xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยว "ปัตตานี" กับจุดที่ต้องไป "เช็กอิน"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ปัตตานี” สำหรับหลายคน จะบอกว่า “ไปทำไม น่ากลัวจะตาย”, “อันตรายขนาดนั้น ไม่กลัวเหรอ” หรือ “มีเหตุการณ์เกิดขึ้นทุกวัน ยังจะกล้าลงไปอีกหรือ?” และอีกหลายคำพูดที่คนทั่วไปกล่าวถึงปัตตานี และพื้นที่อื่นๆ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ้ามีใครก็ตามเปิดประเด็นเรื่อง ’การท่องเที่ยว’

แต่ถ้าหากได้มีการเปิดใจและเปิดความคิดแล้ว ปัตตานีก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวรอไว้ให้ทุกคนมาได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นแลนด์มาร์คประจำจังหวัด แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หาดทรายที่ยังคงความสวยงามทั้งผืนน้ำและบรรยากาศ หรือการผจญภัยตามไลฟ์สไตล์ปัจจุบัน ซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้ทุกเพศทุกวัย

ชุมชนท่องเที่ยวบางปู

ชุมชนท่องเที่ยวบางปู เป็นชุมชนที่มีจุดเด่นในเรื่องของการท่องเที่ยวทางธรรมชาติและเชิงนิเวศ ตั้งอยู่ในพื้นที่ริมชอบอ่าวปัตตานี ในเขตพื้นที่อำเภอยะหริ่ง โดยเป็นแหล่งท่องเที่ยวภายในชุมชนเป็นป่าชายเลนที่มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ และในพื้นที่ดังกล่าวนี่เอง ก็เป็นแนวธรรมชาติเกือบตลอดทั้งพื้นที่ ซึ่งกิจกรรมหลักที่สนับสนุนการท่องเที่ยวจะประกอบไปด้วยการล่องเรือชมป่าชายเลน การได้เข้าสู่อุโมงค์โกงกาง ที่มีความยาวกว่า 800 เมตร กิจกรรมการตกปลาในพื้นที่อ่าว รวมไปถึง การนั่งเรือชมพระอาทิตย์และดูนกนานาพันธุ์บินกลับรังในช่วงเวลาดังกล่าว

นอกจากความเป็นธรรมชาติของสถานที่แล้ว จุดเด่นอีกอย่างของชุมชนท่องเที่ยวบางปู คือ วิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น ที่ยังคงมีความเป็นเอกลักษณ์ คือมีความเป็นเมืองประมงอย่างเต็มขั้น รวมไปถึงการรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างผสมผสานกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการแกะสลักลายพื้นถิ่น, การทำกรงนกโบราณ หรือวัฒนธรรมด้านอาหาร เช่น ขนมมาดูฆาตร (ขนมรังผึ้ง), ขนมแปแปอูบี (ขนมรังนก), น้ำพริกหอยลอแก (หอยกัน), สามาหอยลอแก (สมัน) และ ยำสาหร่าย

แหลมตาชี

แหลมตาชีหรือแหลมโพธิ์ เป็นหาดทรายขาวที่ยื่นต่อจากหาดตะโละกาโปร์ ไปในทะเลอ่าวไทยทางทิศเหนือยาว 11 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นแหลมที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นและดวงอาทิตย์ตกได้ นอกจากนี้ ณ จุดเดียวกันนั้น ก็เป็นป่าสนทะเล และมีหาดทรายขาวที่สะอาด เหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบตากอากาศ และเล่นน้ำทะเลได้ ซึ่งลักษณะภูมิประเทศเป็นแหลมนี่เอง จึงทำให้มีทะเลทั้งสองด้าน โดยด้านที่ติดกับแผ่นดินปัตตานี เรียกว่า “ทะเลใน”

