MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอต ที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGROnline Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7
หมายเหตุ : เนื่องจากเว็บไซต์ MGR Online กำลังปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ ต้องการชมเนื้อหาย้อนหลัง คลิก https://bit.ly/mgrtop7 ขออภัยในความไม่สะดวก
(สรุปข่าวประจำวันที่ 23 - 30 ก.ย. 2560)
อันดับ 1 : คุก 5 ปี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ไม่รอลงอาญา เหตุไม่ระงับยับยั้ง "จีทูจีเก๊"
ในที่สุดปลายทางของคดีทุจริตจำนำข้าวก็มาถึง เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน ในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากไม่ระงับยับยั้งการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่ระงับยับยั้งปล่อยให้มีการส่งมอบข้าวตามสัญญาให้รัฐวิสาหกิจจีนต่อไปอีก อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 (เดิม) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1
ส่วนการหลบหนีคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เท่าที่ทราบจากกระทรวงการต่างประเทศอย่างไม่เป็นทางการ ขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แตกต่างจากสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกจากดูไบ ไปยังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย. ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในซอยโยธินพัฒนา 3 เขตบึงกุ่ม กทม. เพื่อนำหลักฐานของใช้ส่วนตัว 17 รายการไปตรวจหาดีเอ็นเอ เพื่อเปรียบเทียบ ก่อนดำเนินคดี พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 และพวก ที่ได้รับสารภาพว่าเป็นคนขับรถพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีไปยังชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สระแก้ว เพื่อที่จะตั้งข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นอกจากข้อหาปลอมแปลงทะเบียนรถต่อไป
อันดับ 2 : คืนเก้าอี้! "พงศ์พร" กลับมานั่ง ผอ.พศ.- ปปป. แย้ม "เงินทอนวัด" ล็อต 3 อีก 100 แห่ง
กลายเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย เมื่อมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 26 ก.ย. เห็นชอบให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่เคยทำผลงานคดีเงินทอนวัด (โอนงบประมาณให้วัดแล้วถอนคืน) กลับไปปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม หลังก่อนหน้านี้ถูกยืมตัวช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และให้ไปตรวจราชการในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับกำหนดให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขึ้นตรงการบังคับบัญชา กับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงวัฒนธรรม แทนนายออมสิน ชีวพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2560 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ช่วงที่ผ่านมาจำเป็นต้องเอา พ.ต.ท.พงศ์พร ออกจากตำแหน่งชั่วคราวเพื่อมาคุยจัดระบบเรื่องพระพุทธศาสนา เสร็จแล้วให้กลับไปทำหน้าที่เดิม ไม่มีความผิดอะไรทั้งสิ้น ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้โลเลกลับไปกลับมา เพียงแค่ช่วงที่มีปัญหาก็เอาออกมาเสียก่อน เพื่อให้เกิดความสงบ และเอากลับเข้าไปใหม่
