว่างตลอด 18 วันที่อยู่ที่ประเทศมาเลเซีย มันก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องเตรียมตัววางแผนงานให้ทีมคือเรียกว่าไปอยู่ 18 วัน ต้องไม่ให้เกิดปัญหาหรือว่าให้เกิดปัญหากับทีมน้อยที่สุดเพราะว่าสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้มันอาจจะมาบั่นทอนเรื่องของความเชื่อมั่นของน้องได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่เราสามารถบริหารจัดการควบคุมได้ เราก็จะต้องให้ความสำคัญเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งหมดเพื่อที่จะให้น้องๆ อยู่ที่นั่นบนความรู้สึกว่าภาคภูมิใจที่เขาไปเป็นตัวแทนทีมชาติ เขาได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ราบรื่นที่สุด

เบื้องหลังในเรื่องของการเตรียมงาน มันก็จะเป็นเรื่องการประสานงาน เช่นที่พักอาหารการกิน รถบัส มันก็จะเป็นสิ่งที่ใช้ตลอดระยะเวลา 18 วันที่อยู่ที่นั่น ความพร้อมทุกอย่างเราต้องสำรองไว้ทั้งหมด คือถ้าเกิดว่ามันเกิดปัญหาอะไรหน้างานเราต้องมีอะไรรองรับในการที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที ตัวอย่างเช่น ทำไมรถไม่มา ทำไมไปสนามแล้วไม่มีน้ำแข็ง เราก็ต้องแก้ไขได้หรือว่าเราป้องกันไม่ให้มันเกิดปัญหาขึ้นมาได้ ซึ่งทีมเดียร์ สิ่งของพวกนี้ก็จะเตรียมเองทุกอย่าง คือเราจะไม่ได้ไปรอสิ่งที่เจ้าภาพจัดมาให้ เพราะถ้าเราไปรอ เราก็ไม่รู้ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น

แต่การเตรียมพร้อมไปก็ยังมีสิ่งที่เราอาจจะเจอปัญหาบ้าง เช่น เรื่องของการแข่งขันอย่างเวลาเรียกซ้อม เรื่องของเวลาการแข่งขันที่ตอนนั้นเราถูกเลื่อนเพราะว่าแข่งรอบรองชนะเลิศของพม่า ที่จริงคือตอนนั้นสนามแยกมันควรแข่งในเวลาเดียวกัน แล้วการที่เวลามันมีแข่งก่อนแข่งหลัง โดยจริงๆ ในเชิงฟุตบอลปกติเขาจะไม่ค่อยทำกัน มันเป็นรอบรองเหมือนกันมันก็ควรที่จะแข่งเวลาเดียวกัน แบบนี้ก็คือเจ้าภาพเขาก็คงอาจจะใช้ความได้เปรียบ ถ้าเราแข่งในช่วง 4 โมงเย็นซึ่งเท่ากับ 3 โมงเย็นของประเทศไทย แน่นอนว่านักเตะเขาจะใช้ร่างกายมากกว่าปกติ อะไรแบบนี้ เป็นต้น แต่ว่าสิ่งที่เราทำเราอาจจะแก้ไขตรงนี้ไม่ได้ เพราะว่าอำนาจอันนั้นมันเกินจากสิ่งที่นอกเหนือจากที่เราจะจัดการได้ พอเดียร์ได้ไปประชุมก็เลยพูดตรงๆ ใช้เกณฑ์จิตวิทยากับเขาแล้วก็โวยให้เขารู้ว่าไม่ใช่ว่าเขาจะมาทำอะไรมั่วๆ ซั่วๆ กับเราก็ได้ ซึ่งเราไปในฐานะทีมชาติเราก็ต้องไฟต์ให้ถึงที่สุด เพราะเราจะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทีมชาติให้กับคนในชาติเรา

