สาวอวบผู้รักแฟชั่นที่โด่งดังมาจากการแต่งตัวแบบ Low cost Cosplay ตามดารานักแสดง ทราย-เบญจพร เจษฎากานต์
เอกลักษณ์ของเธอคือการหยิบจับเอาวัสดุใกล้ตัวที่หาง่ายโดยเฉพาะของกินมามิกซ์เป็นเสื้อผ้าตามคนมีชื่อเสียง อาทิ โคลอี เกรซ มอเรตซ์, บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี, ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่, แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์, เบียร์ - เดอะวอยซ์, ปอย ตรีชฎา เพชรรัตน์ ฯลฯ ซึ่งชุดที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักอย่างมากเลยก็คือชุด “ข้าวเกรียบ” ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตอนที่ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต ไปเดินพรมแดงเมืองคานส์ 2016 และกระแสนี้เองที่ทำให้สาวอวบอารมณ์ดีคนนี้มีงานเข้ามาไม่ขาดสายกระทั่งปัจจุบัน
• เริ่มต้นมาจากการแต่งตัวคอสเพลย์ตามดารานักแสดง
มันเริ่มมาจากที่ทรายมีร้านเสื้อผ้าสาวอวบเป็นของตัวเองที่จังหวัดราชบุรีและทางออนไลน์ ทรายก็เลยอยากจะทำเพื่อโปรโมตร้านก็เลยถ่ายรูปคอสเพย์ออกมา ตอนแรกเราก็ใช้ชุดที่ร้านเอามาใส่แล้วก็ถ่ายรูปลง
เริ่มแรกก็เริ่มมาจากทำเล่นๆ เลยค่ะ ตอนนั้นทรายชอบ โคลอี เกรซ มอเรตซ์ แล้วเราก็ตามอินสตาแกรม ซึ่งที่ทรายตามเขาเพราะเขาเป็นดาราแล้วเป็นสาวอวบเหมือนกันเราก็เลยชอบเขา พอตามไปเรื่อยๆ ทรายก็เห็นว่าเขาใส่ชุดแบบที่ร้านเรามีคล้ายๆ เขาพอดี จะเป็นการแต่งตัวแบบเสื้อกล้าม กางเกงยีนส์ รองเท้าแตะ เราก็เหมือนถ่ายท่าทางที่เหมือนเขา เอามาเทียบกันเล่นๆ
อีกอย่างทรายมีแรงบันดาลใจที่อยากให้สาวอวบด้วยกันมีความมั่นใจเหมือนเรา อยากให้เขากล้าแสดงออกมากขึ้น
• กระแสตอนแรกเป็นยังไง
ก่อนหน้านี้มีคนแนะนำทรายว่าให้เอารูปคอสเพลย์ไปลงเพจ Lowcost cosplay ก่อนค่ะ กระแสตอนแรกก็โอเคพอสมควรแต่ก็ยังไม่อะไรมากค่ะ หลังจากนั้นก็ทำมาตลอด ทำออกมาเรื่อยๆ เลยค่ะ แล้วสิ่งที่ทำมาก็มีคนรู้จักมากขึ้นก็ตอนชุดพี่ใหม่ ดาวิกา ที่เราจะเอาไส้กรอกอีสานมาพันคอเป็นสร้อยไข่มุกแทน ที่สำคัญคือยืนอยู่หน้ารถเข็นที่เขาขายด้วย ทรายดูถึงโลเกชั่นที่พี่เขาถ่ายด้วยว่าเป็นอะไรข้างหลัง ซึ่งของพี่ใหม่เขาจะเป็นรถเบนซ์สีดำ ของทรายไหนๆ ก็มาถ่ายไส้กรอกแล้วก็เป็นรถเข็นไส้กรอกไปเลยแล้วกัน (หัวเราะ) หรือตอนคอสเพลย์พี่บุ๋ม ปนัดดา เราก็ใช้นมกล่องสำเร็จรูปเอามาแปะเข้าไป ก็ทำมาเรื่อยๆ เป็นกระแสต่อๆ มา