ด้านความคืบหน้าคดีทุจริตเงินอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด 23 แห่ง ตั้งแต่ปี 2555-2560 ความเสียหายประมาณ 140 ล้านบาท พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ธนกุล รองผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (รอง ผบ.ปปป.) นำสำนวนคดี ซึ่งเป็นเอกสารกว่า 13,000 แผ่น ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้เอาผิดกับผู้ถูกกล่าวหา 19 ราย แยกเป็น ข้าราชการและอดีตข้าราชการ 13 ราย พระเถระ 4 ราย และประชาชน 2 ราย ในส่วนของข้าราชการและพระบางรูปจะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 147 ใช้อำนาจหน้าที่เบียดเบียนทรัพย์เป็นของตัวเอง และความผิดมาตรา 157 นอกจากนี้ยังมีข้อมูลทุจริตอีก 100 วัด จาก พ.ต.ท.พงศ์พร ที่เคยให้ไว้ โดยพบว่ามีการทุจริตชัดเจน แต่มีงบประมาณบางส่วนที่สูงมาก มูลค่าหลายร้อยล้านบาท บก.ปปป. จะรวบรวมพยานหลักฐานทำสำนวนส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อไป คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 เดือน จะได้ข้อสรุป
อันดับ 3 : ฆ่าสาววุฒิศักดิ์! เหตุเพราะแอบชอบ-หวังเผด็จศึก ผงะเคยเป็นเดนคุก-เพิ่งพ้นโทษ
เหตุการณ์สะเทือนขวัญแก่ผู้ที่อยู่คอนโดมิเนียมคนเดียว เมื่อวันที่ 25 ก.ย. สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุพบศพหญิงสาวถูกฆ่าที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งใน ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง ทราบชื่อคือ น.ส.ประภาพร วรวงศ์ หรือ เมย์ อายุ 19 ปี พนักงานสถานเสริมความงามวุฒิ-ศักดิ์ คลินิก สาขาเซ็นทรัลเวสต์เกต บางใหญ่ ภูมิลำเนาชาว อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี สภาพศพถูกแทงด้วยของมีคมที่สีข้าง ขาซ้าย แขนซ้าย และหลังรวมกว่า 20 แผล ท่อนบนใส่ชุดทำงาน มีผ้านวมเปื้อนเลือดผืนใหญ่ปิดคลุมไว้ ท่อนล่างสวมกางเกงในเพียงตัวเดียว หลังเพื่อนร่วมงานพบศพคนแรก เพราะจะออกไปทำงานพร้อมกันแต่รอนานผิดปกติ และเมื่อเคาะประตูเรียกที่ห้อง ปรากฏว่าไม่มีเสียงตอบรับ จึงใช้กุญแจสำรองที่มีอยู่เปิดเข้าไปดูจึงพบว่า น.ส.ประภาพร เสียชีวิตแล้ว ต่อมาตำรวจได้แกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายคือนายธีระพงศ์ อดิษฐ์ศร หรือ หนุ่ม อายุ 29 ปี ชาว ต.กำแพงเซา อ.เมืองฯ จ.นครศรีธรรมราช พักอยู่ในคอนโดมิเนียมเดียวกัน จึงตามไปจับกุมได้ที่คอนโดมิเนียมของเพื่อนที่อยู่ใกล้กัน
สอบปากคำนายธีระพงศ์ สารภาพว่า ที่ผ่านมาแอบชอบ น.ส.ประภาพร พยายามจีบแต่ไม่เล่นด้วย เช้าวันที่ 24 ก.ย. จึงใช้มีดพับงัดลูกบิดประตูห้องหวังจะข่มขืน แต่ไม่มีคนไม่อยู่ในห้อง จึงรื้อค้นทรัพย์สิน ไม่พบสิ่งของมีค่า พบกุญแจสำรองวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งจึงหยิบมา กระทั่งช่วงเย็นได้ซ่อนตัวอยู่ที่ระเบียงชั้น 2 เมื่อเห็น น.ส.ประภาพร กลับมา จึงไขกุญแจห้องแล้วซ่อนตัวในห้องน้ำ กระทั่งเข้ามาในห้อง ขณะนอนเล่นโทรศัพท์มือถือ จึงได้พุ่งออกจากห้องน้ำเพื่อหวังจะล็อกตัว แต่ต่อสู้ขัดขืนจึงใช้มีดแทงจนล้มลง ก่อนจะถอดกระโปรงหวังข่มขืน แต่เมื่อเห็นเลือดหมดอารมณ์ทางเพศ ก่อนรื้อค้นทรัพย์สินในห้อง ผ่านไป 10 นาที น.ส.ประภาพรฟื้นขึ้นมา จึงใช้มีดแทงจนแน่นิ่ง ก่อนเอามือถือและเงินสด 400 บาทหลบหนีไป พบเคยก่อคดีพยายามฆ่า ในท้องที่ สภ.เมืองนนทบุรี ศาลตัดสินจำคุก 33 ปี รับสารภาพเหลือ 9 ปี ก่อนจะพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2559 และยังเคยมีประวัติเสพยาเสพติด ตำรวจตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก่อนจะเพิ่มข้อหา บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน และพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะ และเปลี่ยนบางข้อหาเป็น ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาอย่างโหดร้าย ทารุณ
