xs
xsm
sm
md
lg

พระหรือนายหน้า! เปิดพฤติการณ์ “พระ 4 รูป” ตามสำนวน ปปป.เอี่ยวทุจริต “เงินทอนวัด”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เปิดพฤติการณ์พระ 4 รูป ในกลุ่ม 19 ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัดล็อต 2 ที่ ปปป. ยื่นต่อ ป.ป.ช. พบส่วนใหญ่รู้จัก - สนิทกันกับผู้บริหารสำนักพุทธฯ และของบประมาณก่อนคืนเงินทอนให้ เสียหายกว่า 141 ล้าน ผงะพระบางรูปเหมือนเป็นนายหน้าติดต่อวัดอื่น แล้วรับเงินทอนคืนกว่า 11 ล้าน

ในวันนี้ (26 ก.ย.) พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) จะมีการส่งสำนวนคดีที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โอนเงินงบประมาณให้กับวัด แล้วผู้บริหารและข้าราชการของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เรียกรับเงินคืนจากวัด หรือพระรูปหนึ่งในวัด เรียกกันว่า “เงินทอนวัด” ไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาเพื่อชี้มูลความผิด

ก่อนหน้านี้ ปปป. ตรวจสอบล็อตแรก พบการทุจริตงบอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด 12 วัด ตั้งแต่ปี 2555-2559 ความเสียหาย ประมาณ 60 ล้านบาท มีผู้ต้องหา 10 ราย ส่งสำนวนไปให้ ป.ป.ช. ไปแล้ว

มาคราวนี้ เป็นการตรวจสอบล็อตที่สอง พบการทุจริตงบประมาณอุดหนุน 3 ประเภท คือ 1. อุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด 2. อุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ 3. อุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา-แผนกธรรม-แผนกบาลี จำนวน 23 วัด ตั้งแต่ปี 2555 - 2560 ความเสียหายประมาณ 141 ล้านบาท

มีหลักฐานความผิดถึงตัวผู้ต้องหา 19 ราย หนึ่งในนั้นเป็นพระสงฆ์ 4 รูป ก่อนหน้านี้ ได้ค้นพื้นที่เป้าหมาย 14 จุด 7 จังหวัด ไปแล้วเมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา และเตรียมนำสำนวนทั้ง 23 คดีไปส่งให้ทาง ป.ป.ช. ต่อไป ต่อไปนี้เป็นข้อกล่าวหาของพระสงฆ์ 4 รูป อย่างละเอียดตามสำนวนของ ปปป.

พระครูวิสุทธิวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ

ปปป. ตรวจสอบพบว่า ประมาณปี 2556 พระครูวิสุทธิวัฒนกิจได้รับการติดต่อจาก นายวสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งรู้จักกันตั้งแต่ครั้งที่นายวสวัสดิ์เคยบวชเณรที่ จ.อำนาจเจริญ และมาจำพรรษาอยู่ด้วยกันที่วัดราชสิทธารามฯ โดยจัดสรรงบประมาณ 4.9 ล้านบาท มาให้พระครูวิสุทธิวัฒนกิจ จากนั้น นายวสวัสดิ์ ขอรับเงินทอนคืน 4.8 ล้านบาท วัดเหลือเงินเพียงแค่ 1 แสนบาท

ปปป. ตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีการเรียกรับเงินในนามวัดราชสิทธารามฯ แต่เกิดจากการกระทำส่วนตัวของพระรูปหนึ่งเท่านั้น ซึ่งการกระทำของนายสวัสดิ์เข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 147 และมาตรา 157 ส่วนพระครูวิสุทธิวัฒนกิจถูกดำเนินคดีตามมาตรา 147, มาตรา 157 และมาตรา 86

พระราชรัตนมุนี เลขานุการสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพิชยญาติการาม เขตคลองสาน กรุงเทพฯ

ปปป. ตรวจสอบพบว่า พระราชรัตนมุนี มีการติดต่อขอจัดสรรงบประมาณไปที่วัดห้วยทรายขาว ต.ห้วยแก้ว อ.ภูกามยาว จ.พะเยา ซึ่งเป็นบ้านเกิด กับนายณรงค์เดช ชัยเนตร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งรู้จักมาตั้งแต่เรียนมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ด้วยกัน นายณรงค์เดชเป็นคนติดต่อขอจัดสรรงบประมาณไปที่วัดห้วยทรายขาว 3 ล้านบาท และขอเงินทอนคืน 1.5 ล้านบาท ทำให้วัดเหลือเงินเพียงแค่ 1.5 ล้านบาท ปปป. ได้ดำเนินคดีกับนายณรงค์เดช ตามมาตรา 147, มาตรา 157 และ มาตรา 149

พระเทพเสนาบดี เจ้าอาวาส วัดกวิศรารามราชวรวิหาร ต.ท่าหิน อ.เมืองฯ จ.ลพบุรี และ เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี

ปปป. ตรวจสอบพบว่า วัดกวิศรารามราชวรวิหาร เคยจัดตั้งโรงเรียนปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา (หมายถึง โรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้การศึกษาแก่พระภิกษุสามเณร ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ) ต่อมามีหนังสือขอยกเลิกแผนกสามัญศึกษาไปถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คงเหลือแต่โรงเรียนปริยัติธรรม แผนกบาลี (จัดการศึกษาเฉพาะด้านหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาล้วนๆ ไม่มีวิชาสามัญศึกษา ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ เข้าไปปะปน) โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อนุมัติยกเลิก ก่อนแจ้งให้กรรมการมหาเถรสมาคม รับทราบ