ตอนนั้นก็มีทั้งชมทั้งแซวมีทั้งติเลยนะคะ ถ้าชมส่วนมากก็ประมาณว่าเรามีความคิดสร้างสรรค์นะ คิดได้ยังไง กล้าเอาไส้กรอกมาพันคอ ส่วนแซวๆ ก็จะเป็นเรื่องความอ้วนของเราค่ะแต่ก็จะไม่ค่อยมีเรื่องดรามาเท่าไหร่
• เรามีวิธีการเลือกดารา นักแสดง มาแต่งคอสเพลย์ยังไง
คือเราก็จะดูพอสมควรด้วยว่าที่พี่ชมพู่ไปเมืองคานส์มันจะมีอีกชุดหนึ่งที่ออกแนวโป๊ๆ นิดนึงสีม่วง ก็มีคนบอกว่าอยากให้เราทำมา ทรายคิดว่าทรายทำมันก็ไม่น่าเหมาะเท่าไหร่ ทรายก็จะดูความเหมาะสมด้วยค่ะแล้วก็ความพร้อมในช่วงนั้นด้วย แต่จริงๆ ถ้ากระแสบางอย่างมาแล้วจะมารอสักพักก็ไม่ได้ ต้องทำเลย เราต้องมีความพร้อมอยู่ตลอดเวลาที่จะทำ อย่างชุดข้าวเกรียบรุ่งขึ้นอีกวันฮือฮาเลย
• ชุดข้าวเกรียบที่แต่งชุดเลียนแบบชุดของชมพู่-อารยา นางเอกคนดังที่ไปเดินพรมแดงเมืองคานส์ปี 2016 ทำให้เรามีชื่อเสียงมากๆ
ใช่ค่ะถ้าย้อนกลับไปคือกระแสดีมากเลยค่ะ คือตอนแรกทรายไม่ได้คิดว่าจะเอาข้าวเกรียบมาทำ ตอนนั้นเราคิดว่าจะทำยังไงให้มันเป็นชุดแบบนั้นได้ เราก็เลยหาวิธีทำอยู่พอสมควรกว่าจะออกมาเป็นชุดนี้ได้ บังเอิญว่าบ้านยายทรายทำข้าวเกรียบขายอยู่แล้วคือทรายเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งเราก็เห็นว่าชุดที่พี่ชมพู่ใส่สีและรูปร่างคล้ายกัน เราก็เลยคิดว่าเอาข้าวเกรียบนี่แหละมาทำชุด
จะบอกว่าพอถึงเวลาทำจริงๆ มันทำยากมากเลยนะคะ คือเราไม่รู้ว่าจะเอาข้าวเกรียบมาทำยังไงให้ออกมาเป็นชุดได้ สุดท้ายทรายก็เลยเอามาใส่ถุงแล้วก็ผูกเป็นชุดกระโปรง
วิธีทำชุดนี้คือเราเอาข้าวเกรียบดิบๆ มานั่งทอดเอง ทอดเสร็จก็ต้องกรอกใส่ถุงแล้วเอามามัดทีละชั้นเป็นกระโปรงแล้วก็ต้องมาผูกใส่ตัวเองซึ่งตอนแรกจะทำทั้งชุดแต่ว่ามันกรอบทำไม่ได้แม่ก็เลยแนะนำว่ามีกระดาษทิชชูที่เป็นสีแบบนี้นะเราก็เลยเอามามิกซ์กัน ก็ใช้เวลาพอสมควรเลยสำหรับชุดนี้ก็ลงมือทำทั้งวัน ตั้งแต่เช้าเสร็จก็ถ่ายประมาณ 5 โมงเย็นเลยค่ะ
• แต่ว่าความพยายามทำชุดนั้นทำให้ทรายได้ไปประกบคู่กับชมพู่ อารยาเลย
ใช่คะคืองานนั้นมันเป็นเหมือนงานเลี้ยงที่พี่ชมพู่กลับมาเขาก็เลยเชิญเราไปเดินด้วย ซึ่งพี่เขาก็ทักทรายนะคะเพราะพี่เขาจำเราได้ เราก็ดีใจมากๆ เลย (ยิ้ม)
• อย่างล่าสุดที่ชมพู่ อารยาไปเมืองคานส์ 2017 เราก็คอสเพลย์อีก