อันดับ 4 : หวยอลวน-คนอลเวง! หนุ่มบุรีรัมย์-สองผัวเมียร้อยเอ็ดผลัดกันโต้ "ถูกรางวัลที่ 1"
กลายเป็นเรื่องราวอลวนของคนที่จะมีโชคแต่ก็ต้องหลุดลอย เมื่อนายพันธุ์ศักดิ์ เสือชุมแสง อายุ 31 ปี ชาว ต.หัวถนน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.นางรอง เพราะสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่เก็บไว้ใต้มิกเซอร์เครื่องเสียงภายในบ้านหายไป หลังทราบว่าสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 ส.ค. 2560 เลขที่ออก 715431 ที่ตนซื้อจากคนขายหลังโรงพยาบาลนางรอง ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จำนวน 2 ใบ ซึ่งจะได้เงินรางวัล 12 ล้านบาท แต่ไม่มีความคืบหน้า กระทั่งต่อมาทราบว่ามีคนนำลอตเตอรี่ชุดดังกล่าวไปขึ้นเงิน เมื่อวันที่ 23 ถึง 24 ส.ค. คือนายวิทยา และนางขวัญศิริ ธนทรัพย์สิน สามี-ภรรยาชาว อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
ต่อมาวันที่ 28 ก.ย. นายวิทยา และนางขวัญศิริ เข้าให้ปากคำกับ สภ.นางรอง ยืนยันว่าทั้งคู่ถูกรางวัลที่ 1 จริง จำนวน 3 คู่เป็นเงิน 18 ล้านบาท ไม่ใช่ 2 คู่ 12 ล้านบาท อีกทั้งพ่อค้าที่ขายลอตเตอรี่ยังออกมายืนยันว่าได้ขายลอตเตอรี่ให้กับทั้ง 2 คนแต่จำไม่ได้ว่าใครซื้อเลขอะไรไป กระทั่งต่างฝ่ายต่างงัดหลักฐานออกมายืนยันว่าตัวเองเป็นคนถูกลอตเตอรี่ชุดดังกล่าว โดยฝ่ายนายพันธุ์ศักดิ์ ตั้งข้อสังเกตว่า รูปถ่ายลอตเตอรี่ที่นำมายืนยันทำไมจึงถ่ายเก็บไว้แค่ 2 คู่ และทำไมสามีภรรยาจึงเดินทางไปขึ้นเงินที่กองสลากคนละวัน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังเร่งสืบสวนสวนสอบผู้ที่เกี่ยวข้อง และขอข้อมูลเอกสารจากทางกองสลากเพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ความจริงว่าใครเป็นผู้ถูกสลากรางวัลที่ 1 ชุดดังกล่าว ซึ่งคาดว่าสัปดาห์หน้าจะได้ข้อสรุป
อันดับ 5 : แตกตื่น! 5 ธนาคารยักษ์ เสี่ยงเชิงระบบในประเทศ "ประยุทธ์" ยืนยันยังไม่เจ๊ง
กลายเป็นประเด็นเศรษฐกิจที่ฮือฮาจนถึงขั้นเศรษฐีคิดจะถอนเงินเลยทีเดียว เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ราชกิจจานุเบกษาลงประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุถึงแนวทางการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ โดยมีธนาคารพาณิชย์ 5 แห่งที่เข้าข่าย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ สร้างความตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ทำเอาเกิดความกลัวแก่ประชาชนที่ทราบข่าวแห่สอบถามเพื่อตัดสินใจถอนเงิน ขณะที่ตลาดหุ้นไทย นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เทขายหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ออกมา เพราะกังวลอาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานหรือการเพิ่มทุนในอนาคต ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงเล็กน้อย
ความตื่นตระหนกดังกล่าว ถึงขนาดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องชี้แจงว่า ธนาคารทั้ง 5 แห่งมีความมั่นคงมาก ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินการดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องและเป็นตามมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้นเท่านั้น โดยประเทศอื่นก็มีการประกาศในลักษณะนี้เช่นกัน เพราะฉะนั้นประชาชนอย่าได้วิตกกังวลจนเกินไป ยืนยันว่าธนาคารทั้ง 5 แห่งไม่มีความเสี่ยงสูง และมีความเข้มแข็ง มั่นคง และมีเงินสำรองจำนวนมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด นอกจากนี้ นายฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ธนาคารทั้ง 5 แห่ง เป็นสถาบันการเงินที่มีความสำคัญในเชิงระบบของประเทศ ถ้าสถาบันการเงินประสบปัญหา เศรษฐกิจไทยจะอยู่ไม่ได้ จึงต้องควบคุมให้ธนาคารทั้ง 5 แห่งรองรับความเสียหายจากการดำเนินงาน เพื่อให้เงินฝากของประชาชนมีความมั่นคงยิ่งขึ้น