ที่ผ่านมาได้จนถึงวันนี้ ไม่ใช่แค่ตัวเราคนเดียว ต้องขอบคุณทางสมาคม ขอบคุณทีมงาน ทีมสตาฟฟ์ โค้ช รวมถึงตัวน้องๆ นักเตะทุกๆคน ที่ร่วมเดินทางกันไปกับเดียร์ เราอยู่ด้วยกันมา 1 ปี เดียร์ว่าเรามีความผูกพันกันเหมือนพี่เหมือนน้อง แล้วเราก็ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากทางสมาคม หรืออย่างทีมเราก็เคยเดินทางไปต่างประเทศด้วยกันหลายครั้งเพราะฉะนั้นเวลาเราไปทุกคนก็จะรู้หน้าที่ของตัวเองโดยอัตโนมัติอยู่แล้วว่าจะต้องทำอะไรบ้าง จะต้องจัดการอะไรบ้าง มันก็เลยเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เราสามารถดำเนินงานทุกอย่างออกมาได้อย่างราบรื่น

        • แบบนี้จากที่เข้าไปทำหน้าที่ตรงนี้ มองเห็นอะไรที่เป็นช่องโหว่ในวงการฟุตบอลไทยบ้างคะ

เดียร์ว่าฟุตบอลไทยพัฒนามาเยอะแล้วนะคะ ทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณสโมสรด้วยที่สนับสนุนในเรื่องของเงินทุนเต็มที่ในการที่จะค้นหานักเตะต่างชาติ โค้ชต่างชาติ ทีมงานต่างชาติ อันนี้มันเลยเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่ทำให้น้องๆ ได้มีโอกาสไปลงสนาม ได้เตะกับนักเตะที่เป็นชาวต่างชาติ ได้เจอทีมงานต่างชาติที่เขาเอาความรู้หรือบูรณาการหลายอย่างเข้ามาในเมืองไทยทำให้เราได้พัฒนาตัวเราเองมากขึ้น และการเล่นของน้องๆ ทุกวันนี้ก็มีความเก๋าเกม สภาพร่างกาย ความฟิต ความแข็งแกร่งก็ได้มาจากสโมสร น้องหลายคนได้เล่นเป็นตัวจริงในสโมสรตอนที่เขาอยู่กับสโมสรเขาได้รับการ training จากฟิตเนสโค้ชที่ดี มีการดูแลและกายภาพที่ดีด้วยแพทย์ประจำทีมที่ดีแล้วก็ได้โค้ชต่างชาติที่เป็นระดับมืออาชีพที่หลากหลาย สิ่งเหล่านี้ทำให้วงการฟุตบอลไทยของเราพัฒนาไปได้เยอะ วันนี้น้องของเราค่อนข้างมีทั้งประสบการณ์ทักษะทุกอย่าง

สิ่งเหล่านี้เดียร์มองว่ามันสามารถอุดช่องโหว่ได้เยอะแล้ว แต่ว่าตอนนี้จะเหลือในเรื่องของการเปิดประสบการณ์ของนักเตะไทยกับนักเตะต่างชาติที่เป็นระดับเอเชียหรือระดับโลก ที่จะต้องสร้างเสริมให้มันมากขึ้น ซึ่งอย่างของทีมชาติเองตอนที่ไปทำทีมก็จะมีที่เรียกว่าทีมชาติเข้ามาขออุ่นเครื่องกับเราเยอะมากแต่ตอนนั้นเป้าหมายของเราคือเลือกทีมที่เป็นนอกอาเซียน เรามองว่าเราเป็นที่ 1 ของอาเซียนแล้ว ถ้าเรายังไปแข่งกับอาเซียน เราก็จะอยู่ที่เดิม เราก็ภูมิใจเหมือนเดิมว่าฉันแข่งชนะแต่ว่ามันก็ยังไม่พัฒนาตัวเราไปไหน ตอนนั้นที่เราเลือกไปดูไบคัพ พยายามที่จะหาทีมที่เป็นระดับเอเชียที่จะไป ซึ่งไปแล้วเราอาจจะแพ้กลับมาแต่อย่างน้อยเราจะได้รู้ว่าเรายังบกพร่องตรงไหน เราต้องกลับไปแก้ไขอะไรบ้าง ถึงแม้ว่าเราจะแพ้กลับมา เสมอกลับมา หรือว่าชนะกลับมามันก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราเองมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นว่าเขาก็เคยเสมอมาแล้วนะหรือเขาเอาชนะมาแล้วนะ