ใช่ค่ะ ชุดของพี่ชมพู่เขาจะเป็นขนนกเส้นเล็กๆ พลิ้วๆ แต่ทรายจะใช้เป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก ซึ่งตอนแรกทรายก็คิดอยู่ว่าจะเอาขนมจีนมาทำแต่ด้วยความที่มันหนักเกินไปแล้วมันก็นิ่มเกินไป มันไม่สามารถมาอยู่บนตัวเราได้ก็เลยต้องเป็นเส้นเล็กแทน (หัวเราะ)
• ดูแล้วหลักๆ การคอสเพล์ของทรายต้องมีของกินเข้ามาเสริมตลอดเลยนะ
ใช่คะพอเราเริ่มพัฒนามากขึ้น เราก็เลยแบบหาวัสดุอย่างอื่นทำบ้าง เพราะเราต้องมีจุดยืนเป็นของตัวเอง มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
ส่วนใหญ่ชุดคอสเพลย์ก็จะเป็นของกินแล้วก็มีอย่างอื่นบ้างค่ะ ต้องมีของกินเข้ามาเอี่ยวทุกชุดเพราะด้วยความที่เราเป็นคนอ้วน เราชอบกินด้วย เราก็เลยเน้นเอาของกินมาทำชุดเครื่องประดับเพราะพอทำเสร็จเราจะได้เอามากินต่อเลย (หัวเราะ)
อย่างบางทีถ้าเราคิดไม่ออกว่าจะทำชุดออกมายังไง ทรายก็จะไปเดินตามซูเปอร์มาเกตแล้วก็ดูว่าอันนี้มันคล้ายกัน สีเหมือนกันกับชุดที่เราอยากทำไหม
มันก็เป็นความยากอย่างหนึ่งนะคะ คือเราจะทำยังไงให้มันอยู่บนตัวเราได้ อย่างไส้กรอกอีสานที่เอามาพันตรงคอถ้าคนทั่วไปก็จะอี๋ อะไรแบบนี้เพราะมันจะมีความมัน ความร้อน ความเหม็น เราก็ต้องมีความอดทนในระดับหนึ่ง ซึ่งนอกจากไส้กรอกอีสาน ข้าวเกรียบแล้วก็มีไส้อั่ว สาหร่าย เส้นปลาทาโร่ หรืออย่างตอนที่คอสเพลย์เป็นอีเจี๊ยบเลียบด่วน ตอนนั้นทรายก็จะเป็นข้าวหมกไก่มาติดทั้งหน้าต้องเอากาวมาทาทั้งหน้าแล้วก็เรียงทีละเม็ดๆ ซึ่งลงทุนมาก (หัวเราะ)
• จะว่าไปแล้วต้องลงทุนขนาดนั้นเลย? ได้อะไรจากการลงทุนบ้างคะ
(หัวเราะ) คนก็จะบอกว่าลงทุนมากคือเราก็อยากให้ทุกคนสนุกกันเราก็ต้องลงทุนนิดนึง อันนี้คือความสุขของลูกเพจแล้วก็เป็นความสนุกของเราด้วยที่เราได้ทำอะไรแบบนี้ค่ะ
สิ่งที่ทรายทำอย่างแรกเลยคือมีคนเข้ามาติดตามร้านเสื้อผ้าเราเยอะขึ้น เข้ามาปรึกษาเราเยอะขึ้น ด้วยที่เรามีชื่อเสียงมากขึ้นคนก็เลยมาสนใจ
นอกจากนี้ก็มีงานโฆษณาเข้ามาให้เราโปรโมตสินค้า โปรโมตแคมเปญ ส่วนมากจะเป็นงานโปรดักต์เขาจะให้เราโปรโมตแต่ทรายจะไม่ได้โปรโมตรีวิวเหมือนบล็อกเกอร์คนอื่นๆ นะคะ แต่ทรายจะเอาโปรดักต์นั้นๆ มาทำเป็นชุดคอสเพย์ของทราย อย่างล่าสุดที่เป็นปีกซองกาแฟก็คือเราได้ทำแคมเปญร่วมกับเขาค่ะ ตอนนี้ทรายทำมาประมาณปีกว่าๆ ก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ ค่ะ
