แบงก์ชาติเปิดให้แอปพลิเคชัน “อี-วอลเลท” สมัครพร้อมเพย์ได้แล้ว รับรหัส 15 หลักไว้เติมเงินจากบัญชีธนาคารเข้าแอปฯ ฟรีไม่มีขั้นต่ำ เกิน 5,000 คิด 2 บาทต่อครั้ง สูงสุด 7,500 บาท
กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-วอลเลท (E-Wallet) บนแอปพลิเคชันมือถือ ถือเป็นเครื่องมือชำระเงินที่คนรุ่นใหม่นิยมนำมาใช้ เริ่มจากเติมเงินมือถือ เติมเกมออนไลน์ จ่ายบิล ซื้อสินค้าและบริการต่างๆ
กระทั่งถูกพัฒนามาใช้ซื้อของออนไลน์ โดยร่วมกับ “มาสเตอร์การ์ด” ออกบัตรเสมือน (Virtual Card) นำรหัสบัตร 16 หลัก วันหมดอายุบัตร และรหัสรักษาความปลอดภัย (CVV) ไปกรอกเพื่อชำระเงินได้
แต่ปัญหาคือ สมัยก่อน อี-วอลเลท มีความยุ่งยากในการเติมเงินตามจุดให้บริการ ที่ต้องเติมครั้งละจำนวนมากๆ หากต้องการเติมในจำนวนน้อยๆ ต้องไปเติมผ่านตู้เติมเงินของค่ายนั้นๆ ซึ่งมีจุดให้บริการก็มีน้อย
หรือไม่เช่นนั้นหากใช้ช่องทางธนาคาร สมัยก่อนเติมเงินขั้นต่ำ 300 บาท มีค่าธรรมเนียมเติมเงินที่แพงถึงครั้งละ 10 บาท หรือไม่เช่นนั้นจำกัดเติมเงินฟรีไม่เกิน 10 ครั้งต่อเดือน
กระทั่งธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดให้บริการ “เชื่อมโยง อี-วอลเลท กับ ระบบพร้อมเพย์” ช่วยเพิ่มความสะดวกในการโอนเงิน หรือเติมเงินระหว่างบัญชีธนาคารกับ อี-วอลเลท ของผู้ให้บริการที่ไม่ใช่ธนาคาร
ข้อดีก็คือ สามารถเติมเงินจากบัญชีธนาคารเข้า “อี-วอลเลท พร้อมเพย์” ได้โดยไม่จำกัดขั้นต่ำ เติมเงินไม่เกิน 5,000 บาท ฟรีค่าธรรมเนียม (เกิน 5,000 บาท คิด 2 บาทต่อครั้ง) สูงสุด 7,500 บาทต่อครั้ง
ปัจจุบัน มีผู้ให้บริการ อี-วอลเลท ที่เข้าร่วมโครงการ 4 ราย ได้แก่
1. บริษัท แอดวานซ์ เอ็มเปย์ จำกัด บริษัทในเครือเอไอเอส ผู้ให้บริการในชื่อ mPAY
2. บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด บริษัทในกลุ่มทรู ผู้ให้บริการในชื่อ True Money
3. บริษัท ทีทูพี จำกัด ผู้ให้บริการในชื่อ Deep Poket
4. บริษัท บลูเพย์ จำกัด ผู้ให้บริการในชื่อ BluePay
รหัส “อี-วอลเลท พร้อมเพย์” มีทั้งหมด 15 หลัก ประกอบด้วย รหัสบริษัท 5 หลักแรก ขึ้นต้นด้วย 1xxxx และเบอร์มือถือ 10 หลัก เช่น 1xxxx-xxx-xxx-xxxx
ใครที่เคยนำเบอร์มือถือสมัครบริการพร้อมเพย์กับธนาคารต่างๆ ไปแล้ว สามารถสมัคร “อี-วอลเลท พร้อมเพย์” ได้เช่นกัน โดยรหัสที่ได้รับจะไม่ซ้ำกับรหัสพร้อมเพย์ เพราะได้เพิ่มรหัสบริษัทอีก 5 หลัก
นอกจากตัวเราเองแล้ว สามารถเติมเงินให้เพื่อนได้เช่นกัน หากทราบรหัสบริษัท 5 หลักตรงกับแอปพลิเคชัน อี-วอลเลทของเพื่อนที่ใช้อยู่ และเบอร์มือถือเพื่อน
