xs
xsm
sm
md
lg

พระพุทธรูปที่งดงามอย่างประหลาด คร่าชีวิตเจ้าพระยายมราช! ทรงยิ้มและทักทายผู้มากราบไหว้!!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค

พระพุทธเสฎฐตมมุนินทร์
พระพุทธรูปองค์นี้ก็คือ พระพุทธเสฏฐตมมุนินทร์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองแดง ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดราชนัดดาวรวิหาร ติดกันลานเจษฎาบดินทร์ที่ผ่านฟ้า กล่าวกันว่างามอย่างประหลาด ทรงยิ้มหวานจับใจรับการคารวะ ดูประหนึ่งรับสั่งทักผู้มากราบไหว้ แต่ในวันที่แห่อัญเชิญมาจากพระบรมมหาราชวังมาประดิษฐานในพระอุโบสถนั้น เป็นเหตุให้เจ้าพระยายมราช แม่กองสร้างพระอุโบสถ และเป็นผู้บัญชาการชักลาก ต้องถูกตะเฆ่ทับเสียชีวิต

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเกล้าฯ รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯให้สร้างวัดราชนัดดารามขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระราชนัดดาซึ่งทรงพระเมตตาว่าเป็นเจ้าหญิงกำพร้า โดยโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยายมราช (บุนนาค) ผู้เป็นต้นสกุล “ยมนาค” อธิบดีกรมนครบาล เป็นผู้เลือกหาสถานที่สร้างพระอาราม เจ้าพระยายมราชได้เลือกสวนผลไม้ริมกำแพงพระนครด้านตะวันออกเนื้อที่ ๒๕ ไร่ เป็นที่สร้าง ส่วนการก่อสร้างนั้นได้แบ่งหน้าที่กันดังนี้

เจ้าพระยายมราช เป็นแม่กองกำกับการสร้างพระอุโบสถพระวิหาร และศาลาการเปรียญ

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัด บุนนาค) ขณะดำรงตำแหน่งพระยาศรีพิพัฒน์รัตนโกษา อธิบดีก่อสร้างว่าการช่างสิบหมู่และช่างศิลา เป็นแม่กองกำกับการสร้างโลหะปราสาทซึ่งจำลองแบบมาจากลังกา

พระมหาโยธา เป็นแม่กองกำกับการสร้างกุฏิสงฆ์ กำแพงวัดและเขื่อน ตลอดจนตัดถนนเจาะกำแพงพระนครลงสู่ท่าน้ำที่คลองรอบกรุง

การก่อสร้างเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๓๘๙ โดยพระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดีทรงก่ออิฐฤกษ์พระอุโบสถเป็นปฐม พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ เสด็จมาเป็นประธาน รับสั่งให้รีบสร้างพระอุโบสถก่อน จะอัญเชิญพระพุทธรูปที่หล่อไว้มาเป็นพระประธาน

พระพุทธรูปองค์นี้ทรงใช้ทองแดงซึ่งขุดได้มากที่อำเภอจันทึก เมืองนครราชสีมา โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) หล่อขึ้นพร้อมกัน ๒ องค์ องค์หนึ่งหน้าตักกว้าง ๖ ศอก สูง ๘ ศอก ๑ คืบ ๔ นิ้ว อัญเชิญไปประดิษฐานที่พระอุโบสถวัดเฉลิมพระเกียรติ เมืองนนทบุรี ส่วนองค์ที่จะอัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดราชนัดดารามนี้ หน้าตักกว้างประมาณ ๗ ศอก นั่งขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย ไม่ได้ถวายพระนามทั้ง ๒ องค์ แต่ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ ได้ถวายพระนามองค์ที่อยู่วัดเฉลิมพระเกียรติว่า “พระพุทธมหาโลกาภินันทปฏิมา” ส่วนองค์ที่วัดราชนัดดารามนี้ ถวายพระนามว่า “พระเสฏฐตมมุนินทร์”

ในวันที่อัญเชิญพระพุทธรูปจากพระบรมมหาราชวังไปยังวัดราชนัดดาราม คือในวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๓๘๙ นั้น ได้ทรงรับสั่งให้เจ้าพระยายมราชประกาศบอกบุญแก่ราษฎรให้มาช่วยกันชักพระไปตามถนนบำรุงเมือง ผ่านเสาชิงช้าไปถึงประตูสำราญราษฎร์( ประตูผี) แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนมหาชัย เลียบกำแพงพระนคร ผ่านหน้าวัดราชธิดาราม ข้ามคลองหลอดถึงวัดราชนัดดาราม จึงมีราษฎรมาร่วมงานบุญครั้งนี้มากมาย ซึ่งพงศาวดารฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ได้บันทึกไว้ว่า

