xs
xsm
sm
md
lg

จุฬาฯ แถลงลงโทษ “เนติวิทย์” ตามระเบียบ ยันถวายบังคมปฏิบัติมาช้านาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงต่อสื่อมวลชนกรณีเนติวิทย์ป่วนพิธีถวายสัตย์ วอนสื่อมวลชนและผู้เกี่ยวข้องเสนอข่าวด้วยเป็นธรรมต่อสถานการณ์ของจุฬากรณ์มหาวิทยาลัย

วันนี้ (6 ก.ย.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกแถลงการณ์ เนื่องจากมีข้อเขียนและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในสื่อไทยและต่างประเทศเกี่ยวกับคำตัดสินลงโทษทางวินัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต่อกลุ่มนิสิตที่มีพฤติกรรมอันก่อให้เกิดความไม่เรียบร้อยในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนิสิตชั้นปีที่หนึ่งเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2560 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจกับกิจการภายในของจุฬาฯ แต่ขออนุญาตอธิบายชี้แจงข้อมูลบางประการเพื่อให้พิจารณาเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

ประการแรก ในกรณีการลงโทษทางวินัยอื่นๆ ที่ผ่านมา จุฬาฯ มิได้เปิดเผยรายละเอียดคำตัดสินลงโทษต่างๆ ด้วยเกรงว่าจะส่งผลต่ออนาคตของนิสิตที่ถูกลงโทษ แต่ปรากฏว่า ในกรณีนี้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จและบิดเบือนในสื่อต่างๆ ดังนั้น มหาวิทยาลัยจึงจำเป็นต้องแถลงให้ทราบถึงข้อมูลที่ถูกต้อง โดยละเว้นการเปิดเผยรายชื่อของนิสิตที่เกี่ยวข้อง

ประการที่สอง จุฬาฯขอรับรองว่าการพิจารณาทางวินัยของกลุ่มนิสิตดังกล่าว เป็นไปตามขั้นตอน และกฎ ระเบียบตามปกติของมหาวิทยาลัย ซึ่งระเบียบทางวินัยเช่นนี้มีในทุกมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก คณะกรรมการส่งเสริมวินัยนิสิตมีกระบวนการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงและการพิจารณาที่เป็นอิสระ และดำเนินการในรูปแบบเดียวกันกับกรณีสอบสวนทางวินัยเรื่องอื่นๆ หากนิสิตไม่พอใจกับผลการตัดสินก็มีสิทธิอุทธรณ์ในลำดับต่อไปได้

ประการที่สาม ท่ามกลางเสียงวิพากษ์เกี่ยวกับความเป็นอนุรักษ์นิยมของมหาวิทยาลัย พร้อมคำวิจารณ์ว่า จุฬาฯ ไม่ได้เปิดกว้างสำหรับความคิดที่แตกต่าง ทางจุฬาฯ ขอย้ำว่า มหาวิทยาลัยเคารพความคิดเห็นที่แตกต่างและพร้อมรับความแตกต่างนั้น พิธีการทั้งหมดภายในมหาวิทยาลัยเป็นกิจกรรมที่นิสิตเข้าร่วมโดยสมัครใจและมีสิทธิที่จะไม่เข้าร่วม โดยไม่มีผลเสียใดๆ ต่อตัวนิสิต แนวปฏิบัตินี้ใช้กับพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 สำหรับนิสิตชั้นปีที่หนึ่งทุกคน เพื่อแสดงความเคารพและปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราชและสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าในฐานะผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยด้วย

นอกจากนี้ การถวายบังคม ยังเป็นรูปแบบการแสดงความเคารพที่ปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่องสำหรับพิธีถวายสัตย์ฯต่อพระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาล โดยในปีนี้ ทางผู้จัดได้มีการกำหนดพื้นที่ในการแสดงความเคารพด้วยวิธีอื่นเช่น การถวายคำนับ สำหรับนิสิตที่มีข้อจำกัดด้านสภาพร่างกายที่เป็นอุปสรรคต่อการคุกเข่าและถวายบังคม และสำหรับนิสิตที่มีความเชื่อทางศาสนา ทัศนคติทางการเมือง และอุดมการณ์ที่ไม่เห็นด้วยกับวิถีปฏิบัตินี้

ทั้งนี้ นิสิตที่เข้าร่วมพิธีในวันนั้นได้รับทราบถึงพื้นที่ที่ว่านี้อย่างทั่วถึง กลุ่มนิสิตที่ถูกตัดสินลงโทษทางวินัยต่างก็ตระหนักดีว่า มีพื้นที่เฉพาะที่จัดไว้แล้ว ดังเห็นได้จากการที่นิสิตกลุ่มนี้ได้นำเสนอข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดียในเชิงสนับสนุนให้มีพื้นที่เพื่อการถวายคำนับแทน อย่างไรก็ดี นิสิตกลุ่มนี้เลือกที่จะก่อให้เกิดความไม่เรียบร้อยในพิธีการโดยการเดินออกไปจากแถวที่จัดไว้สำหรับพวกเขาในฐานะสมาชิกสภานิสิตจุฬาฯ และแสดงพฤติกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยการยืนโค้งคำนับ ในขณะที่นิสิตคนอื่นๆ นับพันคนถวายบังคมอย่างพร้อมเพรียงเป็นระเบียบ อ่านเพิ่มเติม ความแตกต่างระหว่างการถวายบังคมกับการหมอบกราบ

กลุ่มนิสิตที่ถูกตัดสินลงโทษทางวินัย มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แต่ขณะเดียวกัน ทุกชุมชนและสังคมมีสิทธิที่จะเรียกร้องมิให้การแสดงออกนั้นละเมิดสิทธิและความเชื่อของบุคคลอื่น โดยเฉพาะเมื่อการแสดงออกนั้นกระทบต่อความศักดิ์สิทธิ์ ความอ่อนไหว และทำร้ายความรู้สึกของบุคคล พิธีถวายสัตย์ฯ แม้จะกำเนิดขึ้นมากว่า 20 ปี หลังการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาล ในปี พ.ศ. 2530 แต่ก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ว่า เป็นพิธีการศักดิ์สิทธิ์ของจุฬาฯ ซึ่งเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ระหว่างนิสิต เจ้าหน้าที่และนิสิตเก่า (อ่านเพิ่มเติม พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนิสิตจุฬาฯ)

ในขณะนี้ ทางมหาวิทยาลัยกำลังดำเนินการกระบวนการสอบสวนทางวินัยสำหรับอาจารย์ที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์และได้การแสดงออกอย่างไม่สมควรยิ่งกับนิสิตคนหนึ่งในเหตุการณ์วันที่ 3 สิงหาคม ดังปรากฏเป็นข่าวไปกว้างขวาง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียใจและน่าอับอายยิ่งสำหรับมหาวิทยาลัย แต่เป็นการกระทำของบุคคลเพียงคนเดียวและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับนโยบายของมหาวิทยาลัย อาจารย์ท่านนี้ลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2560 ไม่กี่วันหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

สุดท้ายนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเข้าใจว่าสื่อมีเสรีภาพในการนำเสนอข่าว แต่จุฬาฯ ใคร่ขอให้สื่อมวลชนและผู้เกี่ยวข้องเสนอข่าวด้วยความถูกต้อง ไม่ลำเอียง และเป็นธรรมต่อสถานการณ์ของจุฬาฯ การจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้ เป็นกิจการภายในที่ไม่ควรถูกเชื่อมโยงกับการแบ่งขั้วทางการเมือง และการควบคุมปราบปรามผู้เห็นต่าง ซึ่งมักนิยมใช้เป็นวาทกรรมและกรอบการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนทั้งในและนอกประเทศ

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีประวัติอันยาวนานที่ผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งความเชื่อและประเพณีปฏิบัติที่สืบทอดกันมานี้อาจเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากสำหรับผู้ที่ยึดถือในแนวคิดเสรีนิยมแบบตะวันตก แม้ว่าจุฬาฯ จะสนับสนุนความคิดเสรีนิยมและเสรีภาพในการแสดงออก แต่มหาวิทยาลัยก็มีรากฐานทางวัฒนธรรมและพันธกิจในการสร้างนิสิตที่เคารพในประเพณีปฏิบัติของสถาบัน ตลอดจนสิทธิเสรีภาพและความคิดของผู้อื่นด้วย จุฬาฯ ไม่คาดหวังให้สื่อตะวันตกเห็นชอบกับการตัดสินใจและวิธีการในเรื่องนี้ แต่เราขอขอบคุณท่านที่รายงานข่าวด้วยความเข้าใจต่อจุดยืนของมหาวิทยาลัย

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


กำลังโหลดความคิดเห็น