ยกตัวอย่างคุณเมสซี่เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ตอนนี้ที่เขาไปเล่นที่ซัปโปโร ที่เป็นลีกของประเทศญี่ปุ่น เขาก็จะได้เจอบรรยากาศของการทำงานที่มันมีความเป็น professional มากขึ้น เรื่องของการทำงานของญี่ปุ่น เรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬา เรื่องของจิตวิทยาโค้ชที่เป็นระดับเอเชีย ซึ่งตรงนี้จะทำให้เขาเกิดการพัฒนาต่อไปได้ วันนี้ประเทศไทยเรามีเมสซี่เจที่ได้ไปต่อยอดแล้ว 1 คน ลองจินตนาการดูสิคะว่าถ้าเรามีอีกหลายๆ คน ที่ได้มีโอกาสไปเปิดประสบการณ์กับทีมระดับเอเชียหรือระดับยุโรปมากขึ้นตรงนี้ก็เชื่อว่ามันน่าจะทำให้ทีมชาติเรามีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นได้ค่ะ

        • อีกด้านหนึ่งมาดามเดียร์มีบทบาทเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ด้วย

ส่วนตัวเดียร์ทำอะไรเดียร์ก็จริงจัง เต็มที่ให้ถึงที่สุด แต่เริ่มแรกเลยเดียร์ไม่ได้ตั้งใจว่าจะทำสื่อแต่พอได้เข้ามาทำ ทำไปทำมาก็เกิดความผูกพันกับคนในองค์กร เกิดความอินทุกอย่างมันก็เลยเข้ามาทำให้มันต่อเนื่องมาตลอด อย่างตอนทำฟุตบอลครั้งแรกก็เหมือนกัน แม้ว่าเราจะเป็นแฟนบอลแต่การเข้ามาทำงานอยู่ข้างในมันไม่เหมือนกัน

ตอนที่ทำงานสื่อเราเข้ามาโดยที่ไม่มีความเข้าใจเป็นทุนเดิมเลยด้วยซ้ำก็ยังคิดว่าถ้ามีโอกาสทำก็เชื่อได้ว่าเมื่อถึงตอนนั้นอินเนอร์มันน่าจะมาเต็มตัวเหมือนกัน เพราะเราเชื่อว่าถ้าอะไรที่ทำด้วยความจริงใจ ทำจากใจ แล้วเราทุ่มเทกับมันจริงๆ ผลลัพธ์ทุกงานจะออกมาตามสิ่งที่เราใส่ลงไป

หลักๆ เดียร์ก็พูดได้เต็มปากว่าเราก็เป็นคนสื่อคนนึงค่ะ เราอาจจะไม่ได้เป็นนักข่าวทำข่าวเองแต่ว่าเราก็อยู่ในองค์กรสื่อ จิตวิญญาณเราก็เป็นสื่อมวลชน เราไม่ได้มองว่าเราเป็นผู้บริหารไปซะทีเดียว

        • ตอนนี้พักการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล และกลับมาลุยงานสื่ออย่างเต็มที่แล้วใช่ไหมคะ

ใช่ค่ะ เพราะว่าในหนึ่งปีที่ทำทีมฟุตบอลมา ความรู้สึกเหมือนว่าเราทำสื่อได้ไม่ค่อยต่อเนื่อง เพราะเหมือนกำลังจะขยับเราก็ไปทำทีมฟุตบอล ต้องเก็บตัว ต้องไปทัวร์นาเมนต์ จะต้องไปๆ มาๆ ก็เลยทำงานสื่อได้ไม่เต็มที่ ทำให้ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมางานหลักของเรากลายเป็นงานรองไป ก็ตั้งใจว่าจะกลับมาลุยให้เต็มที่ค่ะ

        • แล้วการเป็นผู้บริหารธุรกิจสื่อกับการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล ทั้งสองบทบาทสามารถเอามาใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ไหมคะ