หลังจากนั้น ปี 2556 - 2557 มีการจัดงบประมาณให้กับโรงเรียนปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ทั้งที่ไม่มีแผนกดังกล่าวแล้ว โดย นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ปัจจุบันหลบหนีคดีเงินทอนวัดล็อตแรกอยู่ในต่างประเทศ) อนุมัติงบประมาณ 3 ครั้ง ครั้งละ 10 ล้านบาท รวม 30 ล้านบาท โดยมีชื่อ นายพนม ศรศิลป์ ขณะเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายบุญเลิศ โสภา อดีตผู้อำนวยการกองพุทธศาสนศึกษา นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการกลุ่มการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ เป็นผู้เสนอเรื่องอนุมัติงบประมาณ

จากนั้นพบว่า มีการนำงบประมาณ 30 ล้านบาท รวมกับงบบูรณะวัดอีก 8 ล้านบาท รวม 38 ล้านบาท มาสร้างโรงเรียนวินิตศึกษา ในพระราชูปถัมภ์ฯ แห่งที่ 2 ตั้งอยู่ริมถนนสายลพบุรี-บางปะหัน ต.โพธิ์เก้าต้น อ.เมืองฯ จ.ลพบุรี ห่างจากตัวเมืองลพบุรีประมาณ 3-4 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในที่ดินของวัดกวิศรารามราชวรวิหาร บนเนื้อที่กว่า 200 ไร่ โดยเป็นโรงเรียนสอบสายสามัญ ขึ้นกับกระทรวงศึกษาธิการ ไม่เกี่ยวข้องกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

การกระทำของนายนพรัตน์ ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายพนม นายบุญเลิศ และ นางพรเพ็ญ ในฐานะผู้เสนอเรื่องอนุมัติงบประมาณ ทั้ง 4 คนเข้าข่ายการกระทำตามมาตรา 147, มาตรา 157 และมาตรา 162(4) นอกจากนี้ ยังเพิ่มข้อหาพระเทพเสนาบดี เจ้าอาวาส วัดกวิศรารามราชวรวิหาร มาตรา 162 ปลอมแปลงเอกสารทางราชการ อีก 1 ข้อหา

พระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าอาวาสวัดลาดแค ต.ลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ และเจ้าคณะอำเภชนแดน

ปปป. ตรวจสอบพบ พระครูกิตติพัชรคุณ รู้จักกับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มานานแล้ว เมื่อครั้งนายนพรัตน์เป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เคยมาทอดกฐินที่วัดลาดแค ปี 2555 มีการโอนงบประมาณให้วัด 2 ล้านบาท แต่นายนพรัตน์ขอเงินทอนคืน 1.2 ล้านบาท ทำให้วัดเหลือเงินแค่ 8 แสนบาท โดยมีการนำรถของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มารับเงินหน้าที่ว่าการอำเภอหนองไผ่ ริมถนนสาย 21 (สระบุรี-หล่มสัก) จ.เพชรบูรณ์ ห่างจากวัดลาดแค 30 กิโลเมตร

จากนั้นปี 2558 หลังนายนพรัตน์เกษียณอายุราชการ มีการติดต่อไปยังพระครูกิตติพัชรคุณ สอบถามว่ามีลูกศิษย์อยู่ที่วัดอื่นหรือไม่ เพื่อที่จะจัดสรรงบประมาณให้ พระครูกิตติพัชรคุณ จึงได้ติดต่อไปยังวัดโคก สารสัจจธรรม ต.ซับพุทรา อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ และวัดญาณเมธี ต.ดงขุย อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ต่อมามีการโอนงบประมาณให้วัดลาดแค 3 ล้านบาท วัดโคกสารสัจจธรรม 3 ล้านบาท และวัดญาณเมธี 2 ล้านบาท รวม 8 ล้านบาท แต่กลับมีการขอเงินทอนกลับจำนวน 5.05 ล้านบาท วัดทั้งสามจะได้เงินรวมกันเพียงแค่ 2.95 ล้านบาทเท่านั้น

ต่อมาปี 2559 มีการดำเนินการลักษณะเดียวกันกับวัดใน จ.นครสวรรค์ 3 วัด อนุมัติงบประมาณวัดละ 2 ล้านบาท รวม 6 ล้านบาท และรับเงินทอน 3 วัด รวม 1.5 ล้านบาท วัดใน จ.ตาก 3 วัด อนุมัติงบประมาณวัดละ 2 ล้านบาท รวม 6 ล้านบาท ได้รับเงินทอนคืน 4.5 ล้านบาท และวัดใน จ.ชุมพร รวม 3 วัด วัดละ 2 ล้านบาท รวม 6 ล้านบาท ได้รับเงินทอนคืน 5.2 ล้านบาท รวม 9 วัดได้รับเงินทอนคืน 11.2 ล้านบาท

ปปป. ได้ดำเนินคดีกับนายนพรัตน์ ร่วมกับ นายฉัตรชัย ชูเชื้อ ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน ตามมาตรา 147, มาตรา 157 และมาตรา 162(4) ส่วนพระครูกิตติพัชรคุณถูกดำเนินคดีตามมาตรา 147, มาตรา 157, มาตรา 86 และมาตรา 162(4)
กำลังโหลดความคิดเห็น