เมื่อได้มาถึง ‘แหลมตาชี’ แล้วนั้น เรียกได้ว่าได้พบกับความสงบ แจ่มใส และมีความเป็นธรรมชาติมากในระดับหนึ่ง เมื่อเทียบกับชายหาดอื่นๆ ในประเทศไทย บนหาดทรายที่ขาวนวล แล้วพอได้ยืนไปยังผืนทรายที่เรียบง่าย แล้วมองออกไปในท้องทะเลแล้วนั้น สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นตัวเมืองปัตตานีที่มีทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมประมง และ บรรยากาศเมืองปกติ ที่สามารถมองเห็นได้จากที่เราได้ยืนอยู่พื้นที่ดังกล่าวนั่นเอง

โดยการเดินทางไปแหลมตาชีนั้น สามารถไปได้ทั้งสองทาง คือ ทางน้ำ โดยการนั่งเรือจากแม่น้ำปัตตานี ตรงไปยังแหลมตาชีได้เลย ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษ หรือนั่งเรือจากท่าด่านอำเภอยะหริ่ง ออกมาตามคลองยามู จนถึงทะเลในไปจนถึงแหลมตาชี และ ทางบก จากตัวอำเภอยะหริ่ง ข้ามคลองยามูมาตามสะพานไม้ มีถนนตัดเข้าไปประมาณ 10 กิโลเมตร จนถึงหมู่บ้านที่ 2 ที่ตำบลตะโละกาโปร์ จากนั้นนั่งเรือหางยาวต่อไปจนถึงปลายแหลมตาชี

แหล่งท่องเที่ยวในค่ายอิงคยุทธบริหาร

หากใครที่ชื่นชอบความตื่นเต้นท้าทาย หรือความสนุกสนาน แต่ไม่อยากไปในพื้นที่ที่ไกลกว่านี้ ปัตตานีก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ที่ว่ามานี้ไว้รองรับไว้เช่นกัน นั่นคือ ‘ค่ายอิงคยุทธบริหาร’ ที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอหนองจิก ห่างจากตัวอำเภอเมือง ราว 16 กิโลเมตร ซึ่งเมื่อได้เข้ามาในตัวค่ายทหารดังกล่าวแล้ว นอกจากจะเป็นค่ายทหารที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีแล้วนั้น ณ ค่ายแห่งนี้ ก็มีทั้งแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และความตื่นเต้นให้ได้เลือกกัน ไม่ว่าจะเป็น สวนน้ำ, สนามกอล์ฟ, สนามยิงปืน ทั้งในแบบ สนามซ้อมยิงปืน และ แบบปืน BB GUN รวมไปถึง สถานีทดสอบกำลังใจ ที่พร้อมต้อนรับให้กับนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกพื้นที่ให้มาได้สัมผัสกับความสนุกดังกล่าว

สำหรับแนวคิดของการเปิดแหล่งท่องเที่ยงในค่ายทหารนั้น “พลตรีจตุพร กลัมพสุต” ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี และประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 46 ได้เปิดเผยกับเราถึงการเปิดแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวว่า ต้องการให้คนในพื้นที่รวมไปถึงคนนอกพื้นที่ ได้มีการท่องเที่ยวเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดปัตตานี และนอกจากนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย ที่จะก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจที่สามารถต่อยอดให้มีการเติบโตผ่านทางการท่องเที่ยวได้

“สำหรับโครงการดังกล่าวเริ่มมาจากการที่เราต้องการต่อยอดนโยบายของรัฐบาล เรื่องแผนพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพราะว่าแผนเศรษฐกิจเมืองต้นแบบ คือ อำเภอหนองจิก อำเภอเบตง และ อำเภอสุไหง-โกลก แล้วพอมีโครงการดังกล่าว ก็จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น เราก็มองว่า การที่ประชาชนจะมาลงทุน โดยที่เศรษฐกิจจะเดินไปได้ ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจ การท่องเที่ยวจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนนอกพื้นที่เข้ามาสัมผัสบรรยากาศในพื้นที่แล้วรู้สึกอบอุ่น รู้สึกปลอดภัย และสบายใจ