เช่น เบอร์มือถือเพื่อน 081-234-5678 ใช้แอปพลิเคชันทรูมันนี่ หากเพื่อนลงทะเบียน อี-วอลเลท พร้อมเพย์ แล้ว เราเติมเงินอี-วอลเลท พร้อมเพย์ให้เพื่อน ก็ใส่รหัส 14000-081-234-5678 เท่านั้น
เวลาเติมเงินเข้าไปที่ อี-วอลเลท ต้องใส่ “รหัส 15 หลัก” เพื่อให้เงินโอนมาที่อี-วอลเลท หากใส่เฉพาะเบอร์มือถือ 10 หลัก จะกลายเป็นเข้าบัญชีธนาคารแทน
โดยการใช้บริการพร้อมเพย์ อี-วอลเลท จะต้องไปยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่ผู้ให้บริการกำหนด
แอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet ให้เข้าไปที่เมนู “ฉัน” จะขึ้นข้อความ “อี-วอลเลท พร้อมเพย์ สำหรับใช้งานพร้อมเพย์” ให้กด “เลือกใช้”
จากนั้น ให้ยืนยันข้อมูลส่วนตัว กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และกรอกรหัสหลังบัตรประชาชน 12 หลัก
ใส่รายละเอียดข้อมูลส่วนตัวตามบัตรประชาชนให้ถูกต้องและครบถ้วน จากนั้น ใช้นิ้วของคุณ (หรือปากกาที่ใช้กับจอทัชสกรีน) เซ็นชื่อลงบนกรอบหน้าจอ ก่อนยืนยันข้อมูลส่วนตัวอีกครั้ง
จากนั้น ต้องนำบัตรประชาชนตัวจริง ไปยืนยันตัวตนที่ตู้ทรูมันนี่ที่ทรูช้อป กดเมนู “ยืนยันตัวตนในวอลเล็ท” กรอกเบอร์มือถือที่ได้ลงทะเบียนไว้กับแอป รอรับรหัส OTP เสียบบัตรประชาชน มองกล้องถ่ายรูปตัวเอง
เมื่อยืนยันตัวตนแล้ว หากทำรายการในวันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-18.00 น.) ระบบจะส่ง SMS ยืนยันตัวตนสำเร็จ พร้อมใช้บริการได้ทันที แต่หากลงทะเบียนในวันหยุด จะได้รับ SMS ในวันทำการถัดไป
หากเข้าไปที่เมนู “ฉัน” อีกครั้ง จะขึ้นข้อความ “อี-วอลเลท พร้อมเพย์ 14000-xxx-xxx-xxxx” สามารถนำรหัสนี้ไปเติมเงินผ่านแอปพลิเคชั่นธนาคาร ด้วยเมนูโอนเงินไปยังพร้อมเพย์ อี-วอลเลท
แอปพลิเคชัน mPAY จะเปิดให้บริการในวันที่ 16 ต.ค. นี้ ผ่านแอปพลิเคชัน จากนั้นไปยืนยันตัวตนผ่านร้าน AIS Shop ก่อนใช้บริการ ซึ่งจะได้รหัสอี-วอลเลท พร้อมเพย์ 11000-xxx-xxx-xxxx
อี-วอลเลท พร้อมเพย์ของเอ็มเปย์ ยังสามารถใช้สแกนจ่ายค่าสินค้าและบริการผ่านคิวอาร์โค้ด (QR Code) ที่แต่ละธนาคารนำมาติดตั้งกับร้านค้าย่อย แผงลอย วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ มหาวิทยาลัย ฯลฯ ได้อีกด้วย
แอปพลิเคชัน Deep Pocket และ Blue Pay ได้ร่วมมือกับธนาคารธนชาตไปเมื่อเร็วๆ นี้ ลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนได้ตามขั้นตอนที่แนะนำภายในแอปพลิเคชัน แล้วไปยืนยันตัวตนที่ธนาคารธนชาต ทุกสาขา เพื่อใช้บริการอี-วอลเลท พร้อมเพย์