ถ้าพูดถึงในเรื่องของการบริหารจัดการพอเราได้มีโอกาสทำงานในฐานะที่เป็นผู้บริหารหรือเป็นผู้นำในองค์กร เดียร์ว่ามันก็มีประสบการณ์อย่างหนึ่งในเรื่องของจิตวิทยาและการเตรียมงานต่างๆ โดยเฉพาะงานข่าวที่ต้องบอกว่าเป็นธุรกิจที่เรียกว่าต่อให้เตรียมงาน 100 เปอร์เซ็นต์ แต่พอเข้าหน้างานจริงๆ มันก็จะเกิดอะไรไม่รู้ มีเรื่องเข้ามาตลอดเวลา เพราะฉะนั้นมันก็ต้องอาศัยในเรื่องของการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเยอะมาก อันนี้เดียร์ว่าเป็นสิ่งที่จะช่วยฝึกฝนในเรื่องการตัดสินใจได้นะคะ มันเป็นเรื่องของประสบการณ์ที่ค่อยๆ เก็บเกี่ยวเหมือนให้เราหยิบประสบการณ์ในการทำงานเข้าไปใช้ในตอนที่ทำงานฟุตบอลได้

        • ในฐานะผู้บริหารสื่อมองวงการสื่อทุกวันนี้ยังไงบ้าง

ตอนนี้ความท้าทายในเรื่องงานสื่อของคนทำหน้าที่สื่อก็ไม่แตกต่างกัน ยุคนี้มีสื่อดิจิตอลที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเดียร์ไปประมูลทีวีดิจิตอลเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าอีกไม่เกิน 2 ปีทีวีดิจิตอลก็อาจจะไม่มีความหมายอีกต่อไปก็ได้ การแข่งขันที่แบบถาโถมเข้ามาเยอะอันนี้จะเป็นความท้าทายมากๆ ในชีวิตครั้งหนึ่ง ซึ่งการที่เราจะสามารถยืนหยัดธุรกิจอยู่ได้ภายใต้เรื่องของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยนำพาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จมันเป็นความท้าทายหลัก วันนี้จะบอกว่าต่อให้ใครเป็นมืออาชีพขนาดไหน ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีใครรู้ว่าธุรกิจสื่อสุดท้ายจะออกหัวออกก้อยหรือจะไปจบที่ตรงไหน แต่ถ้าเราทำได้มันก็เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ เพราะมันก็เป็นการนำความมั่นคงไปในชีวิตพนักงานในองค์กรหรือว่าตัวเดียร์เอง ใครๆ ก็อยากได้ความมั่นคงเพราะมันเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งถ้าเกิดว่าเราทำให้บริษัทมีความมั่นคงได้ เราก็เป็นที่พึ่งให้กับคนในองค์กรได้

        • จะว่าไปแล้วดูมาดามเดียร์สวย เก่ง และสตรอง ทำอะไรหลายๆ อย่างขนาดนี้ ขอถามถึงเรื่องครอบครัวได้ไหมคะว่าพื้นฐานครอบครัวเป็นยังไง มีส่วนทำให้เราเดินทางมาถึงทุกวันนี้ด้วยใช่ไหม

เดียร์โชคดีที่ได้รับความอบอุ่นที่ดีจากคุณพ่อคุณแม่แล้วก็จากทุกๆ คนคือเราเป็นครอบครัวใหญ่ไม่ใช่แค่จากคุณพ่อคุณแม่ แต่เรายังได้รับความรักที่ดีจากลุงป้าน้าอาจากพี่ๆ ด้วย สิ่งนี้น่าจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดแล้ว

ส่วนตัวเดียร์อาจจะคุ้นชินเพราะได้เห็นภาพของคุณแม่ที่จะเป็นผู้หญิงทำงาน เป็น working woman เป็นผู้หญิงที่มีความแอกทีฟ เนื่องจากสมัยก่อนที่บ้านมีธุรกิจส่วนตัวด้วย เราเลยจะติดภาพตรงนี้มากกว่าการที่แม่จะเป็นแม่บ้านอยู่กับบ้าน ตรงนี้เดียร์เลยรู้สึกว่าการที่ผู้หญิงออกไปทำงานมันเป็นความคุ้นชิน เป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเราอยู่แล้วตั้งแต่เล็กจนโต