“ชักพระพุทธรูปไปวัดราชนัดดาราม
ฝ่ายที่กรุงเทพมหานคร ครั้นมาถึงเดือน ๑ แรม ๑ ค่ำ โปรดให้ชักพระพุทธรูปสมาธิหน้าตัก ๗ ศอกไปไว้ ณ พระอุโบสถวัดราชนัดดาราม ให้ป่าวร้องราษฎรมาชักพระ ราษฎรก็นิยมยินดีพากันมาเป็นอันมาก จึ่งผูกสายชัก ๔ เส้น ครั้งนั้นเจ้าพระยายมราช (บุนนาค) เคยเป็นตำรวจมาแต่ก่อน ก็เข้าช่วยเป็นผู้บัญชาการชักลากนั้นด้วย ขึ้นอยู่บนตะเฆ่ที่องค์พระกับนายงานตำรวจและทนายด้วย ๒ คน ชักพระไปทางถนนเสาชิงช้า ถึงที่จะเลี้ยวออกถนนกำแพงใหญ่ ที่นั้นต้องหยุดคัดตะเฆ่เลี้ยวออกให้พ้นที่คู เจ้าพระยายมราชลงมาจากตะเฆ่ดูให้นายงานทำการอยู่ พอพระออกมาถึงถนนใหญ่ได้แล้ว เจ้าพระยายมราชยังดูผูกเชือกอยู่ ยังมิทันจะแล้ว ราษฎรเห็นพระออกมาตรงถนนแล้ว ได้ยินเสียงม้าล่อก็สำคัญว่าให้ลาก ก็ลากขึ้นพร้อมกัน ตะเฆ่นั้นมาโดยเร็ว เจ้าพระยายมราชมิทันจะกระโดดขึ้นตะเฆ่ด้วยชราถึง ๗๐ ปีเศษแล้วไม่ว่องไว ได้ยินเสียงเขาโห่เกรียวขึ้นก็วิ่งหลบออกมาข้างถนน พอตะเฆ่มาถึงตัวสะดุดล้มลง ตะเฆ่ก็ทับต้นขาขาดข้าง ๑ เพียงตะโพก ทนาย ๒ คนเข้าช่วย ตะเฆ่ก็ทับเอาทนาย ๒ คนนั้นด้วย ตายในที่นั้น เจ้าพระยายมราช ๑ กับทนาย ๑ ทนายอีกคน ๑ นั้นไปถึงบ้านอยู่ได้เดือนเศษจึ่งตาย พวกนายงานทั้งปวงไม่มีใครเป็นอันตรายกระโดดขึ้นตะเฆ่ได้ทันที กว่าจะห้ามกันหยุดก็ช้านาน ต่อพระพ้นศพไปแล้วจึ่งหยุด”

เหตุการณ์ครั้งนี้ได้สร้างความเศร้าสลดสะเทือนใจให้ผู้คนทั้งหลายไปตามกัน

พระเสฎฐตมมุนินทร์นี้ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้ปั้น แต่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพระพุทธรูปที่งดงามมาองค์หนึ่ง ดังที่ พันตรีหลวงขจรกลางสนาม ได้บรรยายไว้ว่า

“ก่อนอื่นพอเริ่มทำการสักการะเคารพบูชาพระประธาน ต่างพากันตลึงงันด้วยพุทธลักษณะของพระประธานองค์นี้ บางท่านว่ากว่าจะกราบครบ ๓ คาบตามกำหนด ก็กินเวลาหลายนาที เพราะความงามอย่างประหลาดถึงกับสดุดตา ทำให้เกิดพิจารณาพุทธลักษณะโดยทั่วพระองค์ ทำให้ทุกคนมีความรู้สึกต่างๆ กัน แต่ข้อสำคัญทุกคนซาบซึ้งไปด้วยความเคารพ และนึกว่าหลวงพ่อองค์นี้ช่างงดงามเป็นที่ต้องตาต้องใจชอบกล ส่วนมากเห็นว่าพระองค์ทรงยิ้มรับคารวะ และดูประหนึ่งว่าพระองค์จะทรงรับสั่งทัก ครั้นกระทำกุศลกิจเสร็จแล้ว ต่างก็มาระบายความรู้สึกซึ่งกันและกันอีกว่าพระประธานองค์นี้สวยงามมาก บ้างก็ว่าตรงนั้นสวยอย่างนั้นตรงนี้สวยอย่างนี้ บ้างก็ว่าพระองค์นี้หนุ่มป๋อ มีพระชนม์ในราว ๓๐ เศษๆ เท่านั้น บางท่านไปพูดชมกันเองแล้วยังไม่พอ ยังพูดกับคนอื่นๆ ต่อๆ ไปอีก.....และกล่าวในที่สุดว่า พระประธานองค์นี้มีพุทธลัษณะงดงามอย่างไม่มีที่เปรียบ จะพิจารณาส่วนไหนช่างสวยสมไปเสียทั้งนั้น เฉพาะอย่างยิ่งส่วนพระพักตร์ทรงเสน่ห์คล้ายกับทรงยิ้มอย่างหวานจับใจ”

พระเสฏฐตมมุนินทร์ในพระอุโบสถวัดราชนัดดารามงามถึงเพียงนี้ ไม่เชื่อไปพิสูจน์ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น