“เมื่อเขาเห็นว่า มันก็เหมือนกับทุกที่ในโลก เหมือนบาร์เซโลน่า เหมือนปารีส คือมันก็มีเหตุการณ์ลักษณะอย่างว่าเกิดขึ้นอยู่ทั่วโลก มันไม่ได้มีเยอะจนกระทั่งน่ากลัว นานๆ จะมีครั้งหนึ่ง ผมคิดว่าเราต้องทำใจให้อยู่กับมัน เพราะว่าอย่างที่บอก ขนาดเมืองดังระดับโลก ยังเกิดขึ้นได้เลย ผมคิดว่ามันก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่ว่า เพราะการก่อเหตุมันเป็นจุดๆ มันไม่ได้มีทั่วไป ฉะนั้น เมื่อเราให้มีการท่องเที่ยวขึ้นมา ก็มีคนเข้ามาร่วมและแชร์กิจกรรม หรือมีภาพสื่อออกไป ก็ทำให้ประชาชนรู้สึกว่ามีความมั่นใจเกิดขึ้น
พลตรีจตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี
“เมื่อเขาได้มีกิจกรรมร่วมกับเรา เขาก็มีความรู้สึกว่า เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องช่วยกันดูแลรักษาให้สถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะถามว่า ณ เวลานี้ พื้นที่ผลิตปลากุเลา หรือผลิตสินค้าในท้องถิ่นแล้ว ถ้าเราจัดที่ให้เขาขาย นักท่องเที่ยวมาซื้อ แสดงว่าที่เขาทำมามันขายได้ และจะขายได้กับคนข้างนอก ซึ่งคนในพื้นที่อาจจะขายได้ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าคนข้างนอกมาซื้อ มันก็จะมีรายได้มากขึ้น ฉะนั้นเขาก็ต้องเกิดความรู้สึกอัตโนมัติว่า เขาต้องช่วยกันรักษาสถานการณ์ให้มันดีขึ้น เศรษฐกิจก็จะดีตาม ซึ่งถ้าได้เห็นตัวเลขด้านเศรษฐกิจ ในปี 2557 ที่มีตัวเลขหมุนเวียนประมาณ 70,000 ล้าน พอมาปี 2559 ขึ้นมาเป็น 110,000 ล้าน เราจะเห็นการเติบโตของเมืองที่มันขยายตัวอย่างรวดเร็ว

“ปัจจุบัน ราคาที่ดินในปัตตานี แพงกว่าหาดใหญ่อีก แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ปี 2559 เศรษฐกิจในประเทศมาเลเซียและประเทศเพื่อนบ้านทรุดลง ค่าเงินริงกิตตกลงไปกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้าเราพึ่งพาเศรษฐกิจมาเลเซีย เราลำบากแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ เราแข็งกว่า เราอยู่ได้ แล้วเราได้ประโยชน์จากเขา เราซื้อสินค้าของเขาในราคาที่ถูกลง แต่การท่องเที่ยวของมาเลย์อาจจะลดลงบ้าง แต่พอมาดูภาพรวมแล้ว เราได้ประโยชน์มากกว่า

อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ชี้วัดว่า เศรษฐกิจของเราที่เมื่อก่อนพึ่งพาประเทศเพื่อนบ้าน แต่เดี๋ยวนี้ เรากำลังมองว่า ประเทศเพื่อนบ้านเริ่มหันกลับมาพึ่งเรา เพราะว่ามีแรงงานทั้งอินโดฯ และ ฟิลิปปินส์เริ่มติดต่อเข้ามา แต่ว่าเราก็ยังอยู่ในขั้นการจัดระเบียบแรงงานอยู่ คิดว่าถ้าตรงนี้ลงตัวแล้ว ผมว่าเศรษฐกิจในสามจังหวัด จะเติบโตรวดเร็วมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราต้องช่วยกันสร้าง ซึ่งการเปิดโครงการนี้ขึ้นมา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทั้งคนในและนอกพื้นที่ครับ
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : อรวรรณ เหม่นแหลม

กำลังโหลดความคิดเห็น