พอเดียร์มาทำงานเดียร์จะรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งว่าเวลาที่เรามีปัญหาไม่รู้จะไปหาใคร เราก็ยังรู้ว่าเรามีที่ที่หนึ่งที่เราสามารถกลับไปได้ทุกเมื่อ มันเป็นสิ่งสำคัญนะคะถ้าเรามีพื้นฐานข้างหลังที่แข็งแรงเราก็จะออกไปข้างนอกหรือก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ

        • แล้วด้านชีวิตคู่ล่ะคะ มีการให้กำลังใจหรือคอยสนับสนุนยังไงบ้าง

อย่างด้านชีวิตคู่เดียร์และแฟนก็จะช่วยสนับสนุน ให้กำลังใจกันและกัน ทุกครอบครัวมันก็ต้องมีเรื่องเหล่านี้เป็นพื้นฐานเพราะมันจะทำให้สามารถประคับประคองชีวิตครอบครัวไปได้ เดียร์ว่าไม่ใช่แค่ตัวเดียร์ ทุกครอบครัวก็ต้องมี คือเคยมีผู้ใหญ่สอนว่าตอนเป็นแฟนกันแรกๆ ก็เป็นแฟนได้นะแต่ว่าจะอยู่ได้นานหรือไม่ที่เหลือมันอยู่ที่ว่าคุณจะสามารถพัฒนาให้คุณก้าวข้ามจากคำว่าแฟนไปเป็นเพื่อนได้ไหม เพราะสุดท้ายเวลาเราอยู่ด้วยกันแบบครอบครัวอารมณ์ความสวยหวานเหมือนตอนออกเดตกันใหม่ๆ แรกๆ มันไม่มีหรอก จะมีก็แต่คนที่อยู่เคียงข้างเรา พร้อมที่จะสู้ไปด้วยกันกับเรา แล้วก็ช่วยกันแก้ปัญหามากกว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่เรามั่นใจแล้วเราก็ว่าแฟนก็รู้ว่าไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรหนักแค่ไหนก็แล้วแต่เราจะไม่เคยทิ้งกัน เราพร้อมที่จะช่วยเหลือ อยู่ข้างๆ แล้วเดินต่อไปด้วยกัน

เดียร์ว่าผู้หญิงทุกๆ คนอยากได้ผู้ชายเก่ง เหมือนมาเป็นผู้นำให้กับเราเพราะว่าต่อให้ผู้หญิงจะเก่งขนาดไหน ยังไงเราก็ยังมีความรู้สึกว่าเราเป็นเเป็นผู้หญิง เราก็ยังอยากได้คนที่เดินไปด้วยกันกับเราได้หรือว่าเป็นผู้นำให้เราได้อยู่ดี

        • ถือได้ว่ามาดามเดียร์เป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่ง สุดท้ายแล้วเราอยากให้คนมองเราในบทบาทไหนกันคะ 

คงไม่ใช่เป็นบทบาทไหนเท่าไหร่แต่ตอนนี้ก็เน้นเรื่องงานสื่อเป็นหลักค่ะ เดียร์อยากให้คนโฟกัสเราในเรื่องของการทำงาน เพราะถ้าเกิดมีคนชื่นชมในเรื่องของศักยภาพการทำงานมันก็เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ

เดียร์อยากเป็นผู้หญิงที่ควรค่าแก่การจดจำในฐานะคนที่ทำงานเก่งเพราะสิ่งนี้มันมาจากสิ่งที่เราพยายามทำ หมายถึงว่ามันไม่ได้ได้มาง่ายๆ หรือวันๆ เดินออกไปชอปปิ้ง รักสวยรักงามแล้วคนจะมาบอกว่าคุณเป็นผู้หญิงเก่ง มันเป็นไปไม่ได้ คนจะจดจำว่าคุณเป็นผู้หญิงเก่งหรือไม่ มันต้องมาจากสิ่งที่คุณพิสูจน์ตัวเองขึ้นมาไม่ว่าคุณจะทำอาชีพไหนหรือบทบาทไหนก็ตาม เดียร์ว่าสิ่งนี้แหละมันคือความน่าภูมิใจ





เรื่อง : วรัญญา งามขำ และธัญลักษณ์ อุ่มเจริญ
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์ และเพจ เดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี

กำลังโหลดความคิดเห็น