อันดับ 6 : อูเบอร์ก็ห่วย! "โจอี้ บอย" ฉุนบีบยกเลิกคันแรกจ่าย 45 บาทแล้วคนขับนำมาแบ่งกัน
ดูท่าจะเหลวซะแล้วสำหรับบริการเรียกรถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชั่น "อูเบอร์" (UBER) ที่แม้หลายคนจะเปรียบเทียบว่าบริการดีกว่าแท็กซี่ ที่มักจะปฏิเสธผู้โดยสาร ขูดรีดค่าโดยสาร และขับพาอ้อม แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนที่ใช้บริการจะประทับใจทุกคน เฉกเช่นนักร้องแร๊พชื่อดัง "โจอี้ บอย" อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 28 ก.ย. ระบุว่า "Uber ครับ ผมเรียกคนขับคนแรก รอครึ่งชั่วโมงไม่มา ปิดมือถือหนี พอเรียกคนที่ 2 ทางคุณมัดมือชกต้องจ่ายค่ายกเลิก 45 บาทให้กับคนขับคนต่อไป" เรียกเสียงฮือฮาแก่ผู้ที่ติดตาม ต่างก็แสดงความคิดเห็นถึงกลโกงที่คาดไม่ถึงของอูเบอร์จำนวนมาก
นอกจากนี้ เจ้าตัวก็ได้มีการโพสต์ข้อความต่อมาว่า ตนไม่ได้ต้องการที่จะมาโจมตีอูเบอร์แลัวบอกว่าแท็กซี่ดีแต่อย่างใด เพราะอาทิตย์ที่แล้วตนเคยเรียกบริการแท็กซี่ผ่านศูนย์ให้พาแม่บ้านไปธุระ ปรากฏว่าอีกฝ่ายกลับพาอ้อมจนเสียค่าแท็กซี่ไปร่วม 350 บาท ทั้งๆ ที่ราคาปกติไม่น่าจะเกิน 40 บาทเสียด้วยซ้ำไป พร้อมติดแฮชแท็กไปว่า "คนระยำขับอะไรก็ระยำ" ถึงกระนั้น ในคอมเมนต์มีการแสดงความคิดเห็นว่า อาจเป็นทริคของคนขับรถอูเบอร์ด้วยกัน ที่ให้คนแรกปิดโทรศัพท์มือถือหนีเพื่อบีบให้ผู้ใช้ยกเลิก แล้วเสียค่าปรับ 45 บาท แล้วนำส่วนนั้นมาแบ่งกับคนขับอีกคนหนึ่ง
อันดับ 7 : ทอมรับปริญญา! ลูกสาวเสี่ยเจียงดีใจ จุฬาฯ อนุญาตคำขอสวมชุดครุยแต่งชาย
กลายเป็นเรื่องฮือฮาสำหรับพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่ออดีตดาราเด็ก น.ส.นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ หรือ เกรซ ลูกสาวของนายสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ หรือ เสี่ยเจียง เจ้าของค่ายภาพยนตร์สหมงคลฟิล์ม ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา พบว่าทางมหาวิทยาลัยอนุญาตให้แต่งกายข้ามเพศเข้าพิธีพระราชทานปริญญาบัตรได้ ทำเอาชาวเน็ตถึงกับแสดงความคิดเห็นออกเป็นสองเสียง บ้างก็ว่าไม่สมควรอนุญาต จะกลายเป็นบรรทัดฐานแก่นิสิตข้ามเพศมายื่นคำขอการแต่งกายเพื่อรับปริญญา อีกทั้งควรทำตัวให้เหมาะสมกับเครื่องแต่งกาย บ้างก็ว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใจกว้างที่เปิดโอกาสให้บุคคลข้ามเพศมีสิทธิในการแต่งกายตามเพศสภาพที่ต้องการ
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวได้โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว ระบุว่า "ขอขอบคุณจุฬาลงกรณ์มหาวิทยลัย ที่พิจรณาคำขอการแต่งกายข้ามเพศเพื่อเข้าพิธีพระราชทานปริญญาบัตร และให้โอกาสเราได้เป็นสิ่งที่เราเป็น ในวันที่เราภาคภูมิใจที่สุด สิ่งนี้อาจจะเป็นเรื่องเล็ก แต่มันทำให้เราได้รู้ว่า จริงๆ แล้วทุกคนควรมีโอกาสและมีอิสระในการใช้ชีวิต และอย่าให้คำว่าเพศ มาเป็นประเด็นเหนือชีวิต อย่าให้มันมาเป็นการปิดกั้นโอกาส มาแบ่งแยก หรือ ทำให้เราทำอะไรไม่เต็มที่ เพราะเราเป็น มนุษย์ เหมือนกันทุกคน"