ตอนนี้ชีวิตก็เรียกได้ว่าเปลี่ยนไปเลยนะคะ ตรงที่ว่าเราต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นจากเมื่อก่อนที่เราแค่เรียน ตอนนี้ไหนจะร้านเรา แล้วก็ไหนจะเรื่องงานที่เขาจ้างเรามา เราก็ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น ก็เหมือนยุ่งๆ ค่ะ จะเรียนหนักแค่ไหน เราก็ต้องแบ่งเวลาให้ดีๆ คือเวลาไปเรียนก็ต้องไป เวลาเลิกมาเราก็ต้องมามุ่งกับงานก่อนไม่ใช่เอาไปทิ้งกับอย่างอื่น
• เรียกว่างานมาจากความเป็นตัวของตัวเองและความคิดสร้างสรรค์ล้วนๆ
ใช่ค่ะ เราต้องมีความเป็นตัวของตัวเองและมีความสร้างสรรค์ แต่ว่าส่วนตัวแล้วทรายไม่ได้เรียนด้านนี้มานะคะ ทรายจะเรียนเกี่ยวกับครุศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ซึ่งเรามาค้นพบตอนหลังว่าเราไม่อยากเป็นครูเท่าไหร่แต่เราชอบในด้านการแต่งตัว ด้านการออกแบบ ด้านแฟชั่นมากกว่า เราก็เลยมุ่งไปด้านนี้รู้สึกว่าเหมือนเป็นความชอบส่วนตัว แต่เรื่องเรียนเราก็ยังไม่ได้ทิ้งนะคะ
อนาคตถ้าเรียนจบแล้วทรายก็อยากไปเรียนเสริมบ้างนิดหน่อยเพื่อจะมาเสริมการทำงานค่ะให้ดีมากขึ้น เพราะทรายอยากทำแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองออกแบบเองด้วยค่ะ
• ถามถึงเรื่องรูปร่างหน่อยค่ะเพราะความอวบของเราก็ส่งผลให้เรามีวันนี้ได้ มีอุปสรรคอะไรในการแต่งตัวบ้างไหม
ณ ตอนนี้คือทรายก็เลิกคิดที่จะลดน้ำหนักแล้ว แต่ก็มีออกกำลังกายบ้างเพื่อสุขภาพของเราเอง แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนทรายจะเครียดเรื่องความอ้วนมากเลยนะคะ คือเราก็อยากผอมเหมือนกัน เพราะเราอ้วนมาตั้งแต่มัธยม ก็ทำมาทุกวิถีทาง ยาลดความอ้วนเราก็เคยกิน ออกกำลังกายก็เคย แต่ด้วยความที่เราเป็นคนชอบกินพอเราลดลงไปแล้วกลับมากินอีก น้ำหนักมันก็ขึ้นมาอีก เราก็เลยหาความสุขจากที่เรามีรูปร่างแบบนี้ดีกว่า ทุกวันนี้ก็เลยไม่มีอุปสรรคในการแต่งตัวเลยค่ะ
แน่นอนว่าบางคนที่อวบหรืออ้วนเขาอาจจะไม่มั่นใจที่จะแต่งตัวเท่าไหร่ คือเขากลัวว่าใส่มาแล้วจะไม่สวยเหมือนคนผอม คือเราต้องเลือกเสื้อผ้าที่เราคิดว่าเราจะใส่ตามคนผอมไม่ได้ค่ะเพราะว่าเรารูปร่างไม่เหมือนกัน เราก็ต้องเลือกให้เหมาะกับตัวเรา เราต้องลองเปลี่ยนลองใส่ดูว่ามันจะออกมาเป็นยังไงดูดีไหม
เราต้องทำใจให้กล้าที่จะแต่ง กล้าที่จะแสดงออกมา อีกอย่างเราต้องดูแลตัวเองในระดับหนึ่งด้วย มันก็จะโชว์ออกมาแล้วดูดีในระดับหนึ่งคือถ้าเรามีความมั่นใจมันจะเสริมบุคลิกให้เราดูดีขึ้นได้นะคะ ทรายเชื่อว่าแบบนั้น
• แบบนี้มีเคล็ดลับการเลือกเสื้อผ้าสำหรับสาวอวบยังไง
จริงๆ แล้วก็สามารถแต่งได้ทุกสไตล์นะคะ ทรายเองยังแต่งได้ทุกสไตล์เลย มันอยู่ที่เราเลือกชุดให้มันเข้ากับเรายังไง เช่น ถ้าเราขาใหญ่เราก็เลือกชุดที่กระโปรงคลุมเข่าหน่อย ถ้าไม่ชอบใส่ขาสั้น ก็ใส่ขายาวไป อย่างทรายขาสั้นตัวเตี้ยทรายก็จะใส่กางเกงขาสั้นไม่ชอบใส่ขายาวก็จะประมาณนี้คะ การแต่งตัวของทรายก็จะเป็นแนวสตรีทๆ เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ ก็มีบางโอกาสที่เป็นเดรสกระโปรงบ้างแล้วแต่งานที่เราจะไปค่ะ
• เหมือนทรายเป็นคนหนึ่งที่มีความสุขและพอใจกับรูปร่างของตัวเองพอสมควร เพราะ ณ ตอนนี้เห็นว่าเราเป็นไอดอลสาวอวบไปแล้ว
ใช่ค่ะ คือเรามีความสุขในแบบที่เราเป็น บางคนอ้วนแล้วอยากผอมเพื่อที่จะสวยแต่คือเขากลับลืมคิดไปว่าในเมื่อเรายังผอมไม่ได้เราก็มีความสุขในแบบที่เราเป็นอยู่ในทุกวันนี้ดีกว่า แต่ตรงนี้มันเป็นอะไรที่ยากมากๆ เลยนะคะ คือถ้าเราพูดไป บอกไปเขาฟังแต่ว่าใจเขายังไม่มีความมั่นใจ ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองมันก็ยากที่จะไปเปลี่ยนแปลงตัวเขา เพราะสิ่งนี้มันก็ต้องเปลี่ยนที่ตัวเราก่อน เหมือนมีความรักในตัวเอง ใส่ใจในตัวเองก่อน อย่างตอนนี้เราไม่มั่นใจเลยที่เราอ้วน แต่เราก็มาใส่ใจผิวเรา เราอ้วนตรงนี้เราก็ดูแลหน้าตาให้มันดูดีเพิ่มขึ้นแทนก่อนก็ได้ (ยิ้ม)
ทุกวันนี้ทรายดีใจที่มีคนมองว่าเราเป็นไอคอนของสาวอวบ คืออาจจะไม่ค่อยมีสาวอวบออกมาทำอะไรแบบนี้ด้วยมั้งคะ ส่วนใหญ่เขาก็จะมาถามเรื่องการแต่งตัว อยากจะแต่งตัวแบบนั้นแบบนี้แต่ไม่มั่นใจ แต่ทั้งหมดทั้งมวลต้องอยู่ที่เขาด้วย ถ้าเขาไม่กล้ามันก็จะทำไม่ได้ เพราะถ้าเราบอกให้เขาไปแต่งตัวแบบนั้นแบบนี้นะ ถ้าเขาไม่มั่นใจเขาก็ไม่กล้าแต่งออกไปข้างนอกอยู่ดี มันก็แล้วแต่สไตล์ด้วยจะให้มาเลียนแบบตามเราเป๊ะๆ ก็ไม่ใช่ ก็ต้องดูว่าชอบแต่งตัวแบบไหนก็แล้วแต่ว่าถ้าแต่งออกมาแล้วเราชอบตัวเองแบบไหน
ใครที่รู้สึกว่าตัวเองอ้วนก็อย่าเพิ่งหมดความมั่นใจ ใครที่จะมุ่งไปเรื่องลดน้ำหนัก ออกกำลังกายหรืออะไรต่างๆ อันนั้นเราก็สนับสนุนเหมือนกันตอนนี้ก็เรียกว่าหุ่นแบบไหนก็ให้มีความมั่นใจ ที่สำคัญคือต้องมีความสุขในชีวิตด้วย
สุดท้ายทรายก็อยากให้เสพแต่สิ่งดีๆ ที่ทรายทำอันไหนไม่ดีก็อย่าไปทำตาม เพราะเราก็อยากเป็นไอดอลในด้านที่ดีให้กับหลายๆ คนค่ะ
เรื่อง : วรัญญา งามขำ และธัญลักษณ์ อุ่มเจริญ
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์ และ เฟซบุ๊ก Benjaporn